ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปมันไม่มีอุปสรรค์ใหญ่ใดๆ ที่มาขวางในชั้นแรกของรัง ต่ง เซวียน และลวี เฟิงปกป้องพวกเขา สัตว์อสูรมายาหลายตัวถูกฆ่าตายในทันทีโดยสองนักสู้ขอบเขตกษัตริย์ แม้ว่าสัตว์อสูรส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับจอมยุทธ์ แต่ความแข็งแกร่งของมันนั้นแตกต่างกับพวกเขามาก สัตว์อสูรที่พวกเขาเผชิญหน้าก่อนหน้านี้ล้วนอ่อนแอ
ในชั้นแรกของรังนั้นสัตว์อสูรมายาราวๆ 1 หมื่นตัวถูกฆ่าตาย ซวนหยวนได้ผลึกอสูร 72 ผลึก จากการเก็บเกี่ยวครั้งนี้
ต่ง เซวียน และลวี เฟิงพวกมันไม่ต้องการผลึกอสูรอีกแล้ว ดังนั้นพวกมันจึงให้ผลึกอสูรทั้งหมดของมันให้กับซวนหยวน ด้วยความหวังว่าซวนหยวนจะแนะนำพวกเขาให้กับนิกายเมื่อซวนหยวนมีอำนาจมากขึ้น แน่นอนซวนหยวนไม่มีความละอายเมื่อเงินมันมาหาเขาเอง เขามีความสุขและยอมรับสินบนของพวกมัน
แผนของต่ง เซวียน คือ ขอให้ซวนหยวนยกโทษให้พวกเขาต่อหน้าทุกคนที่กำลังจับตามองดูอยู่ ดังนั้นเขาก็จะลดความระมัดระวังลงเมื่อพวกมันกำลังปฏิบัติตามแผนการของพวกมัน จากนั้นต่ง เซวียน และหง ยื่อจะแยกทางและไปดักซุ่มโจมตีซวนหยวน เพื่อบังคับให้เขาลงไปในระดับชั้นลึกๆของรัง
ในชั้นแรกของรัง ศัตรูนั้นอ่อนแอมาก แต่เมื่อเข้าสู่ชั้นที่สอง มันจะมีสัตว์อสูรมายาจำนวนมาก เช่น ปีศาจปอบขาวมันมีความแข็งแกร่งมาก ความแข็งแกร่งของมันเท่ากับนักสู้ระดับจอมยุทธ์ขั้นสูง
เมื่อพวกเขามาถึงชั้นที่สอง
มันไม่ได้มีลักษณะแตกต่างกับชั้นก่อนหน้านี้มากนัก หญ้าก็ยังคงเรืองแสงรำไร พืชมายามันกำลังเติบโตทุกที่ และมีสัตว์อสูรมายาจำนวนมากซุ่มโจมตีอยู่รอบๆในเงามืด
สิ่งที่แตกต่างคือสิ่งมีชีวิตในชั้นนี้มีความหน้ากลัวมากขึ้นและทรงพลังมากขึ้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความชั่วร้าย บรรยากาศชั่วร้ายนั้นเหมือนเป็นแหล่งพลังงานของเผ่าปีศาจมายา แต่มันเป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์อสูรทั่วๆไป สัตว์อสูรมายาทุกตัวครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสัตว์อสูรทั่วๆไปที่มันกลายเป็นสัตว์อสูรมายานั้นเพราะมันปนเปื้อนไปด้วยบรรยากาศที่ชั่วร้ายนี้
ภารกิจที่ได้รับคือการฆ่าสัตว์อสูรร้ายเหล่านี้ภายในรัง
การต่อสู้เกิดขึ้นอีกครั้งโดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ
ต่ง เซวียน และลวี เฟิงอยู่ด้านหน้าของกลุ่ม ดาบของพวกมันแผ่ไอเย็นออกมาและก็มีแสงจันทร์ตัดผ่านสิ่งมีชีวิตในทางด้านหน้าของพวกเขา
ซวนหยวนเลือกใช้อาวุธกริชสนิมของเขา เขาได้ยินเสียงของเฒ่าโลภดังกังวานในจิตใจของเขา “ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามันให้มากที่สุด พลังของข้าจะได้ฟื้นฟูคืนได้เร็วยิ่งขึ้น นี่มันยังไม่เพียงพอ ตอนนี้เจ้าต้องไปหาศิลานักสู้ให้ข้าเยอะๆ หยกและคริสตัล ไปชั้นที่สามและดูว่ามันมีอะไรบ้างในชั้นที่สาม…”
ซวนหยวนรีดดวงตาของเขา รองเท้าเมฆาเหินหาวทำให้ซวนหยวนนั้นเดินโลดเเล่นผ่านอากาศเหมือนมังกรบิน รวดเร็วและเบา ด้วยกริชที่คมอย่างเหลือเชื่อของเขา มันสามารถเชือดสัตว์อสูรมายาในด้านหน้าของเขาไปทีละตัว ทีละตัว
เขาฆ่าสัตว์อสูรมายาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
การต่อสู้ในรังชั้นที่สองนั้นเหน็ดเหนื่อยและยากกว่าชั้นก่อนหน้านี้มาก สัตว์อสูรโจมตีใส่พวกเขาจากทุกทิศทาง แม้ศิษย์แท้จริงจะปกป้องพวกเขา แต่ก็มีศิษย์ภายในหลายสิบคนก็ถูกพวกมันฆ่า
เมื่อซวนหยวนฆ่าพวกมัน 37 ตัวเสร็จ ก็มีพลังบางอย่างที่น่ากลัวพุ่งเข้าใกล้ด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็ว
เขารู้สึกว่าหนังศีรษะของเขาจะชา เขาหันไปรอบๆและทะลวงมันด้วยกริชของเขา ทันใดนั้นตาสีแดงจ้องมองมาที่เขา ใบหน้าของมันเน่าเปื่อยและมือที่มีความแหลมคม กรงเล็บยาว มันเป็นปีศาจมายา “ปีศาจปอบขาว” ความแข็งแกร่งของมันเท่ากับมังกร ด้วยร่างสีของมัน ผมสกปรก และเนื้อหนังที่เน่าเปื่อย มันเป็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียน
ในขณะที่ซวนหยวนแทงกริชไปที่ปีศาจปอบขาว ในขณะที่เสื้อผ้าของเขาถูกฉีกขาดจากกรงเล็บที่แหลมคมของมัน แต่เขาไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เพราะเขามีเกราะสำหรับป้องกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า , ซวนหยวน เจ้าเก็บผลึกทั้งหมดมาจากสัตว์อสูรมายาที่ถูกเจ้าฆ่า ข้าจะเอาแก่นแท้ของสัตว์อสูรมายา ข้าจะกลืนกินพลังของพวกมัน!”
สนามรบที่เต็มไปด้วยซากศพ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบจำนวนสัตว์อสูรมายาที่ถูกฆ่าตายและผลึกอสูรอยู่ข้างในศพ ดังนั้นซวนหยวนไม่ได้ถกเถียงกับเฒ่าโลภมาก
ปอบสีขาวถูกแช่แข็งเมื่อกริชแทงเข้าไปที่หัวใจของมัน แก่นแท้ของความแข็งแกร่งทั้งหมดถูกดูดกลืนโดยกริช มันไม่มีอะไรเหลือเลย นอกจากร่างที่ว่างเปล่า
ปีศาจปอบขาวตัวอื่นพุ่งเข้าไปหาซวนหยวน แต่ซวนหยวนนั้นไม่ได้หนี และเขาใช้ทักษะ “กำปั้นมังกรสวรรค์” รวมกับพลังกลั่นผิว กล้ามเนื้อ และกระดูกของเขา แล้วเจาะรูผ่านร่างกายของปีศาจปอบขาว สัตว์อสูรมายา และทำให้มันตกตายลง
ในทางกลับกัน พลังของเหยียน ซือหยุนเพิ่มขึ้นเพราะอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณขั้นสูงสุด กงล้อดวงจันทร์ นางแกว่งกงล้อดวงจันทร์และตัดผ่านสัตว์อสูรมายาในด้านหน้าของนาง ทำให้พวกมันแยกเป็น 2 ส่วน
รังชั้นที่ 2 เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของเลือด
การต่อสู้จบลงเมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้กับประตูทางลงไปชั้นที่ 3 พวกเขาต่อสู้เป็นเวลา 12 ชั่วโมง
ร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นกำลังดูดซับบรรยากาศชั่วร้าย และเปลี่ยนเป็นพลังงานให้กับร่างกาย ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นพลังของซวนหยวนคงจะหมดไปนานแล้ว
สัตว์อสูรมายาเกือบ 4 หมื่นตัวที่ถูกฆ่าตาย ในจำนวนนั้นมีปีศาจปอบขาวจำนวนมาก และมีศิษย์ภายในหลายร้อยคนถูกพวกมันฆ่า
แต่ก็มีศิษย์ที่อยู่บนจุดสูงสุดจำนวนมากสามารถก้าวผ่านไปยังขอบเขตจิตวิญญาณระหว่างสู้รบ สือ คงหยู และ หลิว เพียวซู่เป็นหนึ่งในกลุ่มพวกเขา
ซวนหยวนถอนหายใจและมองไปที่ซากศพ
“โชคดีที่เหล่าปีศาจปอบขาวมันมีร่างกายอย่างเดียวที่แข็งแกร่งเท่านั้น และมันไม่รู้ทักษะใดๆเลย มิเช่นนั้นคนจำนวนมากคงจะถูกพวกมันฆ่าตาย ”
ความแข็งแกร่งของซวนหยวนเพิ่มขึ้น จาก 172 วัว เป็น 178 วัว หลังจากการต่อสู้ 12 ชั่วโมง การเชื่อมต่อระหว่างผิว เนื้อ และกระดูกของเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่เขารู้ว่านั้นมันยังไม่ใช่ขีดจำกัดความแข็งแกร่งของเขาในขอบเขตนี้
กู่ฉิงพลังเพิ่มขึ้นเป็น 99 วัว มันปลดปล่อยและดูดซึมพลังของผลึกอสูรภูติหมาป่าในระหว่างการต่อสู้ กู่ฉิงนั้นได้รับบาดเจ็บและเลือดของมันปนเปื้อนกับขนสีเงินของมัน ซวนหยวนหยิบยาที่เขาซื้อและรีบมอบให้กับกู่ฉิงอย่างรวดเร็ว เลือดของมันหยุดไหลอย่างรวดเร็วและเริ่มที่จะฟื้นฟู
“พวกเราควรจะพักผ่อนก่อนที่จะลงไปชั้นถัดไป ศิษย์หลายคนไม่สามารถที่จะมุ่งหน้าไปต่อได้แล้ว” ซวนหยวนกล่าวบอกกับต่ง เซวียน และลวี เฟิง
“นายน้อยพูดถูก” พวกมันกล่าว และหยิบผลึกสูรระดับจอมยุทธ์จำนวน 180 อัน และผลึกอสูรระดับจิตวิญญาณ 10 อันที่ได้มาจากปีศาจปอบขาวและส่งมอบมันให้กับซวนหยวน ซวนหยวนไม่อายที่จะยอมรับของขวัญ เขายอมรับของติดสินบนและกล่าวว่าเขาจะจดจำพวกมันเมื่อข้าเข้าสู่นิกาย
ต่ง เซวียน และลวี เฟิงยิ้ม แต่เย่วเถิง และเย่วชานไม่พอใจที่เห็นว่า พวกเขามอบผลึกอสูรทั้งหมดให้กับซวนหยวน
“ศิษย์พี่ ผลึกเหล่านั้นมันเป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกท่านฆ่าสัตว์อสูรมายา หรือว่าท่านเริ่มที่จะพึงพอใจที่จะมอบให้กับมัน?”
ต่ง เซวียน ที่รำคาญเย่วเถิงนั้น เขากล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “เมื่อมันตาย พวกข้าก็จะได้ของกลับคืนมา เจ้าไม่คิดหรือว่าข้าจะให้ของมันโดยไม่มีความหมายอะไร?”
เมื่อรู้แผนการของต่ง เซวียน เย่วเถิงก็ยิ้ม “ถูกต้อง พวกเราจะได้รับทุกอย่างเมื่อมันตาย ให้มันดีใจไปก่อนตอนนี้ “
พวกเขาพักผ่อนเป็นเวลา 4 ชั่วโมง เมื่อพักผ่อนเสร็จศิษย์ที่เหลือจำนวน 800 คนมุ่งหน้าไปยังชั้นที่ 3 ของรัง