ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปดวงตาของเลี่ยกู่และนู่ตวนเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้ยินความต้องการของซวนหยวน คริสตัลระดับสูง 50,000 จิน! นี่มันโลภมากเกินไป! เขาคิดว่าคริสตัลระดับสูงจะงอกออกมาเหมือนกับหญ้ารึไง?
“ข้ากล่าวอะไรผิด? พวกท่านคิดว่าชีวิตของพวกท่านมาค่าน้อยกว่าคริสตัล 50,000 จิน?” ซวนหยวนยิ้มอย่างเจ้าเลห์
พวกมันสะดุ้งราวกับแมวที่โดนเหยียบหางและรีบตอบ ” แน่นอนมันคุ้มค่ามาก เราจะรายงานเรื่องนี้กับผู้นำตระกูลของพวกเรา แต่ข้าไม่กล้ารับประกับว่าพวกเขาจะเห็นด้วย”
ซวยนหยวนนำหอกจิตวายุออกมา มันได้ปลดปล่อยปราณวายุออกมาอย่างมาหาศาลและรักษาร่างกายของเขา ความแข็งแกร่งของซวนหยวนเพิ่มเป็นมังกร 200 ตัว มันไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาที่จะสังหารเลี่ยกู่และนู่ตวนในสภาพที่บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้
“พวกเจ้าไม่มีทางเลือก! พวกเจ้าคิดหรือว่าข้าจะปล่อยให้ตระกูลของพวกเจ้าทำร้ายข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า? เลี่ยเริ่นและนู่เชียน พยายามสังหารข้าในป่าตอนที่กำลังจะมายังนิกาย ทั้งเลี่ยฉาง, เลี่ยซาน, นู่หลงและนู่เฟย ก็พยายามที่จะสังหารข้าเช่นกันในการทดสอบเหมือง ดังนั้นข้าจึงฆ่าพวกมันทุกคน ตระกูลของพวกเจ้าต่างเชื่อว่าตัวเองนั้นมั่งคั่งและทรงพลัง แล้วทำไมถึงคิดว่าพวกมันจะไม่เห็นด้วย? เมื่อพิจารณาในสิ่งที่คนตระกูลพวกทำ พวกเจ้ากล้าที่จะไม่ชดเชยให้กับข้า?” ซวนหยวนกล่าวขณะเดินเข้าไปหาพวกมันอย่างช้าๆ
เขาปลดปล่อยจิตสังหารที่น่าสยดสยองออกมา แต่ทันใดนั้นก็มีแรงกดดันที่ทรงพลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขา ซวนหยวนเงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นเฟิงเลี่ยกำลังเข้ามาใกล้ด้วยม้าเกล็ดมังกร ซวนหยวนคำนับอย่างสุภาพ “ศิษย์พี่เฟิงเลี่ย”
“ข้ารับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ผู้อาวุโสเหล่านั้นสมควรได้รับสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย เลี่ยกู่ นู่ตวน พวกเจ้าเป็นถึงศิษย์แท้จริงแต่กล้าฝ่าฝืนกฎของนิกายและทำร้ายศิษย์ภายใน ดังนั้นผู้คุมกฎได้อนุญาตให้ข้าขับไล่พวกเจ้าทั้ง 2 ออกจากนิกาย ตอนนี้พวกเจ้าทั้ง 2 ไม่ได้เป็นศิษย์ของนิกายอีกต่อไปและต้องถูกเนรเทศออกจากนิกาย นี่เป็นเพียงคำเตือนสำหรับตระกูลเลี่ยและตระกูลนู่ พวกเขาต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน ก่อนที่จะลงมือทำอะไรในอนาคต” คำพูดของเฟิงเลี่ยราวกับฟ้าผ่าลงกลางหัวใจของเลี่ยกู่และนู่ตวน
“โปรดยกโทษให้พวกเราด้วยศิษย์พี่เฟิงเลี่ย เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ได้โปรดอย่าขับไล่พวกเราเลย!” พวกเขายังคงอ้อนวอนอย่างต่อเนื่อง มันคงเป็นหายนะใหญ่สำหรับตระกูลของพวกเขา หากต้องสูญเสียตำแหน่งศิษย์แท้จริงไป
เฟิงเลี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปหาซวนหยวน “ศิษย์น้องซวนหยวนถือว่าเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ถ้าเขายินดีที่จะให้อภัยการกระทำของพวกเจ้า ข้าก็คงขัดไม่ได้”
ซวนหยวนรู้ว่าเฟิงเลี่ยกำลังพยายามช่วยเหลือเขาอยู่ ” ก็ได้ เพียงแต่ ตระกูลของพวกเจ้าแต่ละตระกูลจะต้องให้คริสตัล 100,000 จินกับข้า ถ้าพวกเจ้าไม่สามารถทำได้ข้าจะขอให้ศิษย์พี่เฟิงเลี่ยขับไล่พวกเจ้าออกจากนิกาย! เข้าใจหรือไม่?”
“ได้ ได้ ได้แน่นอน!” พวกเขาไม่มีท่าทีลังเลอีกต่อไป ศิษย์แท้จริงจะได้รับประโยชน์มากมายและยังได้รับอำนาจพิเศษซึ่งเป็นประโยชน์กับตระกูลอย่างมหาศาลซึ่งมากกว่าคริสตัล 100,000 จินเสียอีก อย่างไรก็ตาม เดิมทีถ้าพวกเขายอมรับเงื่อนไขคริสตัล 50,000 จินแต่แรก พวกเขาคงจะไม่ต้องสูญเสียมากมายเช่นนี้
“แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเจ้าจะรักษาคำพูด?” ซวนหยวนกล่าวต่อ
“ข้าจะไปยังภูเขาอัคคีของเซียนจากตระกูลข้า ที่นั่นข้าสามารถรวบรวมคริสตัลให้เจ้าได้” ตระกูลเลี่ยเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในนิกายนักสู้มังกร พวกเขามีเซียนซึ่งครอบครองหนึ่งในภูเขาของนิกายซึ่งจะช่วยเหลือศิษย์ที่เป็นคนของตระกูลในยามจำเป็น
“ถูกต้องเจ้าสามารถไปที่ภูเขาแห่งความโกรธเพื่อรวบรวมคริสตัลจากตระกูลของข้าได้” นู่ตวนกล่าวขณะที่พยายามลืมบาดแผลบนร่างกาย
เฟิงเลี่ยจ้องมองไปที่ซวนหยวนและถอนหายใจ ทันใดนั้นเสียงของเฟิงเลี่ยก็ปรากฏในหัวของซวนหยวน “เจ้ามักน้อยเกินไป เจ้าควรจะเรียกร้องคริสตัลจากพวกมันสัก 2-3 แสนจินจากแต่ละคน”
คำพูดของเฟิงเลี่ยทำให้ซวนหยวนเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่เขาไม่สามารถจะนำคำพูดของเขากลับมาได้ “แต่บางทีมันอาจจะเป็นจำนวนที่เหมาะสมแล้ว ถ้าเจ้าเรียกร้องมากเกินไปเซียนแห่งความโกรธและเซียนอัคคีอาจจะเข้ามาแทรกแซง พวกเขาคงไม่เสียดายที่จะใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยเพื่อยุติความบาดหมาง”
จากนั้นเฟิงเลี่ยก็ออกคำสั่ง ” พวกเจ้าจะต้องนำคริสตัล 200,000 จินมาให้ศิษย์น้องซวนหยวนภายในวันนี้ ศิษย์พี่ฟางยวิ๋นโปรดเป็นพยานด้วย หากไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้พวกเจ้าจะต้องถูกไล่ออก”
“แน่นอน” ฟางยวิ๋นกล่าวอย่างสง่างาม
จากนั้นซวนหยวนก็ได้มอบศพของเลี่ยซานและนู่เฟยคืนให้กับตระกูล เขาได้กรรโชกคริสตัลจำนวน 200,000 จินมาแล้วและไม่สามารถที่จะเก็บศพไว้ได้อีก
เลี่ยกู่และนู่ตวนต้องทรมานจากร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและนำศพกลับไป พวกเขาเป็นนักสู้ขอบเขตนักพรตที่ยิ่งใหญ่ ในเลือดของพวกเขามีปราณไหลเวียนอยู่ทำให้ได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว แต่ภายในใจยังคงสาปแช่งซวนหยวนอย่างไม่ขาดสาย
การแสดงออกของเฟิงเลี่ยในวันนี้ถือเป็นการเตือนศิษย์แท้จิรงคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้พวกเขากล้าที่จะทำร้ายซวนหยวนโดยปราศจากเหตุผล
“เรื่องทั้งหมดก็ได้ข้อสรุปแล้ว ศิษย์น้องซวนหยวน เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ จงฝึกฝนอย่างหนักแล้วข้าจะเฝ้ารอวันที่เจ้ากลายเป็นศิษย์แท้จริง ศิษย์พี่ฟางยวิ๋นพวกเราควรจะกลับนิกายด้วยกัน ท่านได้ช่วยเหลือซวนหยวนไว้ ข้าจำเป็นต้องขอบคุณท่าน พวกเราไปดื่มกันเถิด!” เฟิงเลี่ยหัวเราะอย่างมีความสุข เขากระโดดขึ้นไปบนหลังม้าเกล็ดมังกรและจากไป
“ฮ่าๆๆๆ ประเสริฐ!” ใบหน้าที่หล่อเหลาของฟางยวิ๋นปรากฏรอยยิ้มที่มีความสุขออกมา จากนั้นพื้นที่รอบตัวเขาก็สั่นเล็กน้อยก่อนที่จะหายตัวไป
ซวนหยวนและฟางยู่โหยวสบตากัน
“คุณหนูฟาง ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ” ซวนหยวนกล่าวอย่างจริงใจ
“ไม่นับว่าเป็นอันใด ข้าเองก็ได้รับสิ่งตอบแทนมากมายกลับมาเช่นกัน ถ้าท่านไม่ได้ช่วยชีวิตว่าไว้ตอนที่อยู่ในเหมือง ข้าก็คงไม่มีทางได้มายืนอยู่ตรงนี้ ” ฟางยู่โหยวส่ายหัว ซวนหยวนพึมพำบางอย่างและจากไปโดยปราศจากคำพูด ทิ้งให้ฟางยู่โหยวรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย “ท่านจะไม่พูดอะไรมากกว่านี้หน่อยหรือ?”
ฟางยู่โหยวจำได้ว่าซวนหยวนพูดจากหยอกล้อกับนางบ่อยครั้งในตอนที่อยู่ในป่าเพราะเขาต้องการที่จะกลั่นแกล้งนาง และทำให้นางรำคาญเล็กน้อย มันคงจะดีถ้าพวกเขาสามารถกลับไปเป็นเช่นนั้นได้อีกครั้ง? นางรู้สึกเหมือนว่าซวนหยวนพยายามที่จะหลบหน้านางอยู่
______________________________________
บนหนึ่งในภูเขาที่สามารถมองเห็นจุดรับรางวัล หั่วทาวได้ยืนอยู่ ” เจ้าว่าอะไรนะ? เขาฆ่านู่หลงและเลี่ยฉาง แถมยังฆ่าผู้อาวุโสทั้ง 2 อีก? ใช่ว่าเขามีทักษะลับที่ทรงพลังหรือไม่?”
“พวกเราไม่เพียงพลาดที่จะสังหารเขา แต่พวกเรายังทำให้เขาร่ำรวยขึ้นเช่นกัน คริสตัลกว่า 200,000 จินและคะแนนศิษย์มากกว่า 1 หมื่นล้านคะแนน นั่นมันมากกว่าทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเรารวมกันเสียอีก” เซี่ยงเทียนฮ้าวกล่าวด้วยความริษยา
“ถ้าเราฆ่ามัน สมบัติของมันทั้งหมดจะตกเป็นของพวกเรา ข้าไม่คิดเลยว่คนบ้านนอกอย่างมันจะโชคดีขนาดนี้” ขุยหยากล่าวอย่างขมขื่น
“มันไม่ง่ายอย่างนั้น ศิษย์น้องปี้เย่ว เจ้ายังมีแผนอื่นอีกหรือไม่?” หั่วทาวกล่าว
“แน่นอน แต่บางทีข้าอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากพ่อของขุยหยา, ขุยเสวี่ย” ดวงตาของปี้เย่วเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
“แน่นอน พวกเราสามารถแบ่งปันความมั่งคั่งของมันได้หลังจากที่สังหารมันแล้ว” ขุยหยากล่าวตอบในทันที
“แน่นอน!” ปี้เย่วยิ้มอย่างชั่วร้าย
______________________________________
ซวนหยวนกลับไปที่ห้องของเขาและสังเกตเห็นว่าจ้าวหมั่นเฟิงกำลังรอต้อนรับเขาอยู่ มีศิษย์มากมายต้องการที่จะแนะนำเกี่ยวกับส่วนในของนิกายให้กับเขา แต่ซวนหยวนก็ไล่พวกเขาทั้งหมดออกไป เมื่อพวกเขาจากไป ซวนหยวนได้นำคริสตัล 10 ก้อนที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นออกมาวางไว้ในที่ต่างกัน
ซวนหยวนจดจำได้จากตำราแห่งการครอบครอง เขาเริ่มสร้างรูปแบบพื้นที่และทำเครื่องหมายที่แตกต่างกันบนคริสตัลทั้ง 10 เมื่อทำเครื่องหมายเสร็จ พลังปราณจำนวนมหาศาลเริ่มหลั่งไหลเขาไปในคริสตัล นี่คือรูปแบบพื้นที่ที่เหมาะแก่การปรับแต่งไขกระดูกของเขา ซวนหยวนก้าวเข้าไปในรูปแบบและเริ่มท่องทักษะมังกรสรรค์ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาเพิ่มขึ้นนับ 10 เท่าภายใต้รูปแบบ
“เจ้าหนูนี่รู้วิธีการสร้างรูปแบบพื้นที่ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่ก็ถือเป็นความสำเร็จในหมู่คนรุ่นใหม่ บางทีเขาอาจจะเป็นจิตวิญญาณปฐพีกลับชาติมาเกิดจริงๆก็ได้ จิตวิญญาณปฐพีจะรู้วิธีการสร้างรูปแบบพื้นที่แม้ว่าเขาจะกลับมาเกิดใหม่”
“นั่นเป็นไปได้อย่างมาก เขามีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด แต่อย่างไรก็ตาม ข้าได้ไปตรวจสอบเกี่ยวกับเจ้าเด็กนี้ เขานั้นไม่ใช่สายลับจากตระกูลหยิน”
“ข้าได้ไปยังสำนักจันทร์พฤกษาและดูความทรงจำของว่าที่เจ้าสำนักในอนาคต เหยียนซือหยุน และรู้ว่าคุณหนูแห่งตระกูลหยิน หยินเฉินลู่เป็นผู้ที่ฝึกสอนเขาดังนั้นจึงทำให้เขาถูกล่าโดยตระกูลหยิน นั่นคือเหตุผลที่เขาเข้าร่วมกับนิกายนักสู้มังกร”
“เจ้าเด็กนี่น่าสงสารยิ่งนัก เขายังไม่ได้รับการสอนทักษะลับของตระกูลหยิน แต่พวกมันก็ยังต้องการให้เขาตาย ข้าจะทำให้เขากลายเป็นศิษย์ของข้าและให้เขาแก้แค้นพวกมันในอนาคต”
“เจ้าเด็กนี่ดูเหมือนจะตกหลุมรักหยินเฉินลู่ แต่มันก็เป็นเพียงจินตนาการของเหยียนซือหยุน…”
“ไม่ใช่ว่าหยินเฉินลู่กำลังจะแต่งงาน? เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้ามีข้อเสนอ พวกเราควรที่จะผลัดกันสอนเขา และมาดูกันว่าทักษะของพวกเราคนไหนเหมาะสมกับเขาที่สุดและผู้นั้นจะได้กลายเป็นอาจารย์ของเขา เมื่อเจ้าเด็กนี่ฝึกฝนจนมีพลังมาพอ เราจะส่งเขาไปยังราชวงศ์ตะวันออก”
“ข้าเอาด้วย แต่มันจะไม่ทำให้เจ้าสายฟ้าโกรธรึ ที่ทำทุกอย่างโดยที่ไม่มีเขา?”
“เขาไม่อาจโต้เถียงพวกเราทั้ง 5 ได้หรอก เจ้าวายุเอาเฟิงเลี่ยไปแล้ว พวกเราทั้ง 5 จะสอนเจ้าเด็กนี่ เป็นโชคร้ายที่เขาไม่อยู่…”
“เจ้าปฐพี เจ้านี่มันช่างชั่วร้ายเสียจริง ถ้าทุกคนเห็นพ้องกับเรื่องนี้แล้วก็ถือว่าเป็นอันตกลง”