ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทะเลถึงกลายเป็นเช่นนี้! “
” มีใครรู้บ้างไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? ”
” ไม่ แต่ด้านข้างของชายขอบป่าล้านอสูร มีบางคนอยู่ 2 คนในนั้นเป็นศิษย์ของนิกายเราและนักสู้ขอบเขตนักพรต มีการต่อสู้เป็นตายเกิดขึ้น มันอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นได้ ”
” ตรวจสอบศิษย์ภายในทั้งหมด ข้าต้องการที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ” ประมุขนิกายได้รับรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเดินทางมาถึงที่ทะเลแล้ว น้ำวนขนาดยักษ์ได้สังหารสิ่งมีชีวิตในทะเลไปเป็นจำนวนมากและกลืนกินมันลงไปในทะล จากนั้นน้ำสีน้ำเงินเข้มได้กลายเป็นสีฟ้าสดใส มันแปลกเกินไป พวกเขาไม่สามารถเมินเฉยต่อเหตุหารณ์แบบนี้ได้
_________________________________
ในเทือกเขามีลำธารเล็กๆไหลมาจากทะเล น้ำที่เคยเป็นสีน้ำเงินเข้มกลับกลายเป็นสีฟ้าสดใส
ไม่ไกลจากลำธารมากนักมีบ้านไม้แบบเรียบง่าย หญิงสาวที่แต่งหน้าหนานั่งอยู่ด้านนอกพร้อมกับถอนหายใจออกมา ทันใดนั้นนางเห็นร่างๆหนึ่งลอยมาทางลำธาร ใบหน้าของนางซีดขาวลงในทันที ร่างนี้ถูกชโลมไปด้วยเลือดและลอยมาติดที่ตลิ่งหน้าบ้านของนาง
นางไม่เคยเห็นอะไรที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อนและค่อยๆสงบสติลง นางค่อยๆเดินไปที่ร่างนั้นและใช้นิ้วมือของนางทาบไปที่จมูกของเขา
“เขายังไม่ตาย!” หญิงสาวนำร่างที่อาบไปด้วยเลือดไปที่บ้าน แม้ว่าน้ำจะชะล้างเครื่องสำอางส่วนใหญ่ออกไปแต่นางหาได้สนใจไม่ นางเคาะประตูเบาๆ “ม่อโฉว เปิดประตูให้ข้าหน่อย”
” เข้ามา! ” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยตอบกลับ เด็กหญิงที่มีผมสีดำเงางามเปิดประตูออกมา นางดูอ่อนหวานและไร้เดียงสี อายุราวๆ 6-7 ปี อย่างไรก็ตามเมื่อสังเกตดวงตาของนางดีๆ จะรู้ว่านางนั้นตาบอด ” ป้าเหม่ย เกิดอะไรขึ้น? ท่านพาใครกลับมา?”
“ข้าเห็นเขาลอยมาอยู่ข้างๆลำธาร เขาเกือบจะถูกพัดไปกับกระแสน้ำ ม่อโฉว ไปทำซุปขิงให้ที ข้าจะพาเขาไปที่เตียงแล้วดูว่าจะช่วยเขาได้หรือไม่ มันจะยุ่งยากหากเขาตายในบ้านของพวกเรา” ป้าเหม่ยตอบ ม่อโฉวรีบไปที่ห้องครัวและเริ่มทำซุปในทันที
นามที่แท้จริงของป้าเหม่ยคือซูเหม่ยและนางก็เป็นโสเภณี วันหนึ่งนางได้พบกับเด็กที่ถูกทิ้งไว้ในเปลเล็กๆ ในนั้นมีกระดาษเขียนว่า “ม่อโฉว” แปะไว้อยู่ซึ่งมีความหมายว่า “ไม่โศกเศร้า” มันเป็นสิ่งเดียวที่พ่อแม่ของเด็กทิ้งไว้ให้ ซูเหม่ยส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อรำลึกถึงความทรงจำเหล่านั้น ซูเหม่ยพยายามอย่างมากที่จะทำให้แน่ใจว่าซูเหม่ยจะมีชีวิตที่ดี เด็กหญิงตัวน้อยเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ แม้ว่านางจะตาบอดแต่นางก็ไม่เคยทำตัวเป็นภาระ นางเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองและแม้กระทั่งดูแลซูเหม่ยยามนางป่วย ทั้งสองต่างใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
คนที่ซูเหม่ยช่วยไว้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากซวนหยวน นางพาเขาขึ้นไปบนเตียงและวางมือบนหน้าผากของเขาเพื่อวัดอุณหภูมิ
“ตัวเขาเย็นมาก!” นางรีบนำผ้าห่มมาห่มตัวเขา ด้านนอก ม่อโฉวกำลังถือซุปร้อนๆเข้ามา
“ป้าเหม่ย ซุปเสร็จแล้ว!”
“ขอบใจ.. เอ๊ะ ม่อโฉว!” นางรีบคว้าไปทีมือเล็กๆอย่างรวดเร็ว มือของม่อโฉวถูกลวกเนื่องจากถือชามร้อนๆเป็นเวลานาน “เจ้าเจ็บมากไหม!?”
“ป้าเหม่ย ข้าไม่เป็นไร รีบช่วยเด็กผู้ชายคนนั้นเถอะ!”
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย? และไม่ใช่ผู้ใหญ่? ” ซูเหม่ยถาม
“เขาแก่กว่าข้าไม่มากนักและตัวใหญ่ ท่านไม่สามารถแบกเขาได้ง่ายดายนัก แสดงว่าเขาจะต้องเป็นเด็กผู้ชาย!” ม่อโฉวหัวเราะคิกคัก
“เจ้าฉลาดมาก แต่ตอนนี้ไปแช่มือของเจ้าในน้ำเย็นก่อน!” ซูเหม่ยกล่าวด้วยความกังวล
ซูเหม่ยจัดเตรียมซุปและนั่งอยู่ข้างๆเตียง นางกำลังจะป้อนซุปให้ซวนหยวน แต่ทันใดนั้น ได้มีชาย 2-3 คนตะโกนอยู่ที่หน้าประตู “ยัยจิ้งจอก ออกมาเดี๋ยวนี้! ลูกค้าของเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าต้องการการปรนนิบัติที่ดี เปิดประตูซ่ะ!”
ม่อโฉวเดินเข้ามาในห้องและกล่าว “ลูกค้ามาแล้ว ป้าเหม่ย”
“ข้ารู้แล้ว อยู่ที่นี่นะม่อโฉว ห้ามออกมาไปเด็ดขาด” จากนั้นนางก็ล้างเครื่องสำอางออกก่อนจะเปิดประตู แต่นางก็ยังคงมีเสน์ห์อยู่
“สวัสดี ท่านสุภาพบุรุษ ข้าเสียใจจริงๆ วันนี้ข้าไม่สามารถต้อนรับพวกท่านได้ ได้โปรดกลับมาใหม่ในครั้งหน้า”
“นี่มันบ้าอะไร?” ชายร่างใหญ่ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธลูกค้า ไปกันไปแล้ว!”
“โปรดให้อภัยข้าด้วย วันนี้ข้าไม่สามารถไปได้จริงๆ”
เสียงโวยวายจากด้านนอกทำให้ซวยหยวนตื่นขึ้นมา เขาตระหนักได้ว่ามีเด็กหญิงตัวเล็กๆนั่งอยู่ข้างๆ “ข้าอยู่ที่ไหน?”
“เจ้าตื่นแล้ว! เจ้าอยู่ที่บ้านของข้า” นางสั่นกลัวเล็กน้อยจากเสียงเอะอะข้างนอก แต่นางก็ยังตอบซวนหยวนอย่างสงบ
“ข้ามาอยู่ที่บ้านของเจ้าได้ยังไง?” ซวนหยวนถาม เขารู้สึกดีขึ้นเมื่อนอนอยู่บนเตียง
“ป้าเหม่ยพบเจ้าอยู่ที่ลำธาร นางบอกว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ” ม่อโฉวตอบ
ซวนหยวนรับรู้แล้วว่าเขาถูกช่วยเหลือเอาไว้ แต่ก็ยังไงยินเสียงวุ่นวายจากข้างนอก
“นังหญิงโสโครก ข้าย่ำยีเจ้ามาหลายครั้ง เจ้าคิดหรือว่าข้าไม่รู้ว่าทำไม? เจ้ามีชายคนอื่นอยู่ข้างในใช่หรือไม่? วันนี้เป็นวันของข้า ข้าจะทำให้มันได้ชดใช้!” ชายที่หยาบคายตะโกนขึ้นและเข้าไปในบ้านพร้อมกับชายอีก 2 คน
“พวกท่านกำลังจะทำอะไร? พวกท่านกำลังทำให้ม่อโฉวกลัว!” ซูเหม่ยไม่สามารถหยุดพวกเขาไม่ให้พุ่งเข้าไปในบ้านได้ พวกเขาเข้าไปยังห้องของนาง พวกเขาแทบจะล้มลงเมื่อเห็นซวนหยวนอยู่บนเตียง
” ทำไมไอเด็กนี่ถึงมาอยู่ตรงนี้? ถ้าเจ้าไม่สามารถทำได้ พวกข้าจะย่ำยีม่อโฉวแทน!” ชายคนนั้นจ้องมองไปที่ม่อโฉวอย่างหื่นกระหาย
ซูเหม่ยกลายเป็นโกรธเกรี้ยว ซูเหม่ยวิ่งเข้าไปหาชายคนนั้นและใช้เล็บข่วนไปที่ใบหน้าของเขา นางกรีดร้องออกมา “ห้ามแตะต้องม่อโฉว ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”
“บัดซบ!” ดวงตาของชายที่หยาบคายมีรอยข่วนโดยซูเหม่ยและเลือดก็เริ่มไหลออกมา
เขาโกรธอย่างมากและตบไปที่หน้าของนางทำให้นางลงไปนอนกองบนพื้น “นังแพศยา เจ้ากล้าทำร้ายข้า ถ้าข้าต้องการจะย่ำยีนังเด็กนี่ต่อหน้าเจ้า อย่างเจ้าจะไปทำไรได้?”
ม่อโฉวสั่นด้วยความกลัวและคว้าไปที่แขนของซวนหยวน “ช่วยป้าเหม่ยด้วย!”
ซวนหยวนรีบลุกขึ้นและตบไปที่คนที่ทำร้ายซูเหม่ย ชายคนนั้นถูกส่งลอยไปไกลหลายเมตรจากการตบและเริ่มชักกระตุกอยู่บนพื้น มันเจ็บปวดอย่างมากแม้แต่จะกรีดร้องออกมาก็ยังทำไม่ได้
“ไปให้พ้น ไอพวกสวะ!” ซวนหยวนคำรามออกมา เมื่อมองไปที่เสื้อที่เปื้อนเลือดของซวนหยวนและเห็นความแข็งแกร่งของเขาทำให้ชายสองคนที่เหลือถึงกับพูดไม่ออก พวกเขาบรรลุเพียงขอบเขตนักสู้เท่านั้น เมื่อเทียบกับซวนหยวนแล้วพวกเขาเป็นเพียงมดปลวก
” เจ้ารู้ไหมพวกข้าเป็นใคร? พวกข้าคือผู้รับใช้จากตระกูลหลี่ เจ้ากล้าทำร้ายพวกข้า? นังแพศยา แล้วพวกเราจะกลับมา!” พวกเขายังคงข่มขู่แม้ร่างกายจะสั่นไปด้วยความกลัว จากนั้นพวกเขาก็แบกร่างขนาดใหญ่ของชายที่โดยตบออกจากบ้านไป
ซูเหม่ยราวกับถูกแช่แข็ง เมื่อนางได้สติและรีบหันไปหาซวนหยวน “พ่อหนุ่ม เจ้าต้องรีบไปจากที่นี่ พวกมันเป็นคนของแม่ทัพหลี่ ถ้าพวกมันกลับมา เจ้าจะพบกับปัญหาใหญ่ ไป เร็วเข้า!”
“แล้วพวกท่านล่ะ?” ซวนหยวนถาม
” พวกข้าเป็นเพียงผู้หญิงและม่อโฉวเองก็เป็นเพียงแค่เด็ก พวกมันคงจะไม่ฆ่าข้าโดยไร้เหตุผล แต่พวกมันจะฆ่าเจ้า”
ม่อโฉวเริ่มร้องไห้ “ป้าเหม่ย ท่านบาดเจ็บ?”
“อย่าได้กังวล ข้าจะไม่ปล่อยให้อะไรเกิดขึ้นกับพวกท่าน” ซวนหยวนลูบผมของม่อโฉวเบาๆ เขามองไปที่ซูเหม่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ” ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้ ข้าจะปกป้องพวกท่านทั้ง 2 อย่าได้เป็นห่วงเลย”