ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลไทยโดย Takumi Kun
************************************************************************
สถานการณ์เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นอีกครั้ง ความหวังยอดฝีมือตระกูลมู่หรงกลับคืนมา โดยเฉพาะคนที่ยอมแพ้และถอดใจ ในอีกด้านหนึ่ง บรรดาคนของตระกูลเจียงดูตื่นเต้นและกังวลปะปนกัน
นายน้อยของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งเมื่อเขาได้ทะลวงผ่านระดับฉีไห่ อย่างไรก็ตามมู่หรงเจิ้นไม่ใช่ยอดฝีมือฉีไห่ทั่วไป เป็นบุคคลที่ใกล้ที่จะเข้าสู่ระดับแก่นมนุษย์ และฐานะหนึ่งในสองพยัคฆ์เมืองฟ้าหอม มันไม่ง่ายที่จะปะทะกับเขา จะพูดได้ว่าเหตุผลที่ตระกูลมู่หรงได้อยู่เหนือผู้อื่นหลายๆปีเพราะเขา มู่หรงเจิ้น
แต่นายน้อยเจียงเฉินได้สร้างปาฎิหารย์หลังปาฎิหารย์ เขาไม่เคยทำอะไรที่เขาไม่มั่นใจหลังจากที่ได้เปลี่ยนแปลงไป เขาเป็นผู้ที่อาจหาญที่จะท้าทายมู่หรงเจิ้น เขาจักต้องมีความมั่นใจในการเอาชนะมู่หรงเจิ้นเป็นแน่
ปัง!!
มู่หรงเจิ้นปลดปล่อยพลังหยวนมหาศาลออกมา พลังของผู้ที่อยู่ระดับสุดท้ายของระดับฉีไห่ช่างน่าสะพรึงยิ่งนัก
มู่หรงเจิ้นได้พุ่งสายตาไปยังเจียงเฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาพยายามที่จะค้นหาทักษะแท้จริงของเจียงเฉิน แต่น่าเสียดาย ที่เขาไม่ได้พบอะไรเลย
หน้าของเจียงเฉินยังดูสงบ ผ่อนคลาย แววตาของเขาไม่ได้เปิดเผยอะไรทั้งสิ้น เขาเปรียบดั่งภูเขาที่มั่นคง ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามันสูงใหญ่เพียงใด ความมั่นใจของเขาเหมือนของขวัญจากพระเจ้าที่ทำให้เขาไม่สั่นคลอนใดๆในทุกสิ่งที่เขาทำ
“เจ้าหนุ่ม ขอให้ข้าเห็นหน่อย ว่าอะไรที่ทำให้เจ้ามีความมั่นใจขนาดนี้”
มู่หรงเจิ้นเริ่มบุกโดยเหวี่ยงแขนออกไป พลังลมกรดที่สร้างจากพลังหยวนเปรียบกับคลื่นยักษ์ถาโถมใส่เจียงเฉิน
“เยี่ยม”
เจียงเฉินตาเป็นประกาย เขาต้องการคนแบบนี้มาเป็นคู่ต่อสู้อยู่ ตราประทับมังกรในจุดตันเถียนได้สั่นสะเทือน ทันใดนั้นพลังหยวนอันแข็งแกร่งได้ถูกปลดปล่อยออกมา ด้วยระดับพลังหยวนที่เจียงเฉินได้ปลดปล่อยออกมานั้นรุนแรงกว่าของมู่หรงเจิ้นยิ่งนัก
โอววว โอววว…..
สายลมอันแข็งแกร่ง ผู้ที่อยู่ใกล้พวกเขาต่างถูกพัดออกไป ทุกคนต่างตกตะลึงพลังหยวนที่เจียงเฉินปลดปล่อยออกมารุนแรงกว่าของมู่หรงชานเสียอีก
ปังงงง
คลื่นพลังหยวนได้โถมเข้าหากัน ได้เกิดแรงระเบิดอากาศขึ้นทันทีที่ปะทะ แรงระเบิดส่งผลต่อพื้นดิน ทำให้แผ่นกระเบื้องลอยขึ้นมา
“คนอะไรเนี่ย”
มู่หรงเจิ้นตกตะลึง เขาได้พุ่งเข้าหาเจียงเฉินทันที ถ้าเจียงเฉินได้จู่โจมเขามากกว่านี้มันยิ่งอันตรายมากขึ้น เขารู้สึกถึงอันตรายได้ โชคชะตาความเป็นความตายของคนตระกูลมู่หรงขึ้นอยู่กับการต่อสู้ครั้งนี้ ถ้าเขาแพ้ทุกอย่างก็จะมลายหายไป
ตูมมมมม…
พลังหมัดของมู่หรงเจิ้นทำให้อากาศสั่นสะเทือน หมัดของเขาเต็มไปด้วยพลังหยวนเพียงแค่เสี้ยววินาทีหมัดนั้นก็จะถึงตัวเจียงเฉิน
ตาของเจียงเฉินลุกวาว เขาชอบการต่อสู้แบบนี้มาก มันสามารถตรวจสอบทักษะการต่อสู้ของเขาได้เป็นอย่างดี
ยังไงก็ตามครั้งหนึ่งเจียงเฉินเคยเป็นถึงเซียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มันช่างแตกต่างกับตอนนี้เหลือเกิน เขาทำการบ่มเพาะทีละเล็กทีละน้อย ทุกคนที่อยู่จุดสูงสุดผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน เหยัยบย่ำกระดูกกว่าพัน เลือดชโลมตลอดการเดินทางของพวกเขา
ปังงงงงง
หมัดที่เปล่งแสงที่คลุมด้วยพลังหยวนทั้งสองเข้าปะทะกันทำให้กระแทกผู้อื่นกระเด็นไปตามๆกัน เหมือนนำเหล็กไปฟาดใส่คนอื่น ดั่งอากาศรอบตัวพวกเขาเกิดการระเบิด
เจียงเฉินก้าวถอยหลังสองก้าวและพยุงร่างเขา เขาจ้องไปที่มู่หรงเจิ้นและเห็นว่ามู่หรงเจิ้นถอยเพียงก้าวเดียว แต่ท่าทางของมู่หรงเจิ้นตะลึงหนักกว่าเก่า
“เจ้าบ้านี่เป็นสัตว์ประหลาดรึไง? พลังหมัดของเขารุนแรงถึงสองหมื่นห้าพันจิน มันเป็นพลังทั้งหมดของข้าเชียวนะ”
มู่หรงเจิ้นมีความรู้สึกหลายๆอย่าง เขาไม่เคยพบผู้ที่มีกำลังมากมหาศาลเช่นนี้มาก่อน ยังไงก็ตามเขายังเหนือกว่าด้วยพลังหมัดนั้น แต่เขาเสียดายที่สร้างบาดแผลให้เจียงเฉินไม่ได้เลย
ในทางด้านตรงข้าม เจียงเฉินยืนยิ้มอยู่ ดูจากสีหน้าของเขาบ่งบอกได้ว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ใช่ เขาได้ถอยหลังถึงสองก้าว แต่เจียงเฉินได้รู้ว่ามู่หรงเจิ้นรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเขา
มู่หรงเจิ้นได้เปรียบเรื่องพลังหยวน แต่เมื่อเทียบความแข็งแกร่งของร่างกายเขาไม่สามารถเทียบเจียงเฉินผู่ซึ่งฝึกตนด้วยการบ่มเพาะร่างแปลงมังกรได้
ในความเป็นจริงร่างกายครึ่งร่างของมู่หรงเจิ้นได้ชาไปชั่วขณะ
“ดีมาก”
เจียงเจิ้นไห่ตะโกนออกมา การแสดงพลังของเจียงเฉินทำให้เขาตกใจมาก
“การจู่โจมของเหยี่ยวทมิฬ”
มู่หรงเจิ้นตะโกนออกมา เขาได้ใช้ทักษะที่มีพลังมากที่สุดของเขาออกมา เพื่อที่จะเอาชนะเจียงเฉิน
ทักษะการจู่โจมของเหยี่ยวทมิฬเป็นทักษะระดับมนุษย์ขั้นกลาง เป็นที่รู้กันว่าทักษะนี้มีความรุนแรงและพลังอันมหาศาล และเป็นทักษะที่เลื่องชื่อของมู่หรงเจิ้น
ฟ้าวว
มู่หรงเจิ้นกระโดดสูงกว่าเมตรบนอากาศ เสียงเหมือนอินทรีย์ถลาลม ท่าร่างของเขาเหมือนอินทรีย์เตรียมที่จะจู่โจม และเมื่อรวมกับพลังหยวนของเขาได้พุ่งเข้าหาเจียงเฉิน ในตาของเจียงเฉินเห็นว่าเหยี่ยวดำได้ถลาลงมาจู่โจมเขา
“ท่านผู้นำตระกูลใช้ทักษะการจู่โจมของเหยี่ยวดำ ครั้งนี้เจียงเฉินไม่สามารถรับมันได้แน่”
“ทักษะการต่อสู้ระดับมนุษย์ขั้นกลาง ทรงพลังยิ่งนัก เจียงเฉินเป็นเพียงแค่ระดับฉีไห่ขั้นต้น เขาไม่มีหวังที่จะต้านทานการโจมตีนั่นแล้วล่ะ พวกเรารอดแล้วครานี้”
ทุกๆคนในตระกูลมู่หรงมีสีหน้ามีความสุข ทักษะของมู่หรงชานไม่ใช่สิ่งที่สามารถปะทะด้วยได้ง่าย
“เฉินเอ๋อร์ระวังตัวด้วย นี่คือทักษะอันเลื่องชื่อของมู่หรงเจิ้น เจ้าอย่าได้ดูถูกมัน”
เจียงเจิ้นไห่รีบเตือนเจียงเฉิน
เจียงเฉินหาได้สนใจคำเตือนของเจียงเจิ้นไห่ไม่ สีหน้าเขายังดูสงบเยือกเย็น ตราประทับมังกรและพลังหยวนในตันเถียนเขาเดือดพล่าน และพลังรวมอยู่ที่นิ้วมือผ่านทางร่างกายเขา
วิ้งงงงงงงงงๆ
แสงสีทองครอบคลุมนิ้วของเขารวมกับพลังหยวนที่แท้จริงของเขา ทำให้แถบนั้นสั่นสะเทือนทันใดนั้นเจียงเฉินได้ชี้นิ้วใส่
ฟ้าววววว
อากาศได้ถูกตัดผ่านทุกคนเห็นแสงสีทองขนาดยักษ์ที่ส่องสว่างยามค่ำคืน พุ่งเข้าใส่มู่หรงเจิ้นอย่างหยุดไม่ได้
“อะไรน่ะ!!”
มู่หรงเจิ้นตะโกนอย่างไม่น่าเขื่อ จากประสบการณ์ของเขาสามารถบอกได้เลยว่า ลำแสงดัชนีสีทองเป็นทักษะที่มีระดับสูงกว่าระดับมนุษย์ พลังของดัชนีได้ล็อคเขาลงและปิดผนึกบริเวณโดยรอบและพุ่งมาราวสายฟ้าฟาดไม่มีทางที่เขาจะหลบได้ เขาทำได้เพียงโจมตีตอบ
“เข้ามาเลย!!!”
มู่หรงเจิ้นขบฟันแน่น ความดุดันปรากฎบนดวงตาเขา เขาได้ใช้พลังหยวนทั้งหมดใส่เข้าไปในการจู่โจมของเหยี่ยวดำ เขาไม่อยากจะเชื่อว่ายอดฝีมือระดับฉีไห่ขั้นปลายอย่างเขาจะแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนที่อยู่แค่ระดับฉีไห่ขั้นต้น
ตูมมมมมม…..
ลำแสงสีทองได้เข้าปะทะกับการจู่โจมของเหยี่ยวดำทำให้บริเวณแถบนั้นราบเป็นหน้ากลอง อากาศได้ถูกฉีกออก ลำแสงดัชนีสุริยะของเจียงเฉินได้ทำลายการจู่โจมของเหยี่ยวดำที่มู่หรงเจิ้นใช้ก็แตกกระจุยเป็นชิ้นๆ มันไม่สามารถที่จะปะทะได้แม้เสี้ยววินาที
ตูมม
มู่หรงเจิ้นได้ร่วงกระแทกพื้นดินที่อยู่ห่างไปกว่า 30 เมตร พื้นผิวหินได้แตกกระจายจากการกระแทกครั้งนี้
อั่ก อ่อก…..
มู่หรงเจิ้นได้กระอักเลือดออกมา หน้าของเขาซีดขาว แม้ว่าดัชนีสุริยะนิ้วเดียวยังไม่สามารถสังหารมู่หรงเจิ้นได้ แต่ก็ทำให้พละกำลังเขาตกลงกว่า 90 เปอร์เซนต์
ทุกคนตกใจแม้แต่เจียงเจิ้นไห่เองก็ตกใจอ้าปากค้าง เขาและนักสู้คนอื่นๆจากตระกูลเจียงไม่อย่ากเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น แววตาพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อเจียงเฉิน
ไม่มีใครคิดว่ามู่หรงเจิ้นจะมาพ่ายแพ้เช่นนี้
“ทักษะที่เจียงเฉินใช้นั้นอยู่สูงกว่าระดับมนุษย์ ซึ่งไม่มีทักษะไหนอยู่ระดับสูงแบบนี้ในเมืองฟ้าหอม ข้าแปลกใจจริงผู้ใดเป็นคนสอนเขา และมอบทักษะเหล่านี้ให้”
เจียงเจิ้นไห่บ่นพึมพำกับตัวเขาเอง มันยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เจียงเฉินเปลี่ยนไป
ทุกๆคนในตระกูลมู่หรงต่างสูญเสียความหวัง หน้าซีดขาว แม้แต่มู่หรงชานยังถูกเจียงเฉินเล่นงาน ตระกูลมู่หรงสูญเสียเสาหลักของตระกูล พวกเขาไม่สามารถเทียบตระกูลเจียงได้อีกในเมืองฟ้าหอม
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้”
มู่หรงเจิ้นพยายามพยุงตัวขึ้นมานั่ง มือนึงจับไปที่หน้าอกของเขา เขาส่ายหัว เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเขาจะถูกเด็กเมื่อวานซืนเล่นงาน โดยที่ระดับต่ำกว่าตัวเขาอีกด้วย
“ผู้แพ้เป็นฝ่ายผิดเสมอ มู่หรงเจิ้น ท่านมีอะไรจะสั่งเสียไหม”
เจียงเฉินเดินตรงเข้ามาหามู่หรงเจิ้น เขานำมือข้างนึงของเขาไขว้หลังและมองเย้ยหยันมู่หรงเจิ้นที่อยู่บนพื้นอย่างเย็นชา ดั่งเขาเป็นราชาผู้ถือครองความเป็นความตายของผู้อื่น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า …..สนุก สนุกจริงๆ ….ค่อกๆ”
มู่หรงเจิ้นหัวเราะเสียงดัง เขาได้พ่ายแพ้ แต่เขาไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับศัตรูของเขาเจียงเจิ้นไห่ แต่เขาได้พ่ายแพ้ให้กับไอ้ตัวโง่ไร้ประโยชน์ซึ่งเขาไม่เคยที่จะแยแสช่างเป็นเรื่องน่าขันเสียจริง
เขาได่รับการต่อว่ามากมายในฐานที่พ่ายแพ้และเขาไม่สามารถที่จะปลดปล่อยพวกเขา แต่เขาก็ยอมรับว่าตัวเขาพ่ายแพ่แล้ว
“ข้าแพ้แล้ว แต่ข้าอยากให้เจ้าเมตตาไว้ชีวิตลูกหลานข้าด้วย”
มู่หรงเจิ้นยังคงอ้อนวอน
เจียงเฉินยอมตกลง มู่หรงเจิ้นยังมีความเป็นคนดีรักครอบครัวแม้ความตายจะอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เจียงเฉินจึงตัดสินใจที่จะมอบความตายอย่างรวดเร็วและไม่เจ็บปวดให้
ตูม!!
เจียงเฉินได้จู่โจมโดยไร้ความเห็นใจ ซัดฝ่ามือใส่มู่หรงเจิ้น ทันใดนั้นทัศนวิสัยของมู่หรงเจิ้นเริ่มพล่ามัว และได้ร่วงตกลงสู่พื้นดิน ในที่สุดหนึ่งในสองพยัคฆ์แห่งเมืองฟ้าหอมก็จากไป
เจียงเฉินได้สังหารมู่หรงเจิ้น เพราะเขาไม่ต้องการที่จะให้โอกาสใดๆแก่ศัตรู ไม่ว่าเขาจะยอมปล่อยครอบครัวของมู่หรงเจิ้นหรือไม่ มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับมู่หรงเจิ้นอีก
“ท่านผู้นำ!!”
“ท่านพ่อออออออออออออออ”
คนทั้งหมดจากตระกูลมู่หรงร่ำไห้ ในฐานะที่พวกเขาเป็นลูกหลานของมู่หรงชาน พวกเขามองเจียงเฉินด้วยความเคียดแค้น เจียงเฉินมันเป็นฆาตกร ฆาคนโดยที่ไม่กระพริบตาเวลาที่เขาได้ฆ่าคน
เจียงเฉินยังดูสงบนิ่ง ภาพที่เห็นนี่มันไม่ได้ส่งผลใดๆต่อเขา ความโหดร้ายเป็นคำที่ดีที่สุดที่บ่งบอกถึงโลกของการฝึกตน ผู้อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง ในโลกของเจียงเฉิน ศัตรูก็ยังเป็นศัตรูวันยังค่ำ เขาต้องทำลายให้สิ้น ถ้าแสดงความเห็นอกเห็นใจแก่ศัตรู จะได้รับประสบการณ์อันเจ็บปวดตามมาแน่นอน
“เฮ้อออ”
เจียงเจิ้นไห่ถอนหายใจออกมา เขารู้สึกเสียดายนิดหน่อย การต่อสู้ตลอดสามปีที่ผ่านมาได้มาถึงจุดจบ
“เฉินเอ๋อร์ ในเมื่อตระกูลมู่หรงโดนทำลายแล้ว จะทำเช่นไรกับผู้คนเหล่านี้?”
เจียงเจิ้นไห่ถามเจียงเฉิน
“ผู้ที่มีนามสกุลมู่หรงให้ทำลายการบ่มเพาะของพวกมันซะ และตัดแขนไปข้างนึงจากนั้นเนรเทศออกจากเมืองฟ้าหอม ไม่อนุญาตให้กลับมาเหยียบที่นี่อีก”
เจียงเฉินพูดอย่างเย็นชา เขาได้ตัดสินชะตากรรมของผุ้คนเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว
…………………………………………………………………………………………………
จบจ้าตอนที่ 25