ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
แปลไทยโดย Takumi Kun
ตรวจ เรียบเรียง Subaru-Kyun
=====================================================ชิ้ง…..!
ชายคนนั้นชักดาบออกมาและนำดาบไปพาดไว้บนคอของหวังติง
“เจียงเฉิน ทั้งสี่คนนี้เป็นทหารรับจ้างที่ตามเจ้ามา ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าเจ้าต้องการที่จะเห็นพวกมันตายต่อหน้าเจ้าเพราะการตัดสินใจของเจ้า”
ลีชานเย่ว์มองไปยังเจียงเฉินด้วยรอยยิ้มอันตราย
“สกปรกที่สุด!!”
หยานเหมิงตะโกนออกมาด้วยความรังเกียจ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับหวังติงและอีกสามคน ทั้งสี่เป็นผู้ไม่รู้เรืองรู้ราวไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หยานเหมิงได้สู้ผ่านสถานการณ์เป็นตายมาพร้อมกับพวกเขา หากพวกเขาตาย เขาคงทุกข์ทรมาน
“ฮ่าฮ่า….. ลีชานเย่ว์ฆ่าพวกข้าสิถ้าเจ้าต้องการ เจ้าไม่สมควรที่จะประเมินความสัมพันธ์พวกข้าผิดหรอกนะ ข้าและน้องชายเจียงเฉินเพิ่งได้พบก่อนหน้าไม่นานนัก ยังไม่สามารถเรียกได้ว่าสนิทด้วยซ้ำ เจ้าวางแผนที่จะข่มขู่น้องชายเจียงเฉินเรอะ ไม่ได้ผลหรอก”
หวังติงหัวเราะเสียงดัง ใบดาบที่คมกริบได้กดลงมาบนคอเขาและทำให้เลือดออก อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้แสดงออกถึงความหวาดกลัว ความบ้าดีเดือดของเขาทำให้ทุกคนยกนิ้วโป้งให้ ผู้ชายเช่นเขาหายาก
“ฆ่าพวกข้าซะถ้าพวกเจ้าต้องการ”
“ชีวิตของข้าถูกน้องชายเจียงเฉินเป็นคนช่วยไว้ เพราะเขาข้าถึงอยู่ได้นานขึ้นอีกสองวันแค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว”
“น้องชายเจียงเฉิน ข้าหนิวเมิ่ง ข้าคือคนที่บอกชื่อของเจ้าข้าขอโทษ”
และอีกทั้งสามไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย ในฐานะทหารรับจ้าง ทุกๆคนเป็นคนเช่นนี้ ผู้ที่เดินบนเส้นทางทหารรับจ้างมีชะตาที่จะต้องตายสักวันหนึ่งและเมื่อพวกเขาเลือกเส้นทางนี้พวกเขาได้เตรียมใจไว้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เมื่อวันนั้นได้มาถึง พวกเขาจึงไม่แสดงความกลัวแม้แต่น้อย
“ดี ในเมื่อพวกเจ้าดึงดันนัก ข้าจะสนองความต้องการเจ้าให้ ฆ่าพวกมันซะ!”
ลีชานเย่ว์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หยุดมือซะ!”
เจียงเฉินตะโกนออกมา และก้าวไปด้านหน้าสองก้าว และเขาพูดออกมาด้วยท่าทีเย็นชา “ลีชานเย่ว์ ในฐานะผู้นำตระกูลลี หนึ่งในมหาอำนาจในเมืองสีชาด เจ้าใช้วิธีสกปรกต่ำช้าเช่นนี้เพื่อที่จะสู้กับชายหนุ่มเช่นข้างั้นรึ คำว่าขายขี้หน้ายังไม่พอที่จะอธิบายคนเช่นเจ้าได้”
“เจ้า………”
รอยยิ้มของลีชานเย่ว์ชะงักงัน เจียงเฉินพูดถูกคนที่มีฐานะอย่างเขาถึงกับต้องใช้เล่ห์กลสกปรกเช่นนี้ น่าอับอายยิ่งนัก
“น้องชายเจียงเฉิน เจ้าจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับหอคอยหมอกฝน ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อคนอย่างพวกข้าเลย ชีวิตของเจ้ามีค่ามากกว่าพวกข้ายิ่งนัก”
หวังติงพูดออกมา
“ข้าไม่ใช่คนที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น แต่ข้าไม่เคยปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ต้องมาทนทุกข์เพราะข้า ข้าจะไม่ยอมให้หน้าไหนต้องมารับผลที่ข้าได้ทำไว้เด็ดขาด”
เจียงเฉินพูดอย่างเฉยเมย ความรู้สึกระหว่างเจียงเฉินและหวังติงไม่ได้มากมายนัก พวกเขาเพิ่งพบกันก่อนหน้านี้ ชีวิตพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจียงเฉินด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามในสถานการณ์เช่นนี้นั้นช่างแตกต่าง สิ่งที่เกิดกับพวกเขานั้นเพราะเจียงเฉิน นั่นคือเหตุผลที่ต้องช่วยพวกเขา
“พอสำหรับเรื่องไร้สาระ! เจียงเฉินออกมาด้านหน้ามารับความตายซะ แล้วข้าจะปล่อยตัวพวกมันไป”
ลีชานเย่ว์ตะโกนอย่างเย็นชา
“ลีชานเย่ว์ เจ้าไม่สนใจชื่อเสียงขี้หมูขี้หมาของเจ้าแล้วกระมัง ในฐานะผู้นำตระกูลลี เจ้าข่มขู่ชายหนุ่มด้วยเล่ห์กลสกปรกเช่นนี้อย่างงั้นหรือ”
หยานเจิ้นหยุนเดินเคียงข้างเจียงเฉิน เจียงเฉินนั้นช่วยชีวิตหยานเฉินหยู่เอาไว้ เขาคือผู้กอบกู้ของตระกูลหยาน เขาจะไม่มีวันให้สิ่งเลวร้ายเกิดกับผู้มีพระคุณของเขาได้ เขาจะต้องปกป้องเจียงเฉินแม้ค่าตอบแทนที่ต้องเสียไปจะเป็นชีวิตทหารรับจ้างทั้งสี่ก็ตาม
“ใช่ ใช่ ใช้เล่ห์กลแบบนี้มันมากเกินไป มันไม่สมกับเป็นตระกูลลี”
“ถูก…! คนอย่างลีชานเย่ว์ใช้เล่ห์เหลี่ยมสกปรกกับชายหนุ่มเพียงคนเดียวเพื่อการแก้แค้นเนี่ย เขาเป็นแค่ชายหนุ่มเองนะ”
ฝูงชนเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ และเสียงพูดคุยมันดังขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือสิ่งที่บุคคลมีชื่อเสียงในเมืองสีชาดต้องเผชิญหน้า ลีชานเย่ว์เองก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก และการกระทำของมันเหมือนเป็นหน้าตาของตระกูลลี
ลีชานเย่ว์ขมวดคิ้ว มันไม่เคยคาดว่าสถานการณ์จะเป็๋นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าถ้ามันสังหารหวังติงและคนอื่นๆจะทำให้ชื่อเสียงของมันจะเสียหาย มันไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับตระกูลลีในอนาคตภายในเมืองสีชาด
“ผู้นำตระกูลลี ทำไมเจ้าไม่ให้บุตรชายเจ้ามาสู้กับเจียงเฉินเสีย ถ้าบุตรชายเจ้าสามารถที่จะสังหารเจียงเฉินได้นั่นเท่ากับว่าเจ้าแก้แค้นสำเร็จ”
ใครบางคนในฝูงชนพูดขึ้นมา
“ใช่เลย เป็นความคิดที่ดี การต่อสู้กันของอัจฉริยะทั้งสอง”
คนเริ่มเห็นด้วยมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆกับความคิดนี้ ผู้ที่ชอบชมการแสดงย่อมไม่เบื่อถ้ามีการบันเทิงด้วยทุกคนต้องการที่จะชมทักษะการต่อสู้ของเจียงเฉินว่าเขาทำเช่นไรถึงสามารถสังหารลีชางหงได้ และทำไมเขาถึงได้รับความคาดหวังจากหอคอยหมอกฝนมากเช่นนี้
เมื่อได้ยินข้อเสนอ ลีชานเย่ว์ได้มองไปยังคนที่ยืนข้างเขา
ลีชางเย่ว์มีบุตรอยู่สามคน พวกเขาทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะทั้งสิ้น พวกเขาต่างอยู่ขั้นฉีไห่ขั้นปลายทั้งๆอายุแค่นั้น ลีชานหมิงได้เก็บตัวบ่มเพาะเพื่อทะลวงเข้าสู่แก่นแท้มนุษยฺ์ ลีชานหงถูกเจียงเฉินสังหารที่เมืองฟ้าหอมเป็นบุตรคนสุดท้อง และที่ยืนข้างลีชานเย่ว์เป็นบุตรคนกลาง นามลีช่างห่าว
มุมปากของลีช่างห่าวยกขึ้นเล็กน้อย ด้วยความภาคภูมิใจเขาได้ก้าวไปด้านหน้า เขาชี้นิ้วไปยังเจียงเฉินและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เจียงเฉิน มีบางคนบอกข้ามาเจ้าได้สังหารน้องชายข้าในการประลองเดิมพันด้วยชีวิตวันนี้ข้าจะประลองเป็นตายกับเจ้าเพื่อแก้แค้นให้น้องชายข้า เจ้ากล้าที่จะรับคำท้าหรือไม่”
ลีชานเย่ว์มองไปยังเจียงเฉินด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา มันก็คิดว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่ดี มันไม่รู้ว่าเจียงเฉินใช้เล่ห์กลใด ดังนั้นเขาไม่รู้ถึงระดับพลังของเจียงเฉินตอนนี้ จากที่มันรู้ตอนเจียงเฉินได้ต่อสู้กับลีชางหงตอนนั้นมันอยู่ระดับขั้นฉีจิงขั้น9เพียงเท่านั้น ตอนนี้เจียงเฉินน่าจะอยู่ระดับฉีไห่ขั้นต้น แม้เขาจะเชี่ยวชาญการต่อสู้ แต่ลีช่างห่าวก็จะชนะเขาได้โดยง่าย
แม้เจียงเฉินจะสามารถที่จะสังหารมู่หลงเจิ้นได้ แต่มู่หลงเจิ้นนั้นไม่มีทางที่จะเทียบกับลีช่างหงได้ ทั้งคู่อยู่ระดับฉีไห่ขั้นปลาย แต่ไม่มีอะไรที่จะเทียบลีช่างห่าวได้ ลีช่างห่าวเป็นถึงอัจฉริยะรุ่นเยาว์ ลีช่างห่าวนั้นมีทักษะที่ยอดเยี่ยม การที่จะสังหารคนไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามอย่างเจียงเฉินมันไม่ได้ยากเย็น ด้วยการนี้ก็สามารถที่จะรักษาชื่อเสียงของตระกูลลีไว้ได้
ทุกๆคนต่างมองไปยังเจียงเฉินว่าเขากล้าที่จะรับคำท้าหรือไม่
เมื่อได้ยินลีช่างห่าวพูดออกมา เจียงเฉินหัวเราะเสียงดังและถามกลับว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะลงประลองเป็นตายกับข้า”
เจียงเฉินคิดไว้ว่าเตือนลีช่างห่าวเสียจะดีต่อตัวเขาเอง เขาเกือบจะพูดว่า “เจ้าหนู การประลองเป็นตายนั้นไม่ใช่การละเล่นที่สนุกสนานนะ ถ้าเจ้าตายอยู่ที่นี่ มันไม่มีทางที่จะคืนชีพได้หรอกนะ”
“ทำไมเรอะ เจ้าไม่กล้ารับคำท้างั้นรึ”
ลีช่างห่าวแสดงออกถึงความภูมิใจของเขาและมองไปด้านเจียงเฉินอย่างเย่อหยิ่ง
“ปล่อยทั้งสี่คนนั่นไปซะ ข้าจะรับคำท้าเจ้า”
“น้องเจียงเฉิน เจ้าต้องตัดสินใจให้รอบคอบนะ ลีชานเย่ว์มีบุตรด้วยกันสามคน ลีชางหงนั้นเทียบกับอีกทั้งสองคนไม่ได้ พวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะ ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าผู้นี้เป็นบุตรคนรอง ลีช่างห่าว เขานั้นเหนือชั้นกว่าระดับฉีไห่ทั่วไปอีก”
หยานเจิ้นหยุนเตือนเจียงเฉิน
“อย่าได้กังวลเลย มีคนมากมายดูพวกเราอยู่ ถ้าข้าปฎิเสธไปมันคงเสียหน้าแย่”
เจียงเฉินยักไหล่ของเขาด้วยหน้าตาเฉยเมย ข้อเสนอนั้นถูกยื่นให้อยู่หน้าประตูแล้ว ลีชานเย่ว์จะต้องคิดว่าเขานั้นมีบุตรมากมาย และเขาต้องการยกบุตรให้แก่เจียงเฉินคนหนึ่ง (ตรงนี้เปรียบเทียบนะ)
ในอีกด้านหนึ่ง ลีชานเย่ว์โบกมือให้สัญญาณให้คนของเขาปล่อยหวังติงและอีกสามคน หยานเหมิงรีบพาทั้งสี่มาฝั่งตระกูลหยาน
ฝูงชนขยับตัวออกและเว้นพื้นที่กว้างขวางไว้เพื่อใช้เป็นสนามประลองเป็นตาย เวทีประลองทางการนั้นอยู่ห่างจากที่นี่มากนัก มันง่ายที่จะจัดการประลองเป็นตายขึ้นที่นี่
“เข้ามาเลยเจียงเฉิน แสดงความสามารถของเจ้าออกมา วันนี้แหละ ข้าจะฆ่าเจ้าล้างแค้นให้น้องชายของข้า”
ลีช่างห่าวเดินไปที่ใจกลางพื้นที่ประลองเป็นตาย ชุดสีเหลืองของเขากระพือโดยที่ไม่ได้มีลมพัด ใบหน้าของเขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม เขาไม่ได้คิดที่จะเอาจริงกับเจียงเฉินสักนิด เพราะเขานั้นมีทักษะการต่อสู้ชั้นยอดเยี่ยม และมีทักษะลับที่ทรงพลังอีก วันนี้จะเป็นวันตายของเจียงเฉิน!
“น้องเจียงเจิน ระวังตัวด้วย”
หยานเจิ้นหยุนกล่าวเตือนเจียงเฉินอีกครั้ง
เจียงเฉินพยักหน้าก่อนที่จะเดินก้าวใหญ่ตรงไป เขาได้มาถึงด้านตรงข้ามของลีช่างห่าว
ปังงง……!!!
ลีช่างห่าวทำการรวบรวมพลังวิญญาณของเขาและปลดปล่อยพลังหยวนออกมา ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยหมัดออกไป ประกายแสงสดใส ปรากฎบนหมัดของเขา พลังหยวนคมดั่งคมดาบ การเสียดสีระหว่างหมัดกับอากาศทำให้เกิดเสียงระเบิดขึ้น
พลังของยอดฝีมือฉีไห่ขั้นปลายแสดงออกมาอย่าสมบูรณ์ ลีช่างห่าวนั้นกำลังหยั่งความสามารถคู่ต่อสู้ และเขาได้แสดงพลังที่ยอดเยี่ยมออกมา อัจฉริยะแห่งเมืองสีชาดช่างร้ายกาจยิ่งนัก
เจียงเฉินส่ายหัว ลีช่างห่าวนั้นทรงพลังยิ่งกว่ามู่หลงเจิ้นแต่โชคร้าย……เจียงเฉินไม่ได้อยู่ระดับฉีไห่ขั้นต้นอีกแล้ว เขาได้ทะลวงเข้าอาณาจักรฉีไห่ขั้นกลางเป็นที่เรียบร้อย ยอดฝีมือฉีไห่คนไหนๆก็ล้วนอ่อนแอสำหรับเขา
เจียงเฉินโจมตีด้วยฝ่ามือ พายุทอร์นาโดได้สร้างโดยพลังหยวนรวมพลังที่ฝ่ามือและเข้าปะทะกับหมัดของลีช่างห่าว เจียงเฉินใช้กำลังเพียงแค่ครึ่งเดียวกับการโจมตีครั้งนี้ ในตอนนี้เขาได้สร้างตราประทับมังกรดวงที่ห้าแล้ว ถ้าเขาใช้พลังเต็มที่มีหวังได้สังหารลีช่างห่าวในหมัดเดียว แต่เจียงเฉินจะไม่ทิ้งผลกระทบใดๆไว้ในวันนี้ นั่นเป็นเหตุที่ว่าเจียงเฉินใช้พลังเพียงครึ่งเดียว
ปังงงงงง………
หมัดและฝ่ามือได้ปะทะกัน เกิดเสียงเหมือนโลหะกระทบกัน พลังหยวนของลีช่างห่าวแตกกระจายเป็นชิ้นๆ และลีช่างห่าวถอยหลังออกไปด้วยกำลังที่เหนือกว่า เขาได้ถอยไปสองสามก้าวก่อนที่จะทรงตัวเขา แขนที่ปะทะเขารู้สึกชา และรู้สึกว่ามันน่ากลัวจริงๆ
“น่าหวาดหวั่นเหลือเกิน”
“เจียงเฉินมิใช่คนทั่วๆไป เขาทำให้ลีช่างห่าวถอยหลังได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว”
“เขานั้นดูเป็นคนอ่อนแอจากตระกูลที่มั่งคั่งทั่วไป ไม่มีผู้ใดคาดคิดหรอกว่าเขาจะมีพละกำลังมหาศาล แต่ลีช่างห่าวเพียงแค่ประเมินคู่ต่อสู้เท่านั้น เขายังไม่ได้ใช้ทักษะการต่อสู้สักนิด ผู้ชนะยังคงบอกไม่ได้”
ทุกๆคนต่างตกตะลึง ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเจียงเฉินจะได้เปรียบลีช่างห่าว หรือทำให้เขาถอยหลังไปได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“ดีมาก”
หยานเจิ้นหยุนตะโกนออกมาเสียงดัง
“ฮึ่ม! ห่าวเอ๋อร์ อย่าได้ออมมือ รีบๆฆ่ามันได้แล้ว”
ลีชานเย่ว์พูดด้วยเสียงดังกังวาล
“เข้าใจแล้วขอรับ”
ลีช่างห่าวสะบัดแขนออก แววตาเหยียดหยามไม่มีแล้ว เขารวบรวมฝ่ามือเข้าหากันและใส่พลังหยวนเข้าไปด้วยกันก่อนที่จะชี้นิ้วออกไป
เปรี้ยง…..!
นิ้วที่เปล่งแสงสีเหลืองปรากฎให้เห็น การเสียดสีกับอากาศทำให้เกิดเสียงดังสนั่น ดัชนีขนาดยักษ์สูงกว่าเมตร มันจะขยี้ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามัน
“น้องเจียง นี่มันทักษะดัชนีสวรรค์หวงของตระกูลลี ลีช่างห่าวได้ฝึกทักษะนี้จนช่ำชอง เจ้าต้องระวังตัวให้มาก”
หยานเหมิงเตือนเจียงเฉิน
เจียงเฉินยิ้มแสยะ เขายิ้มอย่างเย็นชา เขาเคยเห็นทักษะดัชนีสวรรค์หวงมาแล้วที่เมืองฟ้าหอมในตอนที่เขาได้สู้กับลีชางหง เมื่อนำมาเทียบกับดัชนีสุริยะหนึ่งนิ้วของเจียงเฉิน ดัชนีสวรรค์หวงดูด้อยไปเลย
อย่างไรก็ตามทักษะดัชนีสวรรค์หวงนั้นแข็งแกร่งมากเมื่อลีช่างห่าวใช้มัน แต่เจียงเฉินหาได้สนใจไม่
เจียงเฉินนั้นดูผ่อนคลายและเฉยเมยเมื่อเผชิญกับการโจมตีที่กำลังจะมาถึง เมื่อมันมาใกล้ถึงตัวเขาแล้ว เขาเพียงแค่ปล่อยหมัดออกไปเพื่อให้มันพ้นๆไป
************************************************************************โปรดติดตามตอนต่อไป….!!!