ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” เจ้าคิดว่าจะอยู่ยงคงกระพันได้เพราะมียุทธภัณฑ์ระดับปฐพีขั้นสูงเพียงไม่กี่ชิ้น? ข้าจะแสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นของพวกเรา! ” เซี่ยอู๋เฮิ่นยิ้มอย่างเย้ยหยัน เขาควงกรงเล็บตัดผ่านอากาศอย่างรวดเร็วและตรงไปที่ซวนหยวน
ด้วยความช่วยเหลือของรองเท้ามังกร ซวนหยวนนั้นมีความเร็วพอๆกันนักสู้ขอบเขตกษัตริย์ พร้อมกันใช้ทักษะย่างก้าวมังกรสวรรค์;ปลดปล่อยปณิธานมังกรสวรรค์ที่จะเสียสละตัวเองเพื่อที่จะสังหารศัตรู
ซวนหยวนปกปิดความแข็งแกร่งของตัวเองดังนั้นทุกคนจึงมองข้ามความแข็งแกร่งของเขา ในทางกลับกัน เซี่ยอู๋เฮิ่นเปิดเผยไผ่ตายทั้งหมดของเขาออกมา เขาได้ปรับแต่งอวัยวะทั้ง 3 และมีความแข็งแกร่งเกือบจะถึงมังกร 200 ตัว ทำให้แทบจะไม่เห็นซวนหยวนอยู่ในสายตา
เขามองราวกับว่าซวนหยวนต้องการที่จะฆ่าตัวตาย เซี่ยอู๋เฮิ่นโจมตีไปอีกครั้งและปลดปล่อยพลังปราณออกมาโดยรอบ
ในตอนนี้ซวนหยวนต้องหลบการโจมตี เขาโคจรพลังปราณไปที่รองเท้ามังกร ทันใดนั้นเขาพุ่งไปข้างท้องของหมาป่าขนทองและกรีดขาทั้ง 2 ข้างด้วยกริชของเขา ในขณะที่หมาป่ากำลังล้มลง เขาแทงไปที่ท้องของมันอีกที พริบตาเดียวพลังชีวิตทั้งหมดของมันถูกดูดกลืนในทันที ร่างกายของมันเหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็ว
เซี่ยอู๋เฮิ่นประมาทเกินไป เขาคิดว่าซวนหยวนเป็นเพียงแค่เด็กโง่ที่อยากจะเสียสละตัวเอง แต่ซวนหยวนก็ใช้จุดนั้นในการหลอกล่อเขา จากนั้นเขาก็ใช้ความเร็วสูงสุดที่เทียบเท่าได้กับความเร็วของจุดสูงสุดนักสู้ขอบเขตกษัตริย์เพื่อทำตามแผน
เซี่ยอู๋เฮิ่นโยนหมาป่าลงบนพื้น กรงเล็บปีศาจปะทะกับพื้นและสร้างหลุมขนาด 5 เมตร และมันขยายไปอีกเกือบ 20 เมตร
ด้วยปราณจากหมาป่าขนทอง พลังปราณของซวนหยวนถูกฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง
” ปราศจากหมาป่า เจ้ายังกล้าที่จะปะทะกับข้า? ” ซวนหยวนกล่าวในขณะที่เปิดใช้หมวกเหล็กไร้ตำหนิและหายตัวไป
เซี่ยอู๋เฮิ่นกัดฟันแน่น ” บัดซบ! เป้าหมายแต่แรกของมันคือหมาป่าของข้า แต่มันประเมินพลังของข้าต่ำไป! “
เขาลุกขึ้นและรอให้ซวนหยวนเข้ามาใกล้ ซวนหยวนปรากฏตัวที่ด้านหลังของเซี่ยอู๋เฮิ่นและแทงไปที่เอวของเขา เกราะของเขาทำงานอีกครั้งแต่พลังปราณของเขาก็ยังถูกดูดกลืน เซี่ยอู๋เฮิ่นใช้โอกาสนี้โจมตีไปที่หัวของซวนหยวนด้วยความแข็งแกร่งที่เทียบเท่ากับมังกร 200 ตัว
แม้ว่าจะได้รับการปกป้องจากเกราะของเขา แต่ซวนหยวนก็ยังถูกกระแทกลงไปบนพื้น
เขาใช้ปราณทั้งหมดเพื่อเปิดใช้เสื้อเกราะ อาคมที่จารึกไว้บนเสื้อเกราะเริ่มเจือจางลงเรื่อยๆ เมื่อปราณของเขาเริ่มหมดไป ในตอนที่ซวนหยวนถูกกระแทก ซวนหยวนรู้สึกราวกับว่าเส้นใยทั่วทั้งร่างกายเจ็บปวดจากโจมตีนี้ ซวนหยวนช่วยไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาสาหัสเป็นอย่างมาก เขาใช้ความเจ็บปวดนี้เพื่อทำความเข้าใจระหว่างเส้นโลหิตกับกระดูกของเขา เขากัดฟันและรวบรวมพลังสุดท้ายแทงกริชเข้าไปที่เซี่ยอู๋เฮิ่นและดูดดลืนพลังปราณของเขาอย่างรวดเร็ว
” ไอ้เดรัจฉาน! พลังปราณทั้งหมดของข้ากำลังถูกดูดออกไป ข้าจะฆ่าเจ้า! ” เซี่ยอู๋เฮิ่นตกตะลึง แต่เขาก็ยังเฉือนกรงเล็บไปที่เกราะของซวนหยวน
แต่ตอนนี้ ซวนหยวนใช้พลังปราณที่ได้จากเซี่ยอู๋เฮิ่นสนับสนุนชุดเกราะของเขาเอง!
ทันใดนั้นเองภายในร่างกายของซวนหยวนได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังปราณที่กำลังไหลเข้าสู้ไขกระดูกอย่างช้าๆ มันเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างสมบูรณ์ ความแข็งแกร่งของซวนหยวนถูกยกระดับขึ้นอย่างก้าวกระโดด
72!
80!
89!
96!
เบื้องหลังของเขาปรากฏเงาของมังกรทั้ง 96 ตัว เขาก้าวเข้าสู้ของเขตพฤกษาแล้ว!
” บัดซบ! เป็นไปไม่ได้! นักสู้ขอบเขตพฤกษาที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมังกร 98 ตัว! ” เซี่ยอู๋เฮิ่นกรีดร้องอยู่ภายใน เขารู้ว่าถ้ายังคงสูญเสียพลังปราณในอัตรานี้ พลังป้องกันของเกราะจะอยู่ได้อีกไม่นาน เขาหวาดกลัวขึ้นมาในทันที ทันใดนั้นซวนหยวนกระโดดไปข้างหน้าและใช้ทักษะ ‘ มังกรสวรรค์เจาะทะลวง ‘ !
เซี่ยอู๋เฮิ่นต้องการที่จะถอยหนีแต่ซวนหยวนกอดรัดเขาไว้แน่น เกราะของเซี่ยอู๋เฮิ่นถูกทำลายจำเกือบหมดเมื่อพยายามที่จะยับยั้งซวนหยวน
แต่ในขณะนั้นเอง ซวนหยวนรู้สึกราวกับว่าถูกภูเขาขนาดใหญ่กดทับไว้และกระอักเลือดออกมา
เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความกลัว เห็นชายที่มีแสงสว่างรอบตัวยืนอยู่ออกไปไม่ไกล ชายคนนี้สะพายดาบเอาไว้ข้างหลัง การมาถึงของเขาทำให้ทุกคนล้วนตกตะลึงไม่เว้นแม้กระทั่ง ลู่หยู่เชียงและฟางยู่โหยว
เซี่ยอู๋เฮิ่นยิ้มอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเขา ” ท่านชิงยวิ๋น! “
” เซี่ยอู๋เฮิ่น เจ้าหัดเจียมตัวกับความอ่อนแอเสียบ้าง! ” ชิงยวิ๋นกล่าว เขาเป็นศิษย์แท้จริงของนิกายและอยู่อันดับที่ 36 เขาแข่งขันกับเฟิงเลี่ยเป็นหนึ่งในศิษย์แท้จริงที่ได้รับคำสั่งให้ไปซุ่มโจมตีปีศาจมายา
” เจ้าเด็กนี่มีทักษะที่แปลกประหลาด มันน่าขนลุกเสียจริง เขาถึงกับมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมังกร 98 ตัว แต่เขาเพิ่งจะเข้าสู่ขอบเขตพฤกษา นอกจากนี้เขายังมียุทธภัณฑ์ระดับปฐพีขั้นสูงปกป้องตัวเขาอยู่ เป็นข้าเองที่ประมาท ” เซี่ยอู๋เฮิ่นไม่ได้บอกชิงยวิ๋นเกี่ยวกับกริชลึกลับ เพราะชิงยวิ๋นจะต้องเอามันไปแน่ถ้าเขารู้
” ดูสิเจ้ามีทั้ง หมวกเหล็กไร้ตำหนิ, เกราะทองคำสวรรค์ แม้กระทั่งรองเท้ามังกร ช่างน่าประทับใจเสียจริง แต่เจ้ากล้าดียังไงถึงกล้าทำร้ายสมาชิกของห้าตระกูล? คุกเข่า! ” ชิงยวิ๋นปลดปล่อยแรงกดดันของเขาออกมา ผลักดันให้ซวนหยวนถึงกับถอยหลัง ซวนหยวนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง แต่เขาก็คงนำบางอย่างออกมามันคือเหรียญตรานักสู้มังกรและคำรามออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว ” ข้ามีเหรียญตราของศิษย์พี่เฟิงเลี่ย เจ้ากล้าดียังไงสั่งให้ข้าคุกเข่า! “
ใบหน้าของเซี่ยอู๋เฮิ่นและลู่หยู่เชียงกลายเป็นซีดขาว แม้แต่ทุกคนจากตระกูลฟางก็ตื่นตะลึง ซวนหยวนถูกสนับสนุนจากเฟงเลี่ย!
ชิงยวิ๋นครุ่นคิดบางอย่างก่อนที่จะยิ้มอย่างเย็นชาไปที่ซวนหยวน ” เจ้าคิดว่าจะสามารถข่มขู่ข้าได้โดยใช้เพียงแต่เหรียญตราของศิษย์พี่เฟิงเลี่ย? ข้าก็มีเหรียญตราของนิกายนักสู้มังกร เจ้ากล้าที่จะทำร้ายคนของห้าตระกูล ข้าจะสังหารเจ้าที่เป็นคนทรยศในฐานะตัวแทนของศิษย์พี่เฟิงเลี่ย! “
เพียงแค่พลังปราณของชิงยวิ๋นอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะฆ่าซวนหยวนโดยไม่ต้องยกนิ้วด้วยซ้ำ ซวนหยวนได้ยินเสียงกระดูกและข้อต่อแตกหักภายใต้แรงกดดันที่ยิ่งใหญ่
ชิงยวิ๋นอิจฉาความสำเร็จของเฟิงเลี่ยในการต่อสู้กับเผ่ามายา เขาไม่สามารถที่จะทำอะไรกับเฟิงเลี่ยได้ด้วยตัวเอง แต่เขาสามารถที่จะคุกคามนักสู้ขอบเขตพฤกษาตัวน้อยๆเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นเขาจะไม่อาจระบายความคับแค้นใจที่มีต่อเฟิงเลี่ยได้!
ซวนหยวนจ้องมองไปที่ชิงยวิ๋น ” เจ้ากล้าที่จะฆ่าข้า? “
” ทำไมข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้? ไอ้เศษสวะ! ” ชิงยวิ๋นหัวเราะ
ฟางยู่โหยวกรีดร้องและโคจรพลังปราณพุ่งตรงไปที่ชิงยวิ๋น ” ถ้าเจ้าฆ่าเขา ข้าจะฆ่าเจ้า! “