I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 45 อย่ามายั่วโมโหข้า ไม่งั้นผลที่ตามมาจะร้ายแรงนัก

| Dragon-Marked War God | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

 


แปลไทยโดย : Takumi Kun

ตรวจทาน       : Subaru-Kyun

************************************************************************


ในคืนเดียวกัน หอคอยหมอกฝนและตระกูลลีได้ส่งคนออกไปค้นหา หมาสีเหลืองเป็นที่ต้องการตัวมาก ควบคู่กับข่าวที่ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์มาถึงนี่เพื่อหาหมาได้แพร่กระจายออกไป


เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งเมืองตะลึง ทุกคนต่างมีความรู้สึกที่แย่ ผู้ใดจะคิดล่ะว่าทางเมืองใหญ่จะตึงเครียดเพราะหมา


หมาประเภทไหนกัน?


“มันตลกเกินไปแล้ว! ข้าหัวเราะเกือบตาย! นิกายกระบี่สวรรค์เป็นหนึ่งในสี่นิกายใหญ่ของแคว้นฉี แต่ศิษย์ของพวกเขาไร้ประโยชน์ พวกเขาตามหาหมากว่าหมื่นไมล์และพวกเขาก็ยังรู้สึกเหมือนอยู่เมืองนี้อีก”


“เรื่องตลกเรื่องใหญ่เลยนั่น ศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์ตามหาหมา ข้าเชื่อว่ามันไม่ใช่หมาธรรมดา”


“แน่นอน มันต้องหมาพิเศษอยู่แล้ว ถ้าไม่ล่ะก็ ศิษย์เหล่านั้นคงจับได้ไปนานแล้ว จะตามล่ามันเป็นเวลานานเพื่ออะไร ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าหมาตัวนั้นไปทำอะไรให้ศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์โกรธขนาดนั้น”


………………………………………………………..


ในขณะนั้นจะไม่สามารถไปที่ไหนในเมืองโดยไม่ได้ยินเรื่องหมาได้เลย มันเป็นเรื่องตลกที่สุดในประวัติการณ์


ที่น่าตะลึงยิ่งกว่านั้นตระกูลลีและตระกูลหยานได้ส่งคนออกไปค้นทั่วทุกซอกทุกมุมในเมือง พวกเขาหาไม่เว้นแม้แต่มุมเล็กมุมน้อย


ในเวลาเดียวกันหอคอยหมอกฝนและตระกูลลีได้แจ้งประกาศ ศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์กำลังที่จะจัดการทดสอบขึ้นสำหรับรุ่นเยาว์ในเมือง ผู้ใดต้องการที่จะเข้าทดสอบให้ไปที่เขาต้นกำเนิดในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น


เมื่อเห็นประกาศก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง


“นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต! เมืองสีชาติของพวกเราแยกจากส่วนในของแคว้นฉีเนื่องจากเขาต้นกำเนิด แม้จะมีอัจฉริยะอยู่ที่นี่ พวกนั้นก็จะไม่มีโอกาสที่ได้เข้าร่วมนิกายใหญ่เหล่านั้นในแคว้นฉี …แต่ในตอนนี้ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์อยู่ที่นี่ พวกเขาได้ให้โอกาสอันดีแก่พวกเรา”


“พวกข้าไม่เคยมีโอกาสอันดีเช่นนี้ หากเจ้าว่าง เจ้าสามารถมาดูได้”


“ถูกต้อง แม้จะมีตำแหน่งเหลืออยู่ จะถูกฉกฉวยโดยหอคอยหมอกฝนและตระกูลลีหมดเสีย ข้าแน่ใจว่าผู้ที่เข้าร่วมทดสอบมีตระกูลหยานและตระกูลลีแน่นอน และหากมีหนุ่มสาวลงทดสอบด้วยหมายความว่ามาจากตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ ไม่มีโอกาสสำหรับคนทั่วไปเลย”



……………………………………………………………..



การพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องทั้งสองต่างพูดไม่รู้จบ ในยามราตรีเป็นเวลาหลับนอนของเมืองสีชาติ ตระกูลใหญ่ทั้งสองต่างเตรียมตัวสำหรับการทดสอบ ตลอดจนการค้นหาหมาในเมือง ค้นหาแทบพลิกแผ่นดินหาแล้ว แต่โชคร้าย ไม่พบหมาที่มีขนสีเหลือง


ภายในตระกูลหยาน กลุ่มของคนหนุ่มสาวอยู่ด้วยกัน พวกเขาเหล่านี้นำทีมโดยหยานหยาง และพวกเขาทุกคนอยู่ระดับฉีไห่ พวกเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ในหมู่คนรุ่นเยาว์ มีไม่กี่คนมาจากต่างตระกูลแต่ขึ้นตรงกับตระกูลหยาน พวกเขาโดนเรียกตัวมาโดยที่พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับตระกูลหยาน


“ในการทดสอบวันพรุ่งนี้เป็นการทดสอบที่สำคัญอย่างยิ่ง พวกเจ้าทุกคนต้องเข้าไปที่เขาต้นกำเนิด พวกเจ้าต้องร่วมมือกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดี อย่าได้แพ้แก่ตระกูลลี”


หยานเจิ้นหยุนพูด การปรากฎตัวของศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ได้มอบโอกาสอันดีครั้งหนึ่งในชีวิต


“ขอรับ!”


กลุ่มบรรดาอัจฉริยะตะโกนออกมาพร้อมกัน พวกเขามีกำลังใจดีมาก และได้เข้าใจอีกอย่างนี่ไม่ใช่แค่การทดสอบเป็นการแข่งขันระหว่างพวกเขาและตระกูลลี


หยานเจิ้นหยุนหันมามองเจียงเฉิน “น้องเจียงเฉินเจ้าสนใจในการทดสอบนี่หรือไม่?”


“ไม่สนใจสักนิด แต่ข้าจะขึ้นเขาไปพร้อมๆกับคนอื่นๆ”


เจียงเฉินยักไหล่ สำหรับการทดสอบชั้นต่ำ เขาไม่ได้สนใจสักนิดแต่เขาต้องขึ้นไปยังเขาต้นกำเนิด


“น้องเจียงเฉิน ถ้าในกรณีนั้นทำไมเจ้าไม่ไปในฐานะคนของตระกูลอื่นที่ขึ้นกับตระกูลหยาน ได้ติดตามหยานหยางเข้าร่วมการทดสอบ เมื่อเจ้าอยู่ภายในเขาแล้ว ข้าหวังว่าน้องเจียงเฉินจะดูแลพวกเขาด้วยนะ”


หยานเจิ้นหยุนพูดออกมา ทุกคนต่างรู้ดีถึงระดับของเจียงเฉิน ถ้าพวกเขาอยู่ด้วยกันกับหยานหยาง โอกาสที่พวกเขาจะชนะมีสูงมาก


“เข้าใจแล้ว แบบนั้นก็ดี”


เจียงเฉินผงกหัว สำหรับเขาแล้วอย่างไรก็ได้


“แต่ข้าไม่แน่ใจว่าลีชานหมิงจะเข้าร่วมหรือไม่ เขาได้ทะลวงเข้าสู่แก่นแท้มนุษย์แล้ว หากเขาตัดสินใจที่จะลงทดสอบล่ะก็ ความเสี่ยงจะสูงมาก”


หยานเจิ้นหยุนมีสีหน้ากังวล


“ข้าแปลกใจยิ่งที่ลีชานหมิงนั้นทะลวงเข้าสู่แก่นแท้มนุษย์ เหนือความคาดหมายของข้า แต่แก่นแท้มนุษย์ไม่ควรที่จะร่วมทดสอบด้วยกันกับทุกคนเพราะมันไม่ยุติธรรม ข้าเชื่อว่าทั้งสามจากนิกายกระบี่สวรรค์รู้ว่าควรทำเช่นไร”


หยานหงไท่พูด


“ข้าก็หวังไว้เช่นนั้นล่ะนะ”


หยานเจิ้นหยุนผงกหน้าเห็นด้วย


ระยะทางระหว่างเมืองสีชาติและเขาต้นกำเนิดอยู่ห่างกว่าพันไมล์ ดังนั้นผู้ที่เข้าร่วมทดสอบได้เริ่มออกเดินทางตรงไปยังเขาต้นกำเนิด


ระยะทางกว่าพันไมล์นั้นไม่มีความหมายสำหรับยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ เขาสามารถข้ามผ่านพันไมล์ได้ง่ายๆ ถ้าวิ่งเต็มกำลังก็ใช้เวลาประมาณชั่วโมง อย่างไรก็ตามยอดฝีมือฉีไห่ไม่ได้วิ่งเร็วขนาดนั้น


การหาหมาก็กำลังค้นหาในเมือง คนจากตระกูลลีและตระกูลหยานที่ต้องการร่วมทดสอบก็เริ่มออกเดินทางจากอีกที่หนึ่ง และใช้เส้นทางที่แตกต่างกัน เมื่อตระกูลหยานไปถึงเขาต้นกำเนิดก็พบศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ทั้งสามรออยู่ที่นั้น


“คุณชายเฉิน”


หยานเจิ้นหยุนรีบกล่าวทักทายเมื่อพบพวกเขา หยานเจิ้นหยุนและยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์คนอื่นๆได้นำรุ่นเยาว์มาที่นี่


“คนจากตระกูลลียังมาไม่ถึงที”


หลังจากเฉินซวงพูดจบ กลุ่มคนได้มาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว


“พวกเขามาแล้ว”


หรวนหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม


เพียงไม่นานหลังพูดจบ ตระกูลลีก็มาถึง ลีชานเย่ว์ได้ประสานมือทำความเคารพและทักทายเฉินทรวงกับทั้งสอง หลังจากนั้นเขาได้จ้องไปยังเจียงเฉินที่ยืนระหว่างคนของตระกูลหยาน แววตาที่โกรธแค้นได้เกิดขึ้นในสายตาเขา


ในเวลาเดียวกันสีหน้าของหยานเจิ้นหยุนเปลี่ยนไป เขาจ้องไปยังชายที่ยืนข้างๆลีชานเย่ว์ ชายคนนั้นสวมเสื้อสีขาวและดูดี หน้าของเขาคล้ายลีชานหงและลีช่างห่าว แต่ออร่าของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกนั้นเขาเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลลี ผู้เพิ่งทะลวงแก่นแท้มนุษย์ ลีชานหมิง


“คุณชายเฉิน ลีชานหมิงอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์แล้ว ข้าไม่คิดว่าเขาจำเป็นต้องเข้าร่วมการทดสอบด้วย”


หยานเจิ้นหยุนพูด


“เอ๋ ผู้ใดคือลีชานหมิง”


เฉินซวงพูดพร้อมหันไปมองคนตระกูลลี


“หมิงเอ๋อร์ ทักทายคุณชายเฉินสิ”


ลีชานเย่ว์มองไปยังลีชานหมิงด้วยรอยยิ้ม บุตรคนนี้ทำให้เขาภูมิใจมากที่สุด


ลีชานหมิงก้าวเดินไปด้านหน้าและไปอยู่ใกล้ๆเฉินซวง เขาประสานมือทำความเคารพ และกล่าวว่า “ลีชานหมิงขอทักทายท่านผู้ทรงเกียรติ”


“อืมม ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวสำหรับอัจฉริยะในเมืองสีชาติ ลีชานหมิง เจ้าไม่จำเป็นต้องร่วมการทดสอบ เจ้าสามารถตามพวกเรากลับไปยังนิกายกระบี่สวรรค์ได้เลย เจ้าจะต้องไปทดสอบที่นิกาย ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าสามารถเป็นศิษย์ชั้นนอกเฉกเช่นเดียวกับพวกข้าได้”


เฉินทรวงอธิบาย 
ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์อย่างเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมการทดสอบเฉกเช่นคนอื่นๆ



“คุณชายเฉิน”


ลีชานเย่ว์รีบพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นอยู่บนหน้าแฝงไปด้วยความเฉลียวฉลาดจากตาเขา “โปรดให้หมิงเอ๋อร์เข้าไปยังเขาต้นกำเนิดด้วย ท่านไม่ต้องนับเขาเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมการทดสอบก็ได้ ให้เป็นบททดสอบของข้าที่ให้แก่เขาแทน”


ลีชานเย่ว์พาลีชานหมิงมาที่นี่และแนะนำลีชานหมิงให้แก่เฉินซวง แต่เขาไม่เคยคิดที่จะให้ลีชานหมิงเข้าร่วมการทดสอบ นอกจากนั้นความสามารถของลีชานหมิงนั้นไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทดสอบ


แต่เมื่อเขาเห็นเจียงเฉินอยู่ในกลุ่มผู้เข้าร่วมการทดสอบ เขาเปลี่ยนใจ หอคอยหมอกฝนต้องการปกป้องเจียงเฉินด้วยทุกอย่างที่เขามี การที่จะแก้แค้นนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ตอนนี้เป็นโอกาสของเขาที่จะได้จัดการเจียงเฉิน


เมื่อเจียงเฉินได้เข้าไปยังเขาต้นกำเนิดแล้ว ไม่มีทางเลยที่หยานเจิ้นหยุนสามารถปกป้องเขาได้ ด้วยลีชานหมิงที่อยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น การฆ่าเจียงเฉินนั้นมันง่ายเหมือนกับตัดเค้กสำหรับเขา


“ลีชานเย่ว์ สิ่งที่เจ้าทำมันน่ารังเกียจยิ่งนัก”


สีหน้าของหยานเจิ้นหยุนเปลี่ยนไป ทุกๆคนสามารถบอกได้ว่าลีชานเย่ว์จะส่งลีชานหมิงเข้าเขาต้นกำเนิดเพื่อไปปะทะกับเจียงเฉิน


“อะไร๊ ข้าไม่ได้ผิดกฎอะไร ใช่ไหม?”


ลีชานเย่ว์มีรอยยิ้มเย็นอยู่บนหน้าของเขา


“เข้าใจแล้ว เอาเช่นนั้นก็ได้”


เฉินซวงผงกหัวเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาขอมา


“คุณชายเฉินให้ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์เข้าไปยังเขาต้นกำเนิดเช่นนี้มันไม่ยุติธรรม”


หยานเจิ้นหยุนพูดประท้วงการตัดสินใจของเขา


“ท่านผู้นำตระกูลหยาน กรุณาระวังท่าทีในการพูดกับข้าด้วย ไม่จำเป็นที่ท่านจะต้องมาสอนนิกายกระบี่สวรรค์ว่าต้องทำเช่นไร ข้าไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างท่านกับตระกูลลี แต่ลีชานหมิงไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบ เขาสามารถเลือกจะไปที่ใดก็ได้ที่เขาต้องการไป อย่างไรก็ตามมันคืออิสระของเขา”


เฉินซวงพูดด้วยใบหน้าเย็นชา หยานเจิ้นหยุนหยุดพูดทันที


เจียงเฉินยิ้มให้หยานเจิ้นหยุนเป็นสัณญาณว่าไม่ต้องกังวล


“น้องเจียงเฉิน เจ้าต้องระวังตัวด้วย ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมแพ้ในการทดสอบล่ะ ตราบที่เจ้าอยู่ข้างกายข้ารับรองไม่มีผู้ใดทำร้ายเจ้าได้”


หยานเจิ้นหยุนเตือนเจียงเฉินด้วยความหวังดี แม้เจียงเฉินจะเป็นคนแข็งแรง แต่เขาเป็นแค่ยอดฝีมือฉีไห่ขั้นกลาง การที่สู้กับลีช่างห่าวและการสู้กับลีชานหมิงนั้นต่างกันมาก ความแตกต่างระหว่างอาณาจักรฉีไห่กับอาณาจักรแก่นแท้มนุษย์มันไม่เล็กเลยนา


“ลีชานเย่ว์ยังไม่สูญเสียทายาททั้งหมดไป ข้าจะทำให้ความปรารถนานั้นเป็นจริง”


เจียงเฉินลูบจมูกแล้วพูดอย่างเฉยเมย


“เอาล่ะ การทดสอบได้เริ่มขึ้นแล้ว ตระกูลหยานไปยังด้านซ้ายของภูเขา และตระกูลลีไปยังด้านขวา มีเวลาจำกัดอยู่ที่สี่ชั่วโมง และจะถูกจัดอันดับด้วยจำนวนสัตว์ปีศาจที่สังหารได้”


เฉินซวงอธิบาย สิ่งที่เขาได้ทำไว้คือการแยกทั้งสองตระกูลออกไปนั้นทำให้ดูยุติธรรมยิ่งขึ้น การเตรียมการนี้ทำให้หยานเจิ้นหยุนเบาใจลง ภูเขาต้นกำเนิดนั้นใหญ่โตยิ่งนัก ตราบเท่าที่ไม่พบกันก็จะไม่มีผู้ใดบาดเจ็บหรือเสียชีวิต


“ไปกันเถอะ”


หยานหยางโบกมือเรียก เขาคือคนแรกที่เข้าไปยังภูเขาจากด้านซ้าย ส่วนคนจากตระกูลลีเข้าไปจากด้านขวา


ลีชานหมิงตรงไปยังเจียงเฉินและคุยกับเจียงเฉินโดยที่ไม่ซ่อนเจนาฆ่าฟัน “เจ้าคือเจียงเฉินที่ฆ่าน้องชายทั้งสองของข้างั้นสินะ”


“ถูกต้องแล้ว”


เจียงเฉินมองไปยังลีชานหมิงอย่างเฉยเมย


“เจ้ามีความกล้าดีนี่ แต่ข้าจะให้เจ้าได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่แท้จริง! วันนี้เจ้าจะไม่ได้ก้าวออกไปจากภูเขา ข้าจะเป็นคนฆ่าเจ้าด้วยมือข้าเองเพื่อแก้แค้นแทนน้องชายของข้า”


ลีชานหมิงพูดอย่างมั่นใจ ทางที่เขามองไปยังเจียงเฉินนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเจตนาที่จะฆ่า น้องชายทั้งสองของเขาโดนชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาฆ่าตาย เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร


“การตัดสินใจของเจ้าในวันนี้เป็นการตัดสินใจที่งี่เง่ามากที่สุดในชีวิตของเจ้า จะไม่มีทายาทของตระกูลลีหลงเหลืออยู่ เจ้าจะไม่สามารถที่จะดูแลพันธะผูกพันธ์ในฐานะลูกที่มีต่อพ่อเจ้าได้อีก”


เสียงของเจียงเฉินไม่ได้สืออารมณ์ใดๆออกมา


“เจ้ามันโอหังยิ่งนัก! แต่วันนี้แม้แต่เทพก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้”


ลีชานหมิงพูดและขบฟันแน่น


“อย่ามายั่วข้าจะดีกว่า ไม่งั้นผลที่ตามมาจะร้ายแรงยิ่งนัก”


หลังจากพูดจบ เจียงเฉินก็หันหลังกลับและเข้าไปยังภูเขา



****************************************


จบจ้า เอาล่ะหว่า งานนี้จะออกหัวออกก้อยน้อเจียงเฉิน 😛 โปรดติดตามตอนต่อไป


หากชอบนิยายเรื่องนี้สามารถติดตามข่าวสารการอัพเดทได้ที่

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments