I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 74 แกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ หนานเป่ยเฉา

| Dragon-Marked War God | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

 

 

แปลไทยโดย Takumi Kun


ตรวจทาน       Subaru-Kyun


=====================================================


      หลังจากที่ออกจากภูเขาต้นกำเนิดได้ในที่สุด  เจียงเฉินสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังธรรมชาติแข็งกล้าขึ้น ความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นสองเท่า นี่เพียงแค่ชายแดนระหว่างด้านในและด้านนอกแคว้นฉี ความเข้มข้นของพลังธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นหลังจากเดินทางเข้าไปลึกขึ้นในแคว้นฉี


      ไม่เพียงแค่นี้ ที่ตั้งของนิกายใหญ่ทั้งสี่อยู่บริเวณที่มีปริมาณพลังธรรมชาติมากที่สุด ยอดฝีมือที่ทรงพลังสามารถใช้ประโยชน์จากสถานที่ได้เป็นอย่างดี  พวกเขาสามารถสร้างรูปแบบพิเศษขึ้นเพื่อรวบรวมพลังธรรมชาติ ทำให้สถานที่แห่งนั้นเหมาะแก่การบ่มเพาะและเป็นสถานที่ที่ผู้คนปรารถนา ทำให้นิกายต่างๆสามารถใช้ได้ชั่วนิรันดร์


      ฉากที่เห็นด้านนอกเขาต้นกำเนิดนั้นไม่ได้แออัดเหมือนกับที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้ แทนที่ด้วยทุ่งหญ้าที่มีลมพัดผ่านต่อเนื่อง ที่แห่งนี้มีคนอยู่เป็นคู่และคาราวานที่ข้ามผ่านทุ้งหญ้า แต่พวกเขานั้นมีเพียงไม่กี่คน


“ทุ่งหญ้าขนาดยักษ์อยู่ภายนอกภูเขา?”


หยานเฉินหยู่แปลกใจเล็กน้อย


“ภูเขาต้นกำเนิดนั้นอยู่ห่างไกลมาก ผู้คนจากแคว้นฉีไม่ค่อยมายังสถานที่แห่งนี้ มีเพียงไม่กี่คาราวานที่มาค้นหาสมบัติ ทุ่งหญ้านั้นปกคลุมเขตขั้นต่ำห้าพันไมล์ และหลังจากที่ได้ข้ามทุ่งหญ้านี้แล้วมันยังมีเขตพื้นที่กว้างใหญ่และภูเขาอีกเป็นจำนวนมาก นั่นอีกแปดพันไมล์ หลังจากผ่านบริเวณนั้นได้แล้วพวกเราจะสามารถนับว่าอยู่ในแคว้นฉีแล้ว”


หวงต้าอธิบาย   (ฉลาดอะหมาพันธุ์ไหนนี่)


“ไม่แปลกใจที่สี่นิกายใหญ่ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาที่อาณาเขตเมืองสีชาด”


      เจียงเฉินตอนนี้ได้เข้าใจ บริเวณนี้อ้างว้างยิ่งนัก เขตภูเขาต้นกำเนิดหมื่นไมล์เพียงอย่างเดียวนั้นเสมือนเป็นม่านพลังขนาดใหญ่และยังมีทุ่งหญ้าและเนินเขารกร้างอีก นี่เป็นเหตุที่ว่าเมืองสีชาดถึงไม่ได้รับความสนใจใดๆ


“ไปเถอะ เดี๋ยวฟ้าจะมืดเสียก่อน มันจะดีกว่านี้หากพวกเราข้ามเขตทุ่งหญ้าและเขตเนินเขารกร้างก่อนเช้าวันรุ่งขึ้น”


หวงต้าพูด


      เจียงเฉินและหยานเฉินหยู่ผงกหัวของพวกเขา ทั้งสามเริ่มวิ่งด้วยความเร็วสูงผ่านเขตทุ่งหญ้า ทั้งสามเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ดังนั้นความเร็วของพวกเขาจึงรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ให้เจ้าหวงต้ามาเป็นตัวอย่าง มันเป็นลูกหลานของกิเลนโบราณ เป็นราชาแห่งความว่องไว เจียงเฉินรู้ทักษะเคลื่อนที่ที่ยอดเยี่ยม และเขาได้ดูดซับสายเลือดของเหยี่ยวปีกโลหิตเป็นเรื่องธรรมดาที่ความเร็วของเขาจะโดดเด่น


      สำหรับหยานเฉินหยู่ นางมีกายศักดิ์สิทธิ์และหลังจากได้ผสานกับคริสตัลเยือกแข็งหมื่นปี นางได้ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง แม้ความเร็วของนางไม่รวดเร็วเท่าเจียงเฉินและหวงต้า นางอ่อนแอกว่าพวกเขาเพียงเล็กน้อย


ฟิ้ว ฟิ้ว…..


      เสียงของลมผ่านหูของพวกเขา ใบหน้าที่น่ารักของหยานเฉินหยู่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น นางเริงร่า มีความสุขจากการวิ่งผ่านทุ่งหญ้า ไม่เคยจินตนาการถึงทัศนียภาพที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน


      หยานเฉินหยู่มองไปยังเจียงเฉินผู้ที่กำลังผ่อนคลาย มุมปากของนางโค้งขึ้น นางรู้ว่าหากตามชายผู้นี้ไป ชีวิตของนางในอนาคตจะต้องแสนวิเศษแน่นอน


      เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากวิ่งเป็นเวลานาน ทั้งสามได้ผ่านเขตทุ่งหญ้าและเขารกร้าง พวกเขาได้ออกจากเขตรกร้างอย่างสมบูรณ์ ขณะที่พวกเขาได้ทำเช่นนี้ในช่วงเวลาสั้นๆเพียงเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้สำหรับยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ทั่วไปในการทำเช่นนี้ได้สำเร็จ


      แม้แต่ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ยังไม่สามารถวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่อย่างต่อเนื่องได้ หลังจากวิ่งเป็นระยะเวลายาวนาน ในที่สุดพลังหยวนของพวกเขาก็หมดลง แต่ทั้งสามนี่ไม่มีผู้ใดที่ปกติ เจียงเฉินบ่มเพาะด้วยทักษะร่างแปลงมังกร มีพลังหยวนที่แข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่พลังหยวนจะหมด หวงต้านั้นเป็นกิเลนและหยานเฉินหยู่มีชีพจรเก้าหยิน พลังหยวนของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างมาก


      หลังจากที่ได้ผ่านภูเขารกร้าง ในที่สุดพวกเขาก็พบผู้คนบนถนน บางคนได้ต่อสู้กันเพราะพวกเขาไม่ชอบคอกัน ปกติแล้วหยานเฉินหยู่จะไม่เคยเห็นฉากแบบนี้ ดังนั้นนางจึงมองซอกแซกในสิ่งที่เกิดขึ้น เจียงเฉินและหวงต้าเคยพบเห็นฉากเช่นนี้มาก่อน ในโลกการฝึกตนนั้น คนได้ต่อสู้กันเองเพราะไม่ชอบอีกฝ่ายเป็นเรื่องปกติสามัญ


“หากความจำของข้ายังดีอยู่ หลังจากผ่านเขาลูกนี้ไปและอีกไม่กี่ไมล์หลังจากนั้น พวกเราก็จะพบเมือง แต่ข้าไม่เคยมาที่นี่ ข้าจำชื่อเมืองแห่งนั้นไม่ได้”


หวงต้าพูดขณะที่กระดิกหาง


“เข้าไปในเมืองกันก่อนเถอะ พวกเราต้องการที่จะรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาในแคว้นฉีก่อน”


      เจียงเฉินพูด ทั้งสามชะลอการก้าวเท้าของพวกเขาลงเมื่อเทียบกับก่อน ไม่นานหลังจากนั้นเมืองที่ไม่คุ้นเคยได้ปรากฎตรงหน้าพวกเขา


“นี่เป็นเมืองอย่างแน่นอน และดูเหมือนว่ามันจะมีขนาดพอๆกันกับเมืองสีชาด”


หยานเฉินหยู่พูด


“นี่เป็นเมืองที่เล็กที่สุดในแคว้นฉี มันเทียบไม่ได้กับเหล่าเมืองใหญ่เลย”


หวงต้าพูดขึ้น


      ในไม่ช้า ทั้งสามได้มาถึงทางเข้าหลักของเมือง ประตูหลักสูงสามฟุตประตูดูยิ่งใหญ่ และด้านบนประตูมีเขียนว่า ‘เมืองจันทราสีเงิน’


      ที่นี่มียอดฝีมือมากมายเดินอยู่รอบๆเมืองจันทราสีเงินและความงดงามของหยานเฉินหยู่เป็นที่ดึงดูดสายตามากมาย


“หญิงสาวผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก! นางเหมือนนางฟ้าเลย!”


“ถูกต้อง ข้าสามารถมองหน้านางได้เป็นชั่วโมง….ข้าไม่เคยเห็นหญิงสาวที่น่ารักเช่นนี้มาก่อน”


“ข้าสงสัยจังว่านางมาจากที่ใด…..นางงดงามและมีเสน่ห์จริงๆ”


      มีการจ้องมองเป็นจำนวนมากและการชื่นชม ช่วยไม่ได้ที่เจียงเฉินจะถอนหายใจ เด็กสาวอย่างหยานเฉินหยู่ ไม่ว่านางจะไปที่แห่งใด นางจะเป็นศูนย์กลางของความสนใจ ไม่เพียงในเมืองเล็กๆอย่างเมืองจันทราสีเงิน แม้แต่เหล่าเซียนหญิงจากนิกายใหญ่ในแดนหลักศักดิ์สิทธิ์เมื่อหลายร้อยปีก่อนยังไม่งดงามเทียบเท่ากับหยานเฉินหยู่


“เจ้าหนู การตัดสินใจพานางมาด้วยนี่เหมือนพาปัญหามากมายเข้ามา”


หวงต้าพูด


“เจ้ากำลังจะมีปัญหาเป็นแน่!”


หยานเฉินหยู่จ้องไปยังหวงต้าด้วยท่าทางไม่พอใจ


“เข้าใจแล้ว เข้าไปในเมืองกันเถอะ”


หลังจากพูดเสร็จ เจียงเฉินได้เดินก้าวยาวตรงไปยังประตูหน้าของเมืองจันทราสีเงิน


“หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน เจ้าต้องจ่ายยาฟื้นพลังขั้นมนุษย์สามเม็ดถึงสามารถเข้าเมืองได้!”


      ตรงหน้าประตูหลักมียามอยู่สี่ถึงห้าคน และยามที่พูดอย่างโอหังเป็นหนึ่งในนั้น ยามทั้งห้าคนเป็นยอดฝีมือระดับฉีไห่ทั้งหมด และผู้ที่เป็นหัวหน้าอยู่ระดับฉีไห่ขั้นปลาย


      ยอดฝีมือฉีไห่ขั้นปลายนั้นถือว่าทรงพลังมากในเมืองฟ้าหอม เขาจะถูกผู้คนชื่นชม แต่ในเมืองเล็กๆอย่างเมืองจันทราสีเงิน เขาเป็นได้แค่เพียงยามรักษาประตู นี่เป็นความแตกต่างของสองภูมิภาค


“นี่มันบ้าอะไร พวกเราต้องจ่ายยาฟื้นพลังขั้นมนุษย์ในการเข้าเมือง?!”


หวงต้ารู้สึกไม่มีความสุขทันที


“เจ้าหมาขยะพูดได้นี่มาจากที่ใดกัน? กฎของเมืองนี้ตั้งโดยเจ้าเมือง ทุกคนต้องทำตามคำสั่ง!”


ยามอีกคนพูดออกมาอย่างหยาบคาย


“บัดซบ เจ้าเป็นแค่ยาม แต่เจ้ายังยโสโอหัง?! ให้บิดาผู้นี้แสดงให้เห็นว่ากัดจนตายเป็นเช่นไร!”


      หวงต้าเผยฟันแหลมคมให้ยามเห็น แต่เจียงเฉินรีบห้ามหวงต้าก่อนที่จะทำเกินเลย เขารูเกี่ยวกับเจ้าหมานี่เป็นอย่างดี เจ้านี่กล้าที่จะก่อปัญหาให้กับนิกายกระบี่สวรรค์ดังนั้นไม่มีอะไรที่มันไม่กล้าทำ หากเจียงเฉินช้ากว่านี้ หวงต้าคงฉีกยามเหล่านี้เป็นชิ้นๆแน่นอน


      เจียงเฉินไม่ใส่ใจในการจ่ายยาฟื้นพลังมนุษย์เพียงเล็กน้อย เขายังไม่ต้องการยั่วยุผู้ใดหลังจากที่มาถึงแคว้นฉี เขาได้มีเรื่องกับนิกายกระบี่สวรรค์ ชีวิตในอนาคตของเขาไม่ราบรื่นแล้ว


      เจียงเฉินโบกมือของเขาอย่าเฉยเมย นำยาฟื้นพลังมนุษย์เก้าเม็ดออกมาจากกระเป๋ามิติของเขา และโยนไปให้ยาม และได้เดินเข้าไปในเมือง


“ข้าไม่เคยเห็นชายหนุ่มผู้นี้มาก่อน พวกเขาจะต้องมาจากต่างถิ่นเป็นแน่ เขาดูร่ำรวยมาก ข้าน่าจะเรียกร้องมากกว่านี้….”  


เจียงเฉินสามารถได้ยินสิ่งที่ยามพูดอย่างชัดเจน


“ยัยเด็กอ่อนหัดนั่นก็สุดยอด หากนางใช้เวลากับข้าสักคืนล่ะก็ แล้วจะได้มีความสุขอย่างแท้จริง!”


      หน้าของยามอีกคนเต็มไปด้วยราคะสายตาของเขามองไปยังแผ่นหลังของหยานเฉินหยู่ น้ำลายเริ่มไหลออกจากปากเขา


      แต่ทันทีที่คำพูดได้ออกจากปากของยามคนนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่น ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มซึ่งเหมือนกับโดนแช่แข็งไว้ ร่างกายของเขาเริ่มส่งเสียงแตก เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาน้ำแข็งโปร่งใสปรากฏบนร่างกายของเขา เขากลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งโดยสมบูรณ์


“เฮ้ย !! หวัง เจ้าเป็นอะไรไป”


“เขาถูกแข่แข็ง?! บ้าจริง เขาไม่หายใจแล้ว”


“หวังตายแล้ว เกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำกัน”


      เหล่ายาม ตื่นตระหนกตกใจ และใบหน้าของพวกเขาแสดงถึงความหวาดกลัว ชายผู้ซึ่งอยู่ด้วยกันเมื่อวินาทีที่แล้ว ตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง เขาถูกแช่แข็งตาย มันเหมือนกับว่าเห็นผีตอนกลางวัน

 

“มันจะต้องเป็นชายหนุ่มคนเมื่อครู่เป็นแน่!”


      หัวหน้ายามพูด พวกเขาทั้งหมดช่วยกันตามหา แต่ก็หาเจียงเฉินไม่พบ


ในเมืองจันทราสีเงิน หวงต้าฉีกยิ้มกว้างแล้วพูดว่า 

“ฮี่ฮี่….หยู่น้อยเจ้าพึ่งเรียนรู้ถึงความโหดร้ายแล้ว เจ้าสังหารผู้คนในทันทีเลยรึ”


“ใครให้เขามาพูดจาหยาบคายกับข้าละ ข้าเพียงแค่สั่งสอนเขาเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าเขาจะอ่อนแอถึงขนาดที่ตายในทันทีนี่นา”


หยานเฉินหยู่ พูดอย่างรู้สึกผิด


“แค่ก แค่ก ….!”


เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว เจียงเฉินไออย่างรุนแรง 


“นี่พี่สาว พลังของชีพจรเก้าหยินผสานกับคริสตัลเยือกแข็งหมื่นปีมีพลังมากมายมหาศาล คิดว่านักรับฉีไห่ขั้นกลางจะสามารถทนไหวรึอย่างไร ยังจะบอกว่าเขาอ่อนแออีกอย่างนั้นหรือ “


      เจียงเฉินและหวงต้าถึงกับพูดไม่ออก แม้แต่ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ยังไม่สามารถทนพลังเยือกแข็งของหยานเฉินหยู่ได้ ไม่ต่องพูดถึงนักรับฉีไห่ บางครั้งคุณสามารถกินสิ่งที่คุณต้องการ แต่คุณไม่อาจจะบอกว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการ หยานเฉินหยู่ไม่เหมือนเด็กสาวทั่วไป นางอาศัยอยู่ภายในเมืองสีชาด แต่หลังจากที่ได้เดินทางไปกับเจียงเฉินและหวงต้า นางได้เติบโตขึ้นโดยคุ้นชินกับการฆ่า


“ได้ยินรึเปล่า ในที่สุดผลการต่อสู้ระหว่างศิษย์ภายในของสี่นิกายได้ประกาศออกมาแล้ว”


“ผลเป็นไงบ้าง ใครได้ที่หนึ่ง ข้าได้ยินมาว่า เหลียงเซียว จากนิกายกระบี่สวรรค์ ไป่หูไต้ จากหุบเขาสุขสันต์ และกวนอี้หยุน ทั้งสามอยู่อาณาจักรแก่นแท้สวรรค์ขั้นปลาย การแข่งขันของศิษย์ชั้นในนี้ แท้จริงแล้วเป็นการจัดการแข่งขันระหว่างสามคนนี้ต่างหาก “


“พูดถูก ทั้งสามคนนั้นเป็นเหมือนอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ พวกเขาแต่ละคนต่างมีความสามารถที่แข็งแกร่งเพื่อที่จะหาผู้ที่แข็งแกร่ง ข้าเกรงว่าจะเกิดความเสียหาแก่ทั้งสองฝ่าย”


“พวกเจ้าคิดผิดแล้ว ! ที่หนึ่งในปีนี้คือ หนานเป่ยเฉา แห่งนิกายอัคคีผลาญฟ้า”


 …………………………………………………..


ในระหว่างทาง การแข่งขันของแคว้นฉีได้กล่าวถึงจากทุกๆที่  มันยากมากที่เจียงเฉินจะไม่ได้ยิน


“การแข่งขันของแคว้นฉี?”


เจียงเฉินถาม


“การแข่งขันนี้จัดร่วมกันระหว่างสี่นิกายใหญ่ในแคว้นฉี มันจัดขึ้นทุกๆปี มันแบ่งออกเป็นการแข่งขันภายใน และการแข่งขันภายนอก เหตุที่เรียกว่าการแข่งขันประจำแคว้นฉีและไม่ใช่การแข่งขันของสี่นิกายใหญ่ นั่นเพราะว่า บรรดาปีศาจจากแคว้นฉีได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมได้ ให้โอกาสเท่าเทียมกันกับทุกๆคน แน่นอน นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ในความจริงยังเป็นการแข่งระหว่างสี่นิกายใหญ่ เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายในแคว้นฉีต่างสังกัดสี่นิกายใหญ่ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนทั่วไปเข้าร่วมการแข่งขันประจำแคว้นฉีจะมาเทียบกับเหล่าอัจฉริยะจากบรรดานิกายใหญ่ทั้งสี่”


หวงต้าพูด ดูจากที่มันได้อธิบาย สามารถบอกได้ง่ายๆว่ามันคุ้นเคยกับแคว้นฉี


“หนานเป่ยเฉา? ข้าไม่เคยได้ยินนามนี้มาก่อน ข้ารู้เพียงแค่ชายจากนิกายอัคคีผลาญฟ้านาม หวู้ เฉิง แต่ในการต่อสู้กับกวนอี้หยุนเมื่อสองเดือนก่อน เขาได้พ่ายแพ้ ข้าคิดว่านิกายอัคคีผลาญฟ้าจะพ่ายแพ้การแข่งครั้งนี้……..หนานเป่ยเฉาเป็นใครกัน?”


“บางทีพวกเจ้าอาจไม่เคยได้ยิน แต่หนานเป่ยเฉาผู้นี้มาจากไหนกัน! เขาเพิ่งอายุสิบแปดปีแต่เขาอยู่ขั้นอาณาจักรแก่นแท้สวรรค์ขั้นกลาง! พรสวรรค์ของเขาไร้ผู้เทียบเคียงและด้วยระดับแก่นแท้สวรรค์ขั้นกลางได้เอาชนะกวนอี้หยุนและอีกสองคนได้ และได้ขึ้นลำดับที่หนึ่งในการแข่งขันภายใน! เขาสุดยอดจริงๆ”




************************************************************************


จบแล้วจ้า  


โปรดติดตามตอนต่อไป

 

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments