I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 105 – ผู้หนุนหลัง ตะกูล กง

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ณ ปัจจุบัน ‘ซูรู่’ ยังคงเดินเล่นอยู่ในป่าคนเดียว พร้อมกับทำน่ามุ่ยเล็กน้อยราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ‘ชูเฟิง’ เป็นที่สนใจของ ‘จูเก่อ หลิวหยุน’ ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่

” อาวโส ซูรู่ ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดกับท่าน”

จู่ๆ ‘จูเก่อ หลิวหยุน’ ก็โผล่ผลวดออกมาด้านหน้าของ ‘ซูรู่’ โดยไม่ให้สุ้มให้เสียงตอนนั้น ‘ซูรู่’ ประสาทแทบจะกิน นางตกใจอย่างมาก ขณะที่ ‘จูเก่อ’ ปรากฏแม้ว่าพลังวิญญาณของเขาจะอยู่อาณาจักรแก่นแท้วิญญาณเช่นกัน

แต่เขาสามารถปกปิดพลังได้เป็นอย่างดี อย่างๆน้อยนางก็ยังไม่สามารถตรวจพบเขาได้ยังไงก็ตาม เรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือความแข็งแกร่งของคนๆนี้เกินกว่า หกปราการ ไปแล้ว ทุกคนต่างยอมรับให้เขาเป็น อาวุโส # 2 ของสำนักมังกรฟ้า

” ท่าน จูเก่อ หลิวหยุน ท่านมีอะไร ก็โปรดพูดมา “

‘ซูรู่’ รีบเปลี่ยนอารมณ์ของนางทันทีและถามเขาอย่างเคารพ

” ข้ารู้ว่าท่านคอยติดตาม ช่วยเหลือ ชูเฟิง แต่จากนี้ไปข้าอยากให้ท่านคอยดูเขาอยู่ห่างๆอยู่  “

” ข้าต้องการให้เขาเผชิญกับความลำบากด้วยกำลังของตัวเองเพื่อที่เขาจะได้เติบโต ข้ามั่นใจว่าสิ่งข้าบอกหมายถึงอะไร “

‘จูเก่อ หลิวหยุน’ กล่าวอย่างหนักแน่น แม้แต่น้ำเสียงของเขายังส่อถึงจิตคุกคาม

” เราเข้าใจแล้ว “

‘ซูรู่’ ไม่กล้าเถียงแต่อย่างใด

” งั้นข้าขอลา หวังว่าท่านคงรู้ว่าจากนี้ไปควรทำยังไง “

‘จูเก่อ หลิวหยุน’ สบัดแขนเสื้อของเขาและหายตัวไปทันที คำพูดทิ้งท้ายของเขาฟังดูแสนจะเย็นชา จากนั้นนางก็หันหน้าไปยังทิศทางของ ‘ชูเฟิง’ ขณะที่รู้สึกราวกับว่าตัวเองนั้นช่างแตกต่าง

‘ซูรู่’ ขมวดคิ้วลง เพราะท่าทีของ ‘จูเก่อ หลิวหยุน’ ในใจนางรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก นางเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอนึกถึงสิ่งที่เขาทำ นางก็กลืนมันกลับไปขณะนั้น ‘ชูเฟิง’ ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขาพลิกคัมภีร์ รูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ ไปมา จากนั้นก็หันหัวของเขากลับไปพร้อมกับยิ้ม

” อาวุโสซูรู่ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านก่อนหน้านี้”

คนที่มีอำนาจพลังวิญญาณ นี่น่ากลัวจริงๆ เหมือนกับว่ามีตาอยู่ด้านหลัง . . .

” รอยยิ้มของซูรู่ขณะนั้นมีเสน่ห์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ผิวพรรณ น่าตา รวมๆแล้วนางสุดแสนจะงดงามนางเดินมาด้านหน้า ชูเฟิง พร้อมกับยิ้มเบาๆและกล่าว

” ไม่ต้องขอบคุณเราหรอก เป็นซูเหม่ยต่างหากที่ขอให้เราคอยดูแลเจ้า “

” ก็อย่างที่รู้ๆ นางนั้นชอบก่อปัญหา แต่ที่เจ้าไปมีเรื่องกับ กง ลู่หยุน แล้วท้าเขาเช่นนั้น ไม่รู้จะชมว่าเจ้ากล้าหาญหรือด่าว่าเจ้าโง่ที่ไปท้าเขาเช่นนั้นดี “

” ฮ่าๆๆ “

‘ชูเฟิง’ ทำท่าเกาหัวพร้อมกับหัวเราะดูท่าทางโง่ๆออกมา เพราะเขาไม่รู้ว่าจะตอบนางยังไง

” หืม ? เจ้าอ่านอะไรอยู่หรอ ? “

เห็น ‘ชูเฟิง’ หัวเราะเช่นนั้น ‘ซูรู่’ รู้สึกหมดปัญญาที่จะเยียวยาเขา ได้แต่จ้องมองคัมภีร์ที่อยู่ในมือของ ‘ชูเฟิง’

” อ่อ นี่มันมีเนื้อหาที่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว มันสามารถทำให้ข้าเป็น ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณได้ ชูเฟิงพลิกไปที่หน้าปกเพื่อให้นางดูชื่อคัมภีร์ที่เขียนไว้สามคำ

” ทักษะ รูปแบบ อำนาจพลังวิญญาณ “

” ท่านจูเก่อ รับเจ้าเป็นลูกศิษย์งั้นหรอ ? “

‘ซูรู่’ ตกใจอย่างมาก หน้าเรียวๆของนางที่ดูงดงามถึงกลับเปลี่ยนสี แม้ว่านางมีลางสังหรณ์อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่นึกไม่ถึงว่า ‘จูเก่อ หลิวหยุน’ จะมอบทักษะ อำนาจพลังวิญญาณให้ ‘ชูเฟิง’ เร็วขนาดนี้

นางรู้มาว่า ‘เล้ง วู่ซุย’ ยอมขายวิญญาณเพื่อเอาใจ ‘จูเก่อ หลิวหยุน’ ตลอด 3 ปี แต่ก็ยังไม่ได้อะไรไปสักอย่าง สุดท้ายก็ต้องมาตายด้วยน้ำมือของ ‘จูเก่อ หลิวหยุน’

แต่นี้ ‘ชูเฟิง’ กลับได้รับ ทักษะ รูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ ทั้งๆที่รู้จักกันมาไม่เท่าไหร่ นี้มันจะไม่ลำเอียงไปหน่อยหรอ ?

” ดูจากท่าทางของท่านคิดว่ามันดูง่ายไปสินะ แต่เขามีเงื่อนไข ว่าข้าจะต้องเข้าใจคัมภีร์เล่มนี้ให้ได้ภายใน 1 เดือน อีกอย่างคัมภีร์เล่มนี้ก็ยากที่จะเข้าใจ ดูเหมือนว่าข้าจะได้รับบททดสอบขนาดใหญ่ “

‘ชูเฟิง’ ทำท่าทางราวกับว่ากำลังเจอเรื่องที่ลำบาก เขาไม่ได้บอกว่า ถ้าหากเขาไม่ผ่านบททดสอบภายใน 1 เดือนแล้ว ‘จูเก่อ หลิวหยุน’ จะฆ่าเขาเขายังไม่พูดใดๆต่อ หลังจากที่มองมันสักพัก เขาก็พอจะเข้าใจมันอยู่บ้าง ถ้าหาก ‘ซูรู่’ ยังคงคอยช่วยเหลือเขา เขาก็จะไม่มีความกระตือรือร้น

” เจ้าโชคดีอย่างมาก จากนี้การประลองที่ต้องเอาชีวิตเดิมพัน ถ้าหากเจ้ากลายเป็นศิษย์ของ จูเก่อ หลิวหยุน เจ้าน่าจะเก่งขึ้นมากภายในหนึ่งปีและไม่ต้องกังวลเรื่องการประลองนั้นอีกด้วย”

‘ซูรู่’ นางดูมีความสุขมากจริงๆ ถ้าหาก ‘ชูเฟิง’ ได้เป็น ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณ นั้นคือความโชคดีสำหรับตะกูลของนาง

เหตุผลที่นางคอยช่วยเหลือ ‘ชูเฟิง’ ก็เพราะว่าอำนาจพลังวิญญาณของ ‘ชูเฟิง’ ที่เขามี อีกอย่างตะกูลของนางก็ต้องการคนมีความสามารถแบบ ‘ชูเฟิง’

” ในอีกหนึ่งปี ข้าไม่เพียงแค่รอด แต่ข้ายังจะฆ่ามันอีกด้วย “

‘ชูเฟิง’ กล่าวด้วยความมุ่งมั่นที่เต็มเปรี่ยมเห็นการแสดงออกของชูเฟิง ซูรู่รู้สึกหวั่นๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร นางคิดว่ามันแปลกๆ คำพูดของเขาที่ออกมา ในหนึ่งปีข้างหน้า เขาต้องทำมันได้อย่างแน่นอน

โดยเฉพาะตอนที่นางได้เห็น ‘ชูเฟิง’ ฆ่าผู้นำตะกูลศัตรูที่เขาเกลียด นางมองหน้าของชูเฟิง ราวกับว่าพวกเขานั้นช่างแตกต่างนางคิดว่าวิธีการของ ‘ชูเฟิง’ ก็นับว่าไม่เลว ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุแค่ 15 ปี แต่ความคิตของเขาเทียบเท่ากับคนอายุพอๆกับนาง

สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือความเด็ดขาดที่มอบให้กับศัตรู ด้วยความโหดเหี้ยมถ้าเขายังคงพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคตเขาจะต้องประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ในสำนัก มังกรฟ้า แม้แต่ใน อาณาจักร แห่งนี้ ก็ไม่สามารถเทียบกับ ‘ชูเฟิง’ ได้ แน่นอนว่าเขาต้องยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักร

” ชูเฟิง อย่าได้ประมาท กง ลู่หยุน ไป ตะกูลของเขามีอำนาจมากกว่าเมืองสาขาหลัก “

” ในอาณาจักร มังกรฟ้า เมืองของเขานั้นเป็นเมืองที่มีอำนาจเป็นอันดับ #3  ไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักมังกรฟ้าเผลอๆอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ “

” สิ่งที่สำคัญก็คือ ปู่ ของ กง ลู่หยุน นั้นสนิทสนมกับ เจ้าเมือง กิเลนฯ ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับ ตะกูล กง เจ้าเมือง กิเลนฯของไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ๆ” ดังนั้น ศึกที่จะมาถึงในอีกหนึ่งปี เจ้าสามารถเอาชนะ กง ลู่หยุนได้ แต่เจ้าไม่สามารถฆ่าเขาได้ ไม่งั้นต่อให่เป็น จูเก่อ หลิวหยุน ก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ “

นางรู้สึกว่า ‘ชูเฟิง’ นั้นมีค่ามากกว่าที่จะปล่อยให้อะไรเกิดขึ้นกับเขา จึงได้แต่เตือน ชูเฟิงได้ยินคำพูดเหล่านั้น ‘ชูเฟิง’ ก็ทบทวนอย่างละเอียด เขาไม่ได้เป็นคนไม่มีมันสมอง ดังนั้นเขาพอจะรู้ว่าหากฆ่า ‘กง ลู่หยุน’ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น

เขามีคนหนุนหลังที่ทรงอำนาจ จึงไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องปล่อยเขาไปไม่งั้น แม้ว่าชูเฟิงจะสามารถหนีเอาตัวรอดไปได้หลังจากที่ฆ่าเขา แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ตะกูลของเขาเดือดร้อนเพราะปัญหาที่เขาเป็นคนก่อหลังจากที่

ซูรู่พูดกับ ชูเฟิง มาสักพัก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคำแนะนำเพื่อให้เขาสนใจการฝึกฝน จากนั้นนางก็พูดบางอย่าง

” การแก้แค้น 10 ปีก็ยังไม่สาย “

นางให้ ‘ชูเฟิง’ เน้นไปที่ การฝึกฝนพลังวิญญาณ และเพื่อไม่ให้เขาถูกทิ้งห่างจนเกินไป หากจำเป็น ตะกูลของนางก็พร้อมจะช่วยเหลือ หรืออย่างน้อยๆก็คอยปกป้อง ‘ชูเฟิง’ ให้เขาปลอดภัย

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของนาง ‘ชูเฟิง’ ก็พอจะเข้าใจว่า ตะกูลของซูรู่นั้นเป็นผู้ควบคุมเมืองสาขาหลัก และความแข็งแกร่งของตะกูลนางก็ไม่ธรรมดาดังนั้น เขาพอจะเดาได้แล้วว่าทำไม เจ้าเมือง นครทอง – ม่วง ถึงดูผิดปกติ  แน่นอนว่าเป็นเพราะนาง

แต่นางกลับไม่ยอมพูดถึงมัน ดังนั้นเขาจึงไม่ถามเมื่อพวกเขาทั้งสองแยกทางกัน ชูเฟิงนั้นกลับไปยังตะกูล ชู เขาเดินเข้ามาในห้องและปิดประตู เพื่อศึกษา ทักษะ รูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ อย่างจริงจังเพื่อเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง

โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . .

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments