ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปม้าเกล็ดมังกรวิ่งตรงไปที่นิกาย ผ่านช่องทางลับระหว่างภูเขา
ภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของนิกายล้อมรอบไปด้วยเมฆและหมอกหนา ซวนหยวนเห็นทิวทัศน์อันสวยงามขณะที่นั่งอยู่บนหลังม้าที่วิ่งอยู่บนฟ้า เขาไม่เคยรู้สึกราวกับมีอิสระเช่นนี้มาก่อน ราวกับสามารถมองเห็นพื้นปฐพีทั้งหมดได้จากข้างบน
ท่ามกลางภูเขามีนักกระเรียนสีขาวมากมายกำลังบินไปมา นอกจากนี้ยังมีสัตว์อสูรมากมายที่ซวนหยวนไม่คุ้นเคยซึ่งกำลังพิทักษ์ภูเขาเหล่านี้อยู่ พื้นที่เหล่านี้อัดแน่นไปด้วยพลังปราณที่บริสุทธิ์ ซวนหยวนยังได้ยินเสียงของเสือและลิงเป็นครั้งคราว
ด้านล่างของพวกเขามีลำธารที่ใสสะอาด ใสถึงขนาดที่สามารถมองเห็นปลาว่ายไปมา พวกมันไม่ใช่ปลาธรรมดา พวกมันครอบครองพลังที่เทียบเท่ากับขอบเขตนักสู้ กล่าวได้ว่าคนธรรมดาที่ไม่ได้บ่มเพาะพลังไม่สามารถที่จะจับปลาในลำธารนี้ได้ แต่พวกเขาอาจจะเป็นเหยื่อของปลาเหล่านี้แทน
จากการสังเกตสิ่งทั้งหมดที่ผ่านมา ซวนหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
” ซวนหยวนระวังตัวด้วย ด้านในภูเขาเหล่านี้มีนักสู้ขอบเขตเซียนอย่างน้อยมากกว่า 1 คนอาศัยอยู่ เมื่อเจ้าบรรลุถึงขอบเขตเซียนแล้วเท่านั้นเจ้าถึงจะมีภูเขาเป็นของตัวเอง พวกเขาทุกคนสามารถปกปิดพลังและแฝงตัวเป็นคนธรรมดาได้ บางครั้งพวกเขาจะแอบทดสอบเหล่าศิษย์ว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเรียนรู้ทักษะของพวกเขาหรือไม่ พวกเขาจะเลือกจากศิษย์ภายในของนิกายเท่านั้น ข้าก็ได้รับเลือกจากเซียนวายุจากหุบเขาเก้าสวรรค์วายุเพื่อที่จะเป็นศิษย์ของเขา ” เฟิงเลี่ยอธิบายให้ซวนหยวนฟังอย่างระมัดระวัง ไม่มีความเย่อหยิ่งในน้ำเสียงของเขาและปฏิบัติกับซวนหยวนราวกับเป็นน้องชาย ” สำหรับคนนอกที่เดินผ่านป่าล้านอสูรมันคงจะโหดร้ายมากสำหรับครั้งหนึ่งในชีวิต แต่การแข่งขันในนิกายนั้นโหดร้ายยิ่งกว่า มันคืออันตรายที่แท้จริง สัตว์อสูรไม่ได้เจ้าเล่ห์และหลอกลวงเหมือนอย่างมนุษย์ จริงๆแล้วข้านั้นนับถือในความสามารถของเจ้า แต่ข้าไม่สามารถที่จะอยู่กับเจ้าได้ตลอดเวลาที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย เมื่อเราไปถึงนิกายเจ้าต้องระวังตัวให้มาก ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าจะกลายเป็นศิษย์แท้จริงในไม่ช้า! “
ซวนหยวนขมวดคิ้ว ” ไม่มีกฎข้อไหนที่กล่าวว่าห้ามสังหารศิษย์คนอื่นใช่หรือไม่? “
” ก็เพียงแค่บนกระดาษ เจ้าเชื่อจริงๆหรือว่าความยุติธรรมนั้นมีอยู่บนโลก? ถ้าเจ้าสังหารบางคนที่มีพื้นเพเหมือนกันกับเจ้า แน่นอนว่าจะต้องถูกลงโทษตามกฎ แต่จะไม่มีใครสนใจถ้าศิษย์ที่ตายมีพื้นเพที่ต่ำต้อย อาจจะมีการลงโทษเล็กน้อยก็เท่านั้น ในบรรดาศิษย์ภายในมีหลายสิบถึงกระทั่งหลายร้อยถูกฆ่าตายทุกวัน พวกเขาทำเพียงแค่มองผ่านก็เท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงการดิ้นรนของศิษย์สายนอก พวกเขานับพันถูกฆ่าตายทุกวัน ข้านั้นเริ่มต้นจากศิษย์สายนอกและเห็นพวกพ้อง คนรอบตัวถูกฆ่าตายทุกวัน นี่แหละคือนิกายนักสู้มังกรที่แท้จริง มีศิษย์สายนอก 8 ล้านคน ศิษย์ภายในอีก 9 แสนคน และอีก 9 พันคนสำหรับศิษย์แท้จริง เจ้าสามารถที่จะจินตการได้ถึงการต่อสู้ภายในนิกายได้ “
เฟิงเลี่ยกล่าวด้วยเสียงที่เรียบเฉย แต่กับนำพาความตกตะลึงไปให้ซวนหยวน มันเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อน เขาคิดว่าโลกภายนอกนั้นมีความขัดแย้งมากกว่าในนิกาย แต่ความเป็นจริงเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยสมบูรณ์
” ในโลกภายนอก ผู้คนมากมายกล่าวว่าข้านั้นโหดเหี้ยมและเลือดเย็น สังหารเหล่าคนที่จะเป็นปฏิปักษ์กับข้า แต่การสังหารเหล่าศัตรูมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าข้าไม่ฆ่าพวกมัน เจ้าคิดหรือว่าจะมีคนเคารพข้า? ทางเดียวที่จะหยุดไม่ให้ถูกศัตรูสังหาร ก็คือการฆ่าพวกมันก่อนที่มันจะมีโอกาสทำอันตรายต่อเจ้าในอนาคต ถ้าเจ้าแสดงท่าทีอ่อนแอพวกมันจะใช้ประโยชน์จากส่วนนั้นในการฆ่าเจ้า เข้าใจหรือยังซวนหยวน? “
ซวนหยวนถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ” ข้าเข้าใจและได้เตรียมตัวไว้แล้ว ข้าไม่เคยเกรงกลัวเหล่าศิษย์ภายใน แต่ข้ายีงไม่อาจที่จะสู้กับศิษย์แท้จริงได้ “
” อย่าได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น ในนิกายก็ยังมีบางกฎที่เข้มงวดอยู่ กฎเหล่านี้ป้องกันไม่ให้ศิษย์แท้จริงสังหารเหล่าศิษย์ภายในโดยไร้เหตุผล นอกจากนี้ข้ายังเป็นคนที่นำเจ้าเข้ามาในนิกายด้วยตัวเอง ถ้าศิษย์แท้จริงงคนอื่นๆต้องการจะทำอะไรเจ้ามันจะต้องเผชิญหน้ากับข้าเสียก่อน คนอื่นที่คล้ายกับชิงหยุนต้องคิดให้ดีก่อนที่จะลงมือกับเจ้า ข้าอยู่ใน 20 อันดับแรกของศิษย์แท้จริง แต่มันเป็นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น มีศิษย์มากมายของเหล่าเซียนที่อาศัยอยู่ในภูเขาของพวกเขา พวกเขาจะไม่เข้าร่วมการต่อสู้ใดๆในนิกาย มีผู้ฝึกตนที่ทรงพลังมากมายที่นี่และไม่ได้มีเพียงหนทางเดียวที่จะได้รับพลัง ” เฟิงเลี่ยยิ้ม
ซวนหยวนครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เฟิงเลี่ยกล่าว เขาจำเป็นที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเขาจะอยู่รอดในนิกายนี้ได้อย่างไร
ในขณะนั้น ม้าเกล็ดมังกรก็มาหยุดอยู่ที่ยอดของภูเขาขนาดยักษ์ ภูเขาทั้งลูกถูกปกคลุมไปด้วยพืชพรรณมากมาย
” ที่นี่คือหุบเขาสัตว์อสูร มันเป็นของเซียนสัตว์อสูร ศิษย์ของเขาว่านโฉวเป็นผู้ดูแลที่แห่งนี้ และเขายังเป็นสหายที่ดีกับข้า พวกเราจะช่วยเจ้าในการหาสัตว์อสูรที่เหมาะสม ” เฟิงเลี่ยยิ้ม จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไป ” ศิษย์พี่โฉว ข้ามาเยี่ยมแล้ว ” เสียงของเขาทรงพลังและดังกังวาไปไกล
” เหอะ ข้าคิดว่าการมาเยือนของเจ้า คงมีแผนที่จะมาขโมยสัตว์อสูรของข้าล่ะสิ ” เสียงที่ทรงพลังอีกเสียงสะท้อนกลับมา
เฟิงเลี่ยรู้สึกละอายเล็กน้อย ” ท่านรู้… “
พวกเขาลงจากม้าเกล็ดมังกรและเห็นชายที่กำลังสวม ‘เสื้อคลุมพันอสูร’ เดินออกมา เขาดูสง่างามราวกับราชันย์แห่งเหล่าสัตว์อสูร
” เจ้าเอาม้าเกล็ดมังกรไปครั้งที่แล้ว มันเป็นสายพันธุ์ระหว่างมังกรสวรรค์และม้าสวรรค์ พลังของมันสามารถเติบโตได้ตลอดเวลา เจ้ายังมีข้อข้องใจอะไรอีก? ” ว่าน โฉวดูเหมือนว่ากำลังไม่พอใจ ราวกับเขาเสียใจที่้เฟิงเลี่ยเอาม้าที่มีค่าของเขาไป แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังของเฟิงเลี่ยอย่างรวดเร็วและหัวเราะ ” อ่า เจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตราชันย์แล้วหรือ? แบบนี้ต้องฉลอง เช่นนั้นวันนี้ข้าจะให้เจ้าเลือกสัตว์อสูรได้ “
เฟิงเลี่ยตบไปที่ไหล่ของซวนหยวนเบาๆ ” ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะเลือกพาหนะให้เขา “
ว่านโฉวจ้องไปที่ซวนหยวน เขารู้สึกถึงแรงกดดันจากว่านโฉวทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ว่านโฉวอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตราชันย์แล้ว
อย่างไรก็ตาม ซวนหยวนคิดว่าเขาไม่มีอะไรที่ต้องให้กลัว ดังนั้นเขาจึงมองกลับไปและโค้งคำนับให้ว่านโฉวอย่างสุภาพ
” คารวะ ศิษย์พี่ว่าน “
” นี่คือเด็กใหม่ของเจ้า? ข้าจำได้ว่าเหล่าศิษย์ที่เจ้านำกลับมาต่างถูกฆ่าตาย ใช่หรือไม่? ดี ที่เจ้าให้จิตวิญญาณวายุของเจ้ากับเขา ดูเหมือนว่าเจ้าจะคาดหวังให้ตัวของเจ้าเด็กนี่มากพอดู “
” แน่นอน! หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว นำพยัคฆ์ขาวมาให้ข้า! ” เฟิงเลี่ยหัวเราะ
ว่านโฉวหรี่ตาลง เขาต้องการจะบีบคอเฟิงเลี่ย
” เจ้าคิดว่ามันง่ายนักหรือไงที่จะหาพยัคฆ์ขาว? ถ้าข้ามี มันจะต้องเป็นพาหนะของข้าก่อน “
” แล้วถ้ามังกรฟ้าล่ะ… “
” หุบปาก! “
” ฮ่าๆๆ ข้าเพียงแค่ล้อเล่น ท่านช่วยดูหน่อยได้ไหมว่ามีอะไรที่เหมาะกับเขา ” เฟิงเลี่ยหัวเราะเบาๆ
” เขา? อืม ข้าว่าเขายังอ่อนแอเกินไป นักสู้ขอบเขตพฤกษาไม่สามารถที่จะทำให้สัตว์อสูรที่ข้ามีเชื่องได้ เจ้าคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนเจ้าหรือไง? กลับมาเกิดใหม่ของจิตวิญญาณวายุ? คนธรรมดาไม่สามารถทำให้จิตวิญญาณสัตว์อสูรเชื่องได้ ” ว่านโฉวกล่าวอย่างกระวนกระวาน
” การกลับมาเกิดใหม่ของจิตวิญญาณวายุ? ” ซวนหยวนถามเฒ่าโลภมากในทันที ” มันคืออะไร? “
” ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเฟิงเลี่ยไม่ใช่เด็กธรรมดา มิฉะนั้นด้วยอายุเพียงแค่ 18 ปี เขาจะมีความก้าวหน้ารวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร? เขาคงจะเป็นที่สถิตให้กับจิตวิญญาณวายุที่กลับมาเกิด มันเป็นพลังธาตุลมที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ” เฒ่าโลภมากอธิบาย ” มีแรงกดดันถูกยับยังอยู่ในตัวเขา มันคงจะเป็น ‘จิตวายุ’ เขาจะสามารถความคุมมันได้ก็ต่อเมื่อเขาเติบโตเต็มที่แล้ว “
” จิตวายุ! ” ในโลกใบนี้ มีพลังมากมายแตกต่างกันไป ทอง, ปฐพี, วารี, อัคคี, พฤกษา, สายฟ้าและวายุ ” ข้าสงสัยจริงๆว่าศิษย์พี่เฟิงเลี่ยจะติดอันดับนักสู้ธาตุลม? “
” ข้าไม่แน่ใจ แต่อาจจะอยู่ใน 36 อันดับแรก มิฉะนั้นคงจะไม่สามารถที่จะมีพลังจนกลายเป็นเกรียวกราดและจุติลงในร่างของมนุษย์ได้ “
ในที่สุดซวนหยวนก็เข้าใจว่าทำไมนิกายถึงพยายามอย่างมากที่จะสนับสนุนเฟิงเลี่ย
” เอาอย่างนี้เป็นไง? พวกเราจะไปเลือกสัตวอสูรโดยเริ่มจากไข่และเจ้าเด็กนี้สามารถที่จะฝึกให้เชื่องได้ตั้งแต่ทารก จากนั้นสัตว์อสูรคงยอมให้เจ้าเป็นนายของมัน คิดว่าอย่างไร? ” ว่านโฉวยิ้มเมื่อเฟิงเลี่ยกำลังค่อยๆหน้ามุ่ย
ซวนหยวนพยักหน้าและยิ้ม ” ฟังดูดี ขอบคุณมาก ศิษย์พี่ว่าน “
เฟิงเลี่ยไม่ได้พูดอะไรต่อเมื่อเห็นซวนหยวนตกลง