I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 2 ข้าไม่จักทำมัน ท่านต้องทำด้วยตัวเอง

| Dragon-Marked War God | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

 

แปลไทยโดย   Takumi Kun


ตรวจทาน         Takumi Kun

************************************************************************

      หลังจากที่สังหารยามทั้งสองไป เจียงเฉินเงยหน้าขึ้นฟ้าและตระหนักว่ามันสายแล้ว เขาเดินออกไปจากที่คับแคบแห่งนี้เมื่อออกไปก็พบเพียงแค่พื้นที่รกร้าง อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นสาบ


ตามความทรงจำของเขาแล้ว ที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลและเป็นพื้นที่รกร้างภายในเมืองฟ้าหอม มันถูกเพิกเฉยมากว่าสิบปี ในวันทั่วไป ไม่มีผู้ใดมาที่แห่งนี้ พี่ชายของเขาช่างสรรหาสถานที่คุมขังเขาได้ดีเหลือเกิน


“ข้าเป็นผู้แข็งแกร่งในชีวิตที่แล้วของข้า ข้าก็จะไม่อ่อนแอในชีวิตนี้เช่นกัน ชีวิตที่แล้วของข้ามันจบไปแล้ว อดีตก็คืออดีต เมื่อตอนนี้ข้าได้ครอบครองร่างนี้จากนี้ไปข้าคือเจ้า เจียงเฉินคนใหม่ ครอบครัวของเจ้าคือครอบครัวของข้า ศัตรูของเจ้าคือศัตรูของข้า เส้นทางไปสู่อนาคต พวกเราจักเดินไปด้วยกัน!”


ด้วยตาลุกวาว เขาออกจากพื้นที่รกร้าง


คฤหาสน์เจ้าเมืองตกอยู่ในความวุ่นวายเมื่อสามวันที่ผ่านมาขณะที่เจียงเฉินได้หายตัวไป ถึงแม้ว่าเจียงเฉินคนเก่าจะทำแต่สิ่งโหดร้ายและน่ารังเกียจ เขาไม่เคยหายไปกว่าสามวัน


เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเจ้าเมือง แม้ว่าเจ้าเมืองไม่เคยที่จะพลาดวันใดที่จะต่อว่าเขา ในใจของเขานั้นรักใคร่เจียงเฉินเป็นอย่างมาก ผู้คนสามารถบอกได้อย่างง่ายดายจากยาล้ำค่าทั้งหมดที่เขามอบให้เจียงเฉิน


ยามทุกคนต่างออกตามหานายน้อยของพวกเขา พวกเขาหาทุกซอกมุมแต่ไม่มีสัญญาณว่าจะพบเขา ในที่สุดเจ้าเมืองก็มีคำสั่งออกมาหากหานายน้อยไม่พบก่อนตะวันตกดิน ยามทุกคนไม่ต้องกลับมา


ที่ดินรกร้างที่เจียงเฉินโดนจองจำ กลุ่มของยามได้เดินเข้ามาใกล้หลังจากที่ค้นหาในทุกๆที่แล้ว ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้


“เฮ้อ นายน้อยผู้นี้ไม่เคยให้พวกเราพักบ้างเลย เขาคงจะไปสำราญอยู่ที่ใดล่ะมั่ง แต่พวกเราต้องทนทุกข์ ข้าไม่ได้กินอะไรมาตลอดวันแล้ว”


“หยุดตำหนิเถอะ เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านเจ้าเมือง พรุ่งนี้จะถึงวันทำพิธีหมั้นหมายกับตระกูลมู่หรง หากพวกเราไม่อาจหานายน้อยพบ….อย่าได้คาดว่าจะมีสิ่งดีๆรอพวกเราเลย”


“นายน้อยคงไม่มายังสถานที่ห่างไกลเช่นนี้หรอก พวกเรามาที่นี่เสียเวลาเปล่า..เดี๋ยว!มีคนตรงมาทางนี้!”


ขณะที่ยามทั้งหลายกำลังตำหนิ ยามผู้หนึ่งที่นำพวกเขาเห็นร่างของคนสวมชุดสีขาวกำลังเดินมาทางพวกเขา


“นายน้อย!”


ยามได้ตะโกนออกมาด้วยความแปลกใจ มันขยี้ตาและมองดูอีกครั้งร่างของคนผู้นั้น มันจะสามารถเป็นคนใดได้อีกนอกจากนายน้อย?


“หัวหน้า!นั่นมันนายน้อย พวกเราพบนายน้อยแล้ว ฮ่าฮ่า”


ยามได้กระโดดขึ้นจากที่ๆมันยืนอยู่ ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น น้ำตาเกือบไหลออกจากดวงตาของมัน ราวกับว่าผู้อยู่ตรงหน้ามิใช่นายน้อย แต่ว่าเป็นบิดาของมัน


“เขาคือนายน้อยล่ะ! เขาคือนายน้อยจริงๆ!ขอบคุณพระเจ้า!”


ยามสองสามคนวิ่งมาทางเจียงเฉิน แม้ว่าพวกมันจะไม่รู้ว่านายน้อยของพวกมันมาพื้นที่รกร้างทำไม มันไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกมันพบนายน้อยแล้ว ยังมีชีวิตอยู่และพวกมันตื่นเต้นมาก ดูไม่เหมือนกับคนที่แขนหรือขาขาดหายไป


“เจียงเฉิง เหตุใดพวกเจ้าถึุงมาอยู่ที่นี่?”


[ยามผู้นี้คือเจียงเฉิง  ไม่ใช่เจียงเฉิน]


เจียงเฉินมองไปยังหัวหน้ายาม เขารู้จักชายคนนี้ นามของมันคือเจียงเฉิง!


“นายน้อย ในที่สุดพวกเราก็พบท่าน!หากว่าท่านไม่ปรากฎตัว ท่านเจ้าเมืองคงสังหารพวกข้าสิ้น!”


เจียงเฉิงพูดด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มันดูเหมือนว่ามันจะร้องไห้จากความยินดี


เจียงเฉินมีสีหน้างุนงง แต่ด้วยไหวพริบของเขา มันไม่ได้ทำให้เขาใช้เวลามากกว่าเสี้ยววินาทีในการเข้าใจทุกสิ่ง เขาได้หายตัวไปกว่าสามวัน ดังนั้นบิดาของเขาจึงเป็นกังวลว่าจะพบกับอันตราย เขาสามารถที่จะนึกได้ว่าพวกยามอาจไม่สามารถนอนอย่างเป็นสุขได้


เมื่อคิดถึงบิดาของเขา ผู้ที่เขาไม่เคยพบเจียงเฉินสามารถรู้สึกถึงความอบอุ่นในใจได้ แม้ว่าเขาจะเป็นถึงเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่แล้วของเขา เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้ที่ปรารถนาที่จะดูแลเขาในชีวิตที่แล้ว เขาเป็นเด็กกำพร้า เขาไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักถึงความรักของครอบครัว


“มันดูเหมือนว่าข้าอาการหนักงั้นรึ? เจ้าไม่จำเป็นต้องตายแล้ว มาสิ กลับบ้านกันเถอะ”


เจียงเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม


“นายน้อยโปรดขี่ม้านี่เถิด”


เจียงเฉิงรีบส่งม้าที่ตัวเองนั่งไปให้เจียงเฉิน


“ข้าไม่ต้องการมัน ข้าจักเดินเอง พวกเจ้าทุกคนต่างพยายามกันมามาก เมื่อพวกเราไปถึงที่บ้าน ทุกๆคนสามารถรับสิบเหรียญทองจากคลังได้”


เจียงเฉินพูดเหมือนว่ามันไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น


อะไรนะ สะ..สิบ เหรียญทองงั้นรึ?


เจียงเฉิงเกือบจะเป็นลมเมื่อมันได้ยินเช่นนั้น ไม่ใช่ได้เพียงแค่มันคนเดียว!ยามทุกๆคนต่างมึนงง สิบเหรียญทอง ค่าจ้างของพวกเขาได้เพียงสิบเหรียญเงินต่อเดือนเท่านั้น!


ครั้งหนึ่งเจียงเฉินเคยเป็นถึงเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจเงินมากเกินไป แต่สำหรับยามเหล่านี้สิบเหรียญทองนับเป็นทรัพย์สินมากมายนัก!


เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อย?นี่มันไม่ใช่ตัวเขาเลยสักนิด


นายน้อยใจกว้างเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?


เขาไม่ขี่ม้าและเมื่อพวกเขาพบกับนายน้อยเมื่อก่อนหน้านี้ เขาไม่ต่อว่าพวกมันเหมือนที่เขาทำอยู่ประจำ


หลังจากที่หายตัวไปสามวัน นายน้อยได้เปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง


“ไปกันเถอะ รีบตามนายน้อยไป”


เจียงเฉินนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกประหลาดใจมากเช่นนี้ ยามทั้งหลายต่างเร่งความเร็วและตามนายน้อยของพวกมันไป พวกมันไม่ได้ขี่ม้า ผู้ใดจะกล้าขี่ม้าในเมื่อนายน้อยของพวกมันได้เดินอยู่ด้านหน้า?


……………………………………………………


ภายในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์เจ้าเมือง


ชายวัยกลางคนเดินกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้ากระวนกระวาย ชายผู้นั้นสวมชุดไหม ร่างกายล่ำสันและสูงเจ็ดฟุต เขาเป็นเจ้าเมืองฟ้าหอม เจียงเจิ้นไห่! ( 1 ฟุต เท่ากับ 30.48 ซม.)


“อย่าได้กังวลเลยท่านพ่อ ข้าแน่ใจว่าพวกเขาจะต้องพบเจียงเฉินแน่นอน”


ชายหนุ่มดูดีสวมชุดสีขาวที่ยืนข้างเจ้าเมือง มันดูเหมือนว่าเขาจะอายุราวสิบเจ็ดถึงสิบแปดปีและเมื่อมองครั้งแรกไม่ว่าผู้ใดก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนทั่วไป ใบหน้าของเขาดูโศกเศร้า แต่ภายในมีความสุขยิ่ง


“เจ้าเด็กนิสัยเสียเอ๊ยไม่เคยให้ข้าสบายใจได้ หากว่าเขามีความสามารถเพียงครึ่งเดียวของเจ้า ข้าคงได้หัวเราะได้กระทั่งในฝัน”


เจียงเจิ้นไห่พูดอย่างอับจนหนทาง


“นายน้อยกลับมาแล้ว!”


ยามผู้หนึ่งได้เข้ามา ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น


‘อะไรนะ!!’


เจียงรู่หลงเกือบตะโกนออกมา ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก


“เขากลับมาแล้ว?”


เจียงเจิ้นไห่รู้สึกโล่งใจและตะโกนในทันที “บอกให้เขาเข้ามาที่นี่เดี๋ยวนี้!”


เมื่อสัมผัสได้ถึงท่านเจ้าเมืองกำลังอารมณ์เสีย ยามผู้นั้นกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ท่านเจ้าเมือง นายน้อยบอกว่าเขาเหนื่อยแล้ว จากนั้นนายน้อยก็เข้าห้องไปเพื่อพักผ่อน เขาจะมาพบท่านในวันรุ่งขึ้น”


“อะไรกัน?! มารยาทของเด็กคนนี้ไปไหนหมด?!”


เจียงเจิ้นไห่จ้องไปยังยามขณะที่เขาพูด


“ท่านพ่อ บางทีเจียงเฉินอาจเหน็ดเหนื่อยจริงๆก็ได้ ยิ่งกว่านั้นพรุ่งนี้จะมีการจัดพิธีหมั้นหมายกับตระกูลมู่หลง ปล่อยให้เขาพักเถอะขอรับ”


เจียงรู่หลงบอกกับพ่อบุญธรรมของตน


“รู่หลงอย่าเอาแต่เข้าข้างมันสิ เจ้าบ้านี่นับวันยิ่งดื้อดึงขึ้นเรื่อยๆ”


เจียงเจิ้นไห่กล่าวอย่างโมโห

“อย่าได้อารมณ์เสียไปเลยท่านพ่อ ให้ข้าไปคุยกับเขาเอง”

เจียงรู่หลงกล่าว

“ก็ดี ส่งคนไปจับตาดูเขา และอย่าให้เขาเดินออกมาจากห้อง ข้าไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในพิธีหมั้นหมายในวันพรุ่งนี้”

เจียงเจิ้นไห่โบกแขนของเขาแล้วเดินจากไป

คฤหาสน์ของเจ้าเมืองมีอาณาเขตกว้างขวาง มันเป็นเรื่องปกติที่เจียงเฉินจะมีคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ยืนอยู่ในเรือนที่พักมือทั้งสองไขว้หลังและแสงจันทร์สาดส่องมายังเขา เขายืนรอคนที่เขารู้จัก เขารู้ว่าคนผู้นั้นจักมาหาเขาอย่างแน่นอน

ภายนอกประตู ร่างของคนไม่รู้ว่าปรากฎขึ้นจากที่แห่งใด มันคือเจียงรู่หลง เมื่อมันเห็นเจียงเฉินกำลังยืนในเรือนที่พักโดยที่ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ความโหดร้ายได้แสดงออกมาทางสีหน้าของมัน


“เจ้าพวกบ้านนอกไร้ประโยชน์ พวกมันกล้าดีอย่างไรถึงปล่อยให้เจ้าบ้านี่รอดกลับมาได้?”


ด้วยคิ้วขมวดบนหน้ามัน ใบหน้าของเจียงรู่หลงเปลี่ยนกลับไปเป็นปกติขณะที่มันกำลังเดินไปยังคฤหาสน์ของเจียงเฉิน


“น้องชายข้า เจ้าไปทีแห่งใดมาตั้งสามวัน?เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นกังวลเพียงใด?”


เจียงรู่หลงพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลและแฝงไปด้วยความสุขเมื่อได้พบน้องชายของมันอีกครั้ง


“ท่านพี่”


ทันใดนั้นเจียงเฉินได้กระโดดไปหาพี่ชายของเขาสวมกอดเขาแล้วก็พูดออกมา “ท่านพี่ ท่านได้เกือบสูญเสียน้องชายของท่านผู้นี้ไปแล้ว!”


ทำท่าเศร้าโศก น้ำตาของเจียงเฉินไหลรินลงบนบ่าของเจียงรู่หลง คิ้วของเจียงเฉินขมวดบนใบหน้าเขาขณะที่สวมกอดเจียงรู่หลง


“เกิดสิ่งใดขึ้นน้องชายข้า? ผู้ใดกล้ามารังแกเจ้า?บอกข้ามา ข้าจักแก้แค้นให้แก่เจ้าเอง!” เจียงรู่หลงตอบ


“มันเป็นพวกบ้านนอกทั้งสอง หยางหย่งและหยางช่วง พวกเขาต้องการสังหารข้า”


เจียงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงโกรดเกรี้ยวขณะที่เขาเอาหัวออกจากบ่าของเจียงรู่หลง


รู้สึกตกตะลึงเมื่อได้ยินชื่อของพี่น้องหยาง ด้วยใบหน้าไม่แยแส เจียงรู่หลงกล่าว “อะไรนะ?พวกมันกล้าดีอย่างไรถึงมาทำเช่นนี้กับเจ้า?ข้าจักไม่ปล่อยมันไปง่ายๆแน่!”


“ท่านพี่พวกมันตกตายไปแล้วล่ะ”


ขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว เจียงเฉินมองสีหน้าของเจียงรู่หลง พยายามค้นหาเนื้อแท้ แต่เจียงรู่หลงซ่อนความรู้สึกได้ดี ผู้ที่เคยเป็นถึงเซียนผู้ยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามเจียงเฉินเป็นดวงตาเฉียบคมเหมือนอินทรีย์ เขาสามารถที่จะสังเหตุเห็นถึงแม้เศษเสี้ยวการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเจียงรู่หลง


“พวกมันตายแล้วรึ? พวกมันอยู่ระดับขั้นที่หกอาณาจักรฉีจิงเชียวนะ เจ้าสังหารพวกมันได้อย่างไรกัน?”


เจียงรู่หลงถามด้วยความแคลงใจ กระหายรอการตอบสนอง


“อย่าล้อกันเล่นสิท่านพี่ ข้ามันเป็นผู้ฝึกตนที่โง่มาก และข้าอยู่เพียงระดับอาณาจักรฉีจิงขั้นแรกเอง! ข้าไม่ใช่คู่มือของพี่น้องหยางหรอก แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งยอดฝีมืออาณาจักรฉีจิงขั้นที่แปดมาช่วยข้าสังหารพี่น้องหยาง!แต่แย่หน่อยที่ท่านผู้มีพระคุณไปต้องการสิ่งตอบแทนแต่อย่างใด เขาออกไปทันทีหลังจากที่สังหารพี่น้องหยาง….ข้าไม่ทราบกระทั่งนามของเขา..ช่างน่าเศร้า”


เจียงเฉินพูดด้วยความโล่งอกและเสียใจ


‘บัดซบ เจ้านี่ทำไมโชคดีเช่นนี้’


สบถในใจ เขาไม่ได้สงสัยในสิ่งที่เจียงเฉินพูดเพราะเพียงเท่านี้ก็สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดเจียงเฉินถึงสามารถกลับมาได้โดยปลอดภัย


ในเวลาเดียวกันเจียงรู่หลงก็รู้สึกโล่งใจด้วยเช่นกัน พี่น้องหยางได้ตกตายไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงความลับของเขา ยังมีโอกาสที่จะสังหารเจียงเฉินอีกในอนาคต


“มันไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายที่พวกมันได้ตกตายไป ที่สำคัญที่สุดคือเจ้าได้กลับมาอย่างปลอดภัย!หากไม่เช่นนั้น ชีวิตที่เหลือของข้าจะจมอยู่ในความเสียใจที่ไม่อาจปกป้องเจ้าได้!”


ใบหน้าที่ดูเป็นกังวลของเจียงรู่หลงทำให้เจียงเฉินรู้สึกคลื่นไส้


“ท่านพี่เยี่ยมยอดที่สุด!”


เจียงเฉินแกล้งขอบคุณต่อ ‘พี่ชายผู้นี้’


“อย่าได้พูดเช่นนั้นพวกเราเป็นพี่น้องกันน่ะ พรุ่งนี้จะถึงวันพิธีหมั้นหมายกับตระกูลมู่หรง เจ้าต้องเตรียมให้พร้อม น้องชายข้า สำหรับเจ้านี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งของชีวิต หากเจ้าได้แต่งงานกับบุตรธิดาของตระกูลมู่หรง เจ้าจะนำพาสิ่งที่ดีมาสู่ตระกูลของพวกเรา”


เจียงรู่หลงกล่าวขณะเอามือวางบนบ่าของเจียงเฉิน มีตระกูลใหญ่ในเมืองฟ้าหอมอยู่สองตระกูล หนึ่งคือตระกูลของเจ้าเมืองและอีกหนึ่งคือตระกูลมู่หรง ตระกูลมู่หลงเป็นขุมพลังด้านธุรกิจอุตสาหกรรม และความสัมพันธ์กับทั้งสองตระกูลไม่ได้ดีสักเท่าไร มีการแข่งขันมากมายในระหว่างพวกเขา หากว่าพวกเขาสามารถที่จะแต่งงานกันได้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะพัฒนามากขึ้น เป็นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างมากทั้งสองฝ่าย


“แต่งงานกับบุตรธิดาของพวกเขางั้นรึ? ข้าไม่ต้องการมัน”


เจียงเฉินส่ายหัวและพูดยืนยัน


“น้องชายข้า นี่ไม่ใช่การตัดสินใจของเจ้า ท่านพ่อได้จัดเตรียมสิ่งต่างๆมากมายในการแต่งงานครั้งนี้ เจ้าไม่อาจล้มเลิกมันได้แล้วตอนนี้”


เจียงรู่หลงพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมเจียงเฉิน 


“ข้าจริงจังนะ ข้าไม่แม้จะได้ยลโฉมบุตรีตระกูลมู่หรงว่าเป็นอย่างไร? มันเป็นเรื่องน่าขันหากท่านขอให้ข้าแต่งงานกับนาง และข้ายังเด็กเกินไป หากว่าท่านต้องการที่จะแต่งงานกันระหว่างสองตระกูล ข้าคิดว่าท่านเหมาะสมที่สุด ท่านเองก็เป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเช่นกัน และท่านก็อาวุโสกว่าข้า ข้าไม่อาจที่จะแต่งงานก่อนท่านพี่ ไม่มีทาง!ข้าไม่จักทำมัน ท่านจักต้องทำด้วยตัวท่านเองหากว่าท่านต้องการ”


เจียงเฉินยืนยันในการตัดสินใจของเขาอย่างแน่วแน่


หลังจากที่ได้ฟังเจียงเฉินอธิบาย เจียงรู่หลงรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ ‘น้องชาย’ผู้นี้ได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ครั้งแรก โดยเฉพาะเมื่อเหตุจูงใจที่จะสังหารเจียงเฉินเพื่อที่เขาจะได้แต่งงานกับบุตรธิดาของตระกูลมู่หรง เพื่อเลื่อนสถานะของตนเองในทั้งสองตระกูล!




************************************************************************


อิอิอิ จบตอนจ้า อิอิอิ

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments