ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ สือเทียงเฉิง เจ้าไม่เห็นแก่หน้าข้าเลยหรือไง? ” มีเงาดำพุ่งตรงออกมาจากตรอกมืด กำปั้นของมันพุ่งตรงเข้าที่หัวของสือเทียงเฉิง กำปั้นนี้มีความแข็งแกร่งอย่างน้อยเท่ากับวัว 70 ตัว ซึ่งเทียบเท่าได้กับหมัดของสือเทียงเฉิง สือเทียงเฉิงไม่ต้องการที่จะรับหมัดนั้นโดยตรง เขาเบี่ยงตัวไปด้านข้างเพื่อหลบหมัดของสือคงหยู… ใช่แล้วผู้ที่ปรากฏตัวออกมานั้นคือ สือคงหยู!
สือคงหยูยืนอยู่ข้างหน้าของซวนหยวนเพื่อที่จะปกป้องเขา ดวงตาของเขาเป็นประกายและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ดี ดี ซวนหยวน เจ้ารักษาคำพูดที่จะมาที่นี่ เจ้าไม่ต้องกังวล ถึงแม้เจ้าจะฆ่า เจิ้งเฟิง เจ้านั้นมีค่ามากกว่ามันนับร้อยนับพันเท่า ตราบที่เจ้าจะเข้าสำนักจันทร์พฤกษา มัดกล้ามของสือคงหยูมีขนาดใหญ่ เสียงของเขาค่อนข้างหนักแน่น เขาหัวเราะออกมาด้วยเสียงที่ดังกังวาน ทำให้หน้าของสือเทียงเฉิงมืดคล้ำลง
“สือคงหยู พวกเราทั้งคู่มาจากหมูบ้านสือด้วยกัน ทำไมเจ้าถึงกล้าทรยศพี่น้องที่มาจากหมูบ้านเดียวกันเพราะคนนอก ห๊ะ? ” สือเทียงเฉิงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“พูดจาไร้สาระ หนุ่มน้อยคนนี้ บอกพวกเจ้าไปแล้วว่าได้รับคำเชิญจากข้าและน้องสาวเพียวซู่ แต่เจิ้งเฟิงก็ยังต้องการที่จะเอาชีวิตเขา แล้วทำไมตัวข้าถึงต้องสนใจเมื่อมันตกตายด้วย? ไปกันเถอะ สำนักจันทร์พฤกษาเห็นคุณค่าของความแข็งแกร่งเท่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าก็เปรียบได้กับพวกเราแล้ว! ” สือคงหยูหัวเราะอีกครั้ง เขาคว้าแขนของซวนหยวนและเดินจากไป สือเทียงเฉิงไม่กล้าที่จะหยุดพวกเขา เพราะเขาไม่มีเหตุผลมากพอที่จะทำมัน
“ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือพี่ชายคงหยู ” ซวนหยวนยิ้มและผิวปาก “กู่ฉิง ไปกันเถอะ”
ผู้คนบนท้องถนนต่างประหลาดใจ และไม่เข้าใจว่าทำไม เด็กต่ำต้อย ถึงได้มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักสู้ในขอบเขตจอมยุทธ์เฉกเช่นสือเทียงเฉิงและสือคงหยู
หน้าตาของสือเทียงเฉิงตอนนี้อัปลักษณ์มาก เขาเดินไปที่ศพของเจิ้งเฟิง ก่อนที่จะหันหลังและเดินจากไป เหมือนกับว่าเขากำลังว่าแผนบางอย่าง
ใบหน้าของเย่วจือนั้นซีดขาว เขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเอง เมื่อพวกเขาเข้าสำนักเดียวกัน เขาได้กลายเป็นศัตรูกับซวนหยวนอย่างชัดเจน
เย่วหรงตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นางไม่คิดเลยว่ามันจะจบเช่นนี้ ซวนหยวนสามารถฆ่านางได้ในวันอื่น ที่นางยังรอดอยู่ได้เป็นเพราะเขาไม่สนใจที่จะฆ่าคนที่ไม่ได้ทำผิดต่อเขา แต่นางยังคงไม่สามารถลืมความอัปยศที่นางได้รับมา
___________________________________
กลางเมืองจันทร์ลาย
บนเวทีสูงที่ทำจากหินยักษ์ มีชายและหญิงนั่งอยู่ พวกเขาคือศิษย์อันดับหนึ่ง เย่วเถิง และศิษย์อันดับสอง เหยียนซือหยุน หลิวเพียวซู่นั่งถัดจากนาง ถัดจากเย่วเถิง มีบางคนกระซิบอยู่ข้างหูของเขา เย่วเถิงมวดคิ้วเมื่อได้ยินในสิ่งที่เกิดขึ้น
ด้านล่างเวทีนั้นเต็มไปด้วยผู้คน
บนเวทีคือผู้ที่ถูกคัดเลือกแล้วว่าเป็นศิษย์ภายใน น้อยกว่าสิบคนที่เหลืออยู่จะถูกคัดเลือกโดยการทดสอบ พวกเขาได้คัดเลือกศิษย์มากมายในเดือนที่ผ่านมา
ผู้สมัครจะต้องต่อแถวขึ้นไป เพื่อที่จะต่อยแท่นหินและผ่านการทดสอบ แท่นหินสูงสามเมตรและกว้างเกือบสองเมตร ชายคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าและต่อยไปที่แท่นหิน มีแสงเปล่งออกมา แต่มันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
“ความแข็งแกร่งเท่ากับวัว 9 ตัว มีโอกาสที่เจ้าจะเข้าสู่ขอบเขตนักรบ เราจะนำเจ้าเข้ามาในฐานะศิษย์สายนอก” เย่วเถิงกล่าวขึ้นเมื่อเขาเห็นผลการทดสอบ ชายคนนั้นมีความสุขมาก เขาโค้งคำนับให้กับเย่วเถิง
“ขอบคุณพระคุณมาก ศิษย์พี่ใหญ่”
ไม่ช้าเขาก็ถูกนำตัวไปข้างล่างโดยหนึ่งในข้ารับใช้ของเย่วเถิง
ชายอีกคนก้าวไปข้างหน้า หมัดของเขากระแทกกับแท่นหินทำให้เกิดแสงสดใสรอบๆแท่นหิน แต่มันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
“ วัว 18 ตัว ไม่เลว มีศักยภาพดีและมีโอกาสเข้าสู่ขอบเขตจอมยุทธ์ ไปเก็บของของเจ้า เจ้าจะได้ไปที่สำนักในฐานะศิษย์สายใน” เย่วเถิงกล่าวอย่างเย็นชา
สือคงหยูนำซวนหยวนขึ้นไปบนเวที ซวนหยวนมองไปยังเย่วเถิงและเหยียนซือหยุนที่นั่งอยู่ตรงกลางและเหล่าศิษย์ภายในเกือบหนึ่งโหลที่ยืนอยู่ข้างพวกเขา เขาสัมผัสได้ว่าหลิวเพียวซู่ยิ้มให้เขา
“ซวนหยวน นี่คือแท่นหินที่จะทดสอบความแข็งแกร่งและศักยภาพของเจ้า เจ้าเพียงแค่ต่อยไปที่มันด้วยแรงทั้งหมด” สือคงหยูแนะนำ
ซวนหยวนพยักหน้า
ไม่นานก็ถึงตาของเขา
“ ดู นั่นคือเด็กที่ถูกแนะนำโดยศิษย์พี่ใหญ่ ได้ยินว่ามันแข็งแกร่งมาก มีข่าวลือว่ามันแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักสู้ขอบเขตจอมยุทธ์ ”
” ข้าสงสัยว่า เขาแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร? ”
หลังจากได้ยินที่ผู้คนกระซิบกัน สือคงหยูพึมพำกับตัวเอง
“ถ้าศิษย์พี่หญิงรองไม่ได้รับศิษย์ที่อยู่ขอบเขตจอมยุทธ์ในเวลานี้ นางอาจจะถูกศิษย์พี่ใหญ่ทำร้ายอีกครั้ง
ซวนหยวนตระหนักถึงปัญหาในครั้งนี้ ความจริงเกี่ยวกับการทำสอบในครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับอำนาจในสำนักจันทร์พฤกษาของศิษย์อันดับหนึ่งและอันดับสอง
ชายหนุ่มที่ถูกแนะนำโดยเย่วเถิงปล่อยหมัดออกไปด้วยแรงทั้งหมดของเขา ทำให้เกิดเสียงดัง ปั้ง!! แสงที่เปล่งประกายออกมาจากแท่นหินมากกว่าของผู้สมัครคนอื่นรวมกันเสียอีก แส่งกระจายไปทั่วทุกทิศประมาณ 10 เมตร และยังคงอยู่เป็นเวลานาน
เย่วเถิงพยักหน้าและยิ้ม
“ ดีมาก วัว 64 ตัว ทำได้ดี ”
ปกติจุดสูงสุดขอบเขตนักสู้คือเทียบเท่ากับวัว 9 ตัว ขอบเขตนักรบคือวัว 36 ตัว และขอบเขตจอมยุทธ์คือ 99 ตัว ถ้า ถ้าหากคนผู้หนึ่งมีความก้าวหน้าและสามารถเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณ ความแข็งแกร่งของเขาจะเทียบได้กับมังกร พลังระดับมังกรเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่เข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณ
“ข้าคงไม่แข็งแกร่งเช่นนี้ หากไม่ได้รับคำแนะนำจากศิษย์พี่เย่วเถิง” ชายหนุ่มคนนี้มีความหล่อเหลาเป็นอย่างมาก และเสียงของเขาก็แสดงถึงความภูมิใจ เขาก้าวลงมาหลังจากกล่าวชม เย่วเถิง ที่เป็นผู้สั่งสอน
เหยียนซือหยุนนางงดงามเป็นอย่างมาก ด้วยความงดงามของนาง ทำให้นางเป็นที่ชื่นชอบต่อผู้ที่พบเห็น อย่างไรก็ตามนางแสดงออกถึงความไม่พอใจในตอนนี้ เหยียนซือหยุนไม่คิดว่าเย่วเถิงจะรับศิษย์จากเมืองพระอาทิตย์จอมยุทธ์หนุ่ม หง ฉื่อ มาด้วย”
สือคงหยูวางมือไว้บนไหล่ของซวนหยวน “ ไปเลยเจ้าหนุ่ม ไปแสดงให้พวกเขาเห็น ”
เขาหยักหน้าและก้าวเดินออกไป หลายคนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
“ นั่นเขา! เขาคือเด็กหนุ่มที่ฆ่าเจิ้งเปิง เขาสามารถรับการโจมตีจากสือเทียงเฉิงโดยไม่ถูกฆ่า”
“แล้วยังไง เขาไม่มีอะไรเทียบกับชายหนุ่มก่อนหน้านี้ ผู้ซึ่งถูกลิขิตให้สามารถเข้าสู้ขอบเขตจิตวิญญาณได้”
“ ก็จริง เจ้าคนต่ำต้อยเช่นนี้ ไม่สามารถเทียบกับนายน้อยแห่งเมืองพระอาทิตย์ได้หรอก ”
ซวนหยวนไม่ได้สนใจคนเหล่านี้
“เฒ่าโลภมาก เคยบอกว่าถ้าข้ายังไม่แข็งแกร่งพอ ห้ามโอ้อวดเป็นอันขาด”
ซวนหยวนก้าวไปข้างหน้าและจำกัดพลังของเขาไว้ต่ำที่สุด เขาใช้ “อำนาจมังกรสวรรค์” โจมตีไปที่แท่นหิน เขาใช้เพียงพลังทางกายภาพของเขาเท่านั้น
ปั้ง!!!
แสงสว่างพาดผ่านอากาศ แสงนั่นกระจายตัวไปรอบๆ และคงอยู่นาน ก่อนจะหายไป
สือคงหยู หัวเราะ
“ ดีมากซวนหยวน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีความแข็งแกร่งถึงวัว 54 ตัว เจ้ามีความสามารถมากยิ่งนัก ใครจะคิดละว่าขอบเขตนักรบเช่นเจ้าจะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าวัว 54 ตัว? ”
ทันใดนั้น เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าที่งดงามของเหยียนซือหยุน นางเหลือบมองไปที่ เย่วเถิง ผู้ซึ่งตอนนี้มีใบหน้าที่ดำมืด นางลุกออกจากที่นั่ง
“ นี่คงเป็นเด็กหนุ่มที่เจ้าเล่าให้ข้าฟังก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่ สือคงหยู? เจ้าคงจะเป็น ซวนหยวน ใช่หรือไม่? เป็นพรสวรรค์ที่น่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าขอโทษ แต่ข้าคงต้องให้เขามาอยู่กับข้า คงได้สินะ ศิษย์พี่ใหญ่? ” เหยียนซือหยุ่นเคลื่อนตัวไปที่ซวนหยวน นางวางมือลงบนหัวของเขา นางอยู่ในอารมณ์ที่ดีมากตอนนี้
เย่วเถิงไม่ได้ตื่นตระหนกใดๆ เขาได้รับรู้เกี่ยวกับซวนหยวนจาก เทียงเฉิง และคิดว่าทุกอย่างงอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
“ตามคำสั่งของสำนัก จะให้ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดประลอง เพื่อทดสอบความสามารถ”
เหยียนซือหยุนกล่าวอย่างเย็นชา “ศิษย์พี่ใหญ่ นี่จะไม่เป็นการกลั่นแกล้งซวนหยวนหรือ? เขามีความแข็งแกร่งเพียงแค่วัว 54 ตัว และยังเป็นอยู่ในขอบเขตนักรบ เขาจะสามารถ หง ฉื่อ ได้อย่างไร? ”
เย่วเถิง หัวเราะ “ งั้นเจ้าก็ยอมรับแล้วสินะ ว่าน้องชายซวนหยวน ไร้ความสามารถถ้าเทียบกับศิษย์ของข้า ขอบใจสำหรับคำชมเชย ศิษย์น้องหญิง ฮ่า ๆ ๆ ”
เหยียนซือหยุน ยิ้ม
“แน่นอนพวกเขาจะประลองกัน แต่ต้องหลังจากที่พวกเรากลับไปที่สำนัก มันจะยุติธรรมหากการประลองมีผู้อาวุโสและเจ้าสำนักเป็นพยาน”
“เป็นไปไม่ได้ การประลองจะต้องเกิดขึ้นตอนนี้ หรือไม่ก็ไม่มีเลย ไม่ใช่ทุกสิ่งที่อยู่ในการดูแลของผู้อาวุโสหรือเจ้าสำนัก ศิษย์น้องหญิง เจ้าเป็นเพียงแค่ผู้หญิงเจ้าไม่สามารถต่อรองได้! ”เย่วเถิงตอบ เขาเน้นย้ำ เพราะไม่ต้องการเสียความได้เปรียบ เมื่อตอนที่พวกเขากลับสำนัก ซวนหยวนทำให้เขามีความรู้สึกแปลกๆ สำหรับความแข็งแกร่งที่ทะลุเกิดขอบเขตนักรบไปมากของซวนหยวน มีบางคนที่มีร่างกายที่พิเศษเท่านั้นที่จะบรรลุได้
เหยียนซือหยุนกำลังงจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ซวนหยวนเร็วกว่า
“หยุดพล่ามได้แล้ว ข้าจะสู้กับเขา” เขาทำให้เหยียนซือหยุน และสือคงหยูประหลาดใจ ศิษย์ของเย่วเถิงอยู่ในขอบเขตจอมยุทธ์และมีพลังมากกว่าเขาถึงวัว 10 ตัว ขอบเขตจอมยุทธ์ได้รับการกลั่นกระดูกของพวกเขา นั่นทำให้ซวนหยวนเสียเปรียบเป็นอย่างมาก
เย่วเถิงไม่ได้คาดหวังว่าซวนหยวนจะตอบรับความพ่ายแพ้ของตัวเอง เขาหัวเราะ “ยอดเยี่ยม น้องชายซวนหยวน เอาอย่างที่เจ้าต้องการ หง ฉื่อ ไปดูแลน้องชายซวนหยวนของเจ้าซะ! ”
เหยียนซือหยุนสูญเสียรอยยิ้ม นางรู้ว่ามันสายเกินไป ทำไมซวนหยวนถึงได้จองหองขนาดนี้? เด็กหนุ่มเช่นเขาไม่สามารถความคุมตัวเองได้เลยหรือไง!!