I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Devouring The Heavens ตอนที่ 33 ดาบมังกรวารีแผลงฤทธิ์

| Devouring The Heavens | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ส่วนที่สามของรังนั้นเป็นพื้นที่ราบที่กว้างใหญ่ และมีแม่น้ำสุดลูกหูลูกตา มีพืชมายามากมายเติบโตไปเกือบทุกที่ แต่ก็ยังมีแสงจากหญ้าเรืองแสงเป็นจำนวนมาก

 

บรรยากาศชั่วร้ายหนาแน่นกว่าพื้นที่ก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก ศิษย์ภายในมากมายไม่สามารถที่จะทนต่อมันได้นานนัก ดังนั้นศิษย์แท้จริงจึงสั่งให้พวกเขากลับไปที่สำนักและไปแลกรางวัลจากจุดรับรางวัล เพราะพวกเขาไม่สามารถต่อสู้ได้นานในสภาพแวดล้อมแบบนี้ พวกเขาจะกลายเป็นเพียงภาระของกลุ่มเท่านั้น

 

ศิษย์ 400 คนถูกส่งกลับไป ส่วนผู้ที่ยังอยู่ส่วนใหญ่จะอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตจอมยุทธ์ ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าวัว 90 ตัว พวกเขาจะกลายเป็นนักสู้ขอบเขตจิตวิญญาณในที่สุด

 

ในพื้นที่ชั้นนี้ให้ความรู้สึกที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ความรู้สึกที่อันตรายกำลังคืบคลานมาจากทุกที่ เสียงของซวนหยวนดังกึกก้อง “ ทุกคนจงฟัง! พวกเจ้านั้นเคยผ่านการต่อสู้มาพอสมควรแล้ว สงครามมีเพียงรอดหรือไม่ก็ตกตายไป ศักยภาพของพวกเจ้าจะเป็นตัวผลักดันให้ก้าวข้ามขีดจำกัด พวกเจ้าหลายคนนั้นมีศักยภาพมากพอที่จะก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณ ถ้าพวกเจ้าไม่มีความมุ่งมั่นมากพอที่จะก้าวไปข้างหน้าหรือ พึ่งพอใจกับการอยู่เพียงแค่ขอบเขตจอมยุทธ์ จงออกไปเสีย พวกเจ้าจะจากไปหรือจะอยู่เพื่อต่อสู้ มันก็แล้วแต่ตัวพวกเจ้า? ”

 

เสียงอันดังกึกก้องของซวนหยวนกระตุ้นให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้น ถ้าคำพูดเหล่านี้มาจากปากของศิษย์คนอื่น ศิษย์เหล่านั้นจะคิดเพียงว่าเป็นการดูถูกพวกตน แต่พวกเขานั้นเชื่อซวนหยวนอย่างสุดหัวใจ เขาเป็นคนที่มีความกล้าหาญอย่างที่หลายๆคนนั้นไม่มี และยังเป็นคนที่ เฟิง เลี่ย ยังยอมรับ เพราะนั้นพวกเขาจึงเชื่อมั่นในตัวของซวนหยวน

 

“ อยู่และสู้!!” เสียงตะโกนของเหล่าศิษย์ทั้งหลายดังกึกก้องไปทั่ว พวกเขาฮึกเหิมเป็นอย่างมาก เลือดนักสู้ของพวกเขาสูบฉีด ไม่มีคนไหนที่ยังพอใจกับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของตัวเอง

 

“ ยอดเยี่ยม! ถ้างั้นไปยังส่วนต่อไป ” ซวนหยวนได้กลายเป็นผู้นำในทันที ทำให้ ต่ง เซวียน และ ลวี เฟิง อึดอัดมาก

 

“ หึ เราจะให้มันมีความสุขต่อไปอีกเล็กน้อย เมื่อพวกเราไปถึงชั้นที่ 4 และ 5 จะมีเหตุผลมากมายที่มันจะต้องร้องไห้ เมื่อมันประสบพบความตายด้วยตัวเอง ”

 

“ทั้งหมดจะเป็นไปตามแผน เมื่อไปถึงส่วนลึกของรัง ในช่วงที่ศิษย์พี่ ต่ง เซวียน และ ลวี เฟิง ติดพันอยู่กับการต่อสู้ และทิ้งมันไว้คนเดียว ซวนหยวนมันเป็นเพียงแค่นักสู้ขอบเขตจอมยุทธ์เท่านั้น แต่ด้วยความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยของมัน มันจะต้องตกตายที่นี่อย่างแน่นอน และมันจะไม่สามารถอวดดีไปได้อีกนาน ” เย่ว ชาน คิด

 

ศิษย์คนอื่นๆที่ได้รับการกระตุ้นจากซวนหยวนต่างมุ่งไปข้างหน้าเหมือนกับน้ำตกที่ไหลเชี่ยว

 

“ ฮ่า ฮ่าๆ กล่าวได้ดี นายน้อยซวนหยวน ท่านจะต้องมีอนาคตที่สดใสในนิกายแน่นอน พวกเราทุกคนยินดีที่จะรับใช้ท่าน ” ลวี เฟิงประจบซวนหยวนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นคนอื่นจะไม่กล่าวหาเขาหลังจากที่ซวนหยวนตาย

 

“ ถูกต้อง เมื่อถึงตอนนั้น คงจะเป็นเกียรติอย่างมากถ้าได้เข้าไปรับใช้ท่านในนิกาย ” เย่ว เถิง กล่าวเสริม

 

เหยียนซือหยุนหัวเราะคิกคัก และกระซิบข้างหูด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ ระวังตัวให้มาก ศิษย์น้องซวนหยวน พวกเขาจะต้องมีแผนการบางอย่าง ”

 

ซวนหยวนคว้าเอวของเหยียนซือหยุนไว้แต่ไม่ได้กล่าวอะไร แต่แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะที่ดังของเขา “ ไม่มีปัญหา เย่ว เถิง ข้าจะพาเจ้าไปในฐานะคนรับใช้ ดังนั้นเจ้าสามารถไปที่นิกายกับข้าได้ ”

ทันใดนั้น ซวนหยวนเห็นแสงสีขาวทั่วทุกทิศในขอบเขตการมองเห็นของเขา เขาพยายามที่จะเพ่งมองและมันทำให้หัวใจของเขาเต้นถี่รัว

 

มันคือฝูงปีศาจปอบขาว มันกำลังมุ่งหน้าเข้ามาในรูปแบบสี่เหลี่ยม และแต่ละสี่เหลี่ยมมีอย่างน้อย 100 ตัว ปีศาจปอบขาวแต่ละตัวมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยเทียบเท่ากับมังกร 1 ตัว บางตัวในนั้นอาจจะแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมังกร 2 หรือ 3 ตัวเลยทีเดียว

 

ซวนหยวนลืมหายใจไปชั่วขณะ ปีศาจปอบขาวหนึ่งหมื่นตัวและพวกมันทั้งหมดเปี่ยมไปด้วยพลัง พวกศิษย์ที่เหลือมีทั้งยุทธภัณฑ์และอาวุธที่มีศักยภาพ พวกเราอาจจะเอาชนะพวกมันได้แต่จะต้องแลกมาด้วยความยากลำบากและการนองเลือด

 

แต่เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้ว ไม่อาจที่จะย้อนกลับไปได้ ซวนหยวนกระโดดลงจากกู่ฉิงและมองไปที่เหยียนซือหยุน “ ซือหยุน อยู่กับกู่ฉิงและปกป้องมันด้วย ถ้ามันอยู่ลำพังมันจะต้องตายแน่นอน ”

 

เขาหันไปรอบๆและตะโกน “ ทุกคน! ตามข้ามา! ”

 

เวลานี้ ซวนหยวนไม่ได้ใช้กริชของเขา เพราะเฒ่าโลภมากได้เตือนเขา “ อย่าให้คนอื่นล่วงรู้ถึงอำนาจของข้า จงใช้ดาบมังกรวารี ข้ายังสามารถดูดซับพลังของปีศาจปอบขาวได้ ”

 

เขานำดาบมังกรวารีออกมาและ มีแสงสีฟ้าเปล่งประกายออกมาจากตัวดาบ เสียงคำรามของมังกรดังออกมา ต่ง เซวียน และ ลวี เฟิง ที่ลอยอยู่กลางอากาศหรี่ตา

 

“ อาวุธจิตวิญญาณขั้นสูงสุด! ”

 

ซวนหยวนมีแม้กระทั่งอาวุธที่ทรงพลัง อาวุธที่ซวนหยวนมี ดีกว่าอาวุธของพวกเขาที่อยู่ในระดับเดียวกัน เป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างเกรียวกราด สักวันมันจะกลายเป็นยุทธภัณฑ์ระดับพสุธา

 

ยุทธภัณฑ์บางอย่างสามารถเป็นได้เพียงแค่อาวุธจิตวิญญาณระดับสูงสุดตลอดการใช้งานของมันเพราะข้อจำกัดในเรื่องวัตถุดิบ แต่บางชิ้นที่ทำมาจากวัตถุดิบชั้นสูง แม้ว่าบางทีมันอาจจะไม่ได้เริ่มต้นจากขั้นสูงสุด แต่มันสามารถเติบโตได้

 

มันก็เหมือนกับผลึกอสูร สัตว์อสูรบางตัวมี และบางตัวก็ไม่มี สำหรับตัวที่มี ก็จะมีศักยภาพเพียงพอที่จะเติบโตและแข็งแกร่งกว่าพวกที่ไม่มี

 

ต่ง เซวียน , วลี เฟิง และ เย่ว เถิง เกิดความโลภทันทีที่เห็นดาบนั่น มันทำมาจากกระดูกของมังกรวารีและราคาขั้นต่ำของมันอยู่ที่ 100,000 เหรียญจอมยุทธ์ ถ้าพวกเขาใช้ความพยายามสักหน่อย มันจะกลายเป็นยุทธภัณฑ์ระดับพสุธาขั้นต่ำได้ มันจะมีมูลค่านับล้านเหรียญจอมยุทธ์!

 

ซวนหยวนพุ่งเข้าไปในฝูงปีศาจปอบขาว เขากระตุ้นเหล่าศิษย์ภายในให้ติดตามเขา

 

“มังกรสวรรค์ดิ่งพสุธา!”

 

เขาบิดข้อมือของตัวเองและกระโดดขึ้นไปบนอากาศ ดาบของเขาเป็นเหมือนกับมังกรที่ทะยานลงมาจากท้องนภา มันตัดหัวปีศาจปอบขาวด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว

 

เขายืนอยู่กลางฝูงปีศาจปอบขาวและใช้ทักษะ “ มังกรสวรรค์พิโรธ ” จากทักษะ “หมัดสลายกระดูก” และแทนที่หมัดของเขาด้วยดาบ ปีศาจปอบขาวนับโหลถูกผ่าครึ่งด้วยดาบของเขา

 

เขาเป็นเหมือนมังกรที่กระหายเลือด ในขณะที่ดาบของเขาเริ่มกวัดแกว่งอีกครั้ง

 

“ มังกรเมฆาเหินหาว! ”

 

ความแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาจากผิวหนัง กล้ามเนื้อ และกระดูกของซวนหยวน พุ่งเข้าสู่ดาบ ปีศาจปอบขาวมากมายตกตายในแต่ละครั้งของการฟาดฟัน

 

แต่ก่อนที่เขาจะตอบสนองได้ทัน ปีศาจปอบขาว 6 ตัวก็ได้ล้อมเขาไว้ กรงเล็บของมันเปรียบเสมือนใบมีดที่แหลมคม มันชี้ไปที่ซวนหยวน สายตาของพวกมันมีแต่ความกระหายเลือด..

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments