ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปผู้ที่มีคะแนนมากที่สุดในหมู่ห้าผู้คุม มีคะแนน 28 ล้าน เขาเป็นคนที่คัดเลือกเซียวเทียน และเซี่ยง เทียนฮ้าว เข้าไปเป็นศิษย์ภายใน ตั้งแต่นั้นมาศิษย์ภายนอกจำนวนมากได้มาขอให้เขาเป็นผู้แนะนำ พวกเขาคิดว่าเขามีเคล็บลับเพื่อเพิ่มโอกาสในการทดสอบของพวกเขา หลายคนยอมจ่ายโดยใช้คะแนนของพวกเขาเพื่อให้ได้รับแนะนำ
ส่วนสี่คนที่เหลือรวมกันได้ 60 ล้านคะแนน มันต้องใช้เวลามากกว่าห้าสิบเพื่อเก็บคะแนนให้ถึง 88 ล้านคะแนน ไม่เพียงแค่คะแนนสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นอาวุธ ยุทธภัณฑ์ เม็ดยา ผลึก และคริสตัล เท่านั้น แต่ยังสามารถแลกเปลี่ยนสถานะที่สูงขึ้นภายในนิกายได้เช่นกัน พวกเขาต้องการ 100 ล้านคะแนน เพื่อเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสผู้คุมสอบ
ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะปรับปรุงการบ่มเพาะพลังของตัวเอง ดังนั้นการปรับปรุงสถานะของพวกเขาเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พวกเขาสามารถปีนไต่ให้สูงขึ้นภายในนิกาย
หลังจากที่ จ้าวหมั่นเฟิง ได้ฟังคำพูดของซวนหยวน ทำให้เขาต้องมองซวนหยวนใหม่ ไม่มีใครคนใดเลยที่จะเสี่ยงเช่นนี้มาก่อนเพื่อช่วยเขา ในทางกลับกันเขาได้มอบความเชื่อใจทั้งหมดของเขามอบให้กับซวนหยวน
“แสดงให้พวกเขาเห็น” จ้าวหมั่นเฟิงกล่าว
ซวนหยวนยิ้ม และเรียกใช้พลังแห่งการกลืนกิน พลังแห่งการกลืนกินเริ่มดูดพลังปราณเข้าสู่ร่างกายของซวนหยวนผ่านทางผิวหนัง , กล้ามเนื้อ,เส้นโลหิต,กระดูก และเข้าสู่ไขกระดูก ร่างกายของซวนหยวนราวกับหลุมดำที่สามารถดูดกลืนพลังปราณทั้งหมดที่อยู่ในอากาศเข้าไปในตัวเขา พลังปราณอันมหาศาลห่อหุ้มร่างกายของซวนหยวนที่ถูกดูดมาจากรอบๆตัวเขา จากนั้นซวนหยวนได้ปล่อยหมัดไปยังภูเขา “ทักษะมังกรสววรค์ทลายปฐพี” จากตำรามังกรสวรรค์
ขณะที่ซวนหยวนปล่อยหมัดออกไป ได้มีเงาของมังกร 96 ตัวปรากฏเป็นเงาอยู่เบื้องหลังซวนหยวน ผู้คุมสอบทั้งหกล้วนตกตะลึงในสิ่งที่พวกเขาเห็น
นักสู้ขอบเขตพฤกษาด้วยความแข็งแกร่งเทียบเท่ามังกร 96 ตัว? เป็นไปไม่ได้
เมื่อหมัดของซวนหยวนพุ่งลงพื้น ทำให้ภูเขาทั้งลูกเริ่มสั่นสะเทือน
เมื่อภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือน ได้มีแสงอันสว่างไสว 7 ดวงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มันมี สีแดงเลือดหมู, สีแดง, สีทอง, สีเขียว, สีน้ำเงิน, สีฟ้า และสีม่วง ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“แสงเจ็ดสี! มันเป็นแสงของเซียน!” จ้าวหมั่นเฟิงส่ายหัวด้วยความตื่นเต้น
สีที่ปรากฏออกมาแต่ละสีจะแสดงถึงขอบเขตพลัง การผสมผสานกันของสีพวกนั้นหมายความว่าซวนหยวนมีศักยภาพพอที่จะกลายเป็นเซียน!
ใบหน้าของผู้คุมสอบทั้งห้าซีดขาวลง “เป็นไปไม่ได้….ข้าเห็นเฟิงเลี่ยคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้แสงเจ็ดสีปรากฏ! เขามีจิตวายุอยู่ในร่าง แต่เจ้าเด็กนี่ดูไม่มีอะไรเลยที่พิเศษ…”
“ไม่, ไม่, ไม่, ม่ายยยยยยยยยยยย…..”
ราวกับนักพนันที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป
———–———–———–———–———–
ท่ามกลางภูเขา มีเสียงตะโกนดังในอากาศ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนจะมีคนที่มีพรสวรรค์อีกคนหนึ่งเข้าร่วมนิกาย”
“เจ้าสายฟ้า อย่าคิดจะแย่งศิษย์คนนี้ไปจากข้า ข้าถูกเซียนวายุแย่งเฟิงเลี่ยไปจากข้า ศิษย์คนนี้จะต้องเป็นของข้า”
“ไร้สาระ เจ้าไฟ ไม่มีผู้ใดมีชีวิตอยู่ยาวนานเท่าข้า ข้าควรจะเป็นอาจารย์ของเด็กคนนี้”
“อายุไม่สำคัญ ศิษย์คนนี้จะต้องเป็นของข้า”
เหล่าเซียนผู้ที่ไม่มีศิษย์เป็นตัวเป็นตนเริ่มทะเลาะแย่งกัน ขณะเดินทางกลับไปยังนิกาย
———–———–———–———–———–
ศิษย์แท้จริงมากมายก็มีแผนการในใจของพวกเขา
“ยังมีอีกคนหนึ่ง? ไม่เพียงแค่เฟิงเลี่ย? สงสัยการแข่งขันแย่งตำแหน่งประมุขนิกายมันจะดุเดือดขึ้นซะแล้ว!”
“ข้าควรจะเป็นพันธมิตรกับศิษย์คนนี้ หรือข้าควรจะฆ่าเขาก่อนที่เขาจะพัฒนาไปมากกว่านี้”
“ใครจะไปรู้ เขาอาจจะตายระหว่างบททดสอบต่อไปก็ได้”
พวกเขากำลังวางแผนการต่างๆมากมายเกี่ยวกับสินบน และการลอบสังหาร และแผนอื่นๆในใจ แต่มันจะเป็นการดีกว่าที่จะฆ่าซวนหยวนก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งขึ้น และเป็นภัยคุกคาม
———–———–———–———–———–
“ท่านแพ้เดิมพัน ส่งคะแนนของพวกเท่าทั้งหมดมา” ซวนหยวนกล่าวกับผู้คุมสอบ พวกเขาทั้งหมดยังคงประหลาดใจ มีเพียง 1 ในหลายล้านคนเท่านั้นที่จะมีศักยภาพพอที่จะเป็นเซียน พวกเขาโชคร้ายยิ่งนักที่โง่ไปเดิมพัน
จ้าวหมั่นเฟิงตื่นเต้นมาก เขาหยิบเหรียญตราออกมา และกล่าวขณะร่างกายของเขาสั่นไปทั่วเพราะความตื่นเต้น
“น้องซวนหยวน นี่คือเหรียญตราของเจ้า ใส่เลือดของเจ้าลงไป และพกเหรียญตรานี้เพื่อไปเข้าร่วมบททดสอบต่อภายใน 3 วัน เมื่อเจ้าผ่านการทดสอบนั้นแล้ว เจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์ภายในอย่างเป็นทางการ”
ซวนหยวนคว้าเหรียญตรา และเฉือนนิ้วชี้ของเขา และหยดเลือดลงไปในเหรียญตรา จากนั้นเขาก็หันไปหาผู้คุมสอบ
“พวกท่านคิดจะไม่จ่าย?” ซวนหยวนกล่าวอย่างเย็นชา
ก่อนที่ผู้คุมสอบจะตอบกลับ ได้มีกองกำลังมากมายหลายคนได้มาถึงที่นี่แล้ว คนที่มาถึงล้วนเป็นนักสู้ขอบเขตนักพรต และมีนักสู้ขอบเขตราชันย์บ้างเล็กน้อย
ผู้คุมสอบคุกเข่าลงทันที และกล่าว “คารวะหัวหน้าผู้อาวุโสฝ่ายใน และคาราวะผู้อาวุโสฝ่ายในทุกท่าน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องมากพิธี เด็กคนนี้ใช่ไหม?” หัวหน้าผู้อาวุโสมองไปทางซวนหยวน ซวนหยวนยังคงดูเป็นเด็กอยู่ และพฤติกรรมของเขาคล้ายคลึงกับเฟิงเลี่ยมาก เมื่อไม่กี่ปีก่อน
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก! จ้าวหมั่นเฟิงเจ้าทำได้ดีมากที่เป็นคนแนะนำเขา เจ้าสมควรที่จะได้รับรางวัล!”
หัวหน้าผู้อาวุโสฝ่ายในมอบคะแนนให้จ้าวหมั่นเฟิง 50 ล้านคะแนนทันที “ตอนนี้เจ้าได้เป็นผู้อาวุโสคุมสอบของนิกายแล้ว”
จ้าวหมั่นเฟิงรู้สึกดีใจมากจนมีน้ำตาผุดขึ้นในดวงตาของเขา
“ขอบคุณ!” จ้าวหมั่นเฟิงโค้งคำนับ
ซวนหยวนยิ้มและกล่าว “ผู้คุมสอบได้เดิมพันกับข้าว่า ถ้าข้าสามารถทำให้เกิดแสงของราชันย์ได้ พวกเขาจะมอบคะแนนให้กับข้า ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะไม่ทำตามสัญญา”
พวกผู้คุมสอบทั้งหมดตกใจกลัว พวกเขาจึงรีบเอาเหรียญตราออกมา และมอบคะแนน 88 ล้านคะแนนให้ซวนหยวนทันที
จากนั้นซวนหยวนได้มอบคะแนนให้กับจ้าวหมั่นเฟิงอีก 5 ล้านคะแนน
“ศิษย์น้องซวนหยวน ข้ากลายเป็นผู้อาวุโสคุมสอบได้เพราะเจ้า ข้าไม่ต้องสิ่งใดๆจากเจ้าอีกแล้ว” จ้าวหมั่นเฟิงกล่าว
“ท่านสมควรได้รับสิ่งนี้ พวกเราทั้งสองได้เดิมพันร่วมกัน ท่านจำได้ไหม? ข้าไม่ใช่คนประเภทที่จะใช้ประโยชน์จากคนอื่น” ซวนหยวนยิ้ม
จากนั้นซวนหยวนค่อยๆหันหน้าขึ้นไปบนฟ้า “คารวะหัวหน้าผู้อาวุโสฝ่ายใน และผู้อาวุโสฝ่ายใน!”
“ดี ดีมาก ซวนหยวน” พวกเขาพึงพอใจมารยาทของซวนหยวนมาก เฟิงเลี่ยมีนิสัยที่เย่อหยิ่ง เขาไม่ชอบก้มหัวให้ผู้อื่น แต่ซวนหยวนนั้นตรงกันข้าม เขาเข้าใจถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี บางทีในอนาคต เขาอาจจะมีพลังมากกว่าเฟิงเลี่ย
“ข้าต้องการมุ่งหน้าไปยังจุดรับรางวัล ถ้าพวกท่านไม่ว่าอะไร ศิษย์พี่จ้าวได้โปรดนำทางข้าหน่อย” ซวนหยวนกล่าว
หัวหน้าผู้อาวุโสฝ่ายใน และผู้อาวุโสฝ่ายคนอื่นๆได้เห็นในสิ่งที่พวกเขาต้องการที่จะเห็นแล้ว และพวกเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว และทิ้งพวกเขาไว้อยู่เบื้องหลัง
จากนั้นซวนหยวน และจ้าวหมั่นเฟิงก็มุ่งไปยังจุดรับรางวัล ในระหว่างทางจ้าวหมั่น เริ่มอธิบายเรื่องเกี่ยวกับศิษย์ภายใน และเรื่องต่างๆ ให้ซวนหยวนฟังอย่างละเอียด