ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่ ? “
” หุบปากแล้วฟังให้ชัดๆ ครั้งหน้าหากข้าพบเจ้า บางทีข้าอาจจะเผลอตีเจ้าจนตายเลยก็ได้!!! ฮ่าฮ่า . . . . .”
มอง’เจี้ยนเฟิงอวี้’ในตอนที่เผชิญหน้ากับ’ชูเฟิง’เค้าไม่กล้าแม้แต่จะผายลม ‘ชูเฟิง’เราะอย่างสะใจ พร้อมกับเดินเข้าไปในทางเข้าสีเขียว
ตอนนั้น ‘เจี้ยนเฟิงอวี้’ กำหมัดของเค้าไว้แน่นพร้อมกับกัดฟัน เปลวไฟแห่งความแค้นปะทุขึ้นในใจ พร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อ
เค้าเป็นถึง ผู้นำของพันธมิตรดาบฯ เป็นคนหนึ่งในจำนวนศิษย์ฝ่ายในที่โดดเด่น ไม่เคยมีใครปฏิบัติกับเขาเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ผู้นำของพันธมิตรปีกฯก็ยังไม่เคยกระทำกิริยาเช่นนี้
ในตอนนี้ เขาทำได้แค่อดทนไปก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะโกรธมากก็ตาม เขาไม่กล้าที่จะโจมตีในหอคอยฝึกแห่งนี้อีกทั้งต่อหน้าของ ‘โอวหยาง’ ขนาดศิษย์หลักยังต้องให้ความเคารพ
” เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใคร ? ทำไมเค้ากล้าพูดกับ เจี้ยนเฟิงอวี้เช่นนั้น เขาเบื่อชีวิตแล้วงั้นหรอ ? “
เห็นตอนที่’ชูเฟิง’กล่าว มีบางคนถามอย่างสงสัย
” ข้ารู้จักเขา เขาชื่อ ชูเฟิง เมื่อไม่กี่วันก่อนเค้าได้ไปทำลายพันธมิตรหลิว อีกทั้งยังตัดน้องชายของหลิวมั่ง ด้วยตัวคนเดียว “
” อย่าบอกว่าเจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ ขนาดที่กล้าล่วงเกินเจี้ยนเฟิงอวี้ ชูเฟิงเขาเป็นคนที่อันตรายอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่กลัวใครหน้าไหน ใครเป็นศัตรูของเขา จะถูกทำลายอย่างโหดเหี้ยม เรียกได้ว่าเขาเป็น ปีศาจ อย่างแท้จริง”
บางคนที่รู้จัก ‘ชูเฟิง’ สนทนากัน โดยเฉพาะกับคนที่เห็นเหตุการณ์ขณะที่ ‘ชูเฟิง’ เข้าไปทำลายพันธมิตรหลิว เมื่อเขานึกภาพเหตุการณ์ในวันนั้น พวกเขาต่างพากันขวัญผวาหยุดตัวสั่นไม่ได้ ลึกลงไปในใจพวกเขา เหมือนถูกเงาแห่งความกลัวตามติด
ยังไงก็ตาม เมื่อเปรียบกับคนอื่นๆ มีคนที่มีการแสดงออกซับซ้อนมากที่สุด คือ ‘ชูเยว่’ และ ‘ชูซุย’ เนื่องจากพวกนางเป็นคนจากตะกูลชู พวกนางจึงเข้าใจ ‘ชูเฟิง’ เป็นอย่างดี
เรื่องราวต่างๆของ เด็กหนุ่มที่เคยถูกคนในตะกูลกลั่นแกล้งบัดนี้กลายเป็นที่ชื่นชมของหนุ่มสาวทุกคนในตะกูล ตอนนี้สถานะตำแหน่งของเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ พวกเขาทำได้แค่เงยหน้าขึ้นมองดูเขาห่างออกไป
ขณะนั้นศิษย์ฝ่ายในเอาแต่สนทนาเรื่อง ‘ชูเฟิง’ ตอนนั้นเขาได้ก้าวเข้าสู่ สถานที่เรียกว่า หอฝึกฝน
” สถานที่ลึกลับเช่นนี้ ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ของแดนวิญญาณใช่ไม๊ ? “
ขณะนั้นที่ ‘ชูเฟิง’มองสิ่งรอบๆตัว ภายในสถานที่นี่ดูจะไม่ราบรื่น มันเป็นโลกที่ดูแตกต่างจากภายนอก
ภายใต้ฝ่าเท้าของเค้าเป็น บ่อโคลน บนหัวของเขาปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆดำพร้อมกับพายุมีแสงเป็นพักๆ ข้างๆหูของเขาได้ยินเสียงฟ้าร้องตลอดเวลา
อำนาจพลังวิญญาณของเขาตรวจพบว่ามันเป็นแค่ภาพลวงตา หากมองด้วยตาเปล่า อาจดูเหมือนมันเกิดขึ้นจริง
ตอนที่เค้ายืนอยู่ตรงนั้น แน่นอนว่ามันทำให้’ชูเฟิง’รู้สึกกดดันอย่างมาก เขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลยเพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ แรงดันวิญญาณของเค้าก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า หากผู้ที่อ่อนเอคงไม่มีทางที่จะทนไหวอย่าว่าแต่ฝึกทักษะในนี้เลยแม้แต่จะเดินก็เป็นไปไม่ได้
ด้วยสภาพแวดล้อมเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ ‘ชูเฟิง’ ต้องการ เขาชอบอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยความกดดัน เพราะมันทำให้เค้าแข็งแกร่งขึ้น มันมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการฝึกทักษะของเค้า
‘ชูเฟิง’ค่อยๆหลับตาลงและเริ่มปรับปรุงเนื้อหาของ ทักษะ ท่องนภา ในหัวของเขา
” ทักษะติดตัวระดับ 7 ทักษะ ท่องนภา แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ขั้นที่หนึ่ง จะเป็นการใช้สายลมใต้ฝ่าเท้าทำให้เค้าสามารถวิ่งได้เร็วขึ้น สำหรับขั้นที่สอง จะเป็นการใช้สายฟ้าใต้ฝ่าเท้า ทำให้เคลื่อนที่เหมือนกับ ฟ้าผ่า ส่วนขั้นที่สาม จะเป็นการใช้แสงไว้ใต้ฝ่าเท้าทำให้เค้าสามารถเคลื่อนย้ายภายในพริบตาได้ หลังจากครบทั้งสามขั้น ขั้นที่4 จะเป็นการรวมทักษะทั้ง 3 อยู่ใต้ฝ่าเท้า สามารถทำให้เค้าเดินบนอากาศได้ “
แม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนง่าย แต่มันเป็นถึง ทักษะระดับ 7 ชูเฟิงรู้ว่ามันยากแค่ไหนในการฝึกทักษะติดตัว ทักษะในโรงเรียนมังกรฟ้าทั้งหมด ทักษะการต่อสู้ที่ดีที่สุดไม่เกินระดับ 5 ยังไงก็ตาม เพราะว่ามันยาก ‘ชูเฟิง’ ถึงได้อยากฝึกมัน
” อาวุโสหวัง ท่านคงไม่โทษข้าที่ขัดขวางท่านหรอกนะ ? “
ภายในหอฝึกฝน อาวุโส โอวหยาง สนทนากับ อาวุโสหวัง
” ท่านไม่ต้องห่วง มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่สามารถตำหนิท่านได้หรอก ? “
แม้ว่าอาวุโส’หวัง’จะกล่าวออกมาเช่นนั้น แต่สิ่งที่เขาพูดไม่ได้ออกมาจากใจ
ขณะนั้นฝูงชนขนาดใหญ่ ถูก’โอวหยาง’ไล่ให้กลับ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเค้ารู้สึกว่าจะทำให้อาวุโส’หวัง’เสียหน้า
” เหตุผลที่ข้าหยุดท่านก็เพราะไม่อยากทำให้ชูเฟิงไม่พอใจท่าน นี้เป็นเพราะข้านึกถึงท่านนะ เนื่องจากเราเป็นอาวุโสเหมือนกัน ข้าไม่อยากให้ท่านเดือดร้อนในอนาคต ชูเฟิงนั้นมีคนมีความสามารถค่อนข้างสูง “
‘โอวหยาง’ยิ้มและกล่าว
” ท่านหมายถึงอะไร ชูเฟิงมีคนคอยให้ท้ายอยู่เบื้องหลังงั้นหรอ ?”
อาวุโส’หวัง’เข้าใจว่า มีบางอย่างถูกปิดบัง
” เขาไม่มีคนอยู่เบื้องหลังหรอก แต่เขาเป็นเด็กที่มีพลังที่น่าสนใจ “
” ข้า เห็นชูเฟิงเป็นแค่เด็กที่ยโส ไม่เห็นว่าเค้าจะน่าสนใจตรงไหน “
” หืม แต่เขาเป็นคนที่มีอำนาจพลังวิญญาณนั้นไม่เพียงพองั้นหรอ ? “
” อะไรนะ ? เขา . . . . . . . “
ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ใบหน้าของอาวุโส’หวัง’ตกใจอย่างมาก ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไม อาวุโส ‘โอวหยาง’ที่ช่วยเหลือ ชูเฟิง
” ขอบคุณท่านมากที่หยุดข้าไว้ในวันนี้ ไม่งั้นข้าคงเดือดร้อนเหมือนที่ท่านกล่าวมา “
ตอนนั้น อาวุโส’หวัง’เต็มไปด้วยความหวาดกลัว มือทั้งสองข้างสั่นเล็กน้อย หลังจากที่เขาทบทวน จากนั้นก็ขอบคุณ ‘โอวหยาง’
เขายังจดจำสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อนได้ดี ตำหนักอาวุโสฝ่ายในเต็มไปความขัดแย้งกับศิษย์ฝ่ายใน เค้าผู้นั้น คือ อาวุโส’หลี่ยี่’
เมื่อก่อน ศิษย์ตำหนักฝ่ายในมีเด็กคนหนึ่งที่ไม่เหมือนคนอื่นๆเขาชอบทำเรื่องบุ่มบ่ามเหมือน ‘ชูเฟิง’ ดังนั้นเค้าจึงมีความขัดแย้งระหว่างพวกเขาและพวกอาวุโส
หลังจากที่พวกศิษย์ฝ่ายในได้ล่วงเกินอาวุโส ในเวลานั้นพวกเขาก็ได้รับผลที่ตามมา ลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยที่ถูกอาวุโส’หลี่ยี่’ทุบตี ในเวลาเดียวกันรู้สึกว่าจะมีลูกศิษย์คนหนึ่งที่ตาย ทุกอย่างจึงหยุด พวกเขายังเป็นแค่เด็กหนุ่ม ไม่มีทางที่พวกเค้าจะสามารถต่อกรกับอาวุโสที่มีอำนาจในฝ่ายในได้
แต่หลังจากนั้นก็มีศิษย์คนหนึ่งที่ทำให้ศิษย์ฝ่ายในทุกคนต้องตกตะลึงศิษย์คนนั้นได้กลายเป็นศิษย์หลักในเวลาสั้นๆ เด็กคนนั้นเป็นอัจฉริยะโดยแท้
แต่สิ่งที่ทำให้คนตกใจมากกว่าคือหลังจากหนึ่งปีผ่านไป เมื่อพบกับร่างของ อาวุโส ‘หลี่ยี่’ เขาถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือคนในโรงเรียนมังกรฟ้าเนื่องจากบาดแผลบนร่างเป็นวิชาของโรงเรียน
ถึงแม้ว่า หาฆาตกรยังไม่พบ ความจริงแล้วพวกเขาหลายคนก็พอเดาออกว่าฆาตกรคือใคร เป็นศิษย์ที่มีความขัดแย้งกับ ‘หลี่ยี่’ เขาชื่อ ‘เล้ง วู่ซุ้ย’ ขณะนี้เค้าก็ยังเป็นหนึ่งในศิษย์หลักในปัจจุบัน เค้าเป็นคนที่มีอำนาจพลังวิญญาณ
” ฮ่าๆ ข้าก็ไม่อยากซ่อนเขาไว้จากท่านหรอก จากที่ข้าสังเกตุ ความดุร้ายของ ชูเฟิง มีมากกว่า เล้ง วู่ซุ้ย เมื่อก่อนซะอีก อนาคต เขาจะต้องประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แน่นอน แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ความโหดเหี้ยม ของเขา “
‘โอวหยาง’ หัวเราะแล้วกล่าว
หลังจากที่ได้ยินคำนั้น อาวุโส’หวัง’ จากสีหน้าที่เริ่มดีขึ้น กลับกลายเป็นหน้าซีดอีกครั้งบนไม่หน้าของเขาดูแทบจะไม่มีเลือดอยู่เลย เขาไม่ได้พูดอะไรขณะที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
” ดี!!! ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว และข้ามั่นใจว่าเขาจะไม่สร้างความลำบากให้ท่านในอนาคต แต่ข้าไม่มั่นใจเรื่องของ เจี้ยนเฟิงอวี้ ว่าจะปลอดภัย”
‘โอหยาง’ ยิ้มเบาๆ พร้อมเดินไปข้างหน้า พร้อมกับมองหอฝึกฝน และกล่าว
” หอฝึกฝนเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การฝึกฝนจิตใจและร่างกาย มีความเข้มงวดเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกายและความอดทน ข้าสงสัยว่า ชูเฟิง จะไปได้ด้วยดีหรือป่าว “
” เท่าที่ข้าทราบ คนที่ทำเวลาได้ดีที่สุดเป็นศิษย์หลัก เขาทนได้ถึง 3 ชั่วยาม ดูจากปัจจุบันร่างกายของชูเฟิงยังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ เค้าน่าจะทนได้สัก ครึ่ง ชั่วยามแค่นั้น นั้นก็นับเป็นเวลาที่ดีแล้ว “
อาวุโส’หวัง’กล่าว
” อืม . . . . . . “
หลังจากที่พิจารณา’ โอวหยาง’ ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของ อาวุโส’หวัง’ ความแข็งแกร่งของ ‘ชูเฟิง’ หากผ่าน ครึ่ง ชั่วยามไปก็นับว่าเป็นปาฏิหารย์ ในอาณาจักรห้วงวิญญาณ ไม่มีใครสามารถทนอยู่ในหอฝึกฝนได้นานกว่าครึ่งชั่วยาม 1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . .
ที่มา: