ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ซวนหยวน วิ่งหนีไปซะ! พวกมันไม่กล้าที่จะฆ่าข้า!” ฟาง ยู่โหยวตะโกน ในขณะที่นางปลดปล่อยพลังปราณธาตุวารีของนางเข้าไปในดาบของนาง เพื่อต่อสู้กับคลื่นพลังที่รุนแรงที่ปล่อยมาจากลู่ หยู่เชียง
ผู้คุ้มกันตระกูลฟางทุกคนได้ส่งพลังปราณของพวกเขาไปให้ฟาง ยู่โหยว เพื่อต่อสู้กับเซี่ย อู๋เฮิ่น
เมื่อได้ยินคำเตือนของฟาง ยู่โหยว ซวนหยวนไม่ได้วิ่งหนีแต่อย่างใด เขากลับพุ่งตรงไปข้างหน้า และหยิบหน้าไม้ไว้ในมือ 2 ข้าง และกล่าวขณะหัวเราะว่า “เอาไปแดกกกก!”
ซวนหยวนเล็งไปที่ ลู่ หยู่เชียง และเซี่ย อู๋เฮิ่น
“หน้าไม้ระเบิด!” ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกมันไม่สามารถวิ่งหนีได้ แต่อย่างไรก็ตามยุทธภัณฑ์ระดับปฐพีขั้นสูงของพวกมันก็ได้ทำงานโดยอัตโนมัติและป้องกันการโจมตีของซวนหยวน
แต่แรงระเบิดยังคงส่งผลให้พวกมันกระเด็นไปไกลหลายเมตร ซวนหยวนจึงหัน และใช้หน้าไม้ของเขาเล็งไปที่นักสู้ขอบเขตกษัตริย์ที่มาจากตระกูลเซี่ยที่กำลังบาดเจ็บ
แม้ว่านักสู้ขอบเขตกษัตริย์จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังคงมีพลังอย่างท่วมท้น และดูเหมือนเขากำลังรักษาบาดแผลของตัวเองอยู่ ฟาง อู๋เจี้ยน เป็นคนสุดท้ายที่ปกป้องเขา แม้ว่าซวนหยวนสามารถหลบหนีไปได้ แต่ตระกูลฟางก็จะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ และฟาง ยู่โหยว ก็จะตกอยู่ในมือของพวกมัน. มันเป็นสถานการณ์ที่ซวนหยวนไม่ต้องการที่จะเห็นมัน คนพวกนั้นอาจจะทำอะไรบางอย่างกับฟาง ยู่โหยว ก็เป็นได้
เมื่อซวนหยวนเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด เขาจึงเพ่งเล็งไปที่นักสู้ขอบเขตกษัตริย์จากตระกูลเซี่ยที่บาดเจ็บ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน โดยปกตินักสู้ขอบเขตจิตวิญญาณจะไม่กล้าท้าทายคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง
นักสู้ขอบเขตกษัตริย์ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และหลบเลี่ยงการโจมตีของซวนหยวน แต่ศรทั้ง 6 ดอกที่ซวนหยวนโจมตีมานั้นมันเร็วกว่ามาก มันพุ่งเข้าใส่ร่างของมันอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายของมันระเบิดออกเป็นชิ้นๆทันที
ซวนหยวนรีบวิ่งไปยังศพของมัน ทำให้หลายคนที่กำลังมองดูสับสนว่าเขากำลังจะทำอะไร พวกเขารู้สึกประหลาดใจที่เห็นซวนหยวนรีบปล้นยุทธภัณฑ์ระดับปฐพีขั้นสูง และแหวนนักสู้จากศพ
ฟาง ยู่โหยว ไม่รู้ว่าจะหัวเราะ หรือจะร้องไห้ดี ขณะที่ใบหน้าของเซี่ย อู๋เฮิ่น และลู่ หยู่เชียง แดงเถือกเพราะความโกรธ
“ฆ่าผู้คุ้มกันตระกูลฟางให้หมด ส่วนข้าจะจัดการกับซวนหยวนเอง” เซี่ย อู๋เฮิ่น กล่าวในขณะที่มันกำลังกำกรงเล็บปีศาจไว้ในมือ กรงเล็บได้ปลดปล่อยเสียงคำรามของภูติ ผี ปีศาจ ออกมา
“โอเค” ลู่ หยู่เชียง ได้เรียกคลื่นพลังแห่งไฟจากพัดร้อยอัคคี ในเวลาเดียวกันเขาก็สั่งนกนภาวารีของเขาให้ใช้ “พายุแห่งเปลวเพลิง!”
นกเริ่มเหวี่ยงปีกและสร้างพายุลมแรงขึ้น มันผสานกับคลื่นพลังไฟ จากนั้นก็พุ่งไปยังเหล่าผู้คุ้มกันของตระกูลฟาง
ฟาง ยู่โหยว ออกคำสั่งให้เหล่าผู้คุ้มกันตระกูลฟางอย่างเสียงดังว่า “รูปแบบกระบี่วารี!”
เหล่าผู้คุ้มกันทุกคนได้มารวบตัวกัน และล้อมรอบฟาง ยู่โหยวเป็นวงกลม จากนั้นพวกเขาก็ส่งพลังปราณไปให้นาง และดาบของนางก็ปลดปล่อยพลังปราณออกมามหาศาล คลื่นพลังขนาดใหญ่ก็ได้ก่อตัวอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา และปะทะกับพายุแห่งเปลวเพลิงของ ลู่ หยู่เชียง
คลื่นพลังทั้งสอง มันไม่ได้ปะทะและหายไปทันทีแต่อย่างใด มันปะทะและเสียดสีกันไปกันมา ด้วยพลังของทั้ง 2 ฝ่าย ฟาง ยู่โหยวรู้สึกว่ากระดูกของนางเริ่มรู้สึกเหมือนถูกกดทับ แต่ทันใดนั้น พลังจากอวัยวะทั้ง 5 ของนางก็ได้ปะทุออกมา พลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากมังกร 78 ตัว เป็น 117 ตัว ตอนนี้รูปแบบขบวนของนางเริ่มที่จะทรงพลังมากขึ้น ลู่ หยู่เชียง เริ่มรู้สึกว่าพลังปราณของมันไหลออกไป
“เกิดอะไรขึ้น? นาง กลายเป็นนักสู้ขอบเขตกษัตริย์?”
“ เอี๋ยน เอี๋ยน, รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า!” ลู่ หยู่เชียง เรียกสาวใช้ของเขา นางก็เป็นนักสู้ขอบเขตกษัตริย์เหมือนกัน นางใส่พลังปราณไปในการโจมตีของลู่ หยู่เชียง ทำให้พายุแห่งเปลวเพลิงมันใหญ่โตมากยิ่งขึ้น และน่ากลัวขึ้น
ฟาง ยู่โหยว เป็นจุดศูนย์กลางของรูปแบบขบวน ทำให้พลังปราณของนางหมดเร็วกว่าคนอื่น นางจึงฝืนใช้ยาเพิ่มความแข็งแกร่ง
ด้วยการปะทะกันแต่ละครั้ง, กรงเล็บของเซี่ย อู๋เฮิ่นได้ตัดผ่านอากาศ และปล่อยคลื่นพลังสีดำไปทางซวนหยวน
ซวนหยวนสามารถเห็นได้ว่ามันมีกงเล็บบิดเบี้ยวเป็นจำนวนมาก และมีใบหน้าของปีศาจบนบนกรงเล็บ การโจมตีแต่ละครั้งมันเทียบเท่าได้กับพลังของมังกร 108 ตัว ซวนหยวนหยิบหน้าไม้ 2 อันสุดท้ายออกมา และเล็งไปที่เซี่ย อู๋เฮิ่น และเหนี่ยวไก
ลูกศรทั้ง 16 ดอก มุ่งตรงไปที่เซี่ย อู๋เฮิ่น แต่เซี่ย อู๋เฮิ่นไม่ได้หลบแม้แต่น้อย มันกลับใช้กรงเล็บของมันปัดลูกศรทิ้ง
กรงเล็บของมันได้ทำลายลูกศรไปได้ครึ่งหนึ่ง และเหลือลูกศรอีก 8 ดอกที่พุ่งเข้ามา ยุทธภัณฑ์ระดับปฐพีขั้นสูงของมันทำงานอัตโนมัติ และหยุดการโจมตีจากลูกศรที่จะทำให้ผู้สวมใส่ได้รับความเสียหาย
“ข้าจะดูว่าเจ้าจะมีหน้าไม้มากมายแค่ไหนกัน” เซี่ยยิ้มด้วยความโกรธ และพุ่งเข้าไปหาซวนหยวนอีกครั้ง
ซวนหยวนรีบเปิดใช้งานหมวกเหล็กไร้ตำหนิ และทำให้เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เป้าหมายของมันหายไป ทำให้เซี่ย อู๋เฮิ่น ตกใจ“มันเป็นหมวกเหล็กไร้ตำหนิ! เจ้าเด็กนั่นมันไม่ธรรมดา, แต่ว่านักสู้ขอบเขตจิตวิญญาณไม่สามารถเปิดใช้งานหมวกเหล็กได้นาน”
จากนั้น เซี่ย อู๋เฮิ่น ก็รู้สึกว่าร่างกายของมันรู้สึกหนาวเย็นแปลกๆ ซวนหยวนได้มาอยู่ข้างหลังของมัน และแทงกริชไปที่หลังของเซี่ย อู๋เฮิ่น ยุทธภัณฑ์ของเซี่ย อู๋เฮิ่นได้ปกป้องมันจากการโจมตีจากกริชลึกลับของซวนหยวน แม้ว่าซวนหยวนจะไม่สามาถฆ่าเซี่ย อู๋เฮิ่นได้ แต่กริชของซวนหยวนก็ได้ดูดกลืนพลังปราณจำนวนมากจากยุทธภัณฑ์ของมัน
เซี่ย อู๋เฮิ่น ตกใจ , มันรู้สึกว่าพลังปราณของมันถูกดูดออกไป. ใบหน้าของมันเริ่มซีดขาว มันหันไปรอบๆ และกวัดแกว่งกงเล็บของมัน
“ปีศาจ 100 อสูร!” พลังปราณของมันแปลเปลี่ยนเป็นภาพภูติ ผี ปีศาจ ดุร้ายนับร้อย. ซวนหยวนไม่มีเวลาแม้แต่จะวิ่งหนี เกราะของเขาได้ปกป้องเขาทำให้ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
เขารีบเปิดใช้งานรองเท้ามังกรทันที และกระโจนออกไป จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานหมวกเหล็กไร้ตำหนิของเขา และหายไปจากสายตาของเซี่ย อู๋เฮิ่น ซวนหยวนได้สูญเสียพลังปราณไปประมาณ 80% ดังนั้นซวนหยวนจึงรีบกลืนยาเสริมความแข็งแกร่งทันที
“เจ้าแข็งแกร่งมาก เจ้าหนู แต่เจ้าไม่สามาถฆ่าข้าได้” พลังปราณของเซี่ย อู๋เฮิ่น ก็ได้หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกันเพราะถูกซวนหยวนดูดกลืนไป ดังนั้นมันจึงใช้ยาเสริมความแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เซี่ย อู๋เฮิ่นก็กระโดดขึ้นไปบนหลังหมาป่าขนทองของมันทันที “ดวงตาแห่งหมาป่าปีศาจ!”
แสงสองดวงสาดส่องออกมาจากดวงตาของหมาป่า มันตรวจสอบวิเคราะห์พื้นที่ทั้งหมด และเจอตัวซวนหยวน
หมาป่าขนทอง และเซี่ย อู๋เฮิ่น ร่วมมือกัน และพุ่งโจมตีซวนหยวน หัวใจของซวนหยวนรู้สึกเย็นวูบ เขารีบใช้ทักษะย่างก้าวมังกรสวรรค์ทันที และคิดแผน เขาจะต้องเสี่ยงที่จะฆ่ามัน