ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปผู้นำกลุ่มที่รีบวิ่งเข้ามาเป็นนักสู้ขอบเขตกษัตริย์ สมาชิกของทั้งกลุ่มเริ่มยิ้มอย่างเยาะเย้ย พวกมันจ้องไปที่หยกในมือซวนหยวนด้วยความโลภ
นิกายนักสู้มังกรมีศิษย์ภายนอก 8 ล้านคน หลายคนแข็งแกร่งกว่าศิษย์ในรุ่นเดียวกัน พวกเขาจะรออยู่ส่วนนอกของนิกายและเข้ารับการทดสอบอย่างสง่างามเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้อาวุโสของนิกาย ผู้นำกลุ่มนี้ก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาพลาดเป็นอย่างมากที่เลือกเป้าหมายเป็นซวนหยวน ซวนหยวนสังหารนักสู้ขอบเขตกษัตริย์ 12 คนอย่างง่ายดาย ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องเกรงกลัวคนพวกนี้
ซวนหยวนยักไหล่ “พวกเราเป็นศิษย์เหมือนกันไม่ใช่หรือไง? ทำไมพวกเจ้าถึงต้องการที่จะแย่งไปจากข้า?”
“หยุดพล่ามได้แล้ว! ส่งหยกในมือนั่นมาซ่ะ! แล้วข้าจะให้เจ้าร่วมกลุ่มกับพวกเราหากเจ้ายอมมอบให้ เราจะจัดเตรียมหยก 5 จินและคริสตัล 1 จิน และผลึกอสูรให้กับเจ้าเพื่อที่จะผ่านการทดสอบ แต่ถ้าเจ้าไม่ยอมมอบหยกในมือนั่นมา เจ้าจะต้องตายที่นี่!” ผู้นำกลุ่มปลดปล่อยปราณของเขาเพื่อที่จะข่มขู่ซวนหยวน
“เมื่อเจ้าเห็นศิษย์พี่หยวนเจ้าควรที่จะคุกเข่า! คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” หนึ่งในนั้นตะโกน
ซวหยวนมึนงง จากนั้นอีกคนก็ตะโกนในสิ่งเดียวกัน
“คุกเข่า!”
นี่แตกต่างจากศิษย์ธรรมดาที่ต้องสั่นด้วยความกลัว ซวนหยวนยืนอย่างไม่สะทกสะท้าน ซวนหยวนรู้ว่าคนพวกนี้ต้องเข้ามาในเหมืองก่อนที่จะรู้ว่าขาเป็นใคร ถ้าพวกมันรู้ว่าเขาเป็นใคร พวกมันคงจะไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้
ซวนหยวนยิ้ม เผยให้เห็นฟันที่ราวกับไข่มุกของเขา
“พวกเจ้าต้องรวบรวมวัตถุดิบเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะผ่านการทดสอบ? ข้าต้องการหยก 100 จิน คริสตัล 55 จิน และผลึกอสูรอีก 10 ชิ้น ข้าก็ยังไม่รู้ว่าจะหามากขนาดนี้จากที่ไหน แต่โชคดีจริงๆที่พวกเจ้าได้มาช่วย”
ทั้งกลุ่มตกใจที่ได้ยินตัวเลขจำนวนมาก ในที่สุดบางคนก็เริ่มเดาลักษณะของซวนหยวนออก เด็กหนุ่มผู้ปลดปล่อยแสงเซียนเจ็ดสี
ซวนหยวนกระโจนขึ้นและนำกริชแทงลงไปที่ผู้นำกลุ่ม พลังชีวิตของพวกมันถูกดูดออกไปจนหมด
” ศิษย์พี่หยวน! ศิษย์พี่หยวนตายแล้ว! วิ่งเร็วว…” แต่ไม่มีใครหลบหนีจากซวนหยวนได้ พวกมันทั้งหมดตกตายอย่างรวดเร็ว
ซวนหยวนได้รับ 23 ล้านคะแนนจากพวกมัน พวกมันสะสมคะแนนมาเป็นเวลานาน แต่สุดท้ายทั้งหมดก็ตกอยู่ที่ซวนหยวน นอกจากนี้เขายังพบหยกกว่า 100 จิน คริสตัล 20 จิน และยุทธภัณฑ์ปฐพีระดับต่ำ 5 ชิ้น
ซวนหยวนสังหารเหล่าคนที่ต้องการคุกคามชีวิตเขาอย่างไร้ปรานี
“ฮ่าๆๆๆ องค์จักรพรรดิจะต้องภูมิใจ! กลืนกินคือพลังของเจ้า เจ้าไม่สามารถที่จะไว้ใจใครได้ ยกเว้นตัวเจ้าเอง เจ้าเพียงแค่ต้องกลืนกินผู้อื่นเท่านั้น!” เฒ่าโลภมากกล่าวด้วยความตื่นเต้น เขาภูมิใจในความก้าวหน้าของซวนหยวน
“เฒ่าโลภมาก คนเหล่านั้นรวมตัวกันและเข้าโจมตีองค์จักรพรรดิ แล้วไม่มีสหายมาช่วยเขาหรือเลย?” ซวนหยวนถาม
“องค์จักรพรรดิเป็นคนรักสันโดษ เขาไม่เคยไว้ใจใคร เขาไม่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์แต่ก็ไม่เคยปล่อยคนชั่วไว้ เขากลืนกินเหล่าศัตรูตลอดเส้นทางของเขา มันเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะหาเพื่อนในขณะที่ตัวเองทรงพลังอยู่แล้ว เขาไม่ต้องการใครอีก” เฒ่าโลภมากกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ซวนหยวนเงียบ มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อใจใครในโลกใบนี้ ทุกคนพยายามที่จะปีนป่ายให้ถึงจุดสูงสุดด้วยทุกสิ่งที่มี จักรพรรดิกลืนกินอาศัยอยู่ในยุคที่อันตรายและโหดร้ายมาก ซวนหยวนจึงไม่สามารถตัดสินการกระทำของเขาได้ เขาเป็นที่เคารพในฐานะผู้ที่ทรงพลัง ไม่เคยรังแกผู้บริสุทธิ์และผู้อ่อนแอ แต่ไม่พลาดที่จะกวาดล้างผู้ที่ชั่วร้าย
ซวนหยวนเคยเป็นขอทานในชีวิตที่ผ่านมา ผู้คนปฏิบัติกับเขาดีในระดับหนึ่งเพราะความสงสาร
“ทำไมเจ้าถึงถามเรื่องแบบนี้ล่ะ? ข้าจะบอกเจ้าให้ จงระวังไป๋จากศูนย์การค้าไท่ไป๋ให้ดี นางทำดีต่อเจ้าเป็นเพราะนางคิดว่าจะใช้เจ้าได้ก็เท่านั้น ถ้าเจ้าไม่ใช่ตัวตนที่พิเศษ นางคงไม่แม้จะเหลียวมองเจ้าด้วยซ้ำ”
“แม่สาวนั่นด้วย หยินเฉินลู่เองก็เป็นหนึ่งในนั้น นางช่วยเจ้าเมื่อตอนที่เจ้าอ่อนแอและต้องการความช่วยเหลือ แม้ว่าจะไม่มีอะไรตอบแทนนาง แต่ในเวลาเดียวกัน นางก็ไม่ได้เสียหายอะไรที่จะช่วยเหลือเจ้า มันก็เหมือนกับผู้ที่ร่ำรวยมอบ 2-3 เหรียญให้กับขอทานที่หิวโหยบนท้องถนน ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงบนโลกในนี้” คำพูดของเฒ่าโลภมากเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้ซวนหยวนประหลาดใจ
“เฒ่าโลภมาก ท่านเคยถูกหลอกลวงโดยบางคน? หรือองค์จักรพรรดิถูกหลอกลวงโดยใครบางคนที่ใกล้ชิดกับเขา?”
“หุบปาก ข้าเพียงต้องการเตือนสติเจ้า จดจำสิ่งที่ข้าพูดไว้ อย่าเอาตัวเองไปสู้ความตายเพียงเพราะคนที่เจ้าไว้ใจ”
“ท่านต้องห่วงใยข้ามากๆ เพื่อให้ข้ามีชีวิตยืนยาว” ซวนหยวนยิ้มกว้าง
___________________________________
ตลอดทาง ซวนหยวนสังหารสัตว์อสูรไปนับร้อย ช่วยให้เฒ่าโลภมากมีความสุขกับพลังชีวิตของพวกมันเป็นอย่างมาก โชคดีที่เขาพบผลึกอสูรเช่นเดียวกัน
ซวนหยวนมุ่งตรงไปยังอุโมงค์ที่ห่างไกล ในบริเวณนี้ไม่มีหญ้าเรืองแสงขึ้นมากนัก ศพของสัตว์อสูรมากมายกระจัดกระจายอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่าต้องมีคนผ่านมาในเส้นทางนี้
ซวนหยวนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่อันตรายจากในอุโมงค์ หัวใจของเขาเริ่มตื่นตระหนก พื้นที่แถวนี้มีพลังงานด้านลบเป็นจำนวนมาก มันเต็มไปด้วยหินต่อสู้คุณภาพสูง แต่ก็อันตรายมากเช่นกัน
ซวนหยวนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ มันต้องใช้เวลามากหากต้องหาทรัพยากรมาเพื่อที่จะฟักไข่ ดังนั้นเขาต้องการคริสตัลมากขึ้น ซวนหยวนรู้ว่าไม่มีรางวัลไหนที่ไม่จำเป็นต้องเสี่ยง โดยไม่ต้องคิด เขารีบพุ่งไปข้างหน้า
มันเป็นภูมิทัศน์ที่มีฮวงจุ้ยด้านลบ มันถูกสร้างจากธรรมชาติและเหมาะสมสำหรับปีศาจมายา พลังงานด้านลบจะดึงดูดสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายจำนวนมาก
ซวนหยวนพบว่าตัวเองอยู่ในเนินเขาต่ำๆในหุบเขาใต้ดินขนาดใหญ่ เขาพบกับฟางยู่โหยวและผู้คุ้มกันอีก 20 คน เมื่อตอนที่เขากำลังสำรวจพื้นที่ดังกล่าว กลุ่มเหล่านี้ถูกรายล้อมไปด้วยสัตว์อสูรนับพัน ตัวที่อ่อนแอสุดมีความแข็งแกร่งที่เทียบเท่ากับมังกร 30 ตัว ถ้ากลุ่มของฟางยู่โหยวอ่อนแอกว่านี้แม้เพียงเล็กน้อย พวกนางคงจะตกตายไปแล้ว
หัวใจของหลินเฟิงกระหน่ำเต้น เขาต้องการที่จะไปช่วยพวกนางให้เร็วที่สุด แต่เฒ่าโลภมากได้หยุดพวกเขาไว้ “อย่าเพิ่งทำอะไรโง่ๆ ใจเย็นๆก่อน พื้นที่แถวนี้มันแปลกมาก ทำหัวของเจ้าให้โล่งแล้วลองดูอีกครั้ง”
ซวนหยวนเริ่มเรียกคืนความรู้ที่ได้จากตำราแห่งการครอบครองและตะหนักได้ว่าเขาทำผิดพลาดไปมาก สถานที่แห่งนี้เป็นหุบเขาที่ถูกรายล้อมด้วยเนินเขาทั้ง 4 ด้าน มันเต็มไปด้วยพลังงานด้านลบ คนตระกูลฟางต่างวิ่งไปในทิศทางที่ต่างกันเพื่อหลบหนี แต่พวกเขาก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมเสมอ พื้นที่แห่งนี้มีบางอย่างที่ทำให้ผู้คนสับสนทิศทางและกักขังพวกเขาไว้ภายใน ซวนหยวนสามารถที่จะแจ้งให้พวกเขารู้ได้เพราะว่าเขาอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบ โดยปกติแล้ว เพื่อที่จะสนับสนุนภาพมายา จะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหินต่อสู้ หยกและคริสตัล
บนพื้นดิน ศพของเหล่าสัตว์อสูรเริ่มละลายลงไปในดินเพื่อที่จะสร้างโคลนสีแดงใต้เท้าของพวกเขา ไม่ว่าจำนวนสัตว์อสูรที่ถูกฆ่าจะเพิ่มขึ้นมากเท่าไร พวกมันก็จะเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ เพราะพวกมันทั้งหมดถูกดึงดูดมายังพื้นที่นี้ ฟางยู่โหยวเต็มไปด้วยความเสียใจที่นำกองกำลังของตัวเองเข้ามายังพื้นที่อันตรายเช่นนี้ นางรู้สึกหมดหนทาง
ในตอนที่นางเกือบจะสิ้นหวัง นางกับได้ยินเสียงที่คุ้นเคย “คุณหนูฟาง อย่าเพิ่งยอมแพ้และรอฟังสัญญาณจากข้า จงตื่นตัวตลอดเวลา แยกตัวกันเมื่อข้าให้สัญญาณ”
ทันใดนั้นความหวังก็ถูกเรียกกลับคืนมาสู่กลุ่ม
“นั่นซวนหยวน ตั้งรูปขบวนเร็วเข้า เราจะได้ออกจากที่นี่แล้ว” นางสั่งไปยังกลุ่ม
รอยยิ้มแห่งความหวังปรากฏบนใบหน้าของผู้คุ้มกันทุกคน พวกเขาคิดว่าจะต้องตายที่นี่ แต่ซวนหยวน เด็กหนุ่มที่สามารถปลดปล่อยแสงเซียนเจ็ดสีได้มาช่วยพวกเขาแล้ว!