I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Devouring The Heavens ตอนที่ 141 กัด

| Devouring The Heavens | 1331 | 2364 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 “เจ้าต้องการที่จะตาย?” ซวนหยวนกล่าว รองเท้ามังกรของเขาเปิดใช้งานในทันที เขาทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับมังกร ซวนหยวนปลดปล่อยพลังที่เทียบเท่ากับมังกร 450 ตัวออกมา ด้วยพลังที่ระเบิดออกมานกนภาวารีตกอยู่ในความกลัวในทันที เขาคว้าไปที่คอของนกนภาวารีด้วยมือเพียงข้างเดียวและใช้มืออีกข้างคว้าคอของลู่หยู่เซียงไว้

 

 ลู่หยู่เซียงกลายเป็นหวาดกลัว ซวนหยวนอ่อนแอกว่าพวกเขาก่อนหน้านี้แต่ด้วยเวลาเพียงไม่นานเขากลับกลายเป็นแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว! ตั้งแต่ที่ลู่หยู่เซียงมาถึงนิกายนักสู้มังกร เขาถูกฝึกสอนโดยศิษย์แท้จริงจากตระกูลของเขาและตอนนี้เขาปรับแต่งอวัยวะไปถึง 3 ส่วนแล้ว พละกำลังของลู่หยู่เชียงในตอนนี้มากกว่ามังกร 200 ตัว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซวนหยวน เขาเป็นเพียงได้แค่คนอ่อนแอ

 

 “เจ้าหนู ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ข้าสามารถกลืนกินความทรงจำของผู้คนได้ มาดูกันดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นในนิกายตอนที่พวกเราออกมา เป็นการดีกว่าที่จะเตรียมความพร้อมเอาไว้” เฒ่าโลภมากกล่าว จากนั้นแสงสีดำก็ได้โผล่ออกมาจากร่างกายของซวนหยวนและห้อมล้อมร่างของลู่หยู่เชียงเอาไว้ ในพริบตาก็เหลือไว้เพียงแค่ซากศพที่เน่าเปื่อย

 

 ซวนหยวนปล้นยุทธภัณฑ์ทั้งหมดของลู่หยู่เชียง รวมทั้งแหวนและคะแนนศิษย์กว่า 50 ล้านคะแนน ก่อนที่จะโยนศพของเขาลงไปในทะเล

 

 “เฒ่าโลภมาก ก่อนที่ไข่จะฟักออกมา ข้าอยากจะใช้นกนภาวารีตัวนี้เป็นพาหนะ เจ้าทำให้มันเชื่องได้หรือไม่?” ซวนหยวนกล่าว

 

 “ไม่มีปัญหา…” แสงสีดำถูกยิงเข้าไปในตัวของนก ทำให้มันเชื่องในทันที

 

 “พี่ซวนหยวน….” ม่อโฉวเหลือมองไปที่ซวนหยวนด้วยความกลัว นางรับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นและจิตสังหารภายในตัวเขา

 

 “ม่อโฉว เขาเป็นคนไม่ดี ถ้าข้าไม่ฆ่าเขา เขาจะพยายามฆ่าพวกเราแทน ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว” ซวนหยวนไม่เต็มใจที่จะให้ม่อโมวเป็นพยานในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องเผชิญกับความโหดร้ายของโลกใบนี้อยู่ดีและนางก็จำเป็นที่จะต้องยอมรับมันให้ได้

 

 “ข้าเข้าใจแล้ว” ม่อโฉวพยักหน้าและหันไปที่นกนภาวรี “นกตัวใหญ่!”

 

 “เจ้าต้องการที่จะขี่มันไหม?” ซวนหยวนถาม ม่อโฉวพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น นกยักษ์กางปีกออกมาและปล่อยให้เด็กน้อยขึ้นไปบนตัวมันอย่างว่าง่าย จากนั้นซวนหยวนก็มองไปที่ซือหว่าน

 

 “ตอนนี้ พวกข้ากำลังจะกลับไปที่นิกาย ผนึกจะค่อยๆอ่อนกำลังลงเมื่อเวลาผ่านไป ในเวลาครึ่งวันท่านจะสามารถทำลายผนึกได้ด้วยพลังของตัวเอง ในตอนนี้ท่านจะต้องอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง”

 

 “เจ้าไม่เชื่อใจข้า?” ซือหว่านกล่าวด้วยความไม่พอใจ

 

 “ข้าไม่อนุญาตให้ชีวิตและความตายของข้าอยู่ในมือของผู้อื่น ท่านอาจจะเกลียดที่ข้าทำแบบนี้กับท่าน แต่มันก็ช่วยไม่ได้” ซวนหยวนยิ้มและกระโดดขึ้นไปบนนกนภาวารี “ลาก่อน เจ้าหญิง”

 

 ก่อนที่ซวนหยวนจะได้จากไป อำนาจที่พลังได้ถูกปลดปล่อยออกจากร่างกายของซือหว่านและแผดเผาผนึกในทันที ผนึกของเฒ่าโลภมากถูกทำลายอย่างง่ายดายด้วยอัคคีต่อสู้!

 

 “ชิบหายแล้ว เจ้าหนู! ข้าเตือนเจ้าแล้วใช่ไหม ตอนนี้นางเป็นอิสระจากผนึกแล้ว!” เฒ่าโลภมากตื่นตระหนก “ข้าบอกเจ้าว่าอย่าไปเชื่อใจนาง แต่เจ้าก็ไม่ฟัง! เจ้าควรจะกลืนกินอัคคีต่อสู้ของนางตั้งแต่ตอนที่ยังมีโอกาส ข้าไม่มั่นใจว่าจะสามารถผนึกนางได้อีกครั้งดังนั้นตอนนี้เจ้าหมดโอกาสที่จะกลืนกินอัคคีต่อสู้ของนางแล้ว”

 

 นกนภาวารีไม่สามารถบินได้เนื่องจากพลังของซือหว่าน ซวนหยวนกลายเป็นอึดอัดและหัวเราะอย่างขมขื่น “ท่านยังทรงพลังเช่นเคย เจ้าหญิง”

 

 ซือหว่านยิ้มและก้าวขึ้นไปในอากาศ “เจ้าพูดถูก ข้าเกลียดที่ถูกปฏิบัติเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าทำกับข้าเช่นนี้แบบนี้ ข้าจะต้องชำระแค้น”

 

 “พวกเราตายแน่!” ซวนหยวนหายใจไม่ออก

 

 นางเคลื่อนตัวมาข้างๆซวนหยวนและคว้าแขนของเขาขึ้นมา โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง นางกัดลงไปที่แขนของเขาอย่างแรง ทำให้แขนของซวนหยวนรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก

 

 “ทำอะไรนะเจ้าหมาน้อย? กัดข้าทำไม?” ซวนหยวนกรีดร้องออกมา

 

ซือหว่านไม่ปล่อยแขนของเขาเป็นเวลานาน บนแขนของซวนหยวนปรากฏรอยกัดลึกอย่างชัดเจน

 

 “ท่านเป็นหมาหรือยังไง? นี่คือบทลงโทษสำหรับสิ่งที่ข้าทำกับท่าน?”

 

 

จากนั้นซือหว่านก็ปล่อยแขนของซวนหยวนและหันไปหาเด็กหญิงตัวน้อย

 

 “ม่อโฉว ข้าไม่อาจไปที่นิกายกับเจ้าได้ แต่เมื่อเจ้าต้องการที่จะออกจากอาณาเขตของนิกาย ข้าจะมาเล่นกับเจ้า หยกนี้สำหรับเจ้า รักษามันไว้ให้ดี”

 

ซือหว่านนำจี้หยกสีเขียวมรกตมาคล้องที่คอของม่อโฉว และซ่อนมันไว้ในเสื้อของนางอย่างรวดเร็ว

 

 “ขอบคุณ พี่สาวซือหว่าน! ข้าจะคิดถึงท่าน!”ม่อโฉวยิ้มอย่างมีความสุข นี่ถือเป็นของขวัญชิ้นแรกที่นางได้จากคนอื่น ซือหว่านโบกมือให้ม่อโฉวก่อนที่จะขอให้นางเป็นเด็กดีและหายลับไปในอากาศ

 

 “ลาก่อน!” ม่อโฉวตะโกนสุดเสียง “ข้าจะเป็นเด็กดี!”

 

 ซวนหยวนถอนหายใจ ถ้าร่างกายของเขาไม่ได้รับการฝึกเป็นอย่างดี แขนของเขาอาจจะขาดไปแล้วก็ได้ แขนของเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก แต่ก็มีความรู้สึกมากมายฝังลึกเข้าไปในใจของเขาแล้ว

 

 นกนภาวารีบินด้วยความเร็วสูงและมุ่งหน้ากลับไปยังนิกาย ซวนหยวนจำเป็นต้องปลดปล่อยปราณบางส่วนออกมาปกป้องม่อโฉวจากกระแสลมที่รุนแรง แต่ตัวเขาเองกลับไม่รู้สึกอะไร ราวกับกลายเป็นหนึ่งเดียวกับสายลมไปแล้ว

 

 ม่อโฉวตื่นเต้นอย่างมาก นางยังคงให้ความสนใจกับทิวทัศน์ด้านล่าง

 

 “เจ้าเห็นหรือไม่เฒ่าโลภมาก? ผู้หญิงก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทุกคน” ซวนหยวนกล่าวกับเฒ่าโลภมากในตัวของเขา

 

 “มันเป็นแค่ความโชคดีเท่านั้น” เฒ่าโลภมากไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ “ สักวันหนึ่ง เจ้าจะเห็นว่าไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่เชื่อใจได้ รูปโฉมของพวกนางอาจจะงดงาม แต่ภายในใจอาจจะเน่าเฟะ”

 

 “ไม่เป็นไรหรอก… แล้วตกลงเกิดอะไรขึ้นที่นิกาย?” ซวนหยวนถาม

 

 “ตั้งแต่ที่ปี้เย่วตาย ศิษย์แท้จริงทั้งหมดที่มาจากตระกูลปี้ต่างโกรธแค้น ภาพวาดของเจ้าที่เป็นฆาตกรหลบหนีหลังจากสังหารศิษย์ร่วมนิกายถูกแจกจ่ายไปทั่ว ฟางยู่โหยวพยายามที่จะช่วยเจ้า แต่เนื่องจากเจ้าไม่ปรากฏตัวทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับนาง ผู้คนมากมายคิดว่าเจ้ามีความผิด ดังนั้นจิ้นโฉวจึงตกอยู่ภายใต้ความกดดัน แต่ก็ไม่ได้แจ้งความผิดของเจ้าออกไป ตระกูลปี้ ตระกูลเลี่ยและตระกูลนู่วางแผนที่จะกำจัดเจ้า ตอนนี้เฟิงเลี่ยเองก็ประสบปัญหาอยู่มาก อย่างไรก็ตามมีคนมากมายพยายามที่จะสังหารเจ้า พวกมันคิดว่าเจ้าอ่อนแอเกินไปสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดที่ทะเล และนี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับเจ้า ศิษย์ภายในจำนวนมากได้รับมอบหมายให้ลาดตระเวนตามเขตชายแดน ลู่หยู่เชียงได้รับคำสั่งให้รับผิดชอบในส่วนของทิศเหนือของทะเล แต่เจ้าก็ฆ่ามันและได้สร้างความบาดหมางกับตระกูลลู่เสียแล้ว ยินดีด้วย ตอนนี้เจ้าได้กลายเป็นศัตรูกับ 4 ใน 5 ตระกูลใหญ่ของนิกายนักสู้มังกร ฮ่าๆๆ”

 

 

 “ข้าอยากจะเห็นนักว่าพวกมันจะทำอะไรได้!” ซวนหยวนแสยะยิ้ม

 

  “ถูกต้อง เจ้าจะอธิบายอย่างไรเมื่อกลับไปยังนิกาย? แม้ว่าตอนนี้ข้าจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ข้าก็ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวได้” เฒ่าโลภมากกล่าว

 

 “แน่นอน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับข้า” ซวนหยวนไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาควบคุมนกนภาวารีให้บินเร็วขึ้น ไม่นานนักเทือกเขาขนาดใหญ่ของนิกายก็ปรากฏในสายตาของเขา

 

 ตลอดทาง ซวนหยวนพบศิษย์ภายในมากมาย แต่พวกเขาคิดเพียงว่าซวนหยวนคือลู่หยู่เชียงที่บินกลับไปรายงานความคืบหน้า

 

 พวกเขาบินเป็นเวลา 12 ชั่วโมงก่อนที่จะมาถึงส่วนในของนิกาย ซวนหยวนอุ้มม่อโฉวไว้ “สาวน้อยที่นี่คือที่ๆพวกเราจะอยู่นับจากนี้ไป”

 

 “ว้าว! ภูเขาสูงจังเลย! บ้านก็หลังใหญ่! มันสวยมากๆ!” ดวงตาของม่อโฉวเปล่งประกาย แต่นางก็หรี่ตาลงในทันที “ที่นี่มีคนชั่วมากมาย!”

 

 “อย่าได้กลัว ถ้าข้าอยู่ที่นี่ ไม่มีใครสามารถทำอันตรายเจ้าได้” ซวนหยวนยิ้มอย่างอ่อนโยน

 

 “อื้อ! ข้าไม่กลัวหรอกเพราะข้ามีท่านอยู่ พี่ซวนหยวน” ม่อโฉวให้กำลังใจตัวเอง

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments