ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
แปลไทยโดย Takumi Kun
ตรวจ เรียบเรียง Subaru-Kyun
=====================================================
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก ลีชานเย่ว์ตะโกนอีกด้วย แต่โชคไม่ดี….ยังไงก็ตามความเร็วของเจียงเฉินรวดเร็วมาก แม้แต่ระดับแก่นแท้มนุษย์ยังไปหยุดเจียงเฉินไม่ทัน
เฟี้ยว…!
ลำแสงที่อยู่บนนิ้วของเจียงเฉินนั้นได้เหวี่ยงออกไปดั่งดาบที่คมกริบ ลีช่างห่าวตอบสนองอย่างรวดเร็ว โยกตัวไปด้านข้างเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการโดนตัดขาดสองท่อน ในขณะเดียวกันก็ได้เตรียมการต้านทานการโจมตีด้วยวิญญาณทมิฬเชือดเฉือน
แต่น่าเสียดาย มันช้าไปแล้ว
ฉัวะ…!
เสียงโดนฟันต่างได้ยินกัน ลำแสงของเจียงเฉินโดนข้อมือของลีช่างห่าว พลังหยวนของลีช่างห่าวไม่อาจต้านทานการโจมตีไม่สำเร็จ วิญญาณทมิฬเชือดเฉือนเองก็ช้าไป มือทั้งสองข้างของ ลีช่างห่าวได้ถูกตัดออก วิญญาณทมิฬเชือดเฉือนได้ตกสู่พื้น เลือดพุ่งออกจากบริเวณที่เคยเป็นมือของเขาราวกับน้ำพุ
อ๊ากกกกกกกกกกกก….!
ความเจ็บปวดจากมือของเขานั้นทำให้เขาได้กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่เจียงเฉินไม่เคยสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจียงเฉินยกแขนขึ้นเตรียมตบเขา
เพียะ..!
เสียงตบนั้นได้ยินถ้วนหน้า ลีช่างห่าวร่วงลงบนพื้น
ตูม!
เจียงเฉินยกเท้าเหยียบลงบนใบหน้าของลีช่างห่าว และเขาก็ขยี้เท้าลงบนใบหน้าของลีช่างห่าว……..ลีช่างห่าวที่อยู่ใต้เท้าเขานั้นไม่ว่าจะดิ้นรนสักแค่ไหนก็ไม่สามารถที่จะหนีไปไหนได้ เขาทำได้แค่เพียงส่งเสียงร้องโอดครวญไปด้วยความเจ็บปวด
เงียบสนิท………. สถานที่แห่งนี้เงียบสนิท ไม่มีใครจินตนาการว่ามันจะลงเอยเช่นนี้ ผู้ใดจะคิดว่าคนที่มียุทธภัณฑ์ระดับต่ำอย่างลีช่างห่าวจะพ่ายแพ้เจียงเฉินในไม่กี่วินาที
ทุกคนกำลังพยายามที่จะเข้าใจการเคลื่อนไหวของเจียงเฉินเมื่อครู่ ไม่มีผู้ใดมองออกว่าเจียงเฉินสามารถที่จะหลบการโจมตีที่ไม่สามารถหลบได้แบบนั้นได้อย่างไร
“ปล่อยบุตรชายข้าซะ!”
ลีชานเย่ว์ในที่สุดก็ออกอาการ มันตะโกนอย่างมีเกรี้ยวกราดต่อเจียงเฉิน ถ้าบุตรชายของมันไม่ได้อยู่ใต้เท้าเจียงเฉินและเจียงเฉินสามารถที่จะสังหารได้ทุกเวลา มิเช่นนั้นตอนนี้มันคงพุ่งเข้าไปฉีกเจียงเฉินเป็นชิ้นๆอย่างแน่นอน
ทุกคนจากตระกูลลีต่างเกรี้ยวกราด พวกเขาไม่เคยคิดว่าเจียงเฉินแข็งแกร่งแม้แต่ลีช่างห่าวที่อยู่ระดับฉีไห่ขั้นปลายและมียุทธภัณฑ์ระดับต่ำจะมาพ่ายแพ้แก่เขา มันช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
“ปล่อยเขางั้นเหรอ ? เจ้าล้อเล่นหรือไม่ อย่าลืมสินี่มันการประลองเป็นตายนะ”
เจียงเฉินมองไปยังลีชานเย่ว์ที่กังเวลอยู่ด้วยรอยยิ้มเย็นชาของเขา และขยี้เท้าลงบนหน้าลีช่างห่าวต่อ
“เจ้าเด็กเวร! ถ้าแกกล้าที่จะแตะต้องบุตรชายข้าอีกครั้งเดียว ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆซะ”
ลีชานเย่ว์เกือบที่จะควบคุมตัวเองไม่ได้ รอยแผลเป็นที่น่าเกลียดได้สั่นสะเทือนทำให้ดูน่ากลัวยิ่ง มันได้สูญเสียบุตรชายไปแล้วคนหนึ่ง และถ้ามันสูญเสียอีกคนหนึ่งมันจะบ้า ที่สำคัญกว่านั้นหากลีช่างห่าวโดนฆ่าต่อหน้าเขานั้นเท่ากับว่าตบหน้าเขาต่อหน้าฝูงชน
“ลีชานเย่ว์นั้นโกรธซะแล้ว แต่ข้าคิดว่าพวกเขาตกลงกันแล้วว่านี่เป็นการต่อสู้จนตายไปข้างนึง”
“ข้าคาดเดาว่าเจียงเฉินไม่กล้าที่จะสังหารลีช่างห่าวหรอก ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะสังหารบุตรของลีชานเย่ว์ต่อหน้าต่อตาเจ้าตัว”
“มันยากที่จะพูดนะ เจียงเฉินมันยิ่งบ้าอยู่ด้วยและบางทีมันอาจจะสังหารเขาก็ได้นะ นอกจากนี้ทั้งสองตระกูลต่างเหมือนไฟกับน้ำ แม้เจียงเฉินจะปล่อยไปแต่ลีชางเย่ว์ก็ไม่ปล่อยมันไปอยู่ดี”
………………………………………………………………………………………………………………
ทุกคนต่างพูดคุยกันและกระซิบกระซาบกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขามองไปยังเจียงเฉินด้วยอีกท่าทีหนึ่ง การต่อสู้ในวันนี้ทำให้นักสู้ไร้ชื่อได้มีชื่อเสียงในเมืองสีชาด
ไม่มีผู้ใดในตระกูลหยานพูดสิ่งใดออกมา สิ่งที่พวกเขาต้องการทำตอนนี้คือสนับสนุนเจียงเฉินและปกป้องเขา
ภายหลังจากที่ได้รู้จักเจียงเฉินได้สองวัน พวกเขาได้รับรู้ว่าเจียงเฉินเป็นผู้ที่ยึดมั่นในความคิดของตน ไม่ว่าเขาจะต้องการที่จะสังหารลีช่างห่าวหรือไม่ ไม่มีทางที่พวกเขาเปลี่ยนการตัดสินใจของเจียงเฉินได้ แม้แต่คำขู่ของลีชานเย่ว์ยังไม่ส่งผลต่อเขา
ในความจริงเขานั้นเคยเป็นถึงเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เขาไม่เคยเกรงกลัวต่อสิ่งใด เมื่อเขาเห็นลีชานเย่ว์ขู่เขา เจียงเฉินไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ในความเป็นจริงแล้วคำขู่ของลีชานเย่ว์นั้นเหมือนผายลมเพียงเท่านั้น
เจียงเฉินไม่แม้จะไปมองลีชานเย่ว์ว่าโกรธแค่ไหน เท้าที่ขยี้หน้าของลีช่างห่าวอยู่ก็ได้เพิ่มแรงเข้าไปจนกระทั่งได้ยินเสียงร้าวออกมาจากกระโหลกของลีช่างห่าว เสียงเหมือนกระดูกแตก เลือดออกท่วมหน้าของลีช่างห่าว เสียงกรีดร้องอย่างน่ากลัวยิ่งขึ้น
“เจ้าเด็กเวร !เจียงเฉิน ข้าจะถลกหนังแกออกมาทั้งเป็น”
ลีชานเย่ว์ดั่งสิงโตที่กำลังมีโทสะ มันกราดเกรี้ยวอย่างมากแต่เขาไม่กล้าที่จะพุ่งออกไป มันกลัวว่าเจียงเฉินจะฆ่าลีช่างห่าวทันทีที่มันพุ่งออกไป
“จะถลกหนังข้าทั้งเป็นรึ? ทำไมไม่ถลกหนังเจ้านี่ก่อนล่ะ?”
เจียงเฉินกระทืบลงบนพื้นอย่างแรงทำให้ วิญญาณทมิฬเชือดเฉือนปลิวกระเด็นขึ้นฟ้า และเขาจับมัน
“อืม ดาบนี่ก็ไม่ได้แย่เท่าไรนัก ถือซะว่าเป็นของรางวัลสำหรับการต่อสู้นี้ละกัน ส่วนของลีช่างห่าว การประลองเป็นตายนั้นหมายความว่าต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายถูกต้องไหม?”
เจียงเฉินพูดอย่างไม่แยแส ปลายแหลมของวิญญาณทมิฬเชือดเฉือนสัมผัสคอของลีช่างห่าว
ความเย็นเฉียบจากปลายแหลมของดาบทำให้ลีช่างห่าวเสียวสันหลัง ในตอนนี้เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าความตายกำลังมาเยือน
“ไม่นะ อย่า… อย่าฆ่าข้าเลย”
ลีช่างห่าวร้องขอด้วยเสียงที่พูดแล้วฟังไม่ค่อยชัดนัก เขาไม่ได้อยากจะตาย เขาเป็นบุตรคนรองของตระกูลลีและเขายังเป็นอัจฉริยะแห่งเมืองสีชาดอีกด้วย เขายังมีอนาคตที่สดใส เขาจะตายไม่ได้
“เจียงเฉิน เจ้ากล้าดีอย่างไร”
มันเหมือนจะมีอะไรออกมาจากจมูกของลีชานเย่ว์ (อาจจะเป็นควันก็ได้มั้ง??)
ผู้คนต่างกลั้นหายใจ คาดเดาได้ว่าไม่ว่าอย่างไรเจียงเฉินก็จะสังหารลีช่างห่าวแน่นอน
“ลีชานเย่ว์ เจ้าบอกว่าเจ้ามีบุตรชายสามคนสินะ ข้าจะสังหารพวกมันไปก่อนสักสองละคนกัน”
ใบหน้าของเจียงเฉินดูสงบนิ่งและผ่อนคลาย แต่การกระทำของเขานั้นไร้ความปราณี วิญญาณทมิฬเชือดเฉือนได้กดลงไปที่คอของลีช่างห่าว เลือดไหลพุ่งออกมา ลีช่างห่าวชักกระตุกเพียงไม่กี่วินาทีและแน่นิ่งไป
ณ ที่แห่งนั้นเงียบสนิทในทันใด ดวงตาของลีชานเย่ว์เบิกกว้างมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง…
“โอ้สวรรค์ เขาสังหารลีช่างห่าวจริงด้วย”
“คนๆนี้โหดเหี้ยม! เขาเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก เขาฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาเลย”
“บุตรชายคนรองของตระกูลลีโดนสังหารในเมืองสีชาติ เขาถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาของลีชานเย่ว์ นี่มันบ้าไปแล้ว”
ทุกๆคนต่างตกตะลึงและจ้องมองไปยังเจียงเฉินและรอยยิ้มสบายๆของเขา พวกเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ชายหนุ่มผู้นี้มีความกล้าบ้าบิ่นดุจเหล็กกล้า
“ว้ากกกกกกกกกกกกกก!”
ในที่สุดลีชานเย่ว์ก็มีปฎิกิริยา มันเงยหน้าขึ้นและคำรามอย่างบ้าคลั่ง เขากลายเป็นสัตว์ป่าที่กำลังคลั่ง กลิ่นอายของยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์แผ่ออกมาเหมือนคลื่นถาโถม ทุกๆคนต่างหายใจติดขัด ยิ่งคนที่ยืนใกล้ๆลีชานเย่ว์ทรุดลงไปกระอักเลือด
มันโกรธแค้นอย่างมาก บุตรชายของตัวเองโดนสังหารตายต่อหน้าต่อตา และผู้ที่มีประสบการณ์เช่นนี้ก็คงทำเช่นเดียวกัน
“น้องเจียง กลับมาก่อน”
หยานเจิ้นหยุนเตรียมพร้อมไว้แล้ว เมื่อลีชานเย่ว์เคลื่อนไหว พวกเขาก็จะมาอยู่ด้านหน้าเจียงเฉิน
“หลีกไป!”
ดวงตาของลีชานเย่ว์แดงก่ำ มันได้ซัดฝ่ามือออกไปแต่หยานเจิ้นหยุนก็ปล่อยพลังออกมาไปปะทะกับฝ่ามือของมัน
ตูม..!
อากาศโดยรอบของพวกเขาระเบิดออก ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองสีชาดทั้งสองกำลังสู้กัน การปะทะกันของทั้งสองนั้นทำให้อุณหภูมิของอากาศรอบๆตัวเพิ่มสูงขึ้น และคนที่ดูการต่อสู้ได้กระเด็นไปด้านหลัง การต่อสู้ของยอดฝีมือแก่นมนุษย์นั้นทรงพลังยิ่ง ยิ่งใกล้พวกเขามากเท่าไรนั่นหมายถึงชีวิต
เจียงเฉินยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีไม่แยแส พลังของลีชานเย่ว์ไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขานั้นมั่นคงดั่งภูเขา เหมือนกับว่าไม่ได้แยแสอะไรศัตรูแม้แต่น้อย
“หยานเจิ้นหยุนหลีกทางซะ เดี๋ยวนี้! ตอนนี้ไอ้เด็กเปรตนี่มันฆ่าบุตรชายข้าไปสองคนแล้ว ข้าจะถลกหนังมันทั้งเป็นวันนี้”
ลีชานเย่ว์คำรามอย่างเกรี้ยวกราด
“ฮึ่ม! ลีชานเย่ว์เจ้าวางแผนที่จะทิ้งชื่อเสียงทั้งหมดของเจ้าไปแล้วใช่ไหม นี่มันการประลองเป็นตาย และบุตรชายเจ้าพ่ายแพ้ เจ้าต้องโทษว่าบุตรชายเจ้าที่มันอ่อนแอแล้วแส่หาเรื่องเอง ตอนนี้ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ได้พยายามที่จะทำร้ายชายหนุ่มที่เด็กกว่าเจ้ามาก เจ้าต้องการทิ้งชื่อเสียงเจ้าจริงๆสินะ”
หยานเจิ้นหยุนสบถออกมาอย่างเย็นชา แน่นอนว่าเขาจะไม่หลีกทางให้ เจียงเฉินผู้กอบกู้ของตระกูลหยาน เขาได้ช่วยชีวิตหยานเฉินหยู่เอาไว้ แม้เขาต้องเสียสละชีวิตของเขา เขาก็จะปกป้องเจียงเฉินด้วยทั้งหมดที่เขามี
“หยานเจิ้นหยุน เจ้าจะหลีกทางหรือไม่หลีก! นี่เป็นเรื่องระหว่างตระกูลลีและเจ้าเด็กเวรนั่น ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหยาน”
ลีชานเย่ว์กำหมัดแน่น จนได้ยินเสียงดังแกร้ก..
“ปัญหาของเจียงเฉิน คือปัญหาของข้า ถ้าเจ้าต้องการที่จะสู้ ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง”
หยานเจิ้นหยุนตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เขาปลดปล่อยพลังแก่นแท้มนุษย์ออกมาแสดงให้เห็นว่าเขาจะปกป้องเจียงเฉินด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี
“ดี….! ทุกคนจงฆ่าเจียงเฉินเพื่อข้าซะ”
ลีชานเย่ว์ไม่สามารถหักห้ามความโกรธเขาได้อีกแล้ว เมื่อสั่งให้ทุกคนโจมตี เขาก็ได้ซัดฝ่ามือใส่หยานเจิ้นหยุน
เมื่อคนของตระกูลลีเคลื่อนไหว ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ทั้งหกของหอคอยหมอกฝนเองก็เคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน เคลื่อนไหวพร้อมกันไปอยู่ตำแหน่งที่เจียงเฉินยืนอยู่
“ตระกูลหยานจะปกป้องเจียงเฉินด้วยทั้งหมดที่มี จะไม่มีผู้ใดสามารถแตะต้องเขาได้ตราบเขาอยู่ที่นี่”
หยานหงไท่ก็ปลดปล่อยพลังเช่นกัน มีคนออกมามากขึ้นเรื่อยๆจากหอคอยหมอกฝน มันนับได้ว่าร้ายแรงแล้ว
ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ทั้งหก เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหยาน ตระกูลลีมากันไม่กี่คนถ้าพวกนั้นต้องการที่จะสู้กับหอคอยหมอกฝนมันจะกลายเป็นการสู้อยู่ฝ่ายเดียว
“เจียงเฉินไปทำอะไรให้ตระกูลหยานกัน ทำไมเหล่ายอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ทั้งหมดถึงได้ต้องการช่วยเหลือเขา”
“อาการของคุณหนูหยานอาจได้รับการรักษาแล้วก็ได้? ไม่สิ เป็นไปไม่ได้หรอก อาการของคุณหนูหยานนั้นระดับปรมาจารย์ทั้งหลายยังยอมแพ้เลย”
ทุกคนตกตะลึง พวกเขาเริ่มคิดว่าเมื่อตระกูลหยานปกป้องเจียงเฉินขนาดนี้มันต้องมีรูปธรรมสิ
คนจากตระกูลลีสีหน้าเริ่มเปลี่ยนไป แม้แต่ลีชานเย่ว์ก็หยุดโจมตีของมัน การที่ตระกูลหยานมีท่าทีเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดคิดไว้
“หยานเจิ้นหยุน เจ้าต้องการที่จะทำสงครามกับตระกูลลีของข้าสินะ”
ลีชานเย่ว์นั้นเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมา มันฟื้นความมีเหตุมีผลของตนเองแล้ว
“ถ้าเจ้าต้องการทำสงคราม……ข้าจะสู้ แต่ข้าคาดว่าเจ้าคงไม่อยากเห็นเมืองสีชาดเป็นสนามรบหรอกนะ”
หยานเจิ้นหยุนพูดโดยที่ไม่ได้ก้าวถอยหลังแม้แต่น้อย
“ท่านผู้นำตระกูลขอรับ ข้าคิดว่าวันนี้ปล่อยมันไปก่อน ยังมีโอกาสอีกมากมายที่จะฆ่ามันได้ในอนาคต”
ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์คนหนึ่งได้กระซิบลีชานเย่ว์ด้วยโทรจิต ดูจากท่าทีตระกูลหยานวันนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารเขาในวันนี้ นอกจากนั้นการประลองเป็นตายระหว่างลีช่างห่าวและเจียงเฉินก็ได้ตกลงกันไว้ด้วย
แววตาเกรี้ยวกราดของลีชานเย่ว์จ้องมายังเจียงเฉิน ที่ยืนยิ้มด้านหลังคนอื่นๆ มันมองดูร่างของลีช่างห่าวที่กองอยู่บนพื้นเต็มไปด้วยเลือด แม้เขาจะไม่ต้องการที่จะปล่อยเจียงเฉินไปในวันนี้ก็ตาม เขาก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขาวันนี้ ณ อาณาเขตของหอคอยหมอกฝน
“ไอ้เด็กเวร ข้าจะฉีกเจ้าให้เป็นชิ้นๆภายหลัง”
ลีชานเย่ว์พูดอย่างเย็นชา เขาหันกลังกลับไปพร้อมคนของเขาและร่างของลีช่างห่าว
ผู้คนต่างกระซิบกระซาบกันถึงการต่อสู้วันนี้ ลีช่างห่าวตายแล้ว และตระกูลลีสูญเสียยุทธภัณฑ์ระดับต่ำไปอีกด้วย เป็นการสูญเสียสองต่อของตระกูลลี
ชื่อของเจียงเฉินนั้นแพร่กระจายไปทั่วเมือง
************************************************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป….!!!