ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“นั่นมันหยกอวกาศที่สร้างขึ้นโดยเซียน! ข้าจำกลิ่นอายนี้ได้! นางเกี่ยวข้องกับฟางยวิ๋น”
“น่าทึ่ง! ดูเหมือนเจ้าเด็กนี่มันจะมีความเกี่ยวข้องกับสตรีคนนั้น เขาสามารถกุมหัวใจของคุณหนูฟางได้”
”ฮ่าฮ่าฮ่า…. เขาจะต้องให้กำเนิดศิษย์ที่ยอดเยี่ยมแน่นอน!”
เหล่าเซียนยังคงพูดคุยโต้เถียงกันราวกับเด็กทะเลาะกัน
——————
หยกสร้างรอยฉีกขาดให้อากาศ จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งก้าวออกมา การมาถึงของเขาทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่อันตรายมากๆ เขาคือ ฟางยวิ๋น
“หลานรักของข้า เจ้ามีปัญหาอะไร?” ฟางยวิ๋นเป็นคนที่ดูสะอาดเรียบร้อย และดูหล่อเหลา น้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยน
ฟางยู่โหยวอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแก่ฟางยวิ๋นอย่างรวดเร็ว แต่นางแต่งเรื่องเสริมเล็กน้อยว่า เลี่ยกู่ และนู่ต้วน ทำให้นางอับอายขายหน้า และสบประมาทลุงของนาง ฟางยวิ๋น นัยน์ตาของนางมีน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อย ขณะที่นางกำลังอธิบายว่าถูกพวกมันทำให้อับอายขายหน้า และสบประมาทลุงของนาง ทุกคนต่างพูดไม่ออก เมื่อเห็นการแสดงอันน่าทึ่งของนาง
——————
“เห็นได้ชัดว่านางแต่งเรื่องเพื่อให้พวกมันผิด วิธีการของนางช่างโหดร้ายยิ่งนัก แต่ก็ทำให้พวกมันกรรมตามสนอง”
“ตาต่อตา ฟันต่อฟัน สตรีคนนี้ฉลาดยิ่งนัก”
——————
“นังสารเลว เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน?” เลี่ยกู่ และนู่ต้วน ชี้หน้าฟางยู่โหยว ขณะตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว
ฟางยวิ๋นขมวดคิ้ว และมองไปที่เลี่ยกู่ กับ นู่ต้วน นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร แรงกดดันที่เกิดจากการจ้องมองทำให้กระดูกของพวกมันแตกหักบางส่วน พวกมันตกลงมาจากฟากฟ้า และกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ฟางยวิ๋นแสดงให้พวกมันเห็นถึงพลังของนักสู้ขอบเขตราชันย์
“พวกเจ้าทั้งสองกลั่นแกล้งศิษย์ภายใน เจ้าคิดว่าจะพูดจาสบประมาทข้าได้งั้นรึ? เจ้าคิดว่าสามารถเรียกหลานสาวสุดที่รักของข้าเป็นนังสารเลวได้งั้นรึ? เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าพวกเจ้างั้นรึ? คุกเข่าาาาาา!!!” ฟางยวิ๋นรู้ว่าฟางยู่โหยวแต่งเรื่อง แต่มันก็เป็นโอกาสดีสำหรับเขา ที่จะสร้างชื่อเสียง และสถานะของเขาให้สูงขึ้นในนิกาย
พวกมันทั้งสองคนค่อยๆลดตัวลง และสั่นเทาเป็นเจ้าเข้า พวกมันคุกเข่าลง และเริ่มหมอบคลานต่อหน้าฟางยวิ๋น
“ศิษย์พี่ฟางยวิ๋น พวกข้าไม่ได้สบประมาทท่านเลยแม้แต่น้อย ได้โปรดมอบความเมตตาให้พวกข้าด้วย! พวกข้าไม่กล้าที่จะพูดสบประมาทท่านแม้แต่น้อย”
“ใช่แล้ว ศิษย์พี่ฟางยวิ๋น พวกข้าแค่พูดล้อเล่นกับหลานสาวของท่านเท่านั้น”
“ไร้สาระ!” ฟางยวิ๋นตบหน้าพวกมันทั้งสองคน ส่งให้ร่างของพวกมันปลิวไปไกล และมีฟันนับสิบซีกของพวกมันหลุดออกมาจากปาก
“เจ้าจะพูดว่าหลานสาวของข้าพูดโกหกงั้นรึ?” ฟางยวิ๋นมองไปที่ซวนหยวน อวัยวะทั้งหมดของเขาได้รับความเสียหาย กระดูกส่วนใหญ่ของเขาหักหรือไม่ก็แตก แต่เขายังคงยืนตัวตรง โดยปราศจากความหวาดกลัว ฟางยวิ๋นรู้สึกชื่นชมความกล้าหาญของเขา และดูเหมือนหลานสาวของเขาจะสนใจเขามิใช่น้อย ฟางยวิ๋นสบัดมือเล็กน้อย และส่งพลังปราณอันอ่อนโยนเข้าไปในร่างกายของซวนหยวน ซึ่งทำให้เขาฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
ซวนหยวนยิ้มอย่างขมขื่น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจบลงด้วยความช่วยเหลือของฟางยู่โหย่ว
“ไม่ ไม่ พวกข้าทำผิดไปแล้ว ได้โปรดอย่าฆ่าพวกข้าเลย พวกข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านต้องการ!” พวกมันทั้งสองไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากร้องขอความเมตตา ฟางยวิ๋นไม่ได้อยู่ในแผนการของพวกเขา เขาเป็นหนึ่งในหมู่ศิษย์แท้จริงที่มีอำนาจมากที่สุด และมีพลังมากกว่าเฟิงเลี่ย เพราะเฟิงเลี่ยเพิ่งบรรลุขอบเขตราชันย์เท่านั้น แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่มีทางที่จะต่อสู้กับฟางยวิ๋นได้
ฟางยวิ๋นพยักหน้า และหันหน้าไปหาซวนหยวน “ปกติแล้วข้าจะไว้ชีวิตศิษย์ร่วมนิกาย แต่พวกเจ้าทั้งสองได้รับความทุกข์ทรมานจากพวกมัน ข้าจะให้พวกเจ้าทั้งสองเป็นคนตัดสินชะตากรรมของพวกมัน”
ซวนหยวนได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์ด้วยพลังของฟางยวิ๋น เมื่อเขาเห็นเลี่ยกู่ และนู่ต้วนกำลังถูกแรงกดดันของฟางยวิ๋นกดทับอยู่ ทำให้เกิดรอยยิ้มขนาดใหญ่ขึ้นบนใบหน้าของซวนหยวน “ศิษย์พี่ทั้งสองแค่ทำเรื่องผิดพลาดเล็กน้อยเท่านั้น มันไม่เหมาะสมที่พวกเขาจะถูกฆ่าตายเพราะความผิดพลาดเล็กน้อย”
“ศิษย์น้องซวนหยวนพูดถูก ขอบคุณเจ้ามากที่เข้าใจพวกข้า ศิษย์น้องซวนหยวน” เลี่ยกู่ และนู่ต้วนรู้สึกประหลาดใจ และรู้โล่งอกที่ซวนหยวนช่วยชีวิตพวกเขา
“แต่มันควรจะมีค่าทำขวัญ ข้าเชื่อว่าศิษย์แท้จริงอย่างศิษย์พี่ทั้งสองสามารถมอบเงินให้ข้าได้จำนวนมาก ข้าต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว และต้องสนับสนุนเรื่องต่างๆด้วยตัวเอง ข้าแทบจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างง่ายดาย มันเป็นความอดสูอย่างแท้จริงที่ข้าไม่สามารถซื้ออาวุธ ยุทธภัณฑ์ หรือทักษะใหม่ๆได้ พวกท่านเข้าใจความน่าอดสูของข้าหรือไม่? มันจะดีมากหากพวกท่านสามารถให้อาวุธ ยุทธภัณฑ์ และแหวนที่พวกท่านมีอยู่ให้ข้า” น้ำเสียงของซวนหยวนไม่มีความโกรธแม้แต่น้อย เขาดูน่าสงสารมาก เลี่ยกู่ และนู่ต้วนทั้งสองคนดูไม่สบายใจ
“เจ้าเด็กคนนี้น่าสนใจจริงๆ……..” ฟางยวิ๋นก็รู้สึกขบขัน เมื่อเขาดูการแสดงของซวนหยวน
“พวกเจ้าจะชักช้าอยู่ทำไม? พวกเจ้าคิดว่าทรัพย์สมบัติมันมีค่ามากกว่าชีวิตของพวกเจ้างั้นรึ?” ฟางยวิ๋นกล่าว ทำให้เลี่ยกู่ และนู่ต้วนสั่นเทา พวกเขารีบส่งอาวุธ ยุทธภัณฑ์ และแหวนให้ซวนหยวนอย่างรวดเร็ว
“ซวนหยวนเจ้ามันไอสารเลว ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ เจ้ามันโง่เขลายิ่งนักที่ปล่อยพวกข้าไป โชคดีที่มันไม่ได้เอาเหรียญตราแท้จริงที่สำคัญที่สุดไป” เลี่ยกู่คิดอยู่ในใจ
“โชคดีที่เจ้าเด็กนี่มันโง่ และไม่ได้ถามหาเหรียญตราแท้จริง ข้าเก็บคะแนนทั้งหมดไว้ในนั้น ข้าสามารถใช้คะแนนพวกนี้เพื่อไปซื้อสิ่งของที่ข้าสูญเสียไปได้ และหลังจากนั้นข้าจะมาเอาชีวิตเจ้า” นู่ต้วนคิด
ซวนหยวนกำลังตรวจสอบอาวุธ และยุทธภัณฑ์ แต่จู่ๆเขาก็นึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นได้ “โอ้จริงสิ ข้าหลงลืมได้อย่างไรกัน พวกท่านสามารถบริจาคคะแนนของพวกท่านให้แก่ข้าได้ด้วยเช่นกัน ส่งมอบเหรียญตราแท้จริงของพวกท่านมา”
นู่ต้วน และเลี่ยกู่ทั้งสองคนราวกับหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำตาม ซวนหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อเห็นคะแนนสะสมที่พวกมันทั้งสองรวบรวมได้ในปีนี้ – 22.8 พันล้าน
“คุณหนูฟางพวกเราควรแบ่งคะแนนที่ได้มาคนละครึ่ง” ซวนหยวนกล่าวขณะหันไปหาฟางยู่โหยว
ฟางยู่โหยวอาย และพยักหน้าอย่างเขินอาย มังกรหนึ่งตัวพุ่งเข้าไปในเหรียญตราภายในของพวกเขา ตอนแรกเหรียญตราของซวนหยวนนั้นว่างเปล่า แต่ตอนนี้มันมีคะแนน 11.4 พันล้านคะแนน นอกจากนี้เขายังตรวจสอบเม็ดยา ยันต์อาคม คริสตัล และเหรียญ จากนั้นเขาก็มอบพวกมันให้ฟางยู่โหยวครึ่งหนึ่ง และให้ยุทธภัณฑ์กับเฒ่าโลภมากชิ้นหนึ่ง ทำให้เฒ่าโลภมารู้สึกตื่นเต้นมาก
“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมจริงๆ! ข้ารู้สึกชื่นชอบหญิงสาวคนนี้แล้วสิ เจ้าหนู เจ้าควรตีสนิทกับนางไว้ นางเป็นผู้หญิงที่ดี….”
ซวนหยวนเมินคำพูดไร้สาระของเฒ่าโลภมาก และนับสมบัติของเขาต่อ เขามียันต์ระดับนักพรต 4 ใบ มีเหรียญกษัตริย์ 4 ล้านเหรียญ และ มีคริสตัลระดับสูง 3400 จิน
เลี่ยกู่ และนู่ต้วน รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินเมื่อมองไปที่ซวนหยวน พวกเขารู้สึกราวกับร่างกายของพวกเขากำลังถูกตัดเนื้อออกไปทีละชิ้นๆ
ฟางยวิ๋นรู้สึกชื่นชมที่เห็นซวนหยวนแบ่งปันสิ่งของพวกนั้นให้กับหลานสาวของเขาอย่างเท่าเทียม
“ศิษย์พี่ ตระกูลของพวกท่านทั้งสองส่งคนมาสังหารข้า แน่นอนมันจะต้องมีคนที่ถูกทำโทษ แต่ถ้าตระกูลของพวกท่านทั้งสองให้ค่าทำขวัญข้าเป็นคริสตัลระดับสูง 5 หมื่นจิน แล้วข้าจะให้อภัยกับสิ่งที่ตระกูลของพวกท่านกระทำกับข้าทั้งหมด” ซวนหยวนเรียกร้องเพิ่มหลังจากที่เขาได้นับทรัพย์สมบัติในแหวนทั้งหมดเสร็จสิ้น แม้แต่ฟางยวิ๋นก็ยังตกใจเมื่อได้ยิน
——————
เหล่าเซียนที่กำลังเฝ้าดูอยู่ทุกคนหัวเราะออกมา
“ข้าชื่นชอบเด็กคนนี้จริงๆ ข้าต้องการให้เขาเป็นศิษย์ของข้า ไม่มีใครเหมาะสมเท่าข้าคนนี้แล้ว!”
“หายากนักที่จะเห็นศิษย์สนใจแต่เรื่องเงินๆทองๆ ถ้าเขาเป็นผู้สืบทอดของข้า ภูเขาของข้าจะต้องรุ่งเรืองตลอดไป!”
“ดังนั้นนั่นแหละคือเหตุผลที่เขาไม่ต้องการมอบศพพวกนั้น! เขาต้องการใช้พวกมันเพื่อรีดไถเงิน เขาเป็นอัจฉริยะ!”