ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” อาการบาดเจ็บของ ติง โฉ่ว ไม่ได้เกิดจาก ชูเฟิง แต่เป็นเขาทำตัวเอง “
ในตอนนั้น ‘เฉิน หว่านชิง’ ค่อยๆเดินเข้ามา
” เจ้าหมายความว่าไง ? “
เจ้าเมืองวายุเมฆา แสนจะสับสน
” หมัด 7 สังหาร มี 7 ขั้น ทุกๆขั้นสามารถกระตุ้นพลังที่หลับไหลภายในร่างกายของคนที่ใช้ออกมาเกินขีดจำกัดได้ แต่ว่าผลของมันคือการทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บไปด้วย อาการของมันขึ้นอยู่กับระดับขั้น “
” ตาม เรื่องเล่า หลังจากที่ฝึกขั้น 7 ได้สำเร็จพลังที่มีจะเพิ่มขึ้นมาเป็นหลายสิบเท่า แต่เมื่อ พลังหมดไป คนที่ใช้จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกเลยพวกเขาจะสูญเสียทักษะทั้งหมดที่เคยฝึกมา จนเป็นคนพิการ “
” หมัด 7 สังหาร เมื่อใช้นำออกมาใช้ แน่นอนว่ามันสามารถสังหารศัตรูของพวกเขาได้ไม่ยาก แต่มันก็เหมือนดาบสองคม ยิ่งมันแข็งแกร่งเท่าไหร่ คนที่ใช้ก็ต้องรับภาระมากขึ้นเท่านั้น “
” ติง โฉ่ว ฝึกถึงขั้น 3 ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ถึงกับพิการ แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บพอสมควร อย่างน้อยๆเขาต้องใช้เวลาพักฟื้นถึง 2 เดือน ถึงจะลุกออกจากเตียงได้ “
เห็น ‘ติง โฉ่ว’ ที่สู้ ขนาดที่เอาชีวิตเข้าแลก ‘เฉิน หว่านชิง’ อธิบาย
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของนาง ‘ชูเฟิง’ และคนอื่นๆ ได้แต่อดสงสารเขาไม่ได้ที่ ‘ติง โฉ่ว’ ยอมทำถึงขนาดนี้ เขาพยามยามอย่างเต็มที่ แต่เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้ก็คงต้องยอมรับ
ในตอนนั้น ‘เฉิน หว่านชิง’ เหวี่ยงสายตามามองที่ ‘ชูเฟิง’ ที่สามารถเอาชนะ ‘ติง โฉ่ว’ ที่ยอมทำถึงขนาดนั้นมาได้ มันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญที่สุดที่นางเคยเห็น นางและคนอื่นๆยังคงยืนมอง ‘ชูเฟิง’ ด้วยความประทับใจที่ฝังลึกลงในใจ
นางไม่รู้ว่า ในสำนัก หลิง – หยุน จะหาอัจฉริยะแบบนี้ได้ที่ไหน แต่อย่างน้อยๆนางก็ได้พบแล้ว แม้ว่าจะอยู่คนละสำนักก็ตาม ความสามารถของเขาจัดว่า น่ากลัว ทีเดียว ขนาด’ชูเฟิง’มีอายุเพียงเท่านี้จะเป็นยังไงหากเขาอายุพอๆกับนาง
หลังจากที่ม่านการประลองครั้งนี้จบลง ‘ชูเฟิง’ ได้ทิ้งความประทับใจและความประหลาดใจไว้ให้แก่ผู้คน การต่อสู้ครั้งนี้รอบนี้ เป็นครั้งที่ตื่นเต้นที่สุดจากการต่อสู้ทั้งหมดที่เคยมีมา
ความประทับใจ ต่อ ‘ชูเฟิง’ในครั้งนี้คือการได้เป็นผยานของการถือกำเนิด อัจฉริยะ ที่เหนือกว่าอัจฉริยะ ที่ปรากฏขึ้นมาจากสำนักมังกรฟ้า
เขาคืออัจฉริยะที่อาจจะเปลี่ยนแปลงชะตาของสำนักมังกรฟ้าในอนาคต บางทีเขาอาจนำชื่อเสียงของสำนักไปยังจุดสูงสุดที่อยู่เหนือสำนักทั้ง 9 อาณาจักร เหมือนกับว่าได้คืนสู่ความรุ่งเรืองในครั้งอดีต เป็นไปได้ว่าเขาจะทำให้สำนักมังกรฟ้า เป็นสำนัก # 1
เมืองทอง – ม่วง ขณะนั้นต่างได้รับความสนใจ หลายคนที่เคยดูถูก ต่างเริ่มเข้ามาตีสนิทกับ’เฉิน ฮุ้ย’ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเป้าหมายพวกเขาคือ ‘ชูเฟิง’
เมื่อ ‘ชูเฟิง’ ได้รับตำแหน่งผู้ชนะเลิศในการประลองครั้งนี้ นครทอง – ม่วงได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งทำให้ ‘เฉิน ฮุ้ย’ มีความสุขอย่างมาก เพราะว่าเขาไม่ต้อง จ่ายภาษี อีกทั้งยังได้อัจฉริยะอย่าง ‘ชูเฟิง’ มาไว้ในเมือง มันสามารถทำให้เขาเชิดหน้าชูตาเมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าเมืองต่างๆได้
เมื่อการประลองปีนี้จบลง นามของ ‘ชูเฟิง’ ต่างถูกจดจำ ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ส่วน ‘ชูเฟิง’ ยังไม่ออกจากเมือง วิหคเพลิง เพราะได้รับคำเชิญ ของ ‘ซูเฮิน’ ให้อยู่ในเมือง
ทุกคนเข้าใจดี ว่าความสามารถของ ‘ชูเฟิง’ ทำให้เหล่าบรรดาคนใหญ่คนโตต่างต้องการจะผูกมิตรกับเขา ไม่ต้องพูดถึง ‘ซูเฮิน’ แม้แต่เจ้าเมืองต่างๆยังเริ่มสอบถามประวัติต่างๆของเขา เพราะต้องการผูกมิตรกับตะกูล ชู เพื่อจะได้เข้าหา ‘ชูเฟิง’
” ชูเฟิง เจ้าไม่ได้ฟังที่ข้าเตือนเลยสินะ หรือว่าเจ้าลืมไปแล้ว ว่า การฝึกฝนต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไป หากเจ้ายังทำแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าจะเสียใจ “
ณ ที่แห่งหนึ่งในเมือง วิหคเพลิง ‘ชูเฟิง’กับ’ซูเหม่ย’ เดินข้างๆกันไปตามทาง แม้ว่านางจะมีความสุขที่ ‘ชูเฟิง’ ได้รับชัยชนะ แต่นางก็ยังเป็นห่วงเรื่องที่พลังของ’ชูเฟิง’เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
” ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าไม่รู้หรอว่าข้า ชูเฟิง เป็นคนยังไง ข้าไม่ใช่คนที่คิดอะไรมากนักก็จริง แต่เรื่องการเพิ่มพลังวิญญาณข้ารู้ว่าร่างกายข้ารับได้ขนาดไหน ข้าจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นการทำร้ายตัวเอง “
” หากข้าไม่สามารถเอาชนะ กง ลู่หยุน ได้ภายในหนึ่งปี ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ฆ่าข้า ข้าก็ไม่มีหน้าจะอยู่ไปอีกแล้ว ดังนั้นข้าจึงต้องรีบ “
‘ชูเฟิง’ หัวเราะแห้งๆ
” เจ้ารีบร้อนเกินไปจริงๆนั้นแหละ “
พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใบหน้าของ’ซูเหม่ย’ก็เต็มไปด้วยความกังวล ‘กง ลู่หยุน’ นั้นเป็นศิษย์หลัก อันดับ 1 ของสำนักมังกรฟ้า แต่ในความเป็นจริงเขาอาจจะเป็น อันดับ 1 การประลองครั้งนี้เลยด้วยซ้ำหากเขาเข้าร่วมได้
‘กง ลู่หยุน’ เป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ตอนที่เขาอายุ 20 เขาก็ได้เข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้วิญญาณระดับ 1 แล้ว ซึ่งเทียบเท่ากับ ‘ซูรู่’ทีเดียว เป็นเรื่องยากที่ ‘ชูเฟิง’ จะไล่ ‘กง ลู่หยุน’ ให้ทันภายในหนึ่งปี
” นี่ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ข้ารู้ดีว่ากำลังทำอะไร เชื่อใจข้าเถอะ !!! “
” ว่าแต่เจ้าเถอะเกิดมาในตะกูลมั่งคั่งและเต็มไปด้วยอำนาจ ทำไมถึงได้เลือกที่จะเข้าสำนักมังกรฟ้าล่ะ ? “
‘ชูเฟิง’ รู้สึกว่า ‘ซูเหม่ย’ กงวัลเกินไป เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องพูด
” เรื่องนั้นมัน . . . .”
พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ใบหน้าหวานๆของนางถึงกับเปลี่ยนไปทันที
” ช่างเถอะ ถ้าเจ้าไม่สะดวกที่จะตอบ ก็คิดซะว่าข้าไม่เคยถาม “
ชูเฟิงยิ้มเบาๆ
” ไม่ใช่นะ “
เห็น ‘ชูเฟิง’ พูดมาเช่นนั้น นางเครียดทันที นางกลัวว่าเขาจะมีทัศนคติไม่ดีต่อนาง หลังจากที่รอบๆ นางรีบดึงแขนของ ‘ชูเฟิง’ เข้าไปในห้องหลังจากปิดประตูห้องแล้ว ‘ซูเหม่ย’แอบมองผ่านรูเล็กๆทางประตู หลังจากสังเกตุได้สักพัก นางก็บอกให้ ‘ชูเฟิง’ ใช้อำนาจพลังวิญญาณตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงว่ามีใครอยู่หรือป่าว
” ไม่เป็นไร ที่นี่ปลอดภัย “
‘ชูเฟิง’ ตรวจสอบรอบๆก็พบว่าไม่มีใคร ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งรู้ว่านางมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
” ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจเจ้า แต่เรื่องนี้มันสำคัญมาก ตอนแรก ข้าก็ไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับใคร แต่เพราะว่าเจ้าถามข้า . . . “
‘ซูเหม่ย’ อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก
” ถ้ามันเป็นความลับ ก็เก็บไว้เถอะ “
‘ชูเฟิง’ ยิ้มเพราะว่าเขาไม่ต้องการทำให้ ‘ซูเหม่ย’ ลำบากตอนนั้น ‘ซูเหม่ย’ กัดฟัน พร้อมกับกล่าว
” เจ้าคิดว่าใครคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของอาณาจักร มังกรฟ้า ? “
” แน่นอนว่าเป็น ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้า เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่แกร่งที่สุดในอาณาจักรทั้ง 9 แม้แต่ราชวงศ์เจียงยังเกรงใจ “
‘ชูเฟิง’ตอบ
” ผิดแล้ว “
‘ซูเหม่ย’ส่ายหน้าแล้วพูดต่อว่า
” ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าแข็งแกร่งก็จริง แต่ไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยปรากฏขึ้นในอาณาจักรมังกรฟ้า “
” โห ยังมีใครเก่งกว่าตาแก่นั้นอีกหรอ “
‘ชูเฟิง’ อยากรู้เข้าไปใหญ่
” อืม . . . . . . แต่ยังไง นี้ก็เป็นแค่เรื่องเล่าที่ไม่มีการตรวจสอบ เมื่อ 10,000 ปีก่อน อาณาจักรทั้ง 9 ยังเป็นดินแดนทุรกันดาร มีประชากรอยู่ไม่ถึง 1 ใน 100 ของประชากรในตอนนี้ “
” สมัยนั้นยังไม่มีราชวงศ์เจียง หรือ สำนักต่าง ๆ แม้แต่ ทักษะ ยังไม่เป็นที่รู้จัก ของคนทั่วไป เพราะการได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆจะไม่ฝึกให้กับคนภายนอก “
” ดังนั้น คนทั่วไปจึงมีน้อยมากที่มีวรยุทธ มีแต่ 9 ตะกูลเท่านั้นที่รู้จักทักษะและวิธีฝึกฝน และ 9 ตะกูลนั้นก็แบ่งกันครอบครอง อาณาจักรทั้ง 9 ในตอนนั้น ตะกูล ที่ครอบครองอาณาจักรมังกรฟ้า มีนามว่า ตะกูล ชิงหลง “
ปล : คำว่า ชิง คือ หรือ คำว่า ฟ้า แต่เราแปลไว้ ว่า มังกรฟ้า ดังนั้น จึงใช้ ชิงหลง หรือ มังกรฟ้า
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . . .
ที่มา: