ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ ผู้เชี่อมต่อโลกวิญญาณเท่านั้นถึงสามารถใช้มันได้ คนธรรมดาไม่มีทางได้สัมผัสรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ ไม่ใช่พลังจากโลกฝั่งนี้ แต่มันมาจากโลกวิญญาณ หรือ โลกลึกลับ
ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณจะย้ายจิตของตัวเองเข้าไปยังโลกวิญญาณและดึงรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณออกมาจากโลกฝั่งโน้นก่อนที่จะใช้มันเพื่อที่จะสามารถเชื่อมต่อกับโลกวิญญาณ จะต้องใช้อำนาจพลังวิญญาณสร้าง อาณาเขตโลกวิญญาณขึ้นมา
ในโลกฝั่งโน้นตราบใดที่สามารถสร้างอาณาเขตโลกวิญญาณขึ้นมาได้ พวกเขาก็จะสามารถเปิดประตูไปยังโลกวิญญาณ และยังสามารถดึงรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณออกมาได้ ดังนั้น สิ่งที่ ชูเฟิงควรทำในต้อนนี้คือใช้อำนาจพลังวิญญาณบีบอัดเพื่อสร้างอาณาเขตโลกวิญญาณนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด
พวกเขาต้องมีการควบคุมพลังวิญญาณที่มากพอและมันจะกลืนกินอำนาจพลังวิญญาณเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมันเหมือนกับการสร้างบ้านขึ้นมาด้วยพลังวิญญาณ ให้เป็นรูปร่างวัตถุ ซึ่งต้องใช้การควบคุมอย่างมากเพื่อกำหนดคุณภาพของบ้านที่จะสร้าง
‘ชูเฟิง’ สามารถใช้วิธีเหล่านั้นเช่นเดียวกัน เพื่อเปิดประตูเข้าสู่โลกวิญญาณ ดังนั้นเขาต้องสร้างอาณาเขตโลกวิญญาณของตัวเองขึ้นมา . . . . . .ในตอนนั้นเขาก็ต้องพบกับความประหลาดใจ ภายในโลกวิญญาณของเขา มีอาณาเขตโลกวิญญาณอยู่แล้ว
” นี่มันอะไรกันเนี่ย ? “
ณ ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ อยู่ในโลกวิญญาณของตัวเองมันเป็นดินแดนที่ดูไม่มีจุดสิ้นสุด กว้างใหญ่เหมือนกับอยู่ในห้วงอวกาศที่มีดวงดาวรายล้อม ยังไงก็ตาม แสงที่ส่องอยู่รอบๆตัวเขาไม่ใช่ดวงดาวแต่อย่างใด มันเหมือนกลุ่มก้อนพลังงาน
‘ชูเฟิง’ เดินอยู่ในอากาศ ซึ่งเขาสามารถเดินไปที่ไหนก็ได้ภายในนี้ ทุกซอกทุกมุม ที่เขาต้องการ เหมือนกับว่าทุกอย่างภายในนี้ตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาด้านหน้าของเขา ไม่ไกลเท่าไหร่ ‘ชูเฟิง’ พบกับ พระราชตำหนักขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งมันดูงดงามเป็นอย่างมาก มันมีสีสันต่างๆระยิบระยับราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากคริสตัลรูปร่างที่แปลกตา เกินกว่าจะพรรณนา
แต่ที่แปลกสุดก็คือภายในโลกวิญญาณของเขาที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เหมือนกับว่ามันเป็นโลกอีกหนึ่งใบ ‘ชูเฟิง’ เชื่อว่ามันคืออาณาเขตโลกวิญญาณไม่ผิดแน่
แต่ที่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมโลกวิญญาณของเขาถึงไม่มีจุดสิ้นสุดต้องใช้อำนาจพลังวิญญาณขนาดไหนถึงจะสร้าง อาณาเขตได้ถึงเพียงนี้ อีกอย่างเขาสามารถควบคุมมันได้ยังไง แค่พระราชตำหนักสำหรับชูเฟิงก็เต็มกลืน แต่อาณาเขตขนาดนี้เป็นไปไม่ได้ ที่เขาจะสร้างมันขึ้นมา
” เฮ้ยย นี่เจ้ากำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่ ทำไมเจ้าไม่ยอมเข้ามาสักทีไอ้เจ้าทึ่ม ปล่อยให้เรารออยู่ได้!!! “
จำได้ไม๊ตอนที่เข้าดูด วิชา ท่อง นภา เข้ามาแล้วหมดสติในสุสาน เข้าก็เคยเข้ามาในโลกวิญญาณนี้แล้วครั้งหนึ่ง ได้ยินเสียงนั้น ‘ชูเฟิง’ ถึงกับตะลึง จู่ๆก็มีเสียงที่ด่าได้ไพเราะในโลกแห่งนี้ดังขึ้นมา
มันช่างเป็นเสียงที่ฟังดูไพเราะที่สุด ที่ ‘ชูเฟิง’ เคยได้ยินมาหลังจากได้ยินเสียงนั้นดังขึ้นสักพัก ‘ชูเฟิง’ ก็ตกใจอย่างมาก เพราะเขาเคยได้ยินเสียงเช่นนี้มาก่อนแล้ว ในตอนนั้นเขาคิดว่าอยู่ในความฝัน
” นี่มันเป็นเรื่องจริงงั้นหรอ!!! “
‘ชูเฟิง’ รู้สึกว่ามันประหลาด เขารีบกระโดดตรงเข้าไปในพระราชตำหนักในอาณาเขตโลกวิญญาณภายนอกดูเหมือนพระราชตำหนัก แต่เมื่อเข้าไป เขาก็พบว่ามันเหมือนกับอยู่ในหอคอยที่ทอดยาวไปถึงสวรรค์
หลังจากที่ ‘ชูเฟิง’ เข้ามาภายในอย่างรวดเร็วจู่ๆเขาก็ถึงกับสูญเสียการควบคุมและความสามารถในการเดินในอากาศจากนั้นเขาก็ล่วงลงมากับพื้น ‘ชูเฟิง’ พบกับ กำแพงคริสตันสูงตะหง่านเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุดบนกำแพงนั้น
มีประตูบานใหญ่ด้านบนของมันมีโซ่เส้นใหญ่ปิดผนึกไว้อย่างแน่นหนา มีออร่าที่น่ากลัวเล็ดลอดออกมาจากภายในสิ่งที่สะดูดตาก็คือบริเวณใกล้เคียง มีไข่สีดำขนาดใหญ่ ไข่ในตอนนั้น ที่เหมือนมีคนพูดออกมาและชอบตะโกนด่า ชูเฟิงทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้เห็นหรือได้ยินในความฝันเมื่อตอนนั้น บัดนี้ ‘ชูเฟิง’ รู้ดีว่าเขามิได้อยู่ในความฝัน แต่เป็นอาณาเขตโลกวิญญาณ
” เห้อ เจ้าทึ่ม ชูเฟิง ในที่สุดเจ้าก็ทำได้แล้วสินะ !!! “
” เจ้านี้มันโง่จริงๆ เจ้ารูมั๊ยว่าตัวเรารอเจ้านานแค่ไหน 15 ปี เชียวนะ 15 ปี !!! “
” ให้ตายสิ งี่เง่าซะมัด ช่างเถอะ ตอนนี้เข้าใจ ทักษะ นั้นแล้วใช่มั้ยเห็นป่ะว่ามันไม่ยาก ? “
เสียงที่ดังออกมาจากภายในไข่ สีดำ ขนาดใหญ่ เสียงเหล่านั้นมันทำให้เขาเคริบเคลิ้มเมื่อได้ยิน แต่ก็เหมือนกับเสียงของเด็กที่ยากจะรับมือแต่ที่สำคัญ นางไม่เพียงรู้จัก ชื่อ ของ ‘ชูเฟิง’ ทั้งยังบอกว่านางรอเขามาตลอด 15 ปี มันทำให้ ชูเฟิง ตกใจเป็นอย่างมาก
” เจ้าเป็นใคร ? แล้วรู้จักชื่อของข้าได้ยังไง ? “
ชูเฟิง ถามและตรวจสอบ ไข่สีดำจากระยะไกล โดยที่ไม่กล้าเข้าไปใกล้
” เจ้าเป็นใครงั้นหรอ!!! เจ้าต้องเรียกเราว่า ท่านเทพธิดา ท่านเทพธิดา เข้าใจ!!! “
” ข้านั้นใช้วิสัยทัศน์ร่วมกับเจ้าไม่ว่าจะเป็นสัมผัสการได้ยินหรือการมองเห็นอยู่ภายในโลกวิญญาณของเจ้า ข้านั้นอยู่ในตัวเจ้ามาตั้งแต่เกิดและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเจ้า แต่ข้านั้นไม่สามารถติดต่อกับเจ้าได้ “
ไข่สีดำ กำลังอธิบาย
” อยู่ในโลกวิญญาณของข้า ท่านกำลังจะบอกว่าท่านรอคอยข้าอยู่ในโลกแห่งนี้มาตลอด 15 ปี งั้นหรอ แล้วทำไมท่านไม่ออกมาล่ะ “
‘ชูเฟิง’ ค่อนข้าง งง อย่าว่าแต่ ชูเฟิง เลย คนแปล ก็ งง
” ออกไปงั้นหรอ ตอนที่เราตื่นขึ้นมา เราก็อยู่ภายในโลกวิญญาณของเจ้าไปแล้ว เหมือนกับว่าเราถูกไอไข่บ้าๆนี้ผนึกไว้ แม้แต่จะขยับตัวยังทำไม่ได้เลย “
ปล : เมื่อนางใช้ ” เรา ” นางจะแทนตัวเองว่า ” เทพธิดา “
” น่าจะเป็นฝีมือพ่อแม่ของเจ้านั้นและที่ทำกับเราเช่นนี้ “
นางยังคงโวยวาย
” งั้นก็แปลว่าท่านรู้จักพ่อแม่ของข้างั้นหรอ ? พวกท่านชื่ออะไร ? พวกท่านเป็นใคร ? และตอนนี้พวกท่านอยู่ที่ไหน ? “
‘ชูเฟิง’ เดินเข้าไปถามนางใกล้ๆ และระดมคำถาม
” เราก็อยากจะถามเจ้าเช่นกัน อย่าให้รู้นะว่าพวกเขาเป็นใคร ไม่งั้นเราจะให้พวกเขาได้ชดใช้ ที่พวกเขากล้าผนึกเราไว้ในโลกวิญญาณเหม็นๆของเจ้าเช่นนี้ แย่ที่สุด “
แม้ว่าเสียงของนางจะฟังดูไม่พอใจ แต่นางก็ยังคงเรียกตัวเองว่า ‘ เทพธิดา ‘ ขณะที่กำลังโกรธ แต่ชูเฟิงยังคงทนฟังเสียงของนางที่ยังคงบ่น
” พ่อแม่ของข้าเป็นคนสร้างอาณาเขตโลกวิญญาณแห่งนี้ ไว้ให้กลับข้าเช่นนั้นหรอ ? ได้ยินคำพูดของ นาง ชูเฟิงยิ่งจมลงไปในความอยากรู้ “
“ถามอะไรโง่ๆ ถ้าไม่ใช่พวกเขาแล้วใครจะมาสร้างมันให้กลับเจ้า ? เจ้าสามารถสร้างมันได้เช่นนี้งั้นหรอ”
” นางยังคงด่า ชูเฟิง”
“คนที่สร้างอาณาเขตโลกวิญญาณแห่งนี้ขึ้นมาคงจะแข็งแกร่งมากกว่าท่านเลยสินะ พวกเขาคงจะเป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณ ? “
‘ชูเฟิง’ ถาม
” แน่นอน คนที่สามารถสร้างโลกวิญญาณที่มีอาณาเขตขนาดนี้ นั้นแข็งแกร่งมาก แต่เด๋วนะ เจ้าหมายความว่าไง เจ้าจะบอกว่าเรานั้นอ่อนแองั้นหรอ “
” จะบอกเจ้าให้ ถ้าไม่ใช่เพราะเราได้รับบาดเจ็บล่ะก็ คงไม่มีใครสามารถผนึกเราไว้ได้ ต่อให้คนๆนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม และหากรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร เราจะให้พวกเขาได้ชดใช้ . . . . . “
” เจ้าไข่นี่น่ารำคาญ ชะมัด คิดในใจ ข้าไม่ได้ดูถูกท่านสักหน่อย ข้าเพียงแค่สงสัย “
“สังสัยอะไร มีอะไรที่เจ้าต้องรู้ ? เดี๋ยวน่ะ เจ้าไข่น่ารำคาญงั้นหรอ นี่เจ้าเห็นเราเป็นไข่ไก่ใช่มั๊ย ไข่บ้านเจ้าสิ ไอบ้านี่ เจ้าต้องเรียกเราว่า ” ท่านเทพธิดา “
นางได้ยินสิ่งที่เขาคิด
” อ่าๆๆ ท่านไข่ ท่านบอกข้าได้มั๊ยว่าท่านมีนามว่าอะไร ? และท่านเป็นใครมาจากไหน ? “
” ชิส์ ! ! อย่าแม้แต่จะคิดว่าจะได้อะไรไปจากเรา ! ! ! ! ! ! ! “
‘ชูเฟิง’ คิดว่าเขาจะได้ข้อมูลอะไรบ้างจากไข่สีดำ แต่หลังจากที่ถามนาง เขาก็พบว่านางตอบแค่
” ไม่รู้ ไม่บอก “
ทุกคำถามปากของนางช่างปิดแน่นสนิท เหมือนกับว่านางไม่อยากเปิดเผยตัวตนให้ใครรู้ ยังไงก็ตาม ‘ชูเฟิง’ รู้ว่าว่ามีคนจงใจปิดปากของนางไม่ให้พูดอะไรขณะที่ขังนางเอาไว้ในโลกวิญญาณของเขา
มันต้องมีความหมายอะไรซ่อนอยู่แน่ๆอย่างน้อยๆ เขาก็ไม่คิดที่จะทำร้าย ‘ชูเฟิง’ หรือทำให้เขาเดือดร้อน ไม่เช่นนั้นคนที่ทำได้ถึงขนาดนี้ หากคิดจะฆ่าเขาแล้วคงทำได้ไม่ยากทำไมล่ะ ทำไมพวกเขาต้องสร้างอาณาเขตโลกวิญญาณแล้วปิดผนึกอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นอันตรายไว้ในตัวของเขา
ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งเสียเวลา . . . . .เมื่อ ‘ชูเฟิง’ รู้ว่าคนผู้นั้นไม่คิดจะทำร้ายเขาแต่กับคิดช่วยเขามากกว่า เขารู้สึกว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนในครอบครัวของเขาไม่ผิดแน่
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . . .
ที่มา: