I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Devouring The Heavens ตอนที่ 139 เสียงหัวเราะและน้ำตา

| Devouring The Heavens | 1315 | 2368 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“เจ้าหญิงซือหว่าน? ท่านไม่ได้ไปกับเจ้าหญิงปิงเหยาหรอกหรือ? ทำไมท่านถึงไม่พูดคุยกับนางให้มากกว่านี้ล่ะ?” ซวนหยวนหัวเราะเบาๆ ชุดสีดำของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ใส่ใจสักเท่าไร ใบหน้าของนางค่อนข้างซีดขาวเล็กน้อย

 

“ข้ามีคำถามมากมายที่อยากจะถามเจ้า ดังนั้นเจ้าจะต้องมากับข้า แม้ว่าตอนนี้ข้ากำลังบาดเจ็บอยู่ แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาที่จะพาเจ้าไป” นางหัวเราะคิกคัก

 

ซวนหยวนจ้องมองใบหน้าที่เรียวขาวและเสียงที่ดูบริสุทธิ์ของนาง นางงดงามราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ทั้งงดงามและน่าหลงใหล “เจ้าหนู อย่าได้เชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนี้ ไม่ต้องกังวล มันง่ายมาก ตั้งแต่ที่นางได้รับบาดเจ็บข้าก็แน่ใจว่าสามารถปิดผนึกพลังของนางและปล่อยให้เจ้ากลืนกินอัคคีต่อสู้ทั้งหมดของนางเสีย มันจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้เจ้าอีกมหาศาลและภายใต้ขอบเขตที่ต่ำกว่าขอบเขตราชันย์จะไม่มีใครที่สามารถต่อกรกับเจ้าได้

 

ซวนหยวนไม่รู้ว่าทำไมซือหว่านถึงต้องการตัวเขา แต่เขาไม่รู้สึกถึงเจตนาชั่วร้ายจากนางดังนั้นเขาจึงกล่าวกับเฒ่าโลภมาก “อย่าได้ทำร้ายนาง เพียงแค่ปิดผนึกพลังของนางไว้ก็พอ”

 

“ได้สิ โรมิโอ” เฒ่าโลภมากล้อเลียน ทันใดนั้นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ห่อหุ้มร่างกายของซวนหยวนไว้

 

“ถ้าท่านต้องการที่จะพาข้าไป ท่านก็จะต้องมีพลังที่จะทำมัน” ซวนหยวนยิ้ม แต่ราวกับว่าเขาไม่ใช่ซวนหยวน นี่เป็นเพราะร่างกายและวิญญาณของเขาถูกครอบงำโดยพลังเฒ่าโลภมาก

 

มีด้ายสีดำจำนวนมากลอยออกมาจากร่างกายของซวนหยวนและกลายเป็นวงแหวนล้อมรอบตัวของซือหว่านไว้ วงแหวนพุ่งเข้าไปในร่างกายของนางโดยไม่เปิดโอกาสให้นางได้ตอบโต้ ทันใดนั้นซือหว่านก็ตระหนักได้ว่าพลังปราณของนางถูกผลึกเรียบร้อยแล้ว แม้แต่พลังทางกายภาพของนางก็ถูกผนึกด้วยเช่นกัน ผนึกนี้ลึกลับเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่นางพยายามจะใช้พลัง มันจะถูกกลืนกินเข้าไปในผนึกทันที

 

“เจ้าจะทำอะไร!?” ซือหว่านถามด้วยความตื่นตระหนัก

 

“ข้าไม่ทำอะไรทั้งนั้น” หลังจากที่พลังของซือหว่านถูกผลึก ซวนหยวนราวกับว่าเขากลับมาสงบอีกครั้ง ซือหว่านในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวธรรมดาที่ไร้พลัง แต่เขาก็ไม่ได้เอาเปรียบนาง “ข้าจะไม่ถูกท่านบังคับให้ไปที่ไหนที่ข้าไม่รู้จัก ข้าไม่ชอบที่ถูกควบคุม ข้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่่จะควบคุมชีวิตของตัวเอง”

 

“ข้าไม่ได้วางแผนที่จะทำร้ายเจ้า” ซือหว่านถอนหายใจ

 

“ข้ารู้ ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงเจตนาชั่วร้ายจากตัวท่าน ดังนั้นข้าจะไม่ทำร้ายท่านเช่นกัน” ซวนหยวนกล่าวในขณะที่อุ้มร่างน้อยๆของม่อโฉวไว้ด้วย นางยังคงนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ท่านอยากถามอะไร? ข้าจะรักษาบาดแผลให้ท่านในตอนที่ท่านกำลังตั้งคำถามกับข้า”

 

วารีสวรรค์สามารถเพิ่มศักยภาพให้กับสมุนไพรและเม็ดยาเมื่อใช้ในการรักษา ซวนหยวนได้ผสานเข้ากับวารีสวรรค์โดยสมบูรณ์แล้วดังนั้นเขาจึงรู้ว่าจะใช้มันยังไง

 

“ทำไมเจ้าถึงต้องทำร้ายเผ่ามายา?” ใบหน้าของซือหว่านกลับมาดูดีเล็กน้อย

 

“ข้าไม่มีเหตุผลของตัวเอง เพียงแต่นิกายนักสู้มังกรมีคำสั่งให้พวกเราเข้าโจมตีเท่านั้น นอกจากนี้เหล่าสัตว์อสูรมายายังเป็นอันตรายต่อคนธรรมดา มันก็เป็นเรื่องเหมาะสมแล้วที่เราจะปกป้องคนบริสุทธิ์ไม่ให้ถูกฆ่าตาย”

 

“ไม่มีถูกหรือผิดในสงครามระหว่างเผ่ามายาและมนุษย์ การต่อสู้กินเวลามาหลายปีโดยไม่มีท่าทีว่าจะจบลง ข้าจะเป็นคนยุติสงครามนี้” ซือหว่านถอนหายใจอีกครั้ง “ถ้าสงครามยังคงมีต่อไป จะมีชีวิตมากมายล้มตายนับไม่ถ้วน ถ้ามีคนตายมากขึ้นความเคียดแค้นชิงชังจะยิ่งทวีความรุนแรง มันจะยิ่งหยังรากลึกลงไปในจิตใจของผู้คน”

 

“เจ้าหญิงซือหว่าน เป็นหมายของท่านช่างสูงส่งนัก ข้าประทับใจ ข้าไม่ใช่บุคคลสำคัญในนิกาย มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือความอยู่รอดของตัวเอง เวลาของข้ามีไว้ใช้กับปัญหาของตัวเองเท่านั้น” ซวนหยวนยิ้ม “นี่คือทั้งหมดที่ท่านต้องการที่จะถามข้า?”

 

“ทำไมเจ้าไม่กลัวอัคคีต่อสู้ของข้า?” ซือหว่านส่ายหัวและถามต่อ

 

ซวนหยวนที่กำลังอุ้มม่อโฉวอยู่ ปลดปล่อยแสงสีฟ้าอ่อนไปที่ร่างกายของซือหว่าน บาดแผลของนางค่อยๆหายจากความช่วยเหลือของวารีสวรรค์

 

“ไอเด็กบ้า! เจ้ากำลังรักษาบาดแผลของนาง! มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับนางที่จะทำลายผนึกของข้าเมื่อพลังของนางกลับมาสมบูรณ์ ข้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะสู้กับนางได้ นางสามารถควบคุมอัคคีต้องสู้ได้นั่นก็หมายความว่ามันจะไม่เป็นปัญหาเลยหากนางต้องการที่จะทำลายผนึกหลังฟื้นฟูพลังเสร็จ” เฒ่าโลภมากแทบคลั่ง

 

“อย่าได้กังวล ข้ารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่” ซวนหยวนตอบ

 

“นี่มัน…. วารีต่อสู้!” ซือหว่านมีความรู้ นางตระหนักได้ทันทีว่ามันคือวารีต่อสู้

 

ซวนหยวนยังคงเงียบ ทุกครั้งที่เขารักษาบาดแผลให้กับซือหว่าน เขาก็ปิดผนึกบาดแผลด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะปิดกั้นพลังของนางต่อไป

 

“เจ้าหนู เจ้าจะต้องเสียใจ วารีสวรรค์ไม่สามารถปกป้องเจ้าจากอัคคีต่อสู้ที่ทรงพลังได้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา ฟังข้า! กลืนกินอัคคีต่อสู้ซ่ะ ในตอนที่เจ้ายังทำได้เพื่อประโยชน์ของเจ้าเอง!” เฒ่าโลภมากล่าวอย่างหนักแน่น “ถ้าเจ้าไม่ต้องการอัคคีต่อสู้ของนางจริงๆ อย่างน้อยเจ้าก็ลองขอทักษะระดับเซียนอย่าง ‘วีถีปีศาจปรับแต่งโลหิต’ มันน่าจะเหมาะกับเจ้า นางเป็นถึงเจ้าหญิงจากราชวงศ์มายา แน่นอนว่านางคงจะทักษะที่เจ้าต้องการ”

 

ซวนหยวนถูกกระตุ้นโดนเฒ่าโลภมาก เขาหันไปหาซือหว่าน “เจ้าหญิง ท่านพอจะสอนทักษะของเผ่ามายาระดับเซียนอย่าง ‘วีถีปีศาจปรับแต่งโลหิต’ ให้กับข้าได้หรือไม่?”

 

ซือหว่านจ้องเขม็งไปยังซวนหยวน ” ไม่ มันคือทักษะระดับสูงของพวกเราเผ่ามายา ข้าไม่สามารถสอนคนภายนอกได้ นอกจากนี้เจ้ายังไม่ได้ฝึกฝนทักษะก่อนหน้าซึ่งจำเป็นต้องใช้ มันก็เหมือนกับการฆ่าตัวตายถ้าข้าให้ทักษะนี้กับเจ้า มันก็เหมือนกับที่เจ้าฝึกฝนทักษะลับของตระกูลหยิน เจ้าจะต้องเผชิญกับการลอบสังหารของราชวงศ์มายาในช่วงชีวิตที่เหลือของเจ้า”

 

“ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจัดการได้อยู่แล้ว” ซวนหยวนยิ้ม และจ้องมองไปยังร่างกายของนาง “ถ้าท่านไม่ให้ทักษะกับข้า ข้าจะทำบางอย่างกับท่าน”

 

“ข้าจะไม่ให้ทักษะกับเจ้าไม่ว่าจะยังไงก็ตาม มันจะสร้างปัญหาให้เจ้าไม่รู้จบ เชื่อสิเจ้าไม่อยากมีปัญหาหรอก เจ้าจะขออะไรก็ได้แต่ไม่ใช่เรื่องนี้”

 

ซวนหยวนหัวเราะและวางม่อโฉวลง จากนั้นก็ผลักซือหว่านลงบนพื้น

 

“เจ้าจะทำอะไร?” ซือหว่านหวาดกลัวและเริ่มขัดขืน

 

ซวนหยวนเริ่มถอดรองเท้าสีดำและถุงน่องสีขาวออก เผยให้เห็นเท้าที่เปลือยเปล่าของนาง ใบหน้าของนางแดงขึ้นเพราะความอับอาย ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้สัมผัสกับเท้าของนาง นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าทำเรื่องน่าอายเช่นนี้

 

จากนั้นซวนหยวนเริ่มใช้สองนิ้วเขี่ยไปที่ปลายเท้าของซือหว่าน มันช่วยไม่ได้ที่นางจะหัวเราะออกมา ” ยะ.. หยุด!”

 

“รู้สึกไม่ดีงั้นหรือ? มาดูกันว่าท่านจะหัวเราะได้นานแค่ไหน ฮ่าๆๆ” ซวนหยวนหัวเราะอย่างชั่ววร้าย ราวกับว่าเขากำลังสนุกกับมันจริงๆ ถ้าคนจากราชวงศ์มายารู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาคงจะบ้าคลั่งและอยากฉีกซวนหยวนออกเป็นชิ้นๆแน่นอน

 

ดวงตาของซือหว่านเต็มไปด้วยน้ำตาจากการหัวเราะ ” ข้านั้นให้ได้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ แต่ยกเว้นทักษะนี้ มันจะนำหายนะมาหาเจ้าและข้าก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น”

 

ซวนหยวนรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าซือหว่านเป็นคนดีเมื่อเขาเจอกับนางที่รังปีศาจมายา แต่เขาฝึกฝนทักษะกลืนกัน เขาจะต้องกลืนกินทุกอย่างและเพิ่มพลังให้กับตัวเอง

 

“ข้าไม่สนใจ สอนทักษะให้ข้าหรือเราจะทำอย่างนี้ทั้งวัน?” ซวนหยวนคว้าไปที่เท้าของนาง และเริ่มจั๊กจี้ต่อ

 

น้ำตาของซือหว่านไหลไม่หยุด นางไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ และมันยังเป็นเช่นนั้นกว่า 6 ชั่วโมง

 

” ดะ… ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ นะ…นายน้อยซวนหยวน ข้าไม่อาจให้ทักษะกับเจ้าได้จริงๆ ฮ่าๆๆๆ ” ซือหว่านกล่าวทั้งน้ำตาขณะที่หยุดหัวเราะไม่ได้

 

“พวกเรายังมีเวลาอีกมาก” ซวนหยวนยิ้ม

 

ซวนหยวนยังคงทรมาน(?)นางต่อไป

 

ในตอนนั้นเอง ได้มีน้ำเสียงที่งัวเงียดังขึ้นมา “พี่ซวนหยวน ท่านกำลังทำอะไรกับนางหรือ?”

 

ซวนหยวนหันกลับไปหาม่อโฉวซึ่งกำลังนั่งอยู่บนพื้นและจ้องมองมาที่เขากับซือหว่าน ซวนหยวนผู้ไร้ยางอายตอบกลับไปว่า “ม่อโฉว พวกเรากำลังทำเรื่องสนุกๆกันอยู่”

 

ในทางกลับกัน ซือหว่านไม่ได้ไร้ยางอายเหมือนกับซวนหยวน แก้มของนางแดงขึ้นด้วยความอับอาย ในสายตาของซวนหยวน นางมีเสน่ห์อย่างมาก โดยเฉพาะแก้มที่แดงระเรื่อของนาง

 

“ม่อโฉว ช่วยบอกพี่ชายของเจ้าทีให้ปล่อยข้าไป เขากำลังรังแกข้าอยู่” ซือหว่านขอให้ม่อโฉวช่วย

 

ม่อโฉวพยักหน้าและกล่าว “ปล่อยนางไปเถอะนะพี่ซวนหยวน ข้าหิวแล้ววว”

 

 

ซวนหยวนถึงกับพูดไม่ออก เขาทำได้เพียงหยุดและยักไหล่ เขาไม่สามารถปล่อยให้สาวน้อยทนหิวได้ “เอาล่ะ รอข้าที่นี่ ข้าจะไปจับปลาให้เจ้า”

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments