ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปพื้นที่หลักของโรงเรียนมังกรฟ้าเป็นพื้นที่สำหรับอาวุโสหลักและศิษย์หลักพักอาศัยอยู่
พื้นที่หลักเป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับอาวุโสฝ่ายในและศิษย์ แต่ ก็มีพื้นที่บางส่วนที่เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับอาวุโสหลักและศิษย์หลักเช่นกัน
มันคือ ตำหนักต้องห้ามขนาดใหญ่ ดูไม่อลังการเท่าไหร่ อีกทั้งดูเก่าแก่และดูลึกลับ พิศวง
เป็นที่พักของผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณเพียงคนเดียวของโรงเรียนมังกรฟ้า
” แขกอาวุโส จูเก่อ หลิวหยุน “
ณ ห้องในตำหนัก จูเก่อ หลิวหยุน นั่งอยู่บนเก้าอี้ศิลาเก่าๆ เขายังคงสวมชุดขาว ที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์อักขรที่ปกคลุมทั้งร่างกายทุกส่วนของเขา สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็ดวงตาที่เหมือนเหยี่ยว
ด้านหน้าเขา มีชายคนหนึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เขาเป็นศิษย์หลัก มีอายุประมาณ 20 ปี ท่าทางของเขาดูเยือกเย็นสุขุมดูเหมือนว่าประสบการณ์ทำให้เขามีท่าทางที่เกินวัย คนๆนั้นคือศิษย์ที่เคยอยู่ฝ่านใน ชายหนุ่มที่มีอำนาจพลังวิญญาณ ‘เล้ง วู่ซุ้ย’ คนๆนี้เป็นลูกพี่ของโจว จื่อหยวนในสุสานที่โดน’ชูเฟิง’ตัดแขนขา
” วู่ซุ้ย เจ้าติดตามข้ามากี่ปีแล้ว ?”
เสียงนั้นดังมาจากชายชุดขาว ‘จูเก่อ’
” จนถึงวันนี้ ก็ครบ 3 ปี “
‘เล้ง วู่ซุ้ย’ คารวะพร้อมกับตอบ
” 3ปีเหมือน 1วัน เวลาผ่านไปไม่มีใครรู้ เวลาช่างรวดเร็วยิ่งนัก เจ้าคอยรับใช้ข้ามานานหลายปี อีกทั้งมีผลงานมากมายเจ้าทำให้ข้าไม่ผิดหวังจริงๆ วันนี้ข้าจะให้ภารกิจสุดท้ายแก่เจ้า ตราบใดที่เจ้าทำมันได้สำเร็จข้าจะยอมรับเจ้าเป็นศิษย์ของข้าจากนั้นข้าจะสอนทักษะการพัฒนาอำนาจวิญญาณให้เจ้า “
” อาจารย์ มันคือภารกิจอะไร ? ต่อให้ข้าไปบุกน้ำลุยไฟ ข้าก็จะทำให้สำเร็จให้ได้ “
เมื่อได้ยินว่า ‘จูเก่อ’ จะรับเค้าเป็นศิษย์ ‘เล้ง วู่ซุ้ย’ ดีใจอย่างมาก
” ตามหาคนคนหนึ่งให้กับข้า “
‘จูเก่อ หลิวหยุน’ กล่าว
” คนๆนั้นมีลักษณะเช่นไร “
‘เล้ง วู่ซุ้ย’ ถาม
” ชายหนุ่ม อายุประมาณ 15 ปี แต่สามารถใช้ สายฟ้า สามผสาน รูปแบบที่ 3 ได้ เขาเป็นเหมือนเจ้า เป็นคนที่มีอำนาจพลังวิญญาณ ข้าเห็นมากับตา แต่ข้ายังไม่รู้จักนามของเขา เท่า่ที่ข้ารู้เขาเป็นศิษย์ของโรงเรียนมังกรฟ้า ไม่ผิดแน่ “
” ชายหนุ่มที่มีอำนาจพลังวิญญาณอีกทั้งยังใช้ สายฟ้า สามผสาน รูปแบบที่ 3 ได้ “
ตอนนั้น หน้าของ เล้ง วู่ซุ้ย เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นเขาจึงกล่าว
” ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาไม่ใช่ศิษย์หลักแห่งนี้ “
” ข้าใช้เจ้าไปหา ไม่ว่าเขาจะเป็นศิษย์หลักหรือศิษย์อะไรของตำหนักโรงเรียนมังกรฟ้าเจ้าก็ต้องตามหาให้เขามาให้ข้า “
” ตราบใดที่เจ้าพบเขา เจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์ของข้า ข้าเชื่อว่ามันคงไม่ยากเกินไปสำหรับเจ้า “
” ในการเดินทางในสุสาน ข้าเคยพูดกับเขาไม่กี่ประโยค เพราะมัวแต่ปะทะกับผู้นำโรงเรียนพันลมและข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนี้ไป ข้าจะเก็บตัวประตูสักพัก เมื่อข้าออกมาหวังว่าจะได้พบกับเด็กหนุ่มคนนั้น “
” ข้าจะทำสุดความสามารถ “
” ไป “
” คับท่านอาจารย์ “
หลังจากคารวะเสร็จ ‘เล้ง วู่ซุ้ย’ เดินออกจากตำหนัก ในตอนนั้นใบหน้าของเค้าเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเย็นชา
” ศิษย์พี่เล้ง ท่านจูเก่อต้องการพบทำไม ? “
” หรือว่าศิษย์พี่เล้ง จะได้รับมอบหมายภารกิจ ? “
ด้านนอกตำหนัก มีศิษย์หลักสองคน เดินเข้ามา เป็นบุรุษหนึ่งเป็นสตรีหนึ่ง ชายมีชื่อชื่อว่า ‘หลิวปิง’ ส่วนหญิงชื่อว่า ‘เกาหลี่’ แม้ว่าพวกเขาจะอายุมากกว่า ‘เล้ง วู่ซุ้ย’ แต่เขาพึ่่งมาจากฝ่ายในได้ไม่นาน พวกเขาทั้งสองเป็นผู้ติดตามที่ ‘เล้ง วู่ซุ้ย’ ไว้วางใจ
” ไปตำหนักฝ่ายใน และตรวจสอบว่ามีเด็กหนุ่มคนไหนที่สามารถใช้ สายฟ้า สามผสาน รูปแบบที่3ได้ หากเจ้าพบมัน ให้ลอบกำจัดได้ทันทีอย่าให้มีใครรู้ว่าเจ้าเป็นคนลงมือ ยิ่ง จูเก่อ หลิวหยุน อย่าให้เขารู้เด็ดขาด “
‘เล้ง วู่ซุ้ย’ กล่าวอย่างเย็นชา
” เราจะไปเดี๋ยวนี้ “
‘เกาหลี่’ และ ‘หลิวปิง’ ตอบอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลเล้ง ‘วู่ซุ้ย’ หันศีรษะของเขาไปมองตำหนักต้องห้ามของ’จูเก่อ หลิวหยุน’ เค้าขมวดคิ้วแล้วจ้องอย่างเย็นชา
” ไอแก่ ข้ายอมติดตามเจ้ามาตั้ง 3 ปี แต่เจ้าต้องการให้ข้าหาคนอื่นมาเป็นลูกศิษย์ของเจ้า ในเมื่อเจ้าทำเช่นนี้ข้าจะใช้วิธีของข้าเช่นกัน แล้วอย่าว่าข้าเป็นคนไร้คุณธรรม อย่าได้แม้แต่จะคิดที่ว่าเจ้าจะได้มีลูกศิษย์ “
ไม่มีใครรู้เรื่องราวของพื้นที่หลัก ขณะนั้นมีศิษย์จำนวนมากอยู่ด้านนอกหอคอยฝึกฝน พวกเขาต่างมองไปที่ทางเข้าหอคอยสีเขียวโดยเฉพาะอาวุโสหอฝึกฝน พวกเขาทั้งหมดต่างทำหน้าตึงเครียด พวกเขาต่างไม่ละสายตาออกจากตรงนั้น เป็นเพราะว่า ‘ชูเฟิง’ ได้เข้าไปในหอคอยเป็นเวลา 3 ชั่วยามแล้ว
” ผู้จัดการ มีอะไรเกิดขึ้นกับ ชูเฟิง ใช่ไม๊ ? นี้มัน 3 ชั่วยามแล้วนะ หากเป็นท่าน . . . . . .”
อาวุโสต่างเป็นกังวล ‘ชูเฟิง’
” หาก ชูเฟิงคงเป็นลม เพราะรับพลังหอคอยไม่ไหว แสงจากหอสีเขียวจะหยุดทำงานทันที แต่ในปัจจุบัน มันยังคงมีความเคลื่อนไหวอยู่อีกทั้งพลังของมันรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งแปลว่า ชูเฟิง ทนไหว อย่างน้อยๆก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา “
‘โอวหยาง’ ส่ายหัว ความประหลาดใจปรากฏบนดวงตาของเขา 3 ชั่วยาม ถ้าเป็นการฝึกทักษะในปัจจุบันของเขา ใช้เวลา 3 ชั่วยาม เป็นเวลาในการฝึกที่สูงที่สุด เพราะหอคอยทั้งหมดถูกสร้างด้วยการวางอำนาจพลังวิญญาณจาก ‘จูเก่อ หลิวหยุน’
ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้นำโรงเรียนอย่างไรก็ตาม ‘ชูเฟิง’ มีพลังวิญญาณแค่ระดับ 7 แต่สามารถทนได้นานถึง 3 ชั่วยาม เรื่องเช่นนี้มันเกินขอบเขตของศิษย์หลักไปแล้ว แต่นี้เค้ายังคิดที่จะอยู่ในนั้นอีก มันทำให้ ‘โอหยาง’ รู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก
หลังจากผ่านไป 4 ชั่วยาม ความชื่นชมเปลี่ยนเป็นความตกใจเมื่อ ‘ชูเฟิง’ ออกมาจากหอคอยฝึกฝน ทุกคนเห็นว่า ‘ชูเฟิง’ ยังดูสบายๆอยู่เลย แถมยังมีรอยยิ้มแห่งความสุขบนใบหน้าทุกคนต่างสงสัยจริงๆว่าเขาอยู่ในนั้นได้ยังไงถึง 4 ชั่วยามพวกเค้าที่เคยคิดว่าหอคอยที่นี่มีความกดดันในระดับตำนาน แต่หลังจากเห็น ‘ชูเฟิง’ ออกมา
บางคนรีบวิ่งเข้าไปในหอคอยฝึกฝน เพื่อต้องการศึกษามันเหมือนว่าจะไม่ค่อยเท่าไหร่ด้วยความพยายามมุมานะของคนทั้งหลายแหล่ เกิดการฮือเข้าไปกันเป็นว่าเล่น ศิษย์ที่เข้าไปในช่วงเวลาสั้นๆ ต่างพากันเป็นลมและถูกเหล่าอาวุโสเฝ้าหอคอยแบกออกมา
” พระถังซัมจั๋ง!!! นั้นหมายความว่า ชูเฟิงสามารถฝึกทักษะอยู่ในนั้นได้ถึง 4 ชั่วยาม โดยที่เค้าไม่เป็นอะไรเลย “
” ไอบ้าชูเฟิง เขาจะน่ากลัวเกินไปแล้ว เขายังเป็นมนุษย์อยู่ไม๊ ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดจะปรากฏที่ฝ่ายในแล้ว “
เหล่าลูกศิษย์ต่างคุยกันอย่างฮือฮา เมื่อพวกเค้าเห็นศิษย์ที่ถูกห่อด้วยผ้าขาวขณะที่ถูกอาวุโสแบกออกมา เหล่าลูกศิษย์ต่างพากันตะโกนด้วยความประหลาดใจ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ตะโกนเชียร์แต่อย่างใด
แต่พวกเค้าตะโกนเพราะ ‘ชูเฟิง’ ที่เดินออกมาก่อนหน้านี้อีกครั้งหนึ่ง ที่ ‘ชูเฟิง’ ได้สร้างตำนานใหม่ฝากไว้ที่ฝ่ายใน แต่ชูเฟิงไม่คิดเช่นนั้น เหตุผลที่เขามีความสุขเพราะเขาเข้าใจ
ขั้นที่หนึ่ง ของทักษะ ท่องนภา แม้ว่ามันจะเป็นแค่ ขั้นที่1 ความเร็วของลมก็เป็นที่พอใจสำหรับ ‘ชูเฟิง’ อย่างน้อยๆ ทักษะ ท่องนภา สามารถช่วยเขา หากเขาเอาชนะระดับกำเนิดวิญญาณไม่ไหว
เขาสามารถหลบหนีไปยังที่ปลอดภัยได้ เหมาะสำหรับเป็นไพ่ตายในการรักษาชีวิตเวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก วันสอบศิษย์หลักก็มาถึง
ณ เวลากลางคืนก่อนสอบ ‘ซูเหม่ย’ ที่หายตัวไปไม่กี่วันก็มาถึงหน้าประตูห้องของ’ชูเฟิง’
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . . 18+
แนะๆอยากอ่านล่ะสิ
ที่มา: