I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 63 กฎใหม่แห่งเมืองสีชาด

| Dragon-Marked War God | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

 

แปลไทยโดย : Takumi Kun


ตรวจทาน       : Subaru-Kyun


************************************************************************


แม้แต่เจียงเฉินยังตะลึงงัน แรกเริ่มเดิมทีเขาคิดว่าหวงต้าจะมีวิธีที่จะให้ชายแก่ผู้นี้ฟังคำสั่งของเขา แต่เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะง่ายเยี่ยงนี้ ราชันย์ปีศาจระดับแก่นแท้สวรรค์ทำในสิ่งที่หวงต้าบอกอย่างแน่นอน อ่อนน้อมอย่างมากและไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ดูเหมือนว่าหากหวงต้าสั่งให้เขาฆ่าตัวตาย เขาจะทำตามคำสั่งโดยไม่ลังเล


เขาไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ว่าหวงต้าทำได้อย่างไร


ได้เป็นพยานในการเปลี่ยนแปลงนี้ ตระกูลหยานที่สูญเสียความหวังทั้งหมดไป ทันใดนั้นกลับมีรอยยิ้ม หยานเจิ้นหยุนหัวเราะเสียงดัง ชะตาได้เล่นตลกกับพวกเขา แต่ไม่ได้หลอกหยานเจิ้นหยุนแต่ไปหลอกลีชานเย่ว์แทน


หยานเจิ้นหยุนมีความสุขมากแต่ลีชานเย่ว์แตกต่างไปโดยสมบูรณ์ เขารู้สึกว่าโลกหมุนรอบตัวเขา ทุกสิ่งที่เขามองนั้นไม่ชัดเจน


มันเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร? สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเรื่องจริงงั้นรึ?


หมายความว่าราชันย์ปีศาจที่โหดเหี้ยมที่มาช่วยเขาสังหารคนผู้หนึ่ง แต่ทันใดนั้นเขากลับคุกเข่าตรงหน้าศัตรู? ราชันย์ปีศาจกำลังเล่นตลกกับเขางั้นหรือ?


“เหยี่ยวดำยักษ์จงลุกขึ้น”


เจียงเฉินพูดอย่างเฉยเมย ชายแก่สวมชุดดำยืนขึ้นจากพื้น ในใจของเขาคิดแปลกใจว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอายุราวๆ 15-16 ปีแต่กิริยาท่าทางดูเหมือนคนที่อยู่ระดับสูง


หากเป็นคนทั่วๆไป เมื่อราชันย์ปีศาจแก่นแท้สวรรค์คุกเข่าให้ เขาจะขวัญอ่อน แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขากลับสงบนิ่งไม่มีกระเพื่อมแม้แต่น้อย มันก็เหมือนกับว่าเป็นเรื่องปกติที่ราชันย์ปีศาจแก่นแท้สวรรค์ต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา


แต่จากนี้ชายชราจะรู้สึกโล่งใจ ชายที่หวงต้าติดตามนั้นจะต้องชายที่น่ามหัศจรรย์เป็นแน่


เจียงเฉินเอามือไว้ด้านหลังและเดินไปด้านหน้า เขามองไปยังลีชานเย่ว์ที่ยืนตรงข้ามเขาอย่างไม่แยแส “ลีชานเย่ว์เจ้าเคยได้ยินคำพูดนี้ไหม หยิบหินกระทบเท้าตนเอง”


เมื่อได้ยินเจียงเฉินพูด ลีชานเย่ว์แทบกระอักเลือดออกมา เจียงเฉินกำลังแดกดันเขา เขากลายเป็นไอ้ตัวโง่บรมที่สุด เขาไม่เพียงแค่สูญเสียวิญญาณอสูรเหยี่ยวปีกโลหิตและเขายังฉีกหน้าตัวเองอีก เขาได้ตรวจคำว่าหยิบก้อนหินทุบเท้าตนเอง หากเขาไม่ได้ขอให้ชายแก่ผู้นี้ช่วยเขา ด้วยความสามารถของตระกูลลี แม้พวกเขาจะไม่ชนะสงครามแต่อย่างน้อยก็พอสู้ได้บ้าง แต่ตอนนี้ทุกสิ่งมลายหายไป ไม่มีทางที่พวกเขาจะสู้ได้อีก


“ลีชานเย่ว์ เจ้าเคยได้ยินตาต่อตา! เจ้าวางแผนที่จะฆ่าหยานเจิ้นหยุนด้วยความช่วยเหลือของราชันย์ปีศาจแก่นแท้สวรรค์แต่ตอนนี้ข้าจะสั่งให้เขาฆ่าเจ้า คิดเช่นไร?”


เจียงเฉินพูดต่ออย่างไม่แยแส ทันใดนั้นตระกูลลีหวาดกลัวขึ้นมา หากลีชานเย่ว์ตาย พวกเขาก็ไม่มีจุดหมายในการสู้ต่อ


“เจ้าเหยี่ยวดำยักษ์ ช่วยข้าจัดการลีชานเย่ว์หน่อย”


ไม่แม้จะให้ลีชานเย่ว์ได้คิด เจียงเฉินได้ออกคำสั่งต่อชายแก่ชุดดำ


“ขอรับ นายท่าน”


ชายแก่ก้มหัวอย่างสุภาพต่อเจียงเฉิน เขาขยับร่างของเขาและในวินาทีถัดไปได้ปรากฎตรงหน้า

ลีชานเย่ว์ เขาจ้องมองไปยังลีชานเย่ว์ด้วยสายตาเย็นยะเยือก


ทันใดนั้นลีชานเย่ว์รู้สึกหนาวไปถึงไขสันหลัง นี่เป็นการคุกคามชีวิตของเขา ชายแก่ได้จ้องมองทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนจ้องมองโดยอสรพิษ


“ไม่ อย่าฆ่าข้า! ข้าได้ให้วิญญาณอสูรเหยี่ยวปีกโลหิตแก่ท่านแล้วนะ”


ลีชานเย่ว์พูดขณะกำลังสั่น


เจียงเฉินตาลุกวาวทันทีเมื่อได้ยินคำว่า’เหยี่ยวปีกโลหิต’ เขาคิดกับตัวเองว่าไม่แปลกใจเลยที่

ลีชานเย่ว์สามารถที่จะขอให้สังหารหยานเจิ้นหยุน ทั้งหมดเป็นเพราะวิญญาณอสูรเหยี่ยวปีกโลหิต


วิญญาณอสูรเหยี่ยวปีกโลหิตเป็นสมบัติที่หาได้ยาก ไม่เพียงแค่ดึงดูดใจชายแก่แต่ก็ยังดึงดูดเจียงเฉินอีกด้วย หากเป็นชีวิตที่แล้วของเขา วิญญาณอสูรไม่ได้เป็นประโยชน์เท่าไรกับเขา แต่เวลานี้มันแตกต่างกัน เขาได้บ่มเพาะด้วยทักษะร่างแปลงมังกรและเขาสามารถที่จะดูดซับสายเลือดใดๆในโลกนี้ได้ จนถึงตอนนี้เขาได้ดูดซับสายเลือดของงูหลามเขียวนรก ในการที่จะเลื่อนระดับทักษะร่างแปลงมังกร การดูดซับสายเลือดหายากนั้นเป็นทางลัดที่ไวที่สุด นอกจากนี้ตามที่ทักษะร่างแปลงมังกรจะเลื่อนขึ้น หากเขาได้รับสายเลือดของเหยี่ยวปีกโลหิต เขาสามารถที่จะสืบทอดความสามารถทางธรรมชาติของมันด้วย


ความสามารถที่สืบทอดโดยธรรมชาตินั้นจะต่างจากทักษะการต่อสู้ทั่วไป ทักษะการต่อสู้ทั่วไปนั้นอยู่ในระดับตอนนี้ เจียงเฉินรู้ว่ามีหลายคนที่มีทักษะต่อสู้ระดับเซียน และพลังเก้าสุริยันต์เขาเป็นผู้คิดค้นขึ้น แต่โชคร้ายระดับของเขาตอนนี้อ่อนแอเกินไป เขามีทักษะต่อสู้ที่ทรงพลังเป็นจำนวนมาก แต่เขายังไม่สามารถที่จะใช้มันได้ตอนนี้ตราบที่เขายังอ่อนแอเช่นนี้


แต่ความสามารถที่สืบทอดโดยธรรมชาตินั้นแตกต่าง มันไม่สำคัญหากกายศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์หรือความสามารถที่สืบทอดทางธรรมชาติของสัตว์ปีศาจ มันสามารถที่จะพัฒนาและเติบโตได้ พลังขั้นสูงสุดของความสามารถเฉพาะนั้นไม่มีขีดจำกัดหากระดับขั้นการบ่มเพาะยิ่งแข็งแกร่ง มันจะยิ่งทรงพลังมากยิ่งขึ้น มันมักจะอยู่ในขั้นที่สมบูรณ์ นี่จะเหตุว่าทำไมความสามารถเฉพาะถึงน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก


คนที่มีกายศักดิ์สิทธิ์ มนุษย์หรือสัตว์ปีศาจไม่จำเป็นต้องเรียนทักษะการต่อสู้ใดๆ ตราบที่ความสามารถได้ตื่นขึ้น ด้วยการสนับสนุนของสายเลือดพวกเขา พวกเขาสามารถที่จะใช้ความสามารถโดยกำเนิดปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังได้


กร้อบ!


โดยไม่สนใจลีชานเย่ว์ที่ตื่นตระหนก ชายแก่ได้ใช้กรงเล็บที่แหลมคมฟาดไปยังหัวของลีชานเย่ว์ หลังจากนั้นภายใต้ลีชานเย่ว์ที่หมดหวัง ชายแก่ได้ขยี้หัวของเขา หนึ่งในพยัคฆ์แห่งเมืองสีชาดได้ตกตายที่่นี่


หวาาาาา! 


การตายอย่างน่าอนาถของลีชานเย่ว์ได้สร้างความแตกตื่นกับตระกูลลี ความหวังและกำลังใจของพวกเขาได้หายไป หน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเทาราวกับขี้เถ้า แม้แต่ลีชานเย่ว์ยังตกตายด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว แล้วพวกเขาจะสามารถสู้ได้อย่างไร?


หลังจากที่สังหารลีชานเย่ว์แล้ว ชายแก่ได้หันกลับมาและเดินมายังเจียงเฉินและหวงต้าด้วยสีหน้าท่าทางเคารพ


“เจ้าเหยี่ยวดำน้อย เจ้าทำได้ดีมาก”


หวงต้าได้กล่าวชมเชยชายแก่ ราชันย์ปีศาจแก่นแท้สวรรค์สะเทือนใจที่โดนเรียกว่า’เจ้าเหยี่ยวดำน้อย’ หากเป็นคนอื่นๆล่ะก็ ชายแก่ผู้นี้จะสังหารทิ้งอย่างไม่ลังเล


“เจ้าหนู เจ้าจะทำเช่นไรกับคนพวกนี้?”


หวงต้ามองไปยังเจียงเฉิน


“นั่นคือสิ่งที่ตระกูลหยานจะต้องกังวลกันเอง มันไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา ไปเถอะ”


เจียงเฉินยิ้ม เขาหันไปและมองไปยังหยานเจิ้นหยุน “ท่านผู้นำตระกูลหยาน ข้าจะให้ตระกูลหยานได้จัดการกับพวกที่เหลือ ข้าจะกลับไปก่อนและจะรอฟังข่าวดี จำสิ่งนี้ไว้นะท่านผู้นำตระกูล เมื่อจะกำจัดวัชพืชต้องถอนรากมันด้วย”


“วางใจได้น้องเจียง ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไร”


หยานเจิ้นหยุนประสานมือในขณะที่เคารพเจียงเฉิน ความขอบคุณและความเคารพที่มีต่อเจียงเฉินนั้นไม่สามารถที่จะวัดออกมาได้ ไม่ใช่เพียงแค่เขา ตอนนี้ทุกๆคนในตระกูลหยานมีความรู้สึกเหมือนกันพวกเขามองเจียงเฉินด้วยความเคารพ ชายหนุ่มผู้สูงส่งได้ช่วยชีวิตคนจากตระกูลหยานเอาไว้อีกครั้ง


ในใจของคนตระกูลหยาน เจียงเฉินเป็นดาวนำโชค ไม่ใช่สำหรับเขา ตระกูลหยานคงได้หายไปแล้ว สิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับลีชานเย่ว์โดนแทนหยานเจิ้นหยุนอย่างไม่ต้องสงสัย


แม้การช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจะมาจากหวงต้า พวกเขาไม่ลืมว่าเจียงเฉินเป็นคนพาหวงต้ามา 

ตระกูลหยานไม่ได้เกี่ยวข้องกับหวงต้าสักทาง


เจียงเฉินผงกหัว จากนั้นเขาก็พาหวงต้าและชายแก่ออกจากใจกลางจตุรัส เขาไม่ต้องการที่จะไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ตระกูลลีและตระกูลหยานเป็นดั่งไฟกับน้ำ แต่วันนี้จะเป็นวันตัดสินทุกอย่างระหว่างพวกเขา


ตระกูลลีสุดท้ายก็ได้หายไป และสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลลีเขาเชื่อว่าหยานเจิ้นหยุนรู้ว่าควรทำเช่นไร


สิ่งที่สำคัญกว่านั้นสำหรับเจียงเฉินคือ วิญญาณอสูรเหยี่ยวปีกโลหิต เขาจักต้องได้มันมา


“ฆ่ามัน!”


ด้านหลังเขาเสียงการฆ่าฟันได้ดังออกมา ในไม่ช้าใจกลางจตุรัสทั้งหมดได้กลายเป็นสนามรบ จิตสังหารจำนวนมากสามารถที่จะสัมผัสได้จากจตุรัส และเสียงโหยหวน เสียงตะโกนดังร่วมกัน


คำคืนที่มืดมิดและสายลมได้พัดผ่าน นี่เป็นคืนที่เปี่ยมไปด้วยเลือด หลังจากวันนี้ตระกูลลีได้หายไปหมดสิ้น และจะมีกฎใหม่สำหรับเมืองนี้


แต่เจียงเฉินไม่ได้กังวลสิ่งใด สำหรับเขาสิ่งที่เกิดขึ้นที่เมืองสีชาดเป็นเพียงแค่บันทึกเล็กน้อยในการเดินทางของเขาหลังจากที่ได้เกิดใหม่ ในไม่ช้าเขาก็จะก้าวเดินทางครั้งใหม่


ระหว่างทางเจียงเฉินและหวงต้าได้เดินนำหน้าและชายแก่ได้ตามหลังอย่างสุภาพเหมือนแกะที่อ่อนโยน


“หวงต้า เจ้าทำเช่นไรให้เหยี่ยวตัวนี้ยอมเจ้าได้?”


เจียงเฉินไม่สามารถที่จะทนความอยากรู้อยากเห็นได้และถามด้วยสัมผัสเทวะ


“ก๊ะก่ะ มันง่ายมาก ข้าได้หว่านเมล็ดสัมผัสเทวะในสัมผัสเทวะของเจ้าเหยี่ยวและมันอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า! ข้าแค่เพียงแค่คิดเท่านั้นมันก็จะตกตาย”


ใบหน้าของหวงต้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและดูฉลาดแกมโกง


เจียงเฉินตะลึง ไม่แปลกใจที่ชายแก่ผู้นี้จะยอมทำตามคำสั่งของหวงต้าโดยไม่กล้าที่จะไม่สุภาพกับเขา ทั้งหมดเป็นเพราะชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของหวงต้า แต่สิ่งที่ทำให้เจียงเฉินอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ไม่ว่าหากจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ปีศาจ สัมผัสเทวะจะเป็นแหล่งที่มาของทั้งหมด และองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด คนผู้นั้นอาจตายได้หากปล่อยให้ใครบางคนหว่านเมล็ดใส่สัมผัสของเขา เว้นแต่เขาจะปัญญาอ่อนแต่เจ้าเหยี่ยวนี่ดูไม่เหมือนคนปัญญาอ่อนแต่อย่างใด


นอกจากนี้กำลังของเจ้าเหยี่ยวนี่อยู่ขั้นอาณาจักรแก่นแท้สวรรค์ หวงต้าไปหว่านเมล็ดในเซนส์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?


“เจ้าทำได้อย่างไร?”


เจียงเฉินถาม


“เจ้ายังจำสิ่งที่ข้าบอกได้หรือไม่เกี่ยวกับเรือนจำของนิกายกระบี่สวรรค์? ข้าได้ปล่อยราชันย์ปีศาจทั้งสามเป็นอิสระ แต่เงื่อนไขในการปล่อยพวกเขาก็คือพวกเขาต้องทำในสิ่งที่ข้าพูดทุกอย่างรวมถึงรับใช้ข้าในอนาคต เจ้าต้องรู้ว่าราชันย์ปีศาจทั้งสามได้ถูกจองจำมานานหลายทศวรรษในหอคอยแห่งนั้น และเพราะรูปแบบพิเศษของหอคอยนั่น ราชันย์ปีศาจที่โดนจองจำจะไม่สามารถทำการบ่มเพาะได้ ดังนั้นมันจึงไม่มีโอกาสที่จะออกจากสถานที่นั่นตลอดชีพ”


ภายในดวงตาหวงต้าส่องประกายความฉลาดและแกมโกง


“ดังนั้นเจ้าจึงใช้เงื่อนไขนี้ในการปล่อยตัวและสามารถที่จะควบคุมพวกเขาได้โดยทางนี้”


ในที่สุดเจียงเฉินได้เข้าใจ หวงต้านั่นโหดร้ายอย่างยิ่ง แต่ราชันย์ปีศาจทั้งสามนั้นตกลงกับข้อตกลงนั้นแม้พวกเขาจะถูกควบคุมแต่ก็ยังดีกว่าถูกจองจำจนตาย


เจียงเฉินถามอีกครั้ง เขาได้ชื่นชมหวงต้ามากขึ้นตอนนี้ ข่ายป้องกันโดยสามัญนั้นไม่สามารถที่จะรั้งเจียงเฉินไว้ได้ แต่นั่นเพราะเขาเคยเป็นเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เขามีประสบการณ์มากมายจากชีวิตที่แล้วของเขา นอกจากนั้นการที่จะทำลายข่ายป้องกันจะต้องใช้ทักษะที่แข็งแกร่งเข้าช่วยแล้วเจ้าหวงต้าสามารถทำลายข่ายป้องกันและปลดปล่อยราชันย์ปีศาจทั้งสามได้เช่นไร?


“บิดาเจ้ามีวิธีของตัวเอง ข้าไม่บอกหรอก”


หวงต้าภาคภูมิใจในวิธีการของตน


“แต่เจ้าก็บอกไม่ใช่รึว่าเหล่าราชันย์ปีศาจทั้งสามได้ถูกศิษย์ในของนิกายกระบี่สวรรค์จับอีกครั้ง แล้วเจ้าเหยี่ยวดำนี่หนีออกมาได้อย่างไร?”


เจียงเฉินถามด้วยสีหน้างงงวย



************************************************************************


จบจ้า  To be continue……

หากชอบนิยายเรื่องนี้สามารถติดตามอัพเดทได้ที่

นะครับ





 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments