ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘ชูเฟิง’ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นภายในหัวใจของเขา ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ แต่เขารู้ว่า ครอบครัวของเขาไม่ได้อยากจะทิ้งเขาไป พวกท่านนั้นวางรากฐานเพื่อให้เขาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
เขารู้ว่า ต้องมีเหตุผลอะไรแน่ๆที่ครอบครัวของเขาต้องการให้เขาแข็งแกร่ง ซึ่งเขาก็อยากจะรู้เหตุผล เขาอยากจะพบกับครอบครัว และอยากถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น
” โอ้ย โอ้ย โอ้ยย เจ้ามัวทำไรอยู่ห่ะ ? รีบๆ ปล่อยเราออกไปซักที !!! “
เห็นว่า ‘ชูเฟิง’ กำลังใช้ความคิด นางก็เริ่มหงุดหงิด
” ท่านคิดจะดูถูกสติปัญญาของข้าเกินไปแล้ว ฟังจากน้ำเสียงของท่าน ก็รู้ว่าท่านแค้นข้ามาก หากข้าปล่อยท่าน มีหวังข้าได้ตายพอดี “
‘ชูเฟิง’ ตอบกลับอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้คิดใดๆต่อ เขานั่งไขว้ขา พร้อมกับรวบรวมความคิดภายในหัวเพื่อ สร้างรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ
” เฮ้ย ชูเฟิง ไอ้เจ้าเด็กบ้า กล้าเมินเราเหรอ!!! “
” ไอ้บ้า ชูเฟิง เจ้าอยากเป็น ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณใช่ไหม ? เราสอนเจ้าได้นะ “
” เจ้าอยากเอาชนะ กง ลู่หยุน ไม่ใช่หรอ เราสามารถช่วยเจ้าได้ ? นี่ฟังอยู่หรือป่าว ! ! ! ! ! ! ท่านเทพธิดายังคงโวยวายเพราะกลัวว่า ชูเฟิง จะไม่แยแสนาง”
“ท่านสามารถช่วยให้ข้า เป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณได้งั้นหรอ “
‘ชูเฟิง’ มองนางด้วยความสงสัย ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะแกล้งนาง แต่เขาพยายามที่จะฝึกการเชื่อมต่อ แม้ว่าเขาจะมีอาณาเขตโลกวิญญาณอยู่แล้ว แต่การจะสร้างรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณนั้นมันไม่ง่ายเลย
” แน่นอน เราย่อมทำได้ เจ้าลองคิดดูดีๆ “
” อำนาจพลังวิญญาณที่อยู่ในโลกวิญญาณแห่งนี้ ทำไมไม่ยอมให้เจ้าดึงมันมาใช้ “
” หากเจ้าจะใช้มันเจ้าจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อ ต้องเรียนรู้มันจนกว่าจะคุ้นเคย นั้นก็คงจะกินเวลาเป็นสิบๆวันถึงจะสามารถสร้างรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณเล็กๆขึ้นมาได้”
“แต่เรามีคาถาอยู่ ตราบใดที่เจ้าใช้คาถานี้ เจ้าก็จะสามารถสร้างรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย “
” คาถา ? มันคงไม่ใช่คาถาที่ปลดผนึกตราประทับที่ขังท่านไว้หรอกน่ะ ? “
‘ชูเฟิง’ ไม่เชื่อในสิ่งที่นางกล่าว
” โอ้ยๆๆ เจ้าจะกลัวอะไรนักหนา ? นี่เป็นอาณาเขตโลกวิญญาณของเจ้าเอง และทุกอย่างในนี้เจ้าก็เป็นคนควบคุมแล้วเราจะทำร้ายเจ้าได้ยังไง ไม่มีทางหรอก “
” เราก็บอกเจ้าไปแล้วว่าเราถูกผนึกไว้ ไม่เพียงแต่ร่างกายนี้จะเชื่อมโยงกับเจ้า พลังวิญญาณของเราก็ยังห่างไกลจากเจ้านัก “
” ทำไมเราถึงอยากให้เจ้าปลดผนึกตราประทับนี้งั้นหรอ เพราะเราเบื่อมันเต็มทนแล้ว “
นางรู้สึกโกรธนิดหน่อยชูเฟิงทบทวนสิ่งที่นางบอก เขารู้สึกว่านางช่างไร้เหตุผล จากนั้นเขาก็ถาม
” บอกคาถาท่านมาสิ ดูสิว่ามันจะมีประโยชน์มากแค่ไหน “
” ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดเจ้าก็คิดได้แล้วสินะ !!! “
เสียงดูถูกของนางดังออกมาจากไข่สีดำ
” แล้วท่านต้องการอะไรตอบแทน ในการบอกคาถาให้กลับข้า ? “
” ง่ายๆเลย ปลดผนึกตราประทับนี้!!! “
” ฝันไปเถอะ!!! “
” นี่เจ้า!!! เจ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือป่าว ? ทำไมถึงขี้ขลาดได้ขนาดนี้ ? เราบอกแล้วไงว่าต่อให้เจ้าปลดผนึกเราก็ไม่มีทางทำร้ายเจ้าได้ นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นอาณาเขตโลกวิญญาณของเจ้าเอง”
“อย่าหลอกข้าซะให้ยาก อาณาเขตโลกวิญญาณแห่งนี้สุดแสนจะประหลาดและข้าก็ไม่ใช่คนควบคุมมัน ไม่งั้นข้าคงสร้างรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณได้แล้ว แล้วทำไมข้าถึงยังต้องมานั่งเชื่อมต่อกับมันอีก ? “
” เราขอสาบานกับพระโพธิสัตว์ ว่าเรานั้นไม่คิดที่จะทำร้ายเจ้า จริงๆแล้วเราก็แค่เหงา “
” ถึงแม้ว่าเราจะเคยพูด ว่าอย่าให้รู้ว่าใครที่ปิดผนีกเราไว้ที่นี่ ไม่งั้นเราจะให้คนผู้นั้นได้ชดใช้ “
” เราแค่ต้องการให้คนๆนั้นได้ชดใช้ที่ทำกลับเรา หากเป็นเจ้าล่ะ หากจู่ๆก็มีคนผนึกเจ้าไว้ในสถานแปลกๆที่ไม่คุ้นเคยเป็นเวลา 15 ปี โดยที่ไม่ได้กิน หรือ ดื่ม อะไร หรือแม้แต่คนจะพูดคุยกับเจ้าก็ยังไม่มี แล้วเจ้าจะรู้สึกยังไง ? “
” ในยามที่เจ้าอ่อนแอ และ โศกเศร้า เจ้าก็ยังมีคนตะกูล ชู คอยดูแล อย่างน้อยก็ยังอยู่เป็นเพื่อนเจ้า แต่ตัวเราล่ะ ? ขนาดอยากจะพูดกับใครสักคน เราก็ยังทำไม่ได้ “
” ดังนั้นเราจึงรอเจ้ามาตลอด แต่เจ้ากลับคิดว่าเราจะก่อปัญหาเลยไม่คิดแม้แต่จะช่วยเรา เจ้ามันแค่ไอบ้าที่ไม่เข้าใจคนอื่นก็เท่านั้น . . . . . “
ขณะนั้นนางร้องไห้ออกมา
ได้ยินเสียงที่ไพเราะที่กำลังโศกเศร้า ทำให้เขาสุดแสนจะทน โดยเฉพาะที่เขาได้ยินคำพูดของนาง มันทำให้หัวใจของ ‘ชูเฟิง’ อ่อนล้าเพราะความรู้สึกผิดหลังจากที่ทบทวนอย่างรอบคอบ ‘ชูเฟิง’ รู้สึกว่านางคงไม่ทำอะไรโดยที่ไม่มีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงถาม
” แล้วข้าต้องทำยังไงถึงจะปลดผนึกตราประทับนี้ได้ “
” เจ้าไม่สามารถปลดผนึกอักขระบนร่างกายของเราได้ แต่เจ้าสามารถทำลายเปลือกผนึกนั้นได้ หากเจ้าทำลายมันแล้วอย่างน้อยๆเราก็จะได้มีอิสระในโลกวิญญาณของเจ้า “
” วิธีทำลายมันก็ง่ายๆ เจ้าแค่ใช้พลังวิญญาณของเจ้า เคาะไปที่มันให้แตก . . . . . “
” มันง่ายขนาดนั้นเลย!!! “
‘ชูเฟิง’ สงสัย
” ก็ง่ายนะสิ หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองทำดู “
เสียงของนางเหมือนกับเด็กที่เอาแต่ใจ
” ข้าเชื่อท่าน แต่หลังจากที่ข้าปล่อยท่าน กรุณาระงับหมัดของท่านห้ามทำร้ายข้าเด็ดขาด “
เขาเดินเข้าไปด้านหน้าไข่สีดำ ในตอนแรกเขาใช้อำนาจพลังวิญญาณของเขาเพื่อตรวจสอบมัน เขาพบว่ามันแปลกๆที่ไม่สามารถตรวจพบอะไรเลยชูเฟิงกัดฟันของเขาไว้แน่น พร้อมเหวี่ยงหมัดออกไปอย่างรุนแรง ให้ชนกลับเปลือกไข่สีดำ รอยแตกร้าวขนาดเล็กปรากฏออกมานับไม่ถ้วนจากนั้นมันก็เริ่มกระจายออกไป
* เปร๊าะ เปร๊าะ เปร๊าะ *
รอยแตกร้าวกระจายไปอย่างรวดเร็วขนาดที่ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นอย่างชัดเจน ไข่ดำใบใหญ่สุดแสนจะประหลาด เสียท่าด้วยการชกเพียงครั้งเดียว จากนั้น ‘ชูเฟิง’ ก็หยิบชิ้นส่วนที่หลุดออกมาในที่สุด ไข่สีดำก็แตกออกเป็นสองท่อน
เวลาเดียวกัน ก็มีหญิงงามปรากฏออกมาต่อหน้าต่อตาของ ‘ชูเฟิง’ หญิงสาวที่มีผิวขาวเหมือนดั่งหิมะปะปนกับสีชมพูของกลีบกุหลาบ สายตาที่เฉียบคมของชูเฟิง สามารถบอกเลยได้ว่าผิวของนางเป็นหนึ่งในแผ่นดิน มันดูเนียนมว๊าก!!! แทบจะทำให้เขาเก็บความรู้สึกไว้ไม่อยู่
แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของ ‘ชูเฟิง’ ก็คือใบหน้าของแม่นางคนนั้น ที่เหมือนกับนางฟ้าลงมา ดวงตากลมโตของนางยังคงมีประกายของน้ำตา ม่านตาสีดำเหมือนกับจะดึงดูดทุกสิ่งเข้าไป มันช่างลึกล้ำและงดงามอะไรเช่นนี้นอกจากดวงตาที่งดงาม จมูกเรียวๆของนางช่างดูละเอียดอ่อน อีกทั้งริมฝีปากสีชมพู เล็กๆ ซึ่งสุดแสนจะเย้ายวน น่าหลงไหลในรสสัมผัสของมันผมดำสนิทของนางสยายลงบนไหล่ขาวๆของนาง ช่างเหมาะเจาะอะไรแบบนี้
รูปร่างเรียวบางบวกกับน่าอกที่ยื่นออกมาหน่อยหนึ่ง บอกได้เลยว่ายอดเยี่ยมมกระโปรงของนางช่างดูพิเศษจากคนทั่วๆไป มันถูกทักขึ้นมาด้วยขนสีดำ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นขนของตัวอะไรแต่บอกได้เลยว่าเหมาะกับนางมากกระโปรงสีดำสั้นๆ
เผยให้เห็นต้นขาที่ขาวราวกับหิมะ สีขาวและสีดำที่ตัดกันระหว่างขาของนาง ทำให้นางดูเหมือนกับนางฟ้าก็ไม่ปาน ความงามของนางทำให้คนที่พบเห็นต่างหลงไหลงดงาม งดงามยิ่งนัก นางเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดที่ ชูเฟิง เคยได้เห็นมาในชีวิตของเขา สมแล้วที่เรียกตัวเองว่าเทพธิดา พ่อแม่ชูเฟิงผนึกไว้ให้ทำเมียแน่ๆ
ถ้าจะบอกว่า ความงามซูรู่และซูเหม่ยสามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้ ความงามของแม่นางคนนี้ก็คงจะทำให้ทุกชีวิตบนโลกนี้ต่างสูญสิ้นได้เลยทีเดียว
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . .
ที่มา: