I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 44 ค้นหาหมาทั่วเมือง

| Dragon-Marked War God | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

แปลไทยโดย Takumi Kun

************************************************************************

หอคอยน้ำตกสวรรค์นั้นมีภัตตาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองสีชาด ผู้คนแน่นร้านทุกวัน มันยากที่จะหาโต๊ะว่าง ในวันนี้ภัตตาคารแห่งนี้กลับว่าง ศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์อยู่ที่นี่ ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะปฎิเสธ


ลีชานเย่ว์และหยานเจิ้นหยุนเข้าไปยังหอคอยน้ำตกสวรรค์และพบเจ้าของหอคอยน้ำตกสวรรค์


“มาแล้วหรือ ท่านผู้นำตระกูล”


เจ้าของร้านเป็นชายชรา เขาดูท้วม ดูจากตัวเขาบอกได้ว่าอาหารของที่นี่ใช้ได้เลย เมื่อเขาเห็นลีชานเย่ว์และหยานเจิ้นหยุนก็รีบมาโค้งให้พวกเขาอย่างสุภาพ ในเมืองสีชาดแห่งนี้ไม่มีผู้ใดที่กล้ากระทำไม่สุภาพกับพวกเขาทั้งสอง


“คนจากนิกายกระบี่สวรรค์อยู่ที่ไหนกัน”


ลีชานเย่ว์ถาม


“พวกเขาอยู่ที่ห้องโถงหลักชั้นบนขอรับ พวกเขาได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามาจากนิกายกระบี่สวรรค์”


เจ้าของร้านตอบ


“เพราะเหตุใดเจ้าถึงได้คิดเช่นนั้น”


หยานเจิ้นหยุนถาม


“ทั้งสามคนนั้นดูไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ข้าไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อน ข้าแน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้มาจากเมืองนี้ พวกเขาอายุประมาณยี่สิบ แต่พวกเขาทั้งหมดอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ พวกเขาต้องมาจากส่วนในของแคว้นฉีเป็นแน่ และสวมเครื่องแบบมีตราดาบที่งดงามอยู่ที่หน้าอก มันคือสัญลักษณ์ของนิกายกระบี่สวรรค์ นั่นว่าทำไมข้าถึงได้คิดว่าพวกเขามาจากนิกายกระบี่สวรรค์ ข้าสงสัยว่าศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์มาที่แห่งนี้ข้ามเขาต้นกำเนิดกว่าหมื่นไมล์มายังเมืองสีชาดทำไม”


ชายเจ้าของร้านผู้มากประสบการณ์และพบผู้คนมานับไม่ถ้วนในชีวิตเขาไม่มีทางจำผิดกับผู้อื่น


“เข้าใจล่ะ งั้นขึ้นไปดูกันเถอะ”


หยานเจิ้นหยุนผงกหัว


“ข้าได้อธิบายสถานการ์ณตอนนี้ในเมืองสีชาดแล้วและบอกพวกเขาเกี่ยวกับทั้งสองตระกูล ข้าจะไม่ตามพวกท่านขึ้นไปนะ”


เจ้าของบอกกับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม


หยานเจิ้นหยุนและลีชานเย่ว์ได้ขึ้นไปชั้นสอง ที่ติดกับบันไดก็คือห้องโถงขนาดใหญ่ ตกแต่งอย่างหรูหรา ภายในห้องโถงตอนนี้ มีหนุ่มสาวสามคนนั่งจิบน้ำชาชั้นดีอยู่ ดูพวกเขาสบายอารมณ์อย่างยิ่ง


ศิษย์นอกของนิกายกระบี่สวรรค์ ทั้งสถานะทั้งระดับ พวกเขาเหนือกว่าคนทั่วไป แต่ทั้งสามนั้นมัวแต่บ่มเพาะภายในนิกายอยู่ตลอด จึงไม่ได้ออกมาหาความสุขภายนอกนิกาย ความรู้สึกการได้รับความเคารพยำเกรงนี่มันช่างดีเหลือเกิน ในฐานะหนึ่งในสี่นิกายใหญ่ในแคว้นฉี มีศิษย์ชั้นในมากกว่าหมื่นคน พวกเขาเป็นเพียงศิษย์ชั้นนอก


เมื่อเห็นใครบางคนมา ทั้งสามปั้นหน้าจริงจังทันที


“ข้าลีชานเย่ว์ คารวะศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์”


“ข้าหยานเจิ้นหยุน คารวะศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์”


ลีชานเย่ว์และหยานเจิ้นหยุนพูดออกมาในเวลาเดียวแสดงความเคารพต่อหน้าทั้งสาม ซึ่งปกติแล้วพวกเขาไม่จำเป็นต้องเคารพคนหนุ่มสาว แต่นี่ด้วยสถานะของศิษย์เหล่านี้ทำให้ไม่กล้าที่จะไม่สุภาพ


ทั้งคู่ได้มองดูเครื่องแบบทั้งสามและระดับขั้นการบ่มเพาะ พวกเขาต่างประหลาดใจนักเพราะทั้งสามอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ตั้งแต่ยังหนุ่ม พวกเขาจะต้องมาจากนิกายกระบี่สวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย


“ท่านผู้นำตระกูลลี ลีชานเย่ว์ ท่านผู้นำตระกูลหยาน หยานเจิ้นหยุน พวกท่านทั้งคู่ต่างเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองสีชาดแห่งนี้ และพวกท่านอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลาย ข้าพูดถูกหรือไม่”


เฉินซวงมองไปยังทั้งสองและพูดอย่างเฉยเมย หน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิง สำหรับผู้ที่มาจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ในแคว้นฉี แค่เมืองเล็กๆอย่างเมืองสีชาดเป็นเพียงแค่บ้านนอก


“ถูกต้องแล้ว ข้าจะเรียกท่านเช่นใดดีคุณชาย”


หยานเจิ้นหยุนถาม


“ข้ามีนามว่าเฉินซวง เป็นศิษย์นอกของนิกายกระบี่สวรรค์”


เมื่อเขากล่าวถึงนิกายกระบี่สวรรค์ ใบหน้าของเขาดูเย่อหยิ่งหนักกว่าเก่า


“นิกายกระบี่สวรรค์เป็นหนึ่งในสี่นิกายใหญ่ของแคว้นฉี ข้าขอทราบสาเหตุที่คุณชายเดินทางยาวไกลมายังเมืองสีชาดแห่งนี้ด้วย”


ลีชานเย่ว์ถาม


เฉินซวงลุกขึ้นมา


“โปรดมอบคำสั่งมาเถิดคุณชายเฉิน มันเป็นเกียรติสำหรับตระกูลลีที่จะทำเพื่อนิกายกระบี่สวรรค์



ลีชานเย่ว์รีบพูดออกมา


“อืมม ท่านผู้นำตระกูลลีรู้ว่าสมควรพูดเช่นไร”


เฉินซวงผงกหัว


“ขอทราบว่าท่านต้องการให้พวกเราทำอะไรหรือ”


หยานเจิ้นหยุนถาม


“ค้นหาหมา…..”


หรวนหลิงกล่าวออกมา เมื่อนางเน้นคำว่า ‘หมา’ หน้าสวยๆของนางเปลี่ยนกลายเป็นกราดเกรี้ยว นางไม่พูดอะไรออกมาเมื่อขบฟันแน่น คนผู้นี้แสดงความเกลียดชังต่อหมาตัวนี้อย่างมาก มันแปลกมาก


อะไรนะ?


หาตัวหมา?


ลีชานเย่ว์และหยานเจิ้นหยุนเกือบล้มลงบนพื้น พวกเขายังสงสัยเลยว่าพวกเขาฟังผิดหรือไม่ อย่าบอกนะว่าศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ทั้งสามเดินทางไกลขนาดนี้เพื่อหมา? นี่มันมุกตลกอันใดนั่น?


นอกจากนี้ตระกูลลีและตระกูลหยานนั้นทรงพลังที่สุดในเมืองสีชาด ขอให้พวกเขาไปหาหมาทั้งเมือง นี่มัน***อะไรกัน? พวกเจ้าดูดูกพวกเรางั้นรึ?


“อย่าได้ประหลาดใจไป ที่พวกข้ามาที่นี่นั้นจริงๆคือเพื่อตามหาหมาตัวหนึ่ง ….พวกข้าหลงทางในเขาต้นกำเนิดและมาที่นี่ พวกข้าสงสัยว่ามันอาจซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งในเมืองแห่งนี้ ตราบใดที่พวกท่านพาไอ้หมาเวรนั่นมาได้ ข้าจะไม่ปฎิบัติต่อพวกท่านแย่แน่นอน”


เฉินซวงพูดออกมา สามารถเห็นถึงความโกรธเกรี้ยวของเขาเมื่อเขาเอ่ยถึงหมาตัวนั้น


ลีชานเย่ว์และหยานเจิ้นหยุนต่างมองกันเอง พวกเขาต่างรู้สึกอับอายที่ทั้งสามมาเพื่อตามหาหมา


มันแค่หมาเพียงตัวเดียว หมาบ้านไหนที่ทำให้ศิษย์ทั้งสามของนิกายกระบี่สวรรค์ออกตามล่าไกลนับหมื่นไมล์เช่นนี้


“พวกท่านอย่าได้ดูถูกหมาตัวนี้เชียว เจ้าหมาตัวนี้น่ารังเกียจยิ่งนัก มันบ้าและฉลาดแกมโกงอีกด้วย การที่จะจับมันยากเย็นมาก ถ้าพวกท่านช่วยพวกข้าหาหมาตัวนี้ พวกท่านจะได้รับการตอบแทนอย่างเหมาะสมจากนิกายกระบี่สวรรค์แน่นอน”


เชาฮัว ยืนขึ้นและพูด


ฟังรายละเอียดหมาตัวนี้จากเชาฮัว หยานเจิ้นหยุนและลีชางเย่ว์ต่างมีความรู้สึกแย่ น่ารังเกียจ ฉลาดแกมโกงแถมยังบ้าบอ หมาประเภทไหน(วะ)นั่น


“ข้าขอถามหน่อยว่า ลักษณะของหมานั่นเป็นเช่นไรรึ”


หยานเจิ้นหยุนเช็ดเหงื่อเงียบๆแต่ก็ยังถาม


“มันเป็นหมาที่มีขนสีเหลือง ไม่มีสีอื่นปนอยู่และมันอ้วน สามารถสังเกตุได้ง่ายๆ”


เฉินซวงพูดขึ้น


“อย่ากังวลคุณชายเฉิน ตระกูลลีของข้าจะทำอย่างดีที่สุด ตราบที่มันอยู่ในเมืองข้าจะจับมันมาให้ท่าน”


ลีชานเย่ว์รีบให้สัญญา มันเป็นโอกาสที่ดีที่จะใกล้ชิดกับนิกายกระบี่สวรรค์ เขาจะต้องไม่พลาดโอกาสนี้


“ตระกูลหยานก็จะทำอย่างสุดความสามารถเช่นกัน”


หยานเจิ้นหยุนเองก็ให้คำสัญญาอย่างดี


“ดีมาก พวกข้าจะอยู่ที่หอคอยน้ำตกสวรรค์แห่งนี้ หากพบเบาะแสเมื่อไรส่งคนมาแจ้งพวกข้าด้วย”


เฉินซวงพูดไปยิ้มไป


“คุณชายเฉิน ข้ามีเรื่องขอร้องท่าน”


ภายในดวงตาลีชานเย่ว์มีความเฉลียวฉลาดแฝงไว้ เขาเปิดปากถาม


“มีอะไรงั้นรึ ท่านผู้นำตระกูลลี”


เฉินซวงนั่งลง


“ข้ามีบุตรชายอยู่ ชื่อของเขาคือลีชางหมิง เขาอายุเพียงยี่สิบสามปี เขาเพิ่งจะทะลวงแก่นแท้มนุษย์สำเร็จ ข้าสงสัยว่าเขาจะมีโอกาสที่จะเข้าร่วมนิกายกระบี่สวรรค์หรือไม่”


ลีชานเย่ว์ถามออกมา ท่าทีของหยานเจิ้นหยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ลีชางหมิงทะลวงเข้าสู่แก่นแท้มนุษย์แล้วงั้นรึ ในหมู่คนรุ่นเยาว์ตระกูลหยาน หยานหยางเป็นผู้ที่มีโอกาสทะลวงเข้าสู่แก่นมนุษย์มากที่สุด อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็อยู่ระดับอาณาจักรฉีไห่


“โอ้! ข้าไม่คิดเลยว่าสถานที่นี้จะมีผู้มีพรสวรรค์ใช้ได้อยู่ อัจฉริยะขั้นแก่นแท้มนุษย์สามารถข้ามคุณสมบัติอื่นๆได้และสามารถเป็นศิษย์นอกเหมือนพวกข้าเมื่อเขาได้เข้าร่วมแล้ว ตอนนี้พวกข้ายังอยู่เมืองนี้ พวกข้าอนุญาตให้บุตรชายท่านตามพวกข้ากลับไปทีนิกายกระบี่สวรรค์ ในการที่จะเข้าร่วมนิกายนั้นจำเป็นต้องมีการทดสอบก่อน”


เฉินซวงพูด


เมื่อคำตอบเป็นสิ่งที่มันต้องการได้ยิน ลีชานเย่ว์เหมือนสำลักความสุข เมื่อลีชานหมิงได้เข้าร่วมนิกายกระบี่สวรรค์ ตระกูลลีจะเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองสีชาด


“คุณชายเฉิน โอกาสที่จะเข้าร่วมนิกายกระบี่สวรรค์สามารถที่จะให้ตระกูลหยานหนึ่งที่ได้หรือไม่”


หยานเจิ้นหยุนไม่ยอมให้ตระกูลลีข่มได้ การที่จะเข้านิกายกระบี่สวรรค์นั้นไม่ว่าจะเป็นตระกูลลีหรือตระกูลหยานมีโอกาสเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิต


“พี่เฉินคะ ตั้งแต่พวกเรามาที่นี่ ทำไมพวกเราไม่จัดการทดสอบล่ะคะ เพื่อให้เหล่าหนุ่มสาวได้มีโอกาสที่จะเข้าร่วม สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากส่วนในของจังหวัดฉี ไม่มีนิกายใดเข้ามารับสมัครศิษย์ใหม่ ถ้าพวกเราได้จัดการทดสอบที่นี่ และนำเหล่าผู้มีพรสวรรค์กลับไป อย่างน้อยพวกเราก็ทำในสิ่งดีนะ”


หรวนหลิงกล่าว


“สิ่งที่น้องหรวนหลิงกล่าวนั้นถูกต้อง พวกเราควรจัดการทดสอบที่นี่”


เชาฮัวเห็นด้วย


“ดี ท่านผู้นำตระกูลทั้งสองโปรดกลับไปก่อน และประกาศในทันที หนุ่มสาวทุกคนที่มีคุณสมบัติให้มาเข้าร่วมการทดสอบ เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้ที่ต้องการรับการทดสอบ จะเข้าไปยังพื้นที่รอบนอกของเขาต้นกำเนิด พวกเขามีเวลาสี่ชั่วโมงในการสังหารสัตว์ปีศาจ และจะจัดลำดับจากจำนวนที่ได้สังหารไป พวกข้าทั้งสามจะนำเพียงไม่กี่คนกลับไปด้วย แน่นอนว่าพวกข้าจะเป็นผู้แนะนำพวกเขา จะเข้าได้หรือไม่นั้นขึ้นกับความสามารถของพวกเขาเอง”


เฉินซวงบอกพวกเขา


เมื่อได้ยังดังนี้ ลีชานเย่ว์และหยานเจิ้นหยุนต่างรู้สึกมีความสุขยิ่ง เป็นโอกาสใหญ่ครั้งสำคัญของคนรุ่นเยาว์ในเมืองสีชาด การทดสอบครั้งนี้เป็น เหตุการณ์ใหญ่ในเมืองแห่งนี้เป็นแน่


เฉินซวงและอีกสองคนเป็นเพียงแค่ศิษย์นอก พวกเขาไม่มีสิทธิในการที่จะตัดสินใจว่าจะรับใครเข้าหรือไม่รับ มันอาจดูหยาบคายสำหรับพวกเขาในการที่จะให้แนะนำคน หากพวกเขาได้เลือกผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดและช่วยพวกนั้นเข้านิกายกระบี่สวรรค์ได้ อย่างน้อยพวกเขาก็มีความดีความชอบ


ในนิกายกระบี่สวรรค์แม้แต่ศิษย์ชั้นนอกที่มีสถานะอยู่บ้าง สถานะต่างๆนั้นไร้ประโยชน์ มันแทบไม่ได้ดีกว่าศิษย์ที่ไม่เป็นทางการ เมื่อทั้งสามได้มาเมืองนี้พวกเขาได้รับการเคารพ พวกเขารู้สึกเหมือนว่าพวกตนอยู่จุดสูงสุด จัดการทดสอบและแสดงออกว่าเป็นผู้ตัดสินว่าผู้ใดมีคุณสมบัติหรือผู้ใดไม่มีคุณสมบัติ เพื่อเป็นโอกาสในการเติมเต็มความปรารถนา นอกจากนี้พวกเขานั้นทำเหมือนมีสิทธิในการแนะนำบุคคลอีก


“กรุณากลับไปก่อนเถิด ท่านผู้นำตระกูลและอย่าลืมตามหาหมาให้พวกข้าด้วย”


เฉินซวงกล่าว


“อย่าได้กังวล เมื่อพวกข้ากลับ พวกข้าจะส่งคนออกไปหาในทันที พวกข้าจะไม่ล่าช้าในการค้นหา ไม่แม้แต่การทดสอบ”


ลีชานเย่ว์กล่าวสัญญากับพวกเขา


ภายนอกหอคอยน้ำตกสวรรค์


“หยานเจิ้นหยุนหากบุตรชายข้าได้เข้าร่วมนิกายกระบี่สวรรค์เมื่อไร เมื่อนั้นตระกูลหยานพินาศแน่”


ลีชานเย่ว์พูดขึ้นทั้งรอยยิ้มเย็น


“จริงเรอะ! การทดสอบยังไม่ทันเริ่ม เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีคนจากตระกูลหยานได้เข้าร่วมนิกายกระบี่สวรรค์”


หยานเจิ้นหยุนพูดด้วยท่าทีไม่ค่อยมั่นใจ


“งั้นต้องรอดู”


ลีชานเย่ว์โบกแขน หันกลับแล้วออกไป


ภายในห้องโถงประชุมตระกูลหยาน


“อะไรนะ! ไปตามหาหมา??”


หยานหงไท่ตาเบิกกว้าง หลังจากได้ยินสิ่งที่หยานเจิ้นหยุนบอก ทุกๆคนต่างรู้สึกว่า โอ้…โลกนี้ช่างกว้างขวางนัก ไม่ว่าอะไรแปลกๆก็สามารถเกิดขึ้นได้ ศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์เดินทางมากว่าหมื่นไมล์เพราะหมาเนี่ยนะ ยิ่งคิดมาก พวกเขาก็ยิ่งเงียบ




************************************************************************


จบจ้า


ตามหาหมาน้อย หมาน้อยธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา


หากชอบนิยายเรื่องนี้สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจนะครับ

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments