ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
แปลไทยโดย Takumi Kun
ตรวจ เรียบเรียง Subaru-Kyun
=====================================================
หยานเจิ้นหยุนตื่นเต้นอย่างมาก ตลอดแปดปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยได้มีความสุขแม้แต่ครั้งเดียว ภายหลังจากหยานเฉินหยู่ถือกำเนิดได้ไม่นาน แม่ของนางได้จากไป ก่อนที่นางจะตายได้บอกแก่หยานเจิ้นหยุนว่าให้เขาดูแลบุตรีของเขาให้ดีๆ หลายปีที่ผ่านมานี้เขาได้เลี้ยงดูนางราวกับเจ้าหญิงคนสำคัญ และโรคที่นางเป็นก่อให้เกิดปัญหากับเขา แต่ตอนนี้โรคร้ายทั้งหมดไม่มีอีกแล้ว
เขารู้สึกขอบคุณเจียงเฉินจนไม่สามารถสรรหาคำใดๆมาพูดได้ ไม่ว่าเจียงเฉินต้องการสิ่งใดเขาจะสรรหามาให้อย่างแน่นอน
เจียงเฉินไม่เคยที่จะทำตัวเฉื่อยชา เขาไม่ได้เหนื่อยเลยสักนิด แถมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าด้วยซ้ำ ยากลั่นวิญญาณและผลหยางบริสุทธิ์ผสมกับพลังหยางในร่างหยานเฉินหยู่ทำให้เขาได้รับประโยชน์จากมันมากมายมหาศาลจนจินตนาการไม่ได้
ห้องทั้งห้องได้ถูกแช่แข็ง ความหนาวเย็นถูกปล่อยออกมาจากร่างกายหยานเฉินหยู่จนทุกคนในตระกูลหยานรู้สึกได้ ทั้งหมดต่างตกตะลึง
“ความหนาวเย็นที่รุนแรงนี่ คุณหนูอาการกำเริบอีกแล้วสินะ”
“ข้าพนันได้เลยว่า ครั้งนี้อาการของคุณหนูกำเริบหนักกว่าทุกๆครั้ง ข้าสงสัยว่านางจะไหวหรือเปล่า”
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณหนู ท่านผู้นำตระกูลคงจะโศกเศร้า”
………………………………………………………………………
ทุกๆคนในตระกูลหยานต่างแสดงอาการโศกเศร้าขึ้นมา โดยที่พวกเขาหารู้ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ให้นางแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่นานหลังจากนั้น มีชายหนุ่มแต่งชุดสีขาวมาด้วยความแตกตื่น เขาเป็นหนุ่มหน้าตาดีที่มีใบหน้าหยกขาว เขาดูกระวนกระวายเมื่อเขาได้มองไปยังห้องที่ถูกแช่แข็ง หน้าของเขาได้บิดเบี้ยวน่ากลัว
“เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวหยู่ ทำไมอาการกำเริบถึงได้รุนแรงมากขนาดนี้”
ชายหนุ่มถามด้วยความกังวล
“หยานหยาง เจ้าไม่ต้องกังวลไป หยู่เอ๋อร์ตอนนี้หายเป็นปกติแล้ว”
หยานเจิ้นหยุนบอกเขา ชายหนุ่มผู้นี้มีนามว่าหยานหยางเป็นลูกพี่ลูกน้องของหยานเฉินหยู่ เขาเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลหยาน ด้วยอายุเพียงแค่ 21 ปี ได้ไปถึงระดับฉีไห่ขั้นปลาย เขาเป็นผู้ที่มีโอกาสสูงสุดในการที่จะทะลวงไปสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ก่อนขึ้น 25 ปี
เนื่องจากเรื่องที่เจียงเฉินกำลังรักษาคุณหนูนั้นมีเพียงไม่กี่คนที่ทราบเรื่องนี้ แม้แต่หยานหยางก็ไม่ตระหนักถึงเช่นกัน นอกจากนี้หยานหยางก็ยุ่งอยู่กับการบ่มเพาะ และช่วยจัดการกิจการที่หอหมอกฝน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้
“ท่านผู้นำตระกูล มันเกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”
หยานหยางถามด้วยสีหน้างงงัน นั่นมันไอความเย็นสุดขั้วถึงขนาดนี้ ท่านผู้นำตระกูลยังบอกว่าหายดี?
“มานี่สิ ข้าจะแนะนำเจ้า”
หยานเจิ้นหยุนแนะนำเจียงเฉินต่อหยานหยาง “นี่คือน้องเจียงเฉิน เขาเป็นผู้ที่รักษาหยู่เอ๋อร์ หยู่เอ๋อร์นั้นไม่ได้ป่วยแต่อย่างใด แต่นางมีร่างกายที่หาได้ยากเรียกว่าร่างเก้าหยิน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับการตื่นขึ้นของชีพจรเก้าหยิน และเมื่อมันตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเราจะได้เห็นสุดยอดอัจฉริยะฟ้าประทานในรอบศตวรรษในตระกูลหยาน”
ชีพจรเก้าหยิน? นี่เป็นครั้งแรกที่หยานหยางได้ยินคำนี้ แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญเมื่อเทียบกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ช่วยชีวิตของหยานเฉินหยู่ เขาตกตะลึงที่ชายผู้นี้มีอายุน้อยกว่าเขาเสียอีกแต่มีความสามารถที่จะช่วยลูกพี่ลูกน้องของเขาไว้ได่
“ข้ามีนามว่าหยานหยาง ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง ข้าต้องการขอบคุณเจ้าที่ได้ช่วยเหลือเสี่ยวหยู่”
หยานหยางยกมือเขาขึ้นประสานแสดงถึงความขอบคุณของเขาต่อเจียงเฉินอย่างจริงใจ(ประมาณประสานมือขอบคุณ หรือทักทายของจีนสมัยก่อนล่ะมั้ง)
“อย่าได้ใส่ใจเลยพี่หยาน”
เจียงเฉินยิ้ม ท่าทางการแสดงออกที่หยานหยางได้แสดงต่อเขาครั้งแรกนั้นนับว่าไม่เลว
“หยานหยาง เมื่อเจ้ามีเวลาว่างเจ้าลองใช้เวลากับน้องเจียงเฉินดูสิ ไม่แค่เขาได้พบเห็นมามาก เขามีประสบการณ์ที่มากมายด้วย เขายังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุอัจฉริยะอีกด้วย เขาเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ”
หยานเจิ้นหยุนไม่เคยที่จะเหนื่อยที่จะชื่นชมเจียงเฉิน
“โอ้ จริงหรือนี่”
หยานหยางตาเป็นประกาย เขามองไปยังเจียงเฉินและคาดหวังเขามากกว่าเดิม
ในคืนเดียวกัน ทุกคนได้อยู่คุ้มครองหยานเฉินหยู่ เจียงเฉินก็อยู่เช่นกันเพราะคำที่หญิงสาวผู้นี้เรียกเจียงเฉินว่าท่านพี่เจียงเฉินนั้นตราตรึงใจเขายิ่งนัก
เช้าวันถัดมาฟ้ากำลังสว่าง หน้าทางเข้าของหอคอยหมอกฝนเกิดเสียงหนวกหูขึ้น ไม่นานจากนั้นก็มีผู้คนมารวมตัวกันแออัด
“ไม่นะ ไม่นะ!”
หน้าเรือนที่พักหยานซิ่งวิ่งมาอย่างตื่นตระหนกหายใจหอบ
“หยานซิ่งเกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าดูเร่งรีบเช่นนี้”
หยานเจิ้นหยุนถาม
หยานซิ่งมองไปยังเจียงเฉินที่อยู่ด้านข้างแล้วพูดว่า”ตระกูลลีขอรับ คนจากตระกูลลีแห่กันมาที่นี่”
“ตระกูลลีงั้นรึ แม้เราจะมีข้อพิพาทกันบ่อยครั้งกับพวกมัน แต่พวกเราไม่ได้ทำสงครามกับพวกมันอย่างจริงจัง พวกมันกล้าดียังไงที่มาสร้างปัญหาหน้าทางเข้าหอคอยหมอกฝนเช่นนี้ ลีชางเย่ว์มันต้องการอะไรกันแน่”
หยานหยางโกรธมากและถาม
“ลีชานเย่ว์มาเพราะน้องเจียงเฉิน มันพาคนของมันมาและพวกมันได้กีดกันทางเข้าหอคอยหมอกฝน มันต้องการให้ท่านผู้นำตระกูลส่งน้องเจียงเฉินให้แก่มัน ที่มีคนรวมตัวกันเช่นนี้เพราะพวกเขาอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
หยานซิ่งตอบกลับ
เจียงเฉินที่ยืนด้านข้างขมวดคิ้ว ลีชานเย่ว์มันมาเพราะเขา
“ไม่มีใครรู้ว่าน้องเจียงเฉินอยู่ที่นี่แล้วทำไมลีชานเย่ว์มันถึงได้รู้ได้ ฮึ่ม! หยานซิ่งไปบอกลีชานเย่ว์ว่าเจียงเฉินเป็นแขกคนสำคัญของตระกูลหยาน ถ้ามันต้องการทำร้ายน้องเจียงเฉินเท่ากับว่าประกาศสงครามกับข้า”
หยานเจิ้นหยุนสบถอย่างเย็นชาและคำพูดเขาดูเย็นชามาก
“ท่านผู้นำตระกูล ลีชานเย่ว์มันจับตัวหวังติงและคนอื่นๆอีกสามคนไว้ พวกเขานั้นเป็นคนที่ไปพร้อมกับคาราวานเมื่อตอนนั้นขอรับ เขาบอกมาว่าหากน้องเจียงเฉินไม่โผล่หัวออกมา พวกเขาจะสังหารคนเหล่านี้หน้าหอคอยหมอกฝนขอรับ”
หยานซิ่งรีบพูดออกมา เขาได้สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับหวังติงและคนอื่นๆก่อนหน้านี้ พวกเขาผ่านสถานการ์ณเป็นตายร่วมกัน ตอนนี้พวกเขาโดนลีชานเย่ว์จับตัวไว้นั้นทำให้กังวลมาก หากเจียงเฉินไม่ออกไปลีชานเย่ว์ก็จะสังหารพวกเขาทิ้งนั่นเป็นสิ่งที่มันจะทำ
หลังจากหยานซิ่งพูดจบ เจียงเฉินก็เดินตรงไปยังทางเข้าทันที
“น้องเจียงเฉิน”
หยานเจิ้นหยุนตะโกนเรียกเจียงเฉิน ทุกคนรีบตามเขาออกไปในทันที ตอนนี้พวกเขาทุกคนแน่ใจแล้วว่าทำไมลีชานเย่ว์ถึงได้รู้ว่าเจียงเฉินอยู่ที่ตระกูลหยาน เจียงเฉินไม่เคยที่จะซ่อนตัวตนของเขามาก่อน มีคนของตระกูลลีโดนสังหารมากมายบนภูเขา ดังนั้นลีชานเย่ว์จึงต้องการสืบหาความจริงว่าใครเป็นคนทำ มันง่ายมากที่จะรู้ว่าเจียงเฉินเป็นคนทำ เพราะหวังติงและอีกสามคนตกอยู่กำมือพวกมัน
เจียงเฉินเดินนำหน้าคนอื่นๆ เขาดูสงบอย่างมาก แต่ความต้องการสังหารที่เห็นจากดวงตาเขานั้นทำให้ไม่มีผู้ใดที่จะหาเรื่องเขา และคนที่ทำเช่นนั้นย่อมมีจุดจบไม่สวยเป็นแน่
ลีชานเย่ว์มันกล้าดีเช่นไรที่มาข่มขู่เขาด้วยหวังติงและอีกสามคน มันทำให้เจียงเฉินรู้สึกโกรธจริงๆ ตอนนี้เขากำลังกราดเกรี้ยวอย่างมาก เขาเพิ่งจะรู้ว่าหวังติงและอีกสามคนที่เขาไม่เคยที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่เขาก็ไม่ต้องการให้คนบริสุทธิ์ต้องมาเป็นทุกข์เพราะเขา
หน้าทางเข้าหอคอยหมอกฝนมีฝูงชนมารวมตัวกัน มีคนจากตระกูลลีเจ็ดถึงแปดคนและหัวหน้าพวกเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้นำตระกูลลี ลีชานเย่ว์และยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์อีกสองคนอยู่ด้านหลังเขา
รอยยิ้มเยาะอยู่บนหน้าของลีชานเย่ว์ ทำให้รอยแผลเป็นของเขาดูดุร้ายและเมื่อมันยิ้มก็ยิ่งดูน่ากลัวกว่าเดิม ข้างๆมันก็มีชายหนุ่มสวมชุดสีเหลือง ชายหนุ่มสง่างามผู้นี้ดูเป็นผู้มีการศึกษา เขาดูคล้ายกับลีชางหง และเขาเป็นบุตรอีกคนหนึ่งของลีชานเย่ว์ ความแข็งแกร่งของเขาไม่ด้อยกว่าหยานหยาง เป็นอัจริยะอีกคนแห่งเมืองสีชาด
ที่อยู่ถัดจากตระกูลลีนั้น เป็นชายสี่คนเสื้อผ้าถูกฉีกขาดและโดนมันมือมัดเท้าไว้ด้วยโซ่เหล็ก หน้าของพวกเขามีคราบเลือดติดอยู่ กำลังภายในของเขายุ่งเหยิงหมด พวกเขาทุกคนนั้นต่างบาดเจ็บ
“หยานเจิ้นหยุนเจ้าจงรีบส่งไอ้เด็กเวรนั่นมาซะ! ข้าจะให้เวลาเจ้าอีกสามนาที ถ้ามันไม่ก้าวออกมาข้าคงต้องฆ่าพวกนี้สักคนล่ะนะ”
ลีชานเย่ว์ตะโกนเสียงดัง ทุกคนต่างได้ยินชัดเจน
“มันผู้ใดคือเจียงเฉิน เขาได้ทำอะไรให้ผู้นำตระกูลลีโกรธขนาดนั้นถึงกับเดินทางมาด้วยตัวเองเพื่อจัดการมัน ข้าไม่คิดว่ามีใครในหอคอยหมอกฝนนามว่าเจียงเฉินหรอกนะ”
“เจ้าไม่เคยรู้เลยรึ ข้าว่าข้าเคยบอกเจ้าเมื่อไม่นานมานี้ บุตรชายคนที่สามแห่งตระกูลลี ลีชางหงได้ถูกเจียงเฉินสังหารที่เมืองฟ้าหอม ฆาตรกรคือเจียงเฉิน หัวหน้าตระกูลลีได้เดินทางไปยังเมืองฟ้าหอมด้วยตัวเองเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว แต่ไม่รู้เหตุใดถึงกลับมามือเปล่า ไม่มีผู้ใดคิดหรอกว่าเจียงเฉินได้มาที่เมืองสีชาดและอยู่กับหอคอยหมอกฝน”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เจียงเฉินเป็นคนเช่นนี้รึ เขากล้าดียังไงที่จะไปสังหารนายน้อยตระกูลลี ลีชางเย่ว์มีบุตรเพียงสามคน และเขานั้นรักบุตรคนสุดท้องมากที่สุด ไม่แปลกใจที่ลีชานเย่ว์เกรี้ยวกราดเช่นนี้”
“นี่มันดูน่าตื่นเต้นนะเนี่ย”
………………………………………………………………………
ทุกคนต่างกระซิบกระซาบกัน ข่าวเรื่องที่เจียงเฉินสังหารลีชางหงแพร่กระจายไปรวดเร็วมากในหมู่พวกเขา ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าลีชานเย่ว์ได้มาที่หอคอยหมอกฝนเพราะเหตุใด
ไม่นานหยานเจิ้นหยุนและคนอื่นๆก็ออกมาจากหอคอยหมอกฝน
“ลีชานเย่ว์เจ้ากล้าดียังไงถึงมาก่อปัญหาหน้าหอคอยหมอกฝน เจ้าคิดว่าไม่มีผู้ใดในตระกูลหยานที่สามารถที่จะสู้พวกเจ้าได้งั้นรึ”
หยานเจิ้นหยุนนั้นแข็งกร้าวนิ่งในตอนที่เขาแสดงทัศนคติของเขาออกมา เขาตะโกนดังลั่นเมื่อเขาปรากฎตัว
“ฮึ่ม! หยานเจิ้นหยุนข้าไม่มาเพื่อจะมาสู้กับเจ้าวันนี้ ที่ข้าต้องการคือส่งเจ้าเด็กเวรนั่นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
ลีชานเย่ว์แสดงออกอย่างเย็นชา ดวงตาอสรพิษของมันมองไปยังคนตระกูลหยานทุกคนและสุดท้ายหยุดที่เจียงเฉิน ตาทั้งสองของมันเกิดประกายและถาม “เจ้าคือเจียงเฉินงั้นรึ”
“ลีชานเย่ว์ เจ้าได้ถูกไว้ชีวิตครั้งหนึ่งที่ตระกูลเจียง ไม่แค่ไม่สำนึกและยังมาหาเรื่องข้าอีก เจ้านี่มันไม่ได้ดีไปกว่าเดรัจฉานเลยจริงๆ”
เจียงเฉินพูดออกมาด้วยความรำคาญ
“ฮึ่ม…! เป็นเจ้าจริงๆที่ฆ่าบุตรชายข้า แม้เจ้าจะมีเก้าชีวิตเจ้าก็ต้องตายในวันนี้ เจ้าเด็กเวร หากเจ้ายังรักชีวิตอยู่ไม่ได้ออกจากคฤหาสน์และอยู่กับตระกูลเจียงต่อไปบางทีข้าอาจจะให้เจ้าได้อยู่ต่อ….แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะทิ้งชีวิตของเจ้าแล้วมายังเมืองสีชาด เจ้าคงอยากตายมากสินะ”
ลีชานเย่ว์พูดขณะที่ขบฟันของมัน เขาต้องการที่จะฉีกเจียงเฉินให้เป็นชิ้นๆ
“ลีชานเย่ว์ เจียงเฉินเป็นแขกคนสำคัญที่สุดของหอคอยหมอกฝนของพวกเรา ไม่ใช่คนที่เจ้าจะทำร้ายเขาได้ตามต้องการ หอคอยหมอกฝนจะปกป้องเขาด้วยพลังทั้งหมดที่มี ถ้าเจ้าต้องการที่จะสังหารเขา เจ้าควรที่จะมีความสามารถมากพอที่จะล้มหอคอยหมอกฝนก่อน”
เมื่อหยานเจิ้นหยุนพูดออกมาดังกังวาล ทำให้ทุกคนได้ยินชัดเจน
“ข้าไม่เคยได้ยินนามเจียงเฉินมาก่อน ผู้ที่มาจากเมืองฟ้าหอม ไหงเขาถึงมีหอคอยหมอกฝนหนุนหลังได้”
“ได้ยินที่หยานเจิ้นหยุนพูดหรือไม่ เขาจะใช้กำลังทั้งหมดของตระกูลหยานปกป้องเจียงเฉิน….ข้าสามารถบอกได้ว่าเจียงเฉินนั้นเป็นอัจฉริยะ แต่ไม่ควรค่าที่จะปกป้องขนาดนี้”
“หยานเจิ้นหยุนไม่ใช่ไอ้โง่ มันต้องมีสาเหตุที่เขามาปกป้องเจียงเฉินแน่นอน”
………………………………………………………………………
ทุกๆคนรวมทั้งลีชานเย่ว์ต่างไม่รู้เรื่องรู้ราว พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมหยานเจิ้นหยุนถึงได้ต้องการปกป้องเจียงเฉิน มันเป็นเพราะเจียงเฉินช่วยหยานเหมิงสังหารคนตระกูลลีรึ? แค่นั้นมันยังไม่เพียงพอ
เกิดรอยยิ้มเยาะบนหน้าลีชานเย่ว์อีกครั้ง ถ้าหยานเจิ้นหยุนต้องการที่จะปกป้องด้วยพลังทั้งหมดของตระกูลหยาน นั่นหมายความว่าลีชานเย่ว์ไม่สามารถที่จะทำร้ายเจียงเฉินได้ ด้วยกำลังของตระกูลลีนั้นคงไม่กล้าที่จะประกาศสงครามกับตระกูลหยาน
แต่ลีชานเย่ว์ได้เตรียมตัวมาแล้ว มันได้ให้สัญญาณกับคนของมันที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายคนนั้นเห็นสัญญาณจึงได้นำหวังติงและอีกสามคนออกมาหน้าฝูงชน
************************************************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป….!!!