I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 43 ไล่ล่าหมานับหมื่นไมล์

| Dragon-Marked War God | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

 

แปลไทยโดย Takumi Kun

ตรวจ เรียบเรียง Subaru-Kyun

=====================================================

ตระกูลลีนั้นทุกข์ทรมานกับการสูญเสียครั้งใหญ่ บุตรชายอีกคนหนึ่งของลีชานเย่ว์ถูกสังหาร พวกเขาได้สูญเสียยุทธภัณฑ์ระดับต่ำให้แก่ศัตรูอีก มันทำให้ลีชานเย่ว์ต้องอับอายขายหน้าอย่างมากแต่ทุกคนต่างรู้ว่าคนอย่างลีชานเย่ว์ไม่ยอมให้จบลงง่ายๆเป็นแน่

มองคนของตระกูลลีกำลังถอยกลับ เจียงเฉินยังยืนที่เดิมอย่างไม่แยแส ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา

เยือกเย็น เฉลียวฉลาด กล้าหาญ เหี้ยมโหด

สร้างความหวาดกลัวให้แก่เด็กหนุ่มคนอื่นๆยิ่งนัก ทุกคนต่างทราบชื่อของเขาแล้ว และพวกเขาสามารถคาดคิดได้ว่าการมาของชายหนุ่มผู้เหี้ยมโหด ความสับสนวุ่นวายในเมืองนี้ที่รอวันมาถึง….ในที่สุดมันก็มาถึงแล้ว

“น้องเจียงเฉิน ลีชานเย่ว์มันไม่ปล่อยให้จบง่ายๆเช่นนี้แน่ แม้เจ้าจะมีพละกำลังและความเร็วยอดเยี่ยมก็ตาม เจ้ายังอ่อนแอนัก ในช่วงไม่กี่วันนี้ เจ้าพักอยู่ที่หอคอยหมอกฝนของพวกเราก่อน ลีชานเย่ว์มันไม่กล้าที่จะบุกมาที่หอคอยหมอกฝนในช่วงนี้”

หยานเจิ้นหยุนบอกเจียงเฉิน การต่อสู้ในวันนี้ได้สร้างความประทับใจให้แก่คนตระกูลหยานมาก ชายหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อจะเปรียบพรสวรรค์ภายในเมืองนี้คงจะมีแค่หยานเฉินหยู่ที่มีร่างกายชีพจรหยินทั้งเก้าที่สามารถเทียบกับเขาได้ แม้แต่หยานหยางก็รู้สึกว่าตนด้อยกว่า

เจียงเฉินผงกหัว ในความจริงแล้วเจียงเฉินไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ที่นี่นานนัก แต่เพราะเขากังวลเรื่องหยานเฉินหยู่ เขาควรที่จะออกจากที่นี่หลังจากหยานเฉินหยู่ฟื้น นอกจากนั้นเขาต้องการที่จะเป็นพยานในการกำเนิดของอัจฉริยะชีพจรเก้าหยิน

ตราบเท่าที่เขาตัดใจเรื่องหยานเฉินหยู่ เจียงเฉินควรที่จะออกจากที่นี่ เขาไม่ได้ใส่ใจภัยร้ายจากตระกูลลีไว้ในใจเขา เขาต้องจัดลำดับความสำคัญเกี่ยวกับการเลื่อนระดับของเขาเป็นอย่างแรก นั่นเป็นเหตุที่เขาเตรียมตัวที่จะขึ้นเขาต้นกำเนิดและฝึกฝน

“น้องเจียงเฉิน เจ้าช่วยชีวิตพวกข้าในวันนี้ข้าไม่รู้ว่าจะขอบคุณเจ้าเช่นไรดี”

หวังติงที่บาดเจ็บได้แสดงความขอบคุณต่อเจียงเฉินอย่างมาก

“ใช่แล้ว น้องเจียงเฉินแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ เจ้าทำให้ตัวเจ้ามีชื่อเสียงมากในวันนี้”

ชายอีกคนกล่าว

“พวกเจ้าต้องทนทรมานเพราะข้า ข้าไม่สามารถที่จะนั่งอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไร”

เจียงเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม เขาหันไปยังหยานเจิ้นหยุน “ท่านผู้นำตระกูลหยาน ช่วยจัดหางานให้แก่ทั้งสี่คนภายในหอคอยหมอกฝนนี่หน่อยได้หรือไม่ ช่วยข้ารักษาพวกเขา ให้พวกเขาพักที่หอคอยหมอกฝน อย่างน้อยก็จนกว่าจะแน่ใจว่าพวกเขาจะปลอดภัย”

“อย่ากังวลเลยน้องเจียงเฉิน ให้หยานเหมิงเป็นผู้จัดการเถอะ”

หยานเจิ้นหยุนตอบ

ผ้าสีขาวแขวนตรงหน้าทางเข้าตระกูลลี ลีชานเย่ว์ต้องการที่จะจัดงานศพให้บุตรชายด้วยตนเอง ทุกคนในตระกูลลีต่างเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก

“ท่านผู้นำตระกูล นายน้อยยังปิดประตูฝึกตนอยู่ เราควรจะแจ้งเขาไหมขอรับ”

คนบางคนถาม

“ไม่ หมิงเอ๋อร์อยู่จุดสำคัญที่จะทะลวงเข้าสู่แก่นมนุษย์ ถ้าเขาโดนรบกวนจะส่งผลอย่างร้ายแรง แจ้งคนของเราให้ปิดทางเข้าออกเมือง จับตามองหอคอยหมอกฝนอย่างใกล้ชิด และรีบมาแจ้งข้าทันทีถ้าเจียงเฉินมันคิดจะออกจากเมือง”

ลีชานเย่ว์สั่งการอย่างร้ายกาจ

“ขอรับ”

ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะปฎิเสธคำสั่งตั้งแต่ที่ลีชานเย่ว์ได้ระเบิดความโกรธออกไป

“น้องสาม เจ้าจงไปยังเมืองฟ้าหอมคอยจับตาดูตระกูลเจียงอย่างใกล้ชิด ทำให้เต็มที่นำข้อมูลของยอดฝีมือแก่นแท้สวรรค์มาให้ได้”

ลีชานเย่ว์พูดอย่างมืดมน

“รับทราบ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

น้องสามอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง เขายกมือขึ้นประสานทำความเคารพต่อลีชานเย่ว์และออกไปทันที

ครืน….

ในขณะนั้น พายุทอร์นาโดขนาดยักษ์ปรากฎเหนือคฤหาสน์ตระกูลลี คลื่นอากาศที่รุนแรงได้รวมตัวกันเกิดเป็นพายุขึ้นและมุ่งไปตรงไปยังเป้าหมาย พลังธรรมชาติที่อยู่รอบๆตระกูลลีถูกทำให้หมดสิ้นไปอย่างรวดเร็ว

สังเกตุเห็นหน้าของลีชานเย่ว์มืดมนอยู่ กลับกลายเป็นปิติยินดีในทันใด ตาทั้งสองส่องประกาย เหมือนไฟฉายในที่มืด ตาของเขาส่องสว่างไปยังคฤหาสน์ตระกูลลี

“ฮ่าฮ๋าฮ่า หมิงเอ๋อร์ได้ทะลวงเข้าสู่แก่นแท้มนุษย์แล้ว อัจฉริยะอันดับหนึ่งในเมืองนี้คือหมิงเอ๋อร์”

ลีชานเย่ว์เริ่มหัวเราะเสียงดัง

ในเวลาเดียวกัน ด้านตะวันตกเฉียงเหนือห่างจากเมืองสีชาดหนึ่งพันไมล์ หนุ่มสาวสามคนเดินพ้นเขตภูเขาใหญ่ ภูเขานั้นเรียกว่าภูเขาต้นกำเนิด มันมีระยะทางกว่าหมื่นไมล์และสัตว์ปีศาจจำนวนมากอาศัยอยู่ มันเป็นสถานที่ตามธรรมชาติแห่งหนึ่ง

เทือกเขายาวกว่าหมื่นไมล์นั้นปกปลุมดินแดนทั้งหมดที่แยกจากเมืองสีชาดและส่วนในของแคว้นฉี มันเป็นดินแดนขนาดใหญ่ด้วยตัวมันเอง ในความจริงแล้วแม้จะมีสัตว์ปีศาจอาศัยอยู่จำนวนมากภายในภูเขาต้นกำเนิด ไม่ได้หมายความว่าสัตว์พวกนั้นแข็งแกร่งแท้จริง พวกมันไม่มีตัวไหนอยู่ระดับแก่นแท้สวรรค์ เนื่องจากพื้นที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ อย่างไรก็ตาม มันก็แยกจากสถานที่อื่นๆ บรรดานิกายใหญ่จากแคว้นฉีไม่เคยให้ความสนใจเกี่ยวกับมันมาก เมื่อพวกเขาคัดเลือกศิษย์ทุกๆปี

ทั้งสามที่ออกมาจากเขาต้นกำเนิด ราวๆยี่สิบปีชายสองหญิงหนึ่ง สวมเครื่องแบบเดียวกัน เสื้อคลุมสีเหลืองสดใสและดาบที่นูนออกมาจากบริเวณอก มันชัดเจนว่าทั้งสามคนมาจากนิกายเดียวกัน

หญิงสาวผู้นี้มีร่างกายโค้งเว้าได้รูปและงดงามดั่งดอกไม้บาน แม้นางจะไม่สามารถเทียบกับหยานเฉินหยู่ได้ นางก็ยังเป็นคนน่ารัก นางและชายอีกคนหน้าของเขามีไฝทั้งคู่อยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น ชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางกำลังถ่ายพลังวิญญาณโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจจากพลังที่ปลดปล่อยออกมา สามารถบอกได้ว่าเขาอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง ชัดเจนว่าเขาเป็นหัวหน้าของกลุ่มนี้และหญิงสาวได้มองเขาด้วยความรักเสน่หา

“พี่เฉินซวง พวกเราข้ามเขาต้นกำเนิดมายังดินแดนห่างไกลเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”

หญิงสาวถาม

“หมาตัวนั้นทำให้พวกเราหลงตำแหน่งในภูเขาน่ะสิ พวกเราเดินทางมาเกือบเดือนแล้ว และโผล่มาบ้านนอกอีก พี่เฉินพวกเราต้องกลับอย่างเร็วเลย”

อีกคนหนึ่งบ่นขึ้นมา นึกถึงประสบการณ์วันนี้ขึ้นมาแล้วความโกรธพุ่งทะยาน

“น้องหรวนหลิง พี่เชาฮัว เมื่อพวกเรามาที่นี่แล้ว ไปยังเมืองด้านหน้าก่อนไปดูก่อนเผื่อเจ้าหมาตัวนั้นจะไปที่นั่น พวกเราตามกว่าเดือนแล้วยังจับไอ้หมาบ้านั่นไม่ได้ พวกเราจะยอมเสียหน้าแล้วกลับไปงั้นหรือ นอกจากนั้นอยู่บนเขาเป็นเดือนนี่มันน่าเบื่อมาก”

เฉินซวงพูดก่อนที่จะตรงไปยังเมืองสีชาด หรวนหลิงและเชาฮัวก็รีบเดินตามเขาไป “ถ้าพวกเราจับไอ้หมาบ้านั่นได้ ข้าจะถลกหนังมันทั้งเป็นแล้วเอามันไปต้มในหม้อ”

ช่วงพลบค่ำ ณ ตระกูลหยาน

การที่ชีพจรเก้าหยินจะตื่นขึ้นนั้นไม่ง่ายดังคาด มันเกือบวันแล้วแต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ภายในห้องทั้งหมดได้ถูกแช่แข็ง หยานเจิ้นหยุนและคนอื่นๆรอใจจดใจจ่อนอกเรือนที่พัก

ณ ช่วงเวลานี้ หยานซิ่งวิ่งมาด้วยท่าทีตื่นตระหนก

“หยานซิ่งเกิดอะไรขึ้น อย่าบอกนะว่าลีชานเย่ว์มาที่นี่อีกแล้ว”

หยานเจิ้นหยุนขมวดคิ้ว เขาได้มุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังหยานเฉินหยู่ เขาไม่ต้องการให้มีคนมารบกวนเขา

“ไม่ใช่ ไม่ใช่คนจากตระกูลลีที่มาขอรับ แต่เป็นคนจากนิกายกระบี่สวรรค์ขอรับ”

หยานซิ่งพูดออกมาดูตื่นเต้นไม่น้อย นิกายกระบี่สวรรค์ พวกเขามาอยู่เมืองสีชาด!

“นิกายกระบี่สวรรค์งั้นรึ”

ทุกๆคนรู้สึกรำคาญ

“เมื่อไม่นานมานี้มีหนุ่มสาวสามคนมาและอ้างว่าพวกเขาเป็นศิษย์นอกของนิกายกระบี่สวรรค์ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่หอคอยน้ำตกสวรรค์ พวกเขาส่งคนมาแจ้งให้ผู้นำตระกูลไปพบพวกเขาเป็นการส่วนตัวขอรับ”

หยานซิ่งกล่าว

“อะไรนะ! ศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์”

หยานหงไท่ตะโกนออกมาอย่างตกใจ เขานึกขึ้นได้ว่านิกายกระบี่สวรรค์เป็นเช่นไร แม้จะมีเขาต้นกำเนิดกั้นอยู่ พวกเขานั้นอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ทั้งหมดที่มีแหล่งทรัพยากรเป็นของตนเอง ที่รู้กันว่าเป็นหนึ่งในสี่นิกายใหญ่ของแคว้นฉี แต่น่าเศร้าที่เมืองสีชาดนั้นอยู่ห่างไกลคนละด้านของเขาต้นกำเนิด พวกเขาไม่เคยได้รับความสนใจจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ นั่นเป็นเหตุที่ว่าแม้จะมีผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างมากในเมืองสีชาด ไม่มีทางที่จะได้เข้าสังกัดนิกายใหญ่ได้

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์จะมายังเมืองสีชาด นี่เป็นข่าวใหญ่ของทุกคนในเมือง

“ใช่แล้ว มีไม่กี่คนในเมืองที่รู้ว่าศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์ได้อยู่ที่เมืองนี้ คนจากหอคอยน้ำตกสวรรค์บอกว่าศิษย์ทั้งสามยังหนุ่มนัก แต่พวกเขาทุกคนอยู่ขั้นแก่นแท้มนุษย์ หนึ่งในพวกเขาอยู่ขั้นแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง และสวมเครื่องแบบของนิกายกระบี่สวรรค์ ดังนั้นแน่ใจว่าพวกเขามาจากนิกายกระบี่สวรรค์ แต่ที่ไม่แน่ชัดคือไม่ทราบสาเหตุการมาครั้งนี้”

หยานซิ่งกล่าว

“ศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์จุดประสงค์ที่ต้องการให้ข้าไปพบพวกเขาเป็นการส่วนตัวที่หอคอยน้ำตกสวรรค์คืออะไรกันแน่”

หยานเจิ้นหยุนถาม หอคอยน้ำตกสวรรค์นั้นมีชื่อเสียงมากในเมืองแห่งนี้ มีภัตตาคารใหญ่โตและโรงแรมแต่มันไม่ได้เป็นของตระกูลหยานและตระกูลลี

“ถูกต้องแล้วขอรับ ศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์ต้องการพบผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละตระกูลในเมืองสีชาด ข้าคิดว่าท่านไม่ได้เป็นคนเดียวที่โดนเรียกตัวไป ลีชานเย่ว์ก็เช่นกันขอรับ”

หยานซิ่งพูดสิ่งที่คาดเดาออกมา

“เข้าใจแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย หยานเจิ้นหยุนเดินออกจากเรือนที่พัก เขาไม่กล้าที่จะละเลยศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์แม้แต่น้อย

“เหตุใดคนจากนืกายกระบี่สวรรค์ถึงได้มาที่เมืองสีชาดล่ะ”

หยานหยางถามด้วยสีหน้างุนงง

“ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีอาจมีอะไรดีๆเกิดขึ้นก็ได้”

“ถูก หยานหยางเจ้าต้องพยายามให้มากขึ้นอีก บางทีเจ้าอาจจะเข้าสังกัดนิกายใหญ่ในแคว้นฉีที่รู้จักในนาม นิกายกระบี่สวรรค์”

หยานหงไท่กล่าว

เจียงเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆกำลังคิดกับตัวเอง เขาไม่ทราบอะไรที่เกี่ยวกับนิกายกระบี่สวรรค์ในช่วงชีวิตที่แล้วของเขา เขาได้เดินทางไปทั่วทวีปสวรรค์ และเขาไม่เคยที่จะจำบรรดานิกายใหญ่ทั้งหลาย เขาไม่มีเงื่อนงำของเหล่านิกายใหญ่ยักษ์ในทวีปตะวันออกแม้แต่น้อย

การที่จะเข้าไปยังทวีปสวรรค์ ตอนนี้เขาจะต้องเดินทางออกจากเมืองสีชาดและเข้าไปยังแคว้นฉีพบกับศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์ก็เป็นความคิดที่ดี

ผู้คนต่างไม่แน่ใจว่าควรทำตัวเช่นไร ถ้าพวกเขาทราบว่าเหล่าศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์นั้นมาเพราะไล่ตามหมา พวกเขาคงจะกระอักเลือดออกมา

หอคอยน้ำตกสวรรค์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหอคอยหมอกฝนและไม่ไกลจากตระกูลลี มันตั้งอยู่ระหว่างหอคอยหมอกฝนและตระกูลลี และมันไม่ได้เป็นของคนใดคนหนึ่ง

ดูเหมือนว่าเฉินซวงและอีกสองคนทราบข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลที่ทรงพลังที่สุดทั้งสองตระกูล นั่นเป็นเหตุที่ว่าทำไมเขาจึงเลือกหอคอยน้ำตกสวรรค์ที่ไม่ได้เป็นทั้งของตระกูลลีและหอคอยหมอกฝน

ที่ทางเข้าหอคอยน้ำตกสวรรค์หยานเจิ้นหยุนและลีชานเย่ว์ได้มาถึงพร้อมๆกัน พวกเขาต่างมองกันและกัน บรรยากาศรอบตัวระอุขึ้นมาทันใด

“หยานเจิ้นหยุน สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันยังไม่จบ มันเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะปกป้องไอ้เด็กเวรนั่น”

ลีชานเย่ว์แค่นเสียงฮึ่มอย่างเย็นชา

“ลีชานเย่ว์เจ้าน่าจะเข้าร่วมงานศพบุตรชายเจ้านะ ข้าคิดว่ามันไม่เหมาะสมในการวิ่งไปวิ่งมาเช่นนี้”

หยานเจิ้นหยุนพูดเหน็บ

สิ่งที่เขาพูดกับลีชานเย่ว์ ทำให้ลีชานเย่ว์มีโทสะขึ้นมาทันควัน

“อะไร เจ้าต้องการเช่นไร เจ้ามาสู้กับข้าตอนนี้เลยไหม”

หยานเจิ้นหยุนพูดพร้อมแสยะยิ้ม เขาไม่ได้กลัวลีชานเย่ว์และคนอื่นๆ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่กลัวลีชานเย่ว์

“ฮึ่ม คนจากนิกายกระบี่สวรรค์อยู่ที่นี่ ข้าไม่อยากเถียงกับเจ้าตอนนี้”

ลีชานเย่ว์พูดไปกัดฟันไปก่อนเข้าไปยังหอคอยน้ำตกสวรรค์

************************************************************************

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments