ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปฟาง ยู่โหยว โจมตีพุ่งเข้าโจมตีชิงยวิ๋น พร้อมกับเหล่าผู้คุ้มกันข้างหลังของนาง พวกเขาสร้างรูปแบบขบวนกระบี่วารีขึ้นมา ควบคู่กับการโจมตี การโจมตีของพวกเขาเหมือนกับน้ำตกที่ตกลงมาจากฟากฟ้า กระบี่ของพวกเขาพุ่งตรงไปที่ชิงยวิ๋น มันขมวดคิ้วอย่างดูถูก และก็ไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด
“เจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าด้วยการโจมตีเช่นนี้รึ? คุกเข่า!”
ชิงยวิ๋นโบกสบัดมือ ทำให้การโจมตีของฟาง ยู่โหยว และเหล่าผู้คุ้มกันแตกเป็นเสี่ยงๆ การโต้กลับการโจมตีทำให้กับฟาง ยู่โหยว และเหล่าผู้คุ้มกัน ได้รับบาดเจ็บ พวกเขาทุกคนไอเป็นเลือด พลังของชิงยวิ๋นทำให้เหล่าผู้คุ้มกันต้องคุกเข่าลง เหลือเพียงแค่ฟาง ยู่โหยว คนเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่ ขณะที่นางจ้องหน้าชิงยวิ๋น
“ฆ่าข้าตอนนี้เลยสิ , หรือจะให้ข้าไปถึงนิกาย และบอกให้ท่านลุงฟางยวิ๋นฆ่าเจ้า!”
ชิงยวิ๋นลังเล มันรู้ว่ามันเป็นไปได้ที่มันจะถูกท่านลุงฟางยวิ๋นฆ่า ดังนั้นมันจึงหันไปสนใจซวนหยวนแทน “ข้าจะดูว่าใครจะเป็นคนช่วยเจ้า!” ชิงยวิ๋นยื่นแขนไปข้างหน้าและปลดปล่อยพลังปราณของมันไปทางซวนหยวน
แต่ก่อนที่การโจมตีจะมาถึงซวนหยวน แขนของมันที่ยื่นออกมานั้นได้ถูกตัดออกจากไหล่ของมันทันที เลือดของมันพุ่งไหลออกมาจากบาดแผลและสร้างหลุดขนาดใหญ่ไว้บนพื้น นักสู้ขอบเขตนักพรตได้ปรับแต่งโลหิตของพวกเขาทำให้เลือดนั้นเต็มไปด้วยพลังงานที่บริสุทธิ์ ดังนั้นเลือดของพวกเขาสามารถที่จะทำร้ายและฆ่าศัตรูได้ แต่อย่างไรก็ตามนักสู้ขอบเขตนักพรตแบบชิงยวิ๋น ก็ยังถูกตัดแขนเหมือนตัดดินเหนียว
“ชิงยวิ๋นเจ้ากล้าดียังไง ที่จะโจมตีคนของข้า” กลิ่นอายที่น่าเกรงขามกระจายไปทั่วท้องฟ้า ชายคนนั้นกำลังขี่ม้าเกล็ดมังกรของเขาอยู่ แค่ม้าของเขาก็มีพลังเทียบเท่ากับนักสู้ขอบเขตกษัตริย์ แน่นอนคนที่ขี่มันจะต้องมีพลังมากกว่านั้น
“นักสู้ขอบเขตราชันย์ !” ชิงยวิ๋นกรีดร้อง, “เจ้าประสบความสำเร็จในการบรรลุขอบเขตราชันย์!”
ซวนหยวนเห็นชายคนนี้ และเริ่มที่จผ่อนคลายลง เขาเดินไปจุดที่แขนของชิงยวิ๋นถูกตัด ขณะที่เขากำกริชลึกลับไว้อยู่ในมือ แขนที่อยู่บนพื้นดินก็เหมือนกับงูที่ถูกตัดขาด เมื่อชิงยวิ๋นเห็นสิ่งที่ซวนหยวนกำลังจะทำมันกรีดร้องออกมาเสียงดัง ถ้าแขนไม่ได้ถูกทำลายทิ้งหรือได้รับความเสียหายใดๆ มันก็สามารถที่จะต่อใหม่ได้อย่างง่ายดาย มันจะต้องใช้เงินจำนวนมากและความพยายามอย่างหนักที่จะให้แขนงอกออกมาใหม่ถ้าแขนเก่าได้รับความเสียหาย
“ถ้าเจ้ากล้าทำเช่นนั้นล่ะก็…….!”
ซวนหยวนเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้อย่างเย็นชา, “ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ข้าไม่กล้าทำ!”
จากนั้นซวนหยวนก็แทงกริชเข้าไปในแขนและดูดพลังชีวิตทั้งหมดที่มีอยู่ แขนของชิงยวิ๋นเริ่มเน่าเปื่อยทันทีหลังจากที่ถูกกริชแทงเข้ามา เหลือเพียงแค่แหวนต่อสู้ที่อยู่ในกระดูกของนิ้ว ซวนหยวนหยิบแหวนและใส่แหวนของชิงยวิ๋นในนิ้วมือของเขา ไม่มีใครรู้ว่าความมั่งคั่งของนักสู้ขอบเขตนักพรตจะมีมากขนาดไหนในแหวนวงนี้
ชิงยวิ๋นสั่นด้วยความโกรธ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่มันต้องการ นอกจากการฆ่าซวนหยวนซะตอนนี้ แต่เฟิงเลี่ย ที่เป็นนักสู้ขอบเขตราชันย์ และอยู่ที่นี่แล้ว ชิงยวิ๋นไม่สามารถที่จะฆ่าเฟิงเลี่ยได้ ไม่ว่ามันต้องการจะฆ่าซวนหยวนมากแค่ไหนก็ตาม
เซี่ย อู๋เฮิ่น และลู่ หยู่เชียง ตกอยู่ความหวาดกลัวเช่นเดียวกับชิงยวิ๋น เฟิงเลี่ยได้เป็นนักสู้ขอบเขตราชันย์แล้ว ซึ่งหมายความว่าเขาได้รับการจัดอันดับให้อยู่ อันดับ 1 ใน 20 ของศิษย์แท้จริง
“ข้าเห็นว่าพลังเหรียญตราของข้าได้ถูกเปิดเผยแล้ว ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อตรวจสอบ ซวนหยวน เจ้าไม่ได้ใช้เหรียญตราของข้าเพื่อส่งให้เจ้าเป็นศิษย์ของนิกายได้โดยตรง แต่เจ้ากลับต้องการทดสอบเข้านิกายเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ทำได้ดีมาก” เฟิงเลี่ยมองด้วยความชื่นชม ที่ซวนหยวนได้เป็นนักสู้ขอบเขตพฤกษาแล้ว
“ขอบคุณ, ศิษย์พี่เฟิงเลี่ย ข้าควรจะคืนเหรียญตราให้ท่าน” ซวนหยวนโยนเหรียญตราให้เฟิง เลี่ย , ที่ลอยอยู่ในอากาศ เฟิงเลี่ยรับมัน และดวงตาของเขาแวววาวเป็นประกาย และหัวเราะออกมา “เยี่ยม, ยอดเยี่ยมมาก, ซวนหยวน เจ้าให้คะแนนทั้งหมดกับข้าที่ได้รับจากรังปีศาจมายา รวมทั้งหมด 600 ล้านคะแนน นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการจริงๆในตอนนี้ ตั้งแต่ที่เจ้าให้ของขวัญนี้กับข้า ข้าจึงอยากให้ของบางอย่างเป็นการตอบแทนเจ้า สิ่งนี้คือ หอกของข้า ‘จิตวิญญาณวายุ’ ตอนนี้มันเป็นของเจ้าแล้ว แล้วก็เงินจำนวน 5 ล้านเหรียญกษัตริย์ และคริสตัลของศูนย์กลางการค้าไทไป๋ นี่เป็นของรางวัลที่ข้าได้รับมาจากการปฏิบัติภารกิจ”
ซวนหยวนจับหอก ‘จิตวายุ’ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขารู้สึกเบา และรวดเร็วกว่าแต่ก่อนทันที
“ด้วยหมวกเหล็กไร้ตำหนิ และจิตวายุ เจ้าอาจจะสามารถฆ่านักสู้ขอบเขตกษัตริย์ได้ เจ้าสามารถซื้อสิ่งของที่เจ้าต้องการด้วยเงินนี้ ข้าจะไม่บอกเจ้าว่าควรจะซื้ออะไร” เฟิง เลี่ย ยืนอยู่ตรงหน้าซวนหยวน และให้คริสตัลกับเงินแก่ซวนหยวน
“ขอบคุณท่านมาก ศิษย์พี่เฟิงเลี่ย!”
“ถ้างั้นไปกันเถอะ” เฟิงเลี่ย กำลังจะนำทางซวนหยวน แต่ซวนหยวนก็หยุดตามเขา ซวนหยวนมองไปที่ฟาง ยู่โหยว และเหล่าผู้คุ้มกันของนางที่กำลังบาดเจ็บ
“ศิษย์พี่เฟิงเลี่ย พาพวกเขาไปกับพวกเราได้มั้ย? หรืออย่างน้อยก็รักษาบาดแผลให้พวกเขาก่อนที่พวกเราจะไป?” ซวนหยวนถาม
เฟิง เลี่ย พยักหน้า จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่ชิงยวิ๋น สายตาของเฟิงเลี่ยที่มองชิงยวิ๋นเหมือนกับลำแสงที่ทรงพลัง ชิงยวิ๋นตัวสั่น และไอเป็นเลือดมากขึ้น มันเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย แต่มันก็ไม่กล้าที่จะบ่น
เฟิงเลี่ยได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตราชันย์แล้ว มันเป็นศัตรูที่มันไม่สามารถจับต้องได้ เฟิงเลี่ยมั่นใจว่าชิงยวิ๋นจะไม่เล่นตุกติกใดๆ ดังนั้นเขาจึงปล่อยมันไป
เฟิงเลี่ยสร้างสัญลักษณ์ไว้ในมือของเขา “ละอองแห่งฤดูใบไม้ผลิ”
ความอ่อนโยนของละอองแห่งฤดูใบไม้ผลิ ได้รักษาฟาง ยู่โหยว และเหล่าผู้คุ้มกันของนาง และรักษาบาดแผลของพวกเขา ในที่สุดสีหน้าของพวกเขาก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ
“ไปกันเถอะซวนหยวน, ศิษย์น้องฟาง ยู่โหยวถ้าเจ้ามาถึงนิกาย พวกข้าได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกข้าทำได้แล้วในที่นี่ ข้าจะพาเจ้าไปที่สวนสัตว์อสูร และเลือกสัตว์อสูรให้เจ้า มันจะสะดวกสะบายแบบนี้” เฟิง เลี่ย กล่าว . เฟิงเลี่ย และซวนหยวนได้อยู่บนหลังของม้าเกล็ดมังกร และพุ่งไปยังทางภูเขาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ซวนหยวนหันไปมองฟาง ยู่โหยว และเห็นว่านางกำลังเฝ้ามองเขาที่จากไป ในที่สุดพวกเขาก็หายไปจากสายตาของกันและกัน
ฟาง ยู่โหยว รู้สึกขอบคุณซวนหยวน จากนั้นพลังที่น่าเกรงขามมากกว่าเฟิงเลี่ยก็ปรากฏออกมา คนนั้นคือ ฟางยวิ๋น เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นศิษย์แท้จริงของนิกายนักสู้มังกร เขาฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว และในที่สุดเขาก็เป็นนักสู้ขอบเขตราชันย์ขั้นสูง ขอบเขตจักรพรรดิอยู่ห่างเพียงไม่กี่ก้าวเขาก็จะสามารถบรรลุได้ เขาโฉบลงมาจากท้องฟ้า และจ้องมองไปที่ชิงยวิ๋น ที่เริ่มไอเป็นเลือดมากขึ้นจากแรงกดดันของเขา
เขาตบหน้าชิงยวิ๋น เพียงแค่ใช้แรงกดดันจากอากาศที่เขาสร้างขึ้น ชิงยวิ๋นกระเด็นลอยขึ้นฟ้าเหมือนกับว่าวที่ถูกตัดเชือก เมื่อมันลงกระแทกเข้ากับพื้น มันรู้สึกว่ากระดูกของมันทั้งหมดแตกเป็นเสี่ยงๆ เซี่ย อู๋เฮิ่น และลู่ หยู่เชียง ทั้งคู่กลัวที่จะถูกฆ่าตาย
“ยู่โหยว เจ้าสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตกษัตริย์ได้แล้ว ทำได้ดี. ไปกันเถอะ.” ฟาง ยวิ๋นกล่าว, จากนั้นเขาแปลงร่างเป็นนกขนาดใหญ่ ปีกของมันยื่นออกไปหลายไมล์ มันสามารถนำตระกูลฟางทั้วหมดไปที่ปีกของมัน และบินไปที่ภูเขา
เซี่ย อู๋เฮิ่น และลู่ หยู่เชียง กลัวมาก, พวกมันทรุดตัวลงบนพื้น. ไม่นานหลังจากนั้นเซี่ย อู๋ซิน และลู่ เฟิ่งเอ๋อ ศิษย์แท้จริงที่มาจากตระกูลเซี่ย และตระกูลลู่ ปรากฏตัวต่อหน้าพวกมัน พวกเขาทั้ง 2 เป็นนักสู้ขอบเขตราชันย์จาก 5 ตระกูลที่อยู่ภายใต้นิกาย
“ศิษย์น้องชิงยวิ๋น มากับพวกข้า พวกเราจะสอนบทเรียนให้เฟิง เลี่ย ไม่เช่นนั้นมันจะคิดว่าตัวมันนั้นใหญ่ยิ่งใหญ่ไม่มีใครแตะต้องได้” เซี่ย อู๋ซิน พูดอย่างเย็นชา พวกมันรีบรวมรวบคนในตระกูล และพาทุกคนกลับไปยังภูเขา
บนภูเขาที่อยู่ห่างไกล มีนักสู้ขอบเขตนักพรต 2 คน และ นักสู้ขอบเขตกษัตริย์ระดับสูง 10 คน พวกเขาทุกคนซ่อนตัวอยู่ในผ้าไหมสีดำเพื่อซ่อนตัวตนของพวกเขา ดูเหมือนพวกเขาได้ตามใครสักคนไปยังที่แห่งนี้ พวกเขาเป็นมือฆ่าเพื่อมาฆ่าใครบางคนที่นี่
1 ในนักสู้ขอบเขตนักพรตพูด “พวกเราควรจะทำเช่นไรดี? มันได้เข้าไปยังนิกายเรียบร้อยแล้ว”
นักฆ่าคนอื่น ตอบกลับ “รอมันออกจากนิกาย แล้วก็ฆ่ามันซะ….”