I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 120 – คู่หมั่นของซูเหม่ย

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

” เกิดอะไรขึ้น ทำไมชูเฟิงถึงยังไม่โผล่มา “

ภายในเมือง ‘ซูเหม่ย’ขมวดคิ้วลงพร้อมกับใช้สายตากวาดไปรอบๆเพื่อหา ‘ชูเฟิง’

” ไม่ต้องห่วง ระดับเขาแล้วคงไม่มีอะไรทำร้ายเขาได้ นอกซะจากเขาจะไปพื้นที่ต้องห้าม แต่เขาคงจะอยู่ภายในป่าต้องสาปเพื่อล่า เขา – วิญญาณจนลืมเวลาอย่างแน่นอน “

‘ซูรู่’กล่าว

ขณะนั้น’ซูรู่’ยืนอยู่ข้างๆ’ซูเหม่ย’ พวกนางในตอนนั้นสวมชุดคลุมสีขาว ยามที่นางยืนอยู่ช่างทำให้ดูสง่างามยิ่งนัก

นางพยายามปลอบใจน้องของนางที่กำลังหงุดหงิด จนพวกนางกลายเป็นที่สนใจของทุกๆคน

ยกเว้น ผู้หญิงเท่านั้นที่อิจฉาพวกนาง

” ท่านพี่ซูรู่ น้องซูเหม่ย ไม่ได้เจอกันซะนาน “

จู่ๆก็มีเสียงดังเข้ามาแทรก ชายหนุ่มรูปงามกำลังเดินเข้ามา ในมือของเขาถือพัดไว้และก็โบกสะบัดบนหน้าอก

ดูจากภายนอกแล้ว เขาช่างดูฉลาด สง่างาม จนทำให้ผู้หญิงทั้งหลาย เหลือบไปมองพร้อมกับความประหลาดใจ

เหตุผลที่เขาเป็นที่น่าสนใจไม่ใช่แค่ความหล่อของเขาเท่านั้น ชุดที่เขาสวมใส่ยังเป็นศิษย์หลักของสำนัก หลิง – หยุน อีกด้วย

” เขาเป็นศิษย์ของสำนัก # 1 ของอาณาจักรมังกรฟ้า สำนักหลิง – หยุน ทั้งยังมีพลังวิญญาณอยู่ในระดับ 8 กำเนิดวิญญาณ”

” นั้นมัน ซ่างกวน หย๋า เขามาเข้าร่วมกันประลองด้วยงั้นหรอ “

หลังจากเห็นคนๆนั้น’ซูรู่’พยักหน้า และยิ้มให้กับเขา

ตะกูลของเขานั้นมีความสำคัญกับเมืองวิหคเพลิง แต่เมืองวิหคเพลิง ที่ถูกควบคุมโดยตะกูล ซู

ตะกูลซ่างกวน จึงไม่อาจเทียบตะกูล ซู ได้ เขาคือตัวแทนรุ่นเยาว์ของตะกูลมาเข้าร่วมการประลอง

เขาคือผู้จะสืบทอดชื่อของตำแหน่งผู้นำ

” การประลองนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง พวกมันก็แค่กลุ่มคนจากเมืองสาขาย่อย ที่ไปหาอาหารใส่ถุงจักรวาลกลับมา “

” ถ้าหากตัวแทนจากเมืองวิหคเมืองเข้าร่วมแล้วล่ะก็ 10 อันดับคงจะไม่เหลือ ถึงเมืองสาขาย่อย หรือแม้แต่ติดใน 100 อันดับก็ยังยาก หากเทียบกับผู้มีความสามารถจากเมืองวิหคเพลิง “

‘ซ่างกวน หย๋า’ พยายามพูดเอาใจพวกนาง และท่าทีของเขาก็แสนจะเย่อหยิ่ง

” งานประลองครั้งจริงๆแล้วมีกฏบอกไว้อย่างชัดเจน เจ้าอายุ 19 ปี แม้ว่าพวกเขายอมให้เจ้าเข้าร่วม แต่เจ้าหาได้มีคุณสมบัติไม่ “

‘ซูเหม่ย’ พูดกับ ‘ซ่างกวน หย๋า’ ด้วยความไม่พอใจ

แต่คำพูดของนาง ไม่เพียงแต่เขาจะไม่โกรธ เขายังยิ้มเบาๆและกล่าว

” น้องเหม่ย เจ้าพูดกับสามีในอนาคตเช่นนี้ได้ยังไง “

” ฮ่าๆๆๆ . . . ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของข้าเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างข้าก็ไม่เคยยอมรับการแต่งงาน ดังนั้นเจ้าควรระวังคำพูดด้วย และอย่ามาเรียกข้าว่า น้องเหม่ย ข้าไม่ชอบ “

‘ซูเหม่ย’ถลึงตาใส่แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็วราวกับว่านางทนกับคนๆนั้นไม่ได้

” ท่านพี่ซูรู่ น้องเหม่ยนางช่างดุร้ายจริงๆ แต่ยังไงนางก็ยังเป็นคู่หมั้นของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่ใส่ใจกับคำพูดของนาง แต่มันก็ทำให้คนอื่นๆเห็นข้าเป็นตัวตลก “

‘ซ่างกวน หย๋า’ เขาบ่นเรื่องความลำบากใจกับ ‘ซูรู่’

” โอ้ว. . . . . “

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา ‘ซูรู่’ได้แต่ยิ้มเบาๆและกล่าวว่า

” ท่านก็รู้ว่านางมีนิสัยก้าวร้าว ก็อย่าไปเรียกนางเช่นนั้น เนื่องจากนางยังเด็กจึงเป็นเรื่องปกติของนาง ท่านก็ไม่ควรเก็บคำพูดนางมาใส่ใจ “

” แม้ว่าพวกท่านสองคนจะได้แต่งงานกัน แต่ท่านก็ควรใส่ใจกับนาง แม้ว่าท่านจะได้ตัวของนาง แต่ท่านก็ไม่สามารถได้หัวใจของนาง มันดีกับท่านเช่นนั้นหรอ “

” ในฐานะที่เราเป็นพี่สาว แม้ว่าเราจะไม่อยากขัดแย้งกับความต้องการของท่านพ่อ แต่เราจะไม่ยอมปล่อยให้นางแต่งงานกับคนที่นางไม่ได้รัก “

” ดังนั้นถ้าหากท่านอยากจะแต่งงานกับนาง ท่านก็ต้องทำให้นางรักท่านให้ได้ ไม่เช่นนั้นเราจะไม่ยอมรับการแต่งงานอย่างเด็ดขาด “

หลังจากที่พูดจบนางก็เดินตาม’ซูเหม่ย’ไป

รอยยิ้มที่มุมปากของ’ซ่างกวน หย๋า’ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับจ้องมองพวกนางอย่างเย็นชา และกล่าว

” ถ้าหากข้าต้องการ ใครก็อย่าคิดว่าจะหยุดข้าได้ “

ณ ตอนนั้น ผู้คนที่เข้าร่วมการประลองได้กลับมาเกือบทั้งหมดแล้ว

ผู้ตัดสินก็เริ่มทำการคัดเลือกผู้ติด 10 อันดับในการล่า เขา – วิญญาณ

ทั้ง 10 คนคือเหล่าสำนักชั้นแนวหน้าและทั้งหมดยังเป็นศิษย์หลัก หนึ่งในนั้นมี

‘หว่าน เวิ้นเพิง’ จากนครทอง – ม่วง ที่อยู่อันดับ 10 ส่วน เฉิน หว่านชิง ศิษย์หลักจากสำนัก หลิง – หยุน อยู่ในอันดับ 2

ส่วนที่ 1 เป็น ชายหนุ่มที่มาจากเมือง วายุเมฆา เมือง วายุเมฆา กล่าวได้ว่าเป็นเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่สาขาย่อย

และเมืองที่ได้อันดับ 1 ในการประลองในทุกปี

ชายหนุ่มตัวแทนของเมือง วายุเมฆา นอกจากจะเป็นศิษย์หลักจากสำนักหลิง – หยุน

แล้วพลังวิญญาณของเขายังอยู่ในอาณาจักรกำเนิดวิญญาณระดับ 2 เหมือนกับ เฉิน หว่านชิง

แต่บรรยากาศรอบๆตัวเขาแตกต่างจากนางไปอย่างสิ้นเชิง มันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีใครสามารถพูดออกมาได้

เหมือนกับว่า เขาแข็งแกร่งกว่า เฉิน หว่านชิง

อาจจะเป็นเพราะว่าเขานั้น ล่า เขา – วิญญาณ มากกว่า เฉิน หวานชิง เป็นสองเท่าก็ได้ จึงให้ความรู้สึกเช่นนั้น

” ได้เวลาแล้วที่ทุกคนรอคอย งั้นเราจะเข้าสู่รอบถัดไป “

ผู้ตัดสินพูด

” ช้าก่อน!!! “

ในตอนนั้น’ซูเหม่ย’รีบเดินมาห้าม

” คุณหนูสาม มีอะไรงั้นหรอ ? “

ผู้ตัดสินเคารพนางอย่างมาก

” ยังมีอีกคน ที่ยังไม่ได้ยังไม่มา แล้วจะเริ่มมันทั้งๆยังงี้เลยหรอ “

‘ซูเหม่ย’ไม่พอใจอย่างมาก กับการตัดสินใจของเขา

” ยังมีคนอื่นอีกหรอ ? “

ผู้ตัดสินกวาดสายตาหารอบๆ เขาคิดว่าทุกคนมาครบแล้ว

” เอ๋ . . . . . “

ได้ยินเช่นนั้นผู้ตัดสินรีบผลิกตรวจสอบรายชื่อในมือของเขา หลังจากที่ตรวจสอบจนละเอียด เขาก็พูดเสียงดังออกมา

” แน่นอนว่าเหลืออีกคนที่ยังไม่ส่งมอบ เขา ให้กับทางเรา

” แล้วเขาเป็นใครล่ะ ? “

ผู้ตัดสินถาม

” ชูเฟิง ตัวแทนจากนครทอง – ม่วง ศิษย์หลักของสำนัก # 2 สำนักมังกรฟ้า พลังวิญญาณอยู่ในระดับ 8 ห้วงวิญญาณ “

ชายคนหนึ่งกล่าวเสียงดัง

” โฮ ~ ~ ~ “

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความวุ่นวายก็เริ่มเกิดขึ้นภายในและภายนอกของเมือง ไม่ต้องพูดถึงการที่เป็นศิษย์จากสำนัก # 2

แค่ได้ยินว่าพลังวิญญาณอยู่ในระดับ 8 ห้วงวิญญาณ เขาก็นับว่าอ่อนที่สุดในหมู่คนที่ร่วมงานประลองครั้งนี้แล้ว

ทุกคนจึงคิดว่าทำไมต้องมารอคนเช่นนั้น

” คุณหนูสาม ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะมาผลลัพธ์ก็คงไม่ได้เปลี่ยน ข้าเกรงว่าเขาอาจจะไม่ติด 1 ใน 10 ดังนั้นข้าจึงคิดว่าไม่สมควรรอเขา “

เห็นปฏิกิริยาของทุกคน ผู้ตัดสินจึงตกอยู่ในตำแหน่งที่ลำบาก

” ท่านรู้ได้ไงว่าเขาไม่ติดหนึ่งในสิบ! ! ! ! ! “

‘ซูเหม่ย’กัดริมฝีปากและเริ่มมีอารมณ์ที่รุนแรง

” นั้นก็ . . . . . . “

ผู้ตัดสินสีหน้าซีดเผือดโดยพูดอะไรไม่ออก เขาไม่กล้าขัดใจท่านหญิงที่ 3 เช่นกัน

” ทำตามกฏไป เนื่องจากเวลายังไม่หมด หากถึงเวลาแล้วเขายังไม่มา ก็นับว่าเขาตกรอบแล้วเจ้าก็เริ่มต่อได้เลย . . . . . “

‘ซูรู่’เดินเข้ามา

” ตามบัญชาท่านหญิงที่ 2 “

ได้ยินเช่นนั้น ผู้ตัดสินพยักหน้า เมื่อเทียบกับ’ซูรู่’ ‘ซูเหม่ย’นางดูป่าเถื่อนไปเลย

แต่’ซูรู่’กับมีความคิดสมกับเป็นตะกูลผู้นำของเมือง วิหคเพลิง

ถึงแม้ว่ารออีกไม่นานเท่าไหร่ คนภายในและภายนอกรอบๆเมือง

ก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ พวกเขาไม่อยากที่จะรอคนเช่นนั้น แต่เมื่อเขาตัดสินมาเช่นนั้น พวกเขาจึงทำได้แค่รอ

สำหรับทั้ง 10 คนที่ถูกรับเลือกให้เป็น 1 ใน 10 อันดับ พวกเขาแสนจะผ่อนคลายและพักผ่อนกันอย่างสบายใจ เหมือนกับพวกเขาคิดว่า ‘ชูเฟิง’ นั้นไม่อยู่ในสายตา พวกเขารู้สึกว่า มันเสียเปล่าเวลาที่จะรอคนแบบ ‘ชูเฟิง’

” ขอโทษทุกๆท่านด้วย ที่ข้ามาสายยย!!! “

ท่ามกลางฝูงชนที่กำลังเดือดดาล บางจุดมีคนตัวเล็กๆแทรกตัวเองเข้ามาจากฝูงชน และเดินตรงมายังใจกลางเมือง

เขาคนนั้นคือ ‘ชูเฟิง’!!!

 

 

นั่งแปลมาตั้งนานมันออกมาแค่นี้แหละ!!!
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . .

ที่มา : 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments