ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
”เจ้าคิดว่านิกายหลิงหลงจะปล่อยให้พวกเราเอาฟีนิกซ์ทองทมิฬไปงั้นหรือ?” เซียนไฟถามเซียนทองขณะบินไปยังนิกาย
”ข้าจะไปรู้ได้ยังไงกัน? แต่นิกายหลิงหลงพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และฟีนิกซ์ทองทมิฬเป็นปัญหาสำหรับพวกเขาตลอดตั้งแต่มันทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ มันคงจะดีถ้าซวนหยวนสามารถทนรับพลังของมันได้เพราะพวกเขาไม่ได้ใช้มัน” เซียนทองตอบกลับ
”มีผู้คนบางคนต้องการไปดูฟีนิกซ์ทองทมิฬในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและนิกายไม่ได้หยุดพวกเขาทำให้พวกเขาทุกคนล้วนตกตายไปกันหมด ฟีนิกซ์ทองทมิฬมันมีฉลาดและทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ มันเติบโตขึ้นทุกๆวัน ข้าได้ยินมาว่ามันไม่เต็มใจที่กลับมาจุติใหม่ ราวกับมันกำลังรออะไรอยู่” เซียนวารีกล่าวเสริม
”เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ?” เซียนไฟขมวดคิ้ว “ถ้างั้นพวกเราทั้งห้าคนบางทีอาจจะสามารถยับยั้งพลังของมันบางส่วนได้ถ้าซวนหยวนสามารถทนพลังของฟีนิกซ์ทองทมิฬ”
”นั้นมันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว นิกายหลิงหลงได้เปลี่ยนผู้นำหลายครั้ง ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเต็มใจให้ทำเช่นนั้นหรือไม่” เซียนทองกล่าว
”ซวนหยวนมีกายาห้าธาตุ ถ้าเขาไม่สามารถทนรับพลังของฟีนิกซ์ทองทมิฬได้ ก็ไม่มีใครสามารถรับพลังของมันได้แล้ว บัวแดงอัคคีเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับต่อต้านฟีนิกซ์ทองทมิฬ เขาอาจรับพลังของมันได้” เซียนทองกล่าว “เมื่อการต่อสู้จบลง พวกเราจะไปถามนิกายหลิงหลงเพื่อขอโอกาสให้ซวนหยวน”
ในสายตาของพวกเขาชิงยวิ๋นไม่มีความสำคัญใดๆเลย
บนเทือกเขาในนิกายนักสู้มังกร เจียงอี้เทียนกำลังอยู่บนเนินเขาท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ ด้านหลังเขามีชิงยวิ๋นกำลังคุกเข่าอยู่ขณะสวมเซ็ทยุทธภัณฑ์ระดับสวรรค์ขั้นต่ำที่เขาซื้อมาระหว่างงานประมูล
”คาราวะศิษย์พี่!”
”ครบสามเดือนแล้วหรือ?” เจียงอี้เทียนถามเบาๆ
”ใช่แล้ว ต่อหน้าทุกคน ข้าจะตัดลำไส้ของมัน มันกล้ามากที่สังหารน้องชายข้า ดังนั้นข้าจะทำให้ชีวิตของมันต้องพบกับความเจ็บปวด” ชิงยวิ๋นพยักหน้า
”ข้าเห็นอกเห็นใจเจ้าจริงๆที่ต้องแก้แค้นให้น้องชายของเจ้า แต่เจ้าไม่ควรประมาทมัน เพราะมันเป็นศิษย์ของเซียนทั้งห้า” เจียงอี้เทียนกล่าวอย่างช้าๆ
”อย่าได้เป็นห่วงเรื่องนั้น ข้าจะสังหารซวนหยวนต่อหน้าพวกเขา พวกเขาควรได้บทเรียนอะไรบ้างเหมือนกัน”
”ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าได้สร้างยันต์อาคมระดับจักรพรรดิขึ้นมา มันยังไม่สมบูรณ์แต่ว่ามันก็มีพลังมากพอ เก็บไว้กับตัวเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องอะไรผิดพลาด หลังจากที่เจ้าสังหารซวนหยวน เจ้าควรนำข้าวของทั้งหมดที่มันมากลับมา และมาพบข้าที่นี่ เซียนทั้งห้าจะต้องมอบของล้ำค่ามากมายให้กับมันอย่างแน่นอน” เจียงอี้เทียนโยนยันต์อาคมให้กับชิงยวิ๋นโดยไม่มองแม้แต่น้อย ชิงยวิ๋นสามารถรู้สึกได้ถึงพลังที่แผ่ออกมาจากยันต์ ทำให้เขามีความสุขอย่างมาก
“ขอบคุณศิษย์พี่ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!” จากนั้นเขาก็บินจากไป
ในท้องฟ้าเปิด เจียงอี้เทียนดูเหมือนเขาได้คำนวณทุกอย่างเอาไว้แล้ว เขาถอนหายใจ “ซวนหยวนเจ้าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก แต่เจ้ายืนอยู่ผิดฝั่ง และเจ้าไม่ควรพบเจอกับตำราแห่งการครอบครอง เทคนิคล้ำค่าพวกนั้นจะต้องเป็นของข้าผู้เดียว เมื่อเจ้าตาย ข้าจะฝังเจ้าด้วยขนหมาป่าผืนนี้”
ภายในโถงภายใน มีลานประลองหินอยู่ มันเรียกว่าลานประลองแห่งชีวิต มันเป็นลานที่ใหญ่มาก บนพื้นของลานประลองมันเต็มไปด้วยเลือดแห้งจนกลายเป็นสีดำ ไม่มีใครรู้ว่ามีศิษย์จำนวนมากเท่าใดตายไปกี่คนบนลานประลองแห่งนี้ ไม่มีการต่อสู้ครั้งใดที่เป็นจุดสนใจมากกว่าครั้งนี้ ศิษย์ภายในคนสำคัญๆส่วนใหญ่มาถึงแล้ว ได้แก่ หลงเย่ว, เฉินจิ้นโฉว, ฟางยู่โหย่ว, หั่วทาว, แม้แต่หัวหน้าห้องโถงฝ่ายปู้จิงซาก็ยังมา ส่วนศิษย์แท้จริงที่มาถึงแล้วได้แก่ ฟางยวิ๋น และเฟิงเลี่ย
ชิงยวิ๋นยืนอยู่บนลานประลองอย่างภาคภูมิใจ เขายืนรออยู่ตรงนั้นเป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว
ทำให้ผู้คนเริ่มนินทา “หรือว่าซวนหยวนหวาดกลัว?”
“เป็นไปได้ เขาเป็นแค่นักสู้ขอบเขตกษัตริย์ แล้วเขาจะเอาชนะศิษย์พี่ชิงยวิ๋นได้อย่างไร?”
“บางทีเขาอาจจะพยายามยืดชีวิตของตัวเองอยู่ก็เป็นได้”
“เจ้าได้ยินมาหรือเปล่า ว่าซวนหยวนเป็นคนสังหารชิงซาน? เขาได้รับเปลวไฟที่ไม่ธรรมดาจากเซียน!”
“ใช่ ข้าได้ยินมาเหมือนกัน! ชิงซานถูกสังหารภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที!”
“แต่ชิงยวิ๋นแข็งแกร่งกว่าเขามาก เขาไม่มีทางเอาชนะชิงยวิ๋นได้”
ฟางยวิ๋นและเฟิงเลี่ยทั้งคู่เมินเฉยต่อคำนินทา พวกเขาเชื่อว่าผลของการต่อสู้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
อีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไป
”หรือว่าเขาจะหนีไปแล้ว?”
“ข้าคิดว่าเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ แต่กลับกลายเป็นเรื่องตลก”
“ถ้าเขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เขาก็จะต้องถูกสังหาร”
“หรือว่าเขากลัว? ศิษย์ชิงยวิ๋น ซวนหยวนเป็นอัจฉริยะ มันอาจเป็นการสูญเสียต่อนิกายถ้าเขาตาย ทำไมเจ้าไม่ปล่อยๆเขาไป บางทีอาจจะปรากฏตัวอยู่ที่นี่ก็ได้นะ?”
“มันสังหารน้องชายข้า ชิงซาน! ข้าจะทำให้มันร้องขอความตาย!” ชิงยวิ๋นกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
นกนภาวารีปรากฏอยู่บนท้องฟ้าอันห่างไกลขณะที่เขาพูดจบ ซวนหยวนยืนอยู่บนหลังของมันพร้อมกับยุทธภัณฑ์อันงดงามและสว่างสไว
“เขามาแล้ว!” ความกังวลของฟางยู่โหย่วผ่อนคลายลง “ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ อย่าพูดอะไรที่เจ้าจะต้องมาเสียใจ เพราะพวกเราจะได้เห็นว่ามันจะมีจุดจบเช่นไร”
คำพูดของนางราวกับหนามที่ทิ่มแทงผู้คนที่พูดนินทา พวกเขาจ้องมองมาที่นาง แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะลุงของนาง ฟางยวิ๋นนั่งอยู่ข้างๆนาง
เซียนทั้ง 4 จาก 5 คนติดตามซวนหยวนมา และมาถึงแล้ว ผู้ไม่ต้องการให้ความคิดเห็นของพวกเขาถูกเหล่าเซียนได้ยิน ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงเงียบไม่พูดคุย
ซวนหยวนกระโดดลงไปบนลานประลอง และมองไปที่ปู้จิงซา, ฟางยวิ๋น และเฟิงเลี่ย ซึ่งดูประหลาดใจ
“พวกเราจะเริ่มกันได้รึยัง?”
ชิงยวิ๋นรู้จักยุทธภัณฑ์ของซวนหยวน และกรีดร้องว่า “เจ้าได้มันมาได้ยังไงกัน? หมวก, ชุดเกราะและรองเท้า มันไม่ใช่ยุทธภัณฑ์ที่ชายชราลึกลับซื้อไปหรอกหรือ?”
เฟิงเลี่ยก็รู้สึกสับสนเช่นกัน “ใช่แล้ว ซวนหยวน ชายชราผู้นั้นเขาเป็นใครกัน?”
“เขาคืออาจารย์ของน้องสาวของข้า เขาต้องการพาข้าไปงานประมูลและซื้อของที่ชื่อชอบให้!” ซวนหยวนหัวเราะ
“ว่าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า ดังนั้นเหตุผลที่ข้าได้รับตำราพายุนิรันดร์นี้มาเพราะความช่วยเหลือจากเจ้านี่เอง! เอาล่ะ อย่าได้เสียเวลาอีกต่อไปเลย เริ่มการต่อสู้ได้แล้ว!” เฟิงเลี่ยหัวเราะ เขารู้ว่าซวนหยวนจะไม่มาหากเขาไม่มั่นใจ
ชิงยวิ๋นกำลังกรีดร้องภายในใจของเขา “เป็นไปได้ยังไงกัน? มันเป็นเพียงเด็กบ้านนอกจากเมืองจันทร์สลาย! มันรู้จักใครบางคนที่ทรงพลังเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ศิษย์พี่พูดได้ถูกต้อง ข้าจะสังหารมันและเอาทุกอย่างที่มันครอบครองมาซะ”
ดวงตาของชิงยวิ๋นปรากฏความโลภขณะจ้องมองไปที่ซวนหยวน
“ถ้าศิษย์น้องซวนหยวนมาถึงแล้ว การต่อสู้ระหว่างศิษย์ภายในซวนหยวนและศิษย์แท้จริงชิงยวิ๋น เริ่มได้!” ปู้จิงซาหัวหน้าห้องโถงภายในประกาศ…….
*****************************************************************************
ติดตามได้ที่ –