I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 190 – วางตัวเป็นปฏิปักษ์

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“สวรรค์ เด็กนี่เป็นตัวอะไรกันแน่ ทำไมมันถึงได้ร้ายกาจเพียงนี้!!!?”

ตอนนั้น สาวกนิกายโลกวิญญาณก็อยากจะเข้าไปช่วย แต่เมื่อพวกเขาเห็นฉากที่อยู่เบื้องหน้าแล้ว พวกมันทำได้แต่ สีหน้าตกใจ สายตาของทุกคนได้ประจักษ์ ความแข็งแกร่งของ’ชูเฟิง’ ถึงแม้ว่าพวกนั่น จะมีระดับพลังวิญญาณที่เหนือกว่าแต่ ‘ชูเฟิง’ก็ไม่ได้ดูด้อยกว่าแต่อย่างใด ความแข็งแกร่งระดับนี้มันเกินกว่าพวกเขาหลายขุม

‘ชูเฟิง’ ที่พวกเขากำลังปกป้องอยู่นั้น เทียบกันแล้วความสามารถของพวกเขาเล็กยิ่งกว่ากว่าฝุ่นละออง พลังการต่อสู่ที่เกินสามัญสำนึกของมนุษย์ มันเกินกว่าจินตนาการของพวกเขาที่จะเข้าใจ แต่เมื่อได้ประจักษ์ด้วยเนตรคู่นั่นของพวกเขาก็ยืนยันได้ว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นคือเรื่องจริง

“ วิเศษมาก มันวิเศษจริงๆ!!! ไม่เพียงแต่พลังการต่อสู้และอำนาจพลังวิญญาณของเขาที่ไม่ธรรมดาแล้ว เจี่ยฉวน และคนอื่นๆในตระกูลเจี่ย ยังถูกจำกัดพลังไว้ ด้วยแรงดันวิญญาณ ทำให้พวกนั่นไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่.”

“ ถึงแบบนั้น น้องชายคนนั้นดูแตกต่างออกไป เหมือนเขาจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากแรงดันวิญญาณ เขาจึงสามารถที่จะออกแรงได้เต็มที่ พลังวิญญาณของเขานั้นสามารถเทียบได้กับ กู่ โบ๋ และ ไม่มีปัญหาที่เขาจะก้าวเข้าไปยังชั้นที่ 4.”

‘หม่าเชียง’ กล่าว

“ อะไรนะ ชั้นที่ 4 และ เขายังเทียบได้กับศิษย์พี่ กู่ โบ๋ ชายที่แข็งแกร่งผู้นั้นนะหรอ ?”

หลังจากได้ยินคำพูดของ’หม่าเชียง’ สาวกนิกายโลกวิญญาณต่างพากันตกใจ

“ ย๊ากกกก!!!!”

เวลานั้น ‘ชูเฟิง’ โบกแขนของเขา และบีบอัดแน่นพลังวิญญาณของเขาเกิดขึ้นเป็นพายุ พุ่งเข้าใส่คนของตระกูลเจี่ย จนทำให้คนมากมายนอนหมดสติไปบนพื้น

“มะ . . . . ,ไม่เพียงแค่นั้น ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ อาจจะขึ้นไปถึงชั้นที่ 5 เลยก็ได้!!! “

“ คนคนนี้ แข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว ขนาดเขามีอายุเพียงแค่นี้ อาณาจักรที่เขาอาศัยอยู่ นับว่าโชคดียิ่งนัก เราก็นับว่าโชคดี ที่ได้ผูกความสัมพันที่ดีกับเขา ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะเป็นศัตรูที่ร้ายกาจในอนาคต.”

‘หม่าเชียง’ กล่าวอย่างเคร่งเครียดกับคนที่มาด้วยกัน ในความคิดจากก้นบึ้งหัวใจเขา มองผ่านแว๊บบแรก ก็รู้สึกได้ทันที ว่าจะต้องปฏิบัตต่อ’ชูเฟิง’ด้วยความจริงใจ เพราะสัมผัสได้ว่าความสามารถของเขาอาจพัฒนาได้ดีกว่า ‘กู่ โบ๋’ ‘ชูเฟิง’เป็นอัจฉริยะที่หายาก และในวันหน้าหากนิกายโลกวิญาณตกที่นั่งลำบากวันหนึ่งเขาก็อจยื่นมือเข้ามาช่วย

“ เอื้อออออออ~~~”

ในเวลาเดียวกันกับที่กำลังคิดอยู่นั้น ‘ชูเฟิง’ก็โจมตีไปยังคนของตระกูลเจี่ยหลายคน สมาชิกที่อยู่ในระดับ 6 กำเนิดวิญญาณนั้น ยังถูกอัดปางตาย สมาชิกที่อยู่ในระดับ 5 กำเนิดวิญญาณนั้นยิ่งแล้วใหญ่ พวกเขาเหมือนกับปลาที่รออยู่บนเขียงรอเวลาที่จะถูกสับ โดย’ชูเฟิง’

คนของตระกูลเจี่ย แม้อยากจะฆ่า’ชูเฟิง’ให้ตายในตอนแรก แต่บัดนี้พวกเขาตระหนักได้ถึงความน่ากลัว ความโหดร้ายผิดมนุษย์ของ’ชูเฟิง’ พวกเขาเป็นเหมือนลูกพลับอ่อนๆที่อยู่ภายในกำมือของ’ชูเฟิง’ หากตกอยู่ในมือของคนบ้าเลือด อำมหิตเช่นเขาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

ไม่มีคำใดสาธยายความโหดร้ายของ’ชูเฟิง’ออกมาได้ และเขาล้วนต่างเกือบถูก ‘ชูเฟิง’ ฆ่าตาย เหมือนพวกเขาเดินไปเตะลงบนเหล็กแกร่งกล้า หากยิ่งฝืนยิ่งทำร้ายมัน ตัวเองก็จะยื่งเจ็บ ‘ชูเฟิง’ที่ไม่กลัวสวรรค์และปฏพี จึงไม่สนผลที่จะตามมา เขายังคงทารุณคนพวกนั่นอย่างเหี้ยมโหด

ไม่นาน ตระกูลเจี่ยที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน ก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางคนต้องการที่จะหลบหนี  เขาจึงวื่งไปยังชั้นสามเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่’ชูเฟิง’ไม่ปล่อยให้ใครเล็ดรอดออกไปได้ รูปแบบอำนาจวิญญาณขนาดใหญ่ผนึกพวกเขาไว้ทุกคน

ความแข็งแกร่งของรูปแบบนี้ ขนาดพวกเขาพยายามทำลายอย่างสุดแรง แต่มันก็ไม่มีร่องรอยของความเสียหายแต่อย่างใด บนชั้นสองของหอคอยอสูรฟ้า ‘ชูเฟิง’เปรียบดั่งปีศาจที่ขึ้นมาจากขุมนรก จึงไม่มีใครต้านทาน หรือ ช่วงชิงชีวิตไปจากเขาได้

“ บัดซบบบ!! เจ้ากล้าจะทำกับพวกข้าเช่นนี้ ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปแห่งหนใด พวกผู้อาวุโสของตระกูลข้าจะทำลายเจ้า เมื่อเวลานั้นมาถึง แล้วเจ้าจะต้องเสีย……… อ๊ากกกกกก!!”

ขณะคนของตระกูลเจี่ยที่กำลังสาปแช่ง’ชูเฟิง’ ‘ชูเฟิง’ก็ตรงไปหาเขาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยัดหมัดเข้าปาก ที่กำลังจะเปิดนั้น กลับไป . .

. . ในสายตาของพวกเขามองเห็น คน 25 คนของตระกูลเจี่ยพ่ายแพ้จนย่อยยับ  24 คนหมดสติไป พวกเขาต่างเส้นเอ็นฉีกขาดบ้างก็กระดูกหัก และมีอีกไม่กี่คนที่อาการบาดเจ็บสาหัสจนเลือดไหลนอง

“ น้องชายชู เจ้าได้กระทำสิ่งที่ไม่สมควรลงไปแล้ว ภัยพิบัติครั้งนี้ยจะมาเยือนเจ้าในไม่ช้า หล่าอาวุโสของตระกูลเจี่ยจะไม่ยกโทษให้เจ้า !!!.”

‘เจี่ยฉวน’ไม่ได้โจมตี’ชูเฟิง’แต่อย่างใด ในทันทีที่’ชูเฟิง’หลบการโจมตีของเขา เขาก็รู้ว่า ไม่มีทางที่จะเอาชนะ’ชูเฟิง’ได้ จึงได้แต่แต่ยืนมองฉากเบื้องหน้าตั้งแต่ต้นจนจบ ขณะที่’ชูเฟิง’กำลังบดขยี้ คนในตระกูลของเขาเหมือนมด

“ แม่ว่า ตระกูลเจี่ยของเจ้าจะไม่ให้อภัยเขา แต่ภายในอาณาจักรจิตวิญญาณ นิกายโลกวิญญาณของพวกเราจะปกป้องสหาย ชูเฟิง.!!!”

ในเวลานั้น ‘หม่าเชียง’และคนอื่นๆก็ก้าวเข้ามา

“ พวกเจ้ามีความสามารถที่จะปกป้องเขาได้งั้นหรอ?”

‘เจี่ยฉวน’ ถาม

“ งั้นก็มารอดูกัน!!! ”

‘หม่าเชียง’ พูดด้วยความเชื่อมั่น

“ ดี ดีมาก!!!”

‘เจี่ยฉวน’ พยักหน้าแล้วมองไปยังชูเฟิงพูดขึ้นว่า,

“ น้องชู ไม่ว่าสิ่งที่เจ้าทำนั้นตระกูลเจี่ยของข้าจะไม่ถูก ข้า เจี่ยฉวน ไม่อยากให้เรานั้นมีความขัดแย้งกัน ความเกลียดชังนี้ข้าอยากให้มันจบๆไป และเป็นไปได้ไหม ที่ข้าและเจ้าจะเป็นสหายกัน.”

“ ลงมือเลย!!!”

‘เจี่ยฉวน’ หลับตาลง โดยไม่คิดที่จะต่อต้านและพยายามทำให้’ชูเฟิง’ คลายความโกรธแค้น ถึงอย่างนั้นความเกลียดชังก็ยังไม่หมด

“ หากท่านต้องการแบบนั้นก็ย่อมได้ งั้นข้าขอตัวลา ”

ถึงกระนั้น ‘ชูเฟิง’ไม่ได้โจมตี’เจี่ยฉวน’ เพราะเขาสามารถกล่าวได้ว่า’เจี่ยฉวน’กับสมาชิกคนอื่นๆนั้นแตกต่างกัน ถึงแม้เจี่ยชวนจะไม่ใยดีกับคนที่มาจากนิกายโลกวิญญาณก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้มีความประสงร้ายใดๆต่อ’ชูเฟิง’

หลังจาก’ชูเฟิง’เดินจากไป บางคนในนิกายโลกวิญญาณต้องการที่จะโจมตี’เจี่ยฉวน’ หลังจากที่’เจี่ยฉวน’ทำร้ายพรรคพวกของเขา จนหมดสติไป แต่’เจี่ยฉวน’ก็สามารถป้องกันการโจมตีของ ‘หม่าเซียง’ไว้ได้รอยยิ้มจางๆ’หม่าเชียง’เข้ายื่นเข้าไปใกล้ๆหน้าของ’เจี่ยฉวน’

พร้อมกับค่อยๆก้มลงแล้วกระซิบเบาๆ

“เจี่ยฉวน สายตาเจ้าเฉียบแหลมดีหนิ เจ้าคงรู้ว่าชูเฟิงนั้น คือ อัจฉริยะสินะ ”

“ แต่น่าเสียดาย ที่ตระกูลเจี่ยของเจ้าทำให้เขามีทัศนคติที่ไม่ดี โชคดีจริงๆที่พรรคพวกของเจ้าาลงมือกับเขาและด้วยนิสัยที่ยโสโอหังของพวกเจ้า จึงได้สร้างศัตรูที่ไม่สมควรเข้าไปยุ่งซะแล้ว พวกเราจะดึงเขาให้มาเป็นสหาย และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมนิกายของเราถึงได้ทวีคูณความแข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่ตระกูลเจี่ยของเจ้า อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ “

หลังจากพูดจบ ‘หม่าเชียง’ก็เดินขึ้นไปหา’ชูเฟิง’อย่างว่องไว ทั้งสี่คนที่อยู่ข้างหลัง ได้นำคนที่บาดเจ็บออกมา ‘เจี่ยฉวน’ขณะนั้นไม่ได้เดินตามไปแต่อย่างใด เขาก็ทำเช่นเดียวกับนิกายโลกวิญญาณ คือการนำคนบาดเจ็บออกไปข้างนอก

‘เจี่ยฉวน’ก็เป็นคนดีนะ เสียดายเกิดผิดที่ไปหน่อย แล้วถ้าหาก ‘เจี่ยฉวน’มาเข้านิกายโลกวิญญาณล่ะ ? เมื่อคนที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านั้นถูกนำตัวออกมาจากหอคอยอสูรฟ้า เกิดความโกลาหลอย่างมาก และความโกรธความพิโรธ ของนิกายโลกวิญญาณกับตระกูลเจี่ย เพิ่มขึ้นจนเกือบจะเกิดสงคราม

ด้านเจี่ยฉวนและคนอื่นๆจากนิกายโลกวิญญาณ ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับ’ชูเฟิง’ ที่ทำร้ายคนในตระกูลเจี่ย ตระกูลเจี่ยต่างพากันคิดว่าคนที่ทำร้ายพวกเขาอย่างทารุณนั้นเป็นฝีมือของนิกายโลกวิญญาณ แต่ ฝ่ายนิกายโลกวิญญาณก็ได้รับการบาดเจ็บเช่นกัน พวกเขาจึงทำอะไรไม่ได้เกี่ยวเรื่องนั้น

นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นพื้นที่ของนิกายโลกวิญญาณ ที่ตระกูล จื่อ เป็นผู้ควบคุม ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยุติหลังจากนำสมาชิกทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บออกมาจากหอคอยอสูรฟ้า ‘เจี่ยฉวน’ก็ยังไม่กลับเข้าไป ตอนนั่นเขายืนอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสตระกูลเจี่ย ในขณะที่ใช้สายตาทอดไปยังหอคอยอสูรฟ้า

 

สมควรแล้วที่มันโดน. . . . . . . . . .

เรามารอลุ้นกันว่า ชูเฟิง จะเข้านิกายโลกวิญญาณหรือเปล่า ? ? ?

การสอบมี 3 ขั้นตอนหรือ 3 ด่าน

ขั้นที่ 1 ทดสอบพลังวิญญาณและทักษะ ด้วยการทำลายรูปปั้นเหล็ก

ขั้นที่ 2 ป่าวงกต ซึ่งเป็นการดูความสามารถของอำนาจพลังวิญญาณ ในการหาทาง

ขั้นที่ 3 หอคอยอสูรฟ้า ทดสอบความอดทนหรือคุณสมบัติของผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณว่าอยู่สูงระดับไหน โดยการขึ้นไปในแต่ละ ชั้น ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 7 – 8 ชั้น แต่ละระดับก็จะมีแรงดันวิญญาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆและขึ้นไปยาก ตามแต่ละ ชั้นไป

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments