I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 41 สังหารชั่วพริบตา

| Dragon-Marked War God | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

 

แปลไทยโดย Takumi Kun


ตรวจ เรียบเรียง Subaru-Kyun


=====================================================

ฟิ้วๆๆๆๆ………


พลังหยวนอันทรงพลังครอบคลุมหมัดของเจียงเฉินไว้ พลังหยวนของเขานั้นคมกริบเหมือนเช่นคมดาบ กรีดผ่านอากาศเกิดเสียงดังหนวกหู  พลังอันดุดันก่อให้เกิดการช็อตมหาศาลปะทะซึ่งหน้ากับพลังดัชนีสวรรค์หวงของลีช่างห่าว


“อะไรเนี่ย นี่เขาใช้หมัดของเขาไปปะทะกับดัชนีสวรรค์หวงเลยรึ เขาช่างอวดดียิ่งนัก”


หยานหยางกล่าวออกมาด้วยท่าทีตกตะลึง


“เจียงเฉินมันอวดดีเกินไปแล้ว ถึงแม้เขาจะได้เปรียบก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่นี่มันดัชนีสวรรค์หวงเป็นทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลังมาก ตอนนี้เขากลับใช้หมัดเข้าปะทะ ข้ามั่นใจว่าเขาจะต้อเจ็บปวดทรมานเป็นแน่”


“ข้าคาดเดาว่าเจียงเฉินไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้ ทักษะดัชนีสวรรค์หวงนั้นเป็นทักษะขั้นมนุษย์ระดับต่ำ แต่ลีช่างห่าวได้ฝึกฝนมันจนสมบูรณ์ พลังมันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก”


ทุกๆคนที่ดูอยู่ต่างตกตะลึง ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะคิดว่าเจียงเฉินสามารถที่จะชนะโดยใช้หมัดไปปะทะกับดัชนีสวรรค์หวงของลีช่างห่าว


“ฮ่าฮ๋าฮ่า…. เจียงเฉินเจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว เจ้ากล้าดีอย่างไรที่ใช้หมัดมาปะทะกับดัชนีสวรรค์หวงของข้า รนหาที่ตาย!!”


คนที่อยู่ตรงข้ามเจียงเฉินคือ ลีช่างห่าวที่กำลังหัวเราะเสียงดังทำหน้าเยาะเย้ยเจียงเฉิน อย่างไรก็ตามท่าทีเย้ยหยันก็ได้หายไปและกลายเป็นสีหน้าไม่อยากจะเชื่อในไม่กี่วินาทีถัดมา เจียงเฉินได้แสดงให้เขาดูตัวอย่างความหมายของการที่ยั่วยุบางคน



ตูมมมมมมมมมม………


เสียงของการปะทะกันอย่างรุนแรงดังสนั่นจนทุกๆคนได้ยิน พวกเขานั้นตะลึงอย่างมาก หมัดของเจียงเฉินได้ปะทะกับดัชนีสวรรค์หวงของลีช่างห่าว เกิดเสียงดังกึกก้อง แต่โชคร้ายฉากที่ทุกๆคนคาดคิดไว้ไม่เกิดขึ้น


ไม่มีสิ่งใดที่หมัดของเจียงเฉินเอาชนะไม่ได้ มันเหมือนกับไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถทำลายได้ ดัชนีสวรรค์หวงที่ทรงพลังได้แตกกระจายเป็นชิ้นๆโดยพลังหมัดของเจียงเฉิน กลายเป็นเศษเล็กน้อยและสลายหายไป


ทุกๆคนหันไปทางเจียงเฉิน เขาไม่ได้ขยับแม้แต่ก้าวเดียวจากที่ๆเขาได้ยืนอยู่แต่แรก มั่นคงดั่งขุนเขา ทุกคนสามารถที่จะสัมผัสถึงพลังหมัดของเจียงเฉิน และพวกเขาได้รู้สึกเล็กน้อยว่าเมื่อครู่เหมือนเป็นการโจมตีของคนอื่น พวกเขารู้สึกได้ว่าภายในร่างกายของชายหนุ่มนั้นมีวิญญาณที่สูงอายุอยู่


“สวรรค์! ข้าสงสัยเหลือเกินว่าหมัดนั่นมีพลังอยู่ขนาดไหนกันแน่ มันสามารถที่จะขยี้ดัชนีสวรรค์หวงได้เช่นไรกัน”


“ร่างกายของเขาแข็งแรงมาก แม้ไม่ใช้พลังหยวนช่วยเข้าไปด้วย พลังของมันก็น่าสะพรึงขนาดเหนือกว่าดัชนีสวรรค์หวงด้วยหมัดเพียงอย่างเดียว”


“อัจฉริยะที่มาจากเมืองฟ้าหอมเล็กๆแห่งนั้น ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า มันดูเหมือนว่าลีช่างห่าวไม่ใช่คู่มือเขาแม้แต่น้อย”

………………………………………………………………………

ทุกๆคนตกตะลึงอย่างไม่น่าเชื่อ สู้กับดัชนีสวรรค์หวงด้วยหมัดเปล่า…..ถ้าพวกเขาไม่ได้ร่วมเป็นสักขีพยานด้วยล่ะ ก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อเป็นแน่ สิ่งที่ทุกคนคาดไว้นั้นมีจุดจบที่แตกต่างกับที่เห็น แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไว้ได้เปลี่ยนไปด้วยหมัดของเจียงเฉิน ลีช่างห่าวได้ใช้ดัชนีสวรรค์หวง แต่เจียงเฉินไม่ได้ใช้ทักษะการต่อสู้ใดๆ แค่การปะทะกันครั้งนี้ก็สามารถที่จะตัดสินได้ว่าลีช่างห่าวนั้นพ่ายแพ้ หากลีช่างห่าวไม่มีทักษะลับใดๆ ชะตาของเขาคงโดนเจียงเฉินจัดการแน่นอน

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจียงเฉินได้สร้างตราประทับมังกรดวงที่ห้าในร่างกายเขาแล้ว เขาสามารถที่จะปลดปล่อยพละกำลังได้สูงถึง 50,000 จิน เมื่อใช้เต็มกำลัง มันน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง

“สวรรค์ คนๆนี้ทำการบ่มเพาะมาเช่นไรกันแน่ ลมปราณของเขาและโลหิตของเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก ร่างกายของเขาเทียบได้กับสัตว์อสูรได้เลยนั่น”

“หยานหยางไม่สามารถที่จะทนไว้ได้อีก เขาเองก็เป็นอัจฉริยะและอัจฉริยะทุกคนย่อมมีความภาคภูมิใจตนเอง มันหายากมากการที่อัจฉริยะจะนับถืออัจฉริยะคนอื่น แต่เจียงเฉินได้แสดงออกมาแล้ววันนี้ หยานหยางได้นับถือเขาอย่างแท้จริง”

“น้องเจียงเฉินได้ทานยากลั่นวิญญาณเข้าไปและผลหยางบริสุทธิ์ เขาได้ทะลวงสู่ฉีไห่ขั้นกลาง และลีช่างห่าวนั้นไม่ใช่คู่มือของเจียงเฉินแม้แต่น้อย พวกเราไม่ต้องกังวลเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”

หยานเจิ้นหยุนกอดอกแล้วเริ่มหัวเราะ ความกังวลของเขามลายหายไปแล้ว และเขาได้ทำเหมือนว่ามาชมการแสดง

นอกจากนั้นสิ่งที่เจียงเฉินได้แสดงออกมานั้นได้สร้างความตกตะลึงแก่เหล่าสมาชิกระดับสูงตระกูลหยาน เจียงเฉินเป็นอัจฉริยะที่สามารถเทียบได้กับอัจฉริยะจากตระกูลใหญ่ในพื้นที่ส่วนในของแคว้นฉี นี่มันเป็นการเพิ่มพูนพลังใจให้แก่พวกเขาที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับเจียงเฉิน

ในด้านตรงข้ามที่ตระกูลหยานยืนอยู่ หน้าตาของลีชานเย่ว์ดูน่ากลัวยิ่งนัก

“ท่านผู้นำตระกูล คนผู้นี้มีพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานให้ เขามีความสามารถที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่ยังหนุ่ม คนที่อยู่ระดับเดียวกับเขาไม่มีผู้ใดที่จะเอาชนะเขาได้ ถ้าพวกเราปล่อยให้เขาเติบโตต่อไปมันอาจเป็นภัยต่อพวกเราได้ขอรับ”

ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ที่ยืนข้างลีชานเย่ว์กระซิบกับเขา ในตอนนี้ไม่ว่าจะโง่งมสักแค่ไหนก็สามารถบอกได้ถึงความแข็งแกร่งที่สุดยอดของเจียงเฉิน


“อย่าห่วงเลย ห่าวเอ๋อร์มียุทธภัณฑ์อยู่ เขาสามารถที่จะฆ่ามันได้แน่”


ลีชานเย่ว์พูดอย่างเยือกเย็น ชายหนุ่มวัยเพียง 15 ปีอยู่ตรงหน้าเขาให้ความรู้สึกว่ามันเป็นตัวอันตราย และทำให้มันตั้งใจที่จะฆ่าเจียงเฉินให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม


คนที่ตะลึงมากที่สุดคือลีช่างห่าว เขาได้ฝึกฝนดัชนีสวรรค์หวงเวลาหลายปี เขาได้ฝึกจนสมบูรณ์แบบ แต่มันโดนทำลายทิ้งง่ายๆ ทำให้เขาสับสนอย่างยิ่ง


“ใช้กลอะไรอีกนั่น ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้แสดงออกมา”


เจียงเฉินยืนเอามือไขว้หลัง ดูสงบและมีความมั่นใจ ความภาคภูมิใจของเขานั้นฝังลึกลงไปในกระดูก เขาจึงไม่เคยที่จะเอาจริงกับลีช่างห่าว

เจียงเฉินได้แสดงออกว่าดูถูกลีช่างห่าวอยู่ ดูถูกความภาคภูมิใจของลีช่างห่าวทำให้ดวงตาเขาทั้งคู่แดงก่ำ เขาโกรธแค้นเป็นอย่างมาก


“เจียงเฉิน ข้าจะฆ่าเจ้าวันนี้”


ลีช่างห่าวคำรามอย่างมีโทสะ แขนเขาเคลื่อนไหวราวกับเวทย์มนตร์ดาบสีเงินของเขาส่องประกายภายใต้แสงในมือเขา


วี้ๆๆ……………..

เสียงวี้ๆที่ได้ยินเมื่อดาบปรากฎ มันมีรูปร่างสีดำ มันบางเหมือนปีกของแมลง ตัวดาบกว้างสองฟุตยาวห้าฟุต ออร่าของดาบนั้นทำให้ผู้ที่เห็นหายใจติดขัด

“ยุทธภัณฑ์ระดับต่ำ”

เจียงเฉินจ้องดาบนั่น ด้วยประสบการณ์ของเขาสามารถที่จะบอกได้ง่ายๆว่าอยู่ระดับใด 

“อะไรนี่! ยุทธภัณฑ์งั้นรึ”

หยานหยางตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

“บ้าจริง ข้าลืมไปได่เช่นไร ลีชานเย่ว์ได้เตรียมตัวมาแล้ว เขาจะต้องให้ยุทธภัณฑ์ระดับต่ำแก่ลีช่างห่าวก่อนหน้าเป็นแน่”

หยานเจิ้นหยุนเริ่มเป็นกังวลเมื่อได้เห็นดาบในมือลีช่างห่าว ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะใจเย็นได้เมื่อเห็นดาบนั่น

ยุทธภัณฑ์ไม่ใช่อาวุธทั่วๆไป อาวุธใดๆที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นยุทธภัณฑ์ได้นั้นจะต้องเป็นอาวุธที่สุดยอด ความแตกต่างระหว่างยุทธภัณฑ์กับอาวุธสามัญ คือยุทธภัณฑ์นั้นสามารถที่จะดูดซับพลังหยวนและเพิ่มทวีความรุนแรงตามพลังของผู้ใช้ อย่างน้อยสองเท่า มันคล้ายกับทักษะการต่อสู้แต่มันหายากกว่า

ยุทธภัณฑ์ทุกชิ้นล้วนมีค่ามากอย่างไม่น่าเชื่อ แม้มันจะเป็นยุทธภัณฑ์ระดับต่ำ มันก็หาได้ยากสุดๆในเมืองสีชาด ยิ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลจากแคว้นฉีแล้ว ยุทธภัณฑ์นั้นยากที่จะหาพบ แม้แต่ยอดฝีมือแก่นมนุษย์ทั่วไปต้องใช้เวลานานกว่าจะหาเจอสักชิ้น

ในการประมูลของหอคอยหมอกฝนเป็นบ้านประมูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองสีชาด ของหายากหลากหลายรายการ ทรัพยากรธรรมชาติที่หายากได้ถูกขายไปแต่ไม่เคยมียุทธภัณฑ์ปรากฎในงานประมูล ตระกูลหยานเองก็ครอบครองยุทธภัณฑ์ระดับต่ำไม่เกินสามชิ้น


มันคล้ายกับตระกูลลี พวกมันเองก็มีไม่เกินสามชิ้นเช่นกัน เมื่อลีช่างห่าวได้นำยุทธภัณฑ์ระดับต่ำออกมา พวกเขารู้ได้ทันทีว่าตระกูลลีมีวิธีที่จะจัดการเจียงเฉิน


“มันคือยุทธภัณฑ์ระดับต่ำจริงๆ เป็นครั้งแรกของข้าที่ได้เห็นยุทธภัณฑ์มันเป็นสุดยอดศาตราวุธ อาวุธธรรมดาไม่สามารถเทียบได้”


“ด้วยอำนาจยุทธภัณฑ์ในมือเขา ความแข็งแกร่งของลีช่างห่าวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ข้าละสงสัยว่าเจียงเฉินจะรับมือเช่นไร”


“ด้วยยุทธภัณฑ์ชิ้นนั้นมันมามารถที่จะตัดเหล็กเหมือนเป็นแค่ดินโคลน น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก”



……………………………………………………..


ทุกๆคนต่างพูดถึงและจ้องไปยังดาบที่อยู่ในมือลีช่างห่าว พวกเขาล้วนอิจฉา


“เจียงเฉิน ชื่อของดาบนี้มีว่า ‘วิญญาณทมิฬเชือดเฉือน’ ข้าพนันว่าเจ้าไม่เคยเห็นยุทธภัณฑ์มาก่อนสิท่า จงภูมิใจเสียเถิดที่วันนี้เจ้าจะถูกฆ่าโดยวิญญาณทมิฬเชือดเฉือนเล่มนี้”


ลีช่างห่าวปลดปล่อยพลังหยวนออกมา วิญญาณทมิฬเชือดเฉือนได้ส่งเสียงน่ากลัวออกมา ออร่าดาบอันเย็นเฉียบทำให้ทุกคนสั่นไปถึงไขสันหลัง


เจียงเฉินหัวเราะออกมาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย เมื่อเขามองความมั่นใจของลีช่างห่าว เจ้านั่นภูมิใจซะเหลือเกินในสิ่งที่มันมี มันไม่ได้มากกว่ายุทธภัณฑ์ระดับต่ำเท่านั้น เขายังจะภูมิใจอีก ….เฮ้อ!  เจียงเฉินหมดคำพูด


ในชีวิตที่แล้วของเขา มันไม่มีความหมายใดๆเลยที่จะชายตามองยุทธภัณฑ์ระดับต่ำแม้แต่ยุทธภัณฑ์ระดับสุดยอดล้วนไม่ต่างจากขยะในสายตาเขา เขาไม่เคยแม้แต่จะมองมันด้วยซ้ำ


มันก็จริงที่ วิญญาณทมิฬเชือดเฉือนสามารถเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของลีช่างห่าวเป็นสองเท่าได้แต่ถ้าเขาเป็นคนใช้ล่ะก็มันจะเพิ่มถึงห้าเท่าสิ่งที่รอคอยเขาจะมีเพียงความตายเท่านั้นต่อเมื่อเจียงเฉินต้องการสังหารเขา


“ห่าวเอ๋อร์ ไม่ต้องโม้มาก รีบฆ่ามันซะ!”


ลีชานเย่ว์เตือนลีช่างห่าว


“เข้าใจแล้วท่านพ่อ ข้าจะให้มันตายอย่างสยดสยอง ข้าจะไม่ให้มันตายง่ายเกินไป ข้าจะให้มันได้รู้ว่าการที่มีเรื่องกับตระกูลลีแล้วจะมีจุดจบไม่สวย”


ลีช่างห่าวพูดออกมาและยิ้มเย็น


ลีช่างห่าวปลดปล่อยพลังหยวนอันแข็งแกร่งออกมา และส่งมันไปยังวิญญาณทมิฬเชือดเฉือนดั่งน้ำตก ลำแสงความเย็นได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากดาบ สร้างตาข่ายขนาดยักษ์ขึ้นมา


“เจียงเฉิน รับความตาย ข้าจะเชือดเจ้าให้เป็นชิ้นๆด้วยดาบของข้า”


กำลังใจของลีช่างห่าวนั้นสูงยิ่ง เขาพุ่งไปเหมือนพยัคฆ์ดุร้าย เขายกดาบขึ้นบนอากาศ ตาข่ายจากดาบขยายตัว ลำแสงไอเย็นจากดาบดูเหมือนสัตว์กระหายเลือด ทุกคนที่ดูอยู่ต่างลืมหายใจทั้งสิ้น


“ระวังด้วย น้องเจียงเฉิน พลังของยุทธภัณฑ์นั้นน่าเหลือเชื่อมาก มันสามารถที่จะตัดเหล็กเหมือนตัดโคลน ถ้ามันโดนเจ้าเจ้าอาจจะบาดเจ็บสาหัสหรือว่าตายได้นะ”


หยานเจิ้นหยุนเตือนเจียงเฉินด้วยท่าทีวิตก


วี้ๆ!


วิญญาณทมิฬเชือดเฉือนสั่นสะเทือน และตาข่ายจากดาบปกคลุมเจียงเฉินโดยสมบูรณ์ ลีช่างห่าวดูสะใจมาก วิญญาณทมิฬเชือดเฉือนเปรียบดั่งลิ้นของอสรพิษ มันจะตัดเจียงเฉินออกเป็นสองซีกต่อหน้าทุกคนที่เป็นสักขีพยานการต่อสู้


“ฮ่าฮ๋าฮ๋าฮ่าฮ๋า”


ลีช่างห่าวหัวเราะเสียงดัง แต่วินาทีต่อมาเขาพบถึงบางอย่างที่ไม่ปกติ รอยยิ้มของเขาชะงัก วิญญาณทมิฬเชือดเฉือนได้ตัดเจียงเฉินไปแล้ว แต่เขาไม่รู้สึกเลยว่ามันได้ตัดผ่านร่างกายมนุษย์ รอยดาบตาข่ายได้ถูกฝังลึกบนพื้น


“ภาพติดตา?”


ลีช่างห่าวตะโกนอย่างไม่อยากเชื่อ ที่เขาได้ตัดไปนั่นเป็นแค่ภาพติดตาของเจียงเฉินงั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไร? เขาหลบการโจมตีนี้ได้อย่างไร?


ลีช่างห่าวเงยหน้าขึ้นพบว่าผู้คนต่างอ้าปากค้าง ตกตะลึง หวาดกลัวนั้นอยู่บนใบหน้าพวกเขา ความหวาดกลัวและตกตะลึงนั้นไม่ใช่เพราะการโจมตีของเขา ทุกๆคนต่างมองด้านหลังเขา


“ระวัง! ห่าวเอ๋อร์!”


ลีชานเย่ว์รีบเตือนทันที แต่โชคร้าย ลีช่างห่าวเองก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่เกิดด้านหลังเขา


ด้านหลังลีช่างห่าว เจียงเฉินพุ่งดั่งพยัคฆ์ร้ายไล่ล่าเหยื่อ มือของเขามีดัชนีทองคำยาวสามเมตรส่องสว่างเป็นดาบอันคมกริบ มันได้เหวี่ยงอย่างรวดเร็วใส่ลีช่างห่าว ลำแสงนั้นมาจากทักษะดัชนีสุริยะนิ้วเดียว มันสามารถที่จะจัดการยุทธภัณฑ์ระดับต่ำได้อย่างง่ายดาย


เจียงเฉินเคลื่อนตัวราวสายฟ้าฟาด หลบการโจมตีจากวิญญาณทมิฬเชือดเฉือนจนตัวลีช่างห่าวโดนจู่โจม มันเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น…


………………………………………………………………………………………………………………

โปรดติดตามตอนต่อไป….!!! 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments