I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 87 เหนือกว่าทุกๆคน

| Dragon-Marked War God | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

 

แปลไทยโดย Subaru-Kyun

ตรวจทาน       Subaru-Kyun

=====================================================

“ก่ะ ก่ะ เห็นไหมล่ะ? ข้าบอกแล้วว่ามันต้องเข้าที่หนึ่ง!”

หวงต้า มีท่าทางอย่างผู้ชนะ ส่วนผู้คนที่เล่นพนันกับมัน ต่างมีเส้นสีดำปรากฏบนหน้าผากของพวกเขา แต่ละคนกัดฟันแน่น พวกเขาอยากฉีกเจ้าหมานี่ให้เป็นชิ้นๆ

“เจ้าเด็กประหลาดนี่มาจากไหนกัน? มันแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?”

“ฮึ่ม มันต้องโกงแน่ๆ ! มิเช่นนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยังคงใจเย็นและผ่อนคลายเช่นนี้”

“อย่ากังวลไป..! มันยังไม่จบเสียหน่อย ราชันย์ปีศาจน้อยกับหลี่หวู่ซวงอีกเดี๋ยวก็ตามเขาทันแล้ว”

……………………………………………………………………

เหล่าผู้คนที่ลงเดิมพันต่างผิดหวัง ยังมีบางคนพยายามที่จะปลอบโยนพวกเขาเอง โดยหวังจนแทบจะหยุดหายใจว่าราชันย์ปีศาจน้อย และหลี่หวู่ซวงจะตามเจียงเฉินทัน และกำจัดมันไปซะ

เมื่อเจียงเฉินกระโดดขึ้นไปบนขั้นที่แปดสิบ ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น

บนจุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์ หนานเป่ยเฉา กับอีกสามคนต่างแสดงท่าทีเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเหลียงเซียว จากนิกายกระบี่สวรรค์ ผู้สังเกตเจียงเฉินมาตั้งแต่เริ่มต้น เขามีสีหน้าตกตะลึง

“เจ้าเด็กนั่นมันเป็นใครกัน? มันมาถึงขั้นที่แปดสิบภายใต้แรงกดดันของพวกเรา แถมยังแซงราชันย์ปีศาจน้อยและหลี่หวู่ซวงมาได้?” เหลียงเซียวถามด้วยท่าทางตกตะลึง

“ช่างน่าสนใจเสียจริง ดูคลื่นพลังหยวนของเขานั่นสิ เขาอยู่เพียงอาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้นเท่านั้น ดูเหมือนว่าเขามีความลับบางอย่างที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว”

ไป่หัวไต๋มีท่าทีทรงเสน่ห์ รูปร่างของนางให้ความรู้สึกยั่วยวนใจ เสียงอันสุดแสนเซ็กซี่ของนางมากพอที่จับใจทุกคน ดวงต่อที่สวยงามของนางจ้องลงไปยังเจียงเฉิน นางสนใจในตัวชายหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ

“มาปล่อยแรงกดดันวิญญาณของพวกเราพร้อมกันเถอะ”

หนานเป่ยเฉาพูดอย่างเย็นชา พร้อมปลดปล่อยแรงกดดันวิญญาณอันแรงกล้า แรงกดดันวิญญาณ กับ พลังวิญญาณ ทั้งสองอย่างแตกต่างกัน แรงกดดันวิญญาณนั้นเป็นอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ มันมาจากความแข็งแกร่งภายในยอดฝีมือ และใช้วิธีการที่พิเศษเพื่อดึงพลังออกมาใช้ มันไม่สามารถมองเห็นหรือจับต้องได้ มันจะส่งผลไปถึงจิตวิญญาณโดยตรง

“เจ้าพูดถูก เราจะให้เขาไปถึงขั้นที่เก้าสิบไม่ได้ แน่นอนว่าเราไม่มีทางปล่อยให้เขาขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ มิฉะนั้นพวกเราทั้งหมดต้องอับอายขายหน้าเป็นแน่”

เหลียงเซียว พูด

อีกสามคนต่างเห็นด้วยกับเหลียงเซียว พวกเขาทั้งสี่ถือเป็นตัวแทนของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นเยาว์ ถ้าพวกเขารวมพลังกันแต่ไม่สามารถหยุดยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้นไว้ได้ พวกเขาต้องอับอายขายหน้าแน่แท้

ในเวลานี้ หนานเป่ยเฉาและอีกสามคนปลดปล่อยแรงกดดันวิญญาณของพวกเขาในทันที โดยที่มุ่งเน้นไปยังเจียงเฉิน ทันใดที่แรงกดดันเพิ่มขึ้น ราชันย์ปีศาจน้อยกับหลี่หวู่ซวงถึงกับเป็นอัมพาต พวกเขาอยู่บนชั้นที่เจ็ดสิบแต่พวกเขาไม่สามารถขยับขึ้นไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียว บางคนถึงกับถอยหลังลงไป

เจียงเฉินเริ่มโคจรพลังด้วยทักษะร่างแปลงมังกร แรงกดดันรอบตัวเขาพลันหายไปในทันที พลังวิญญาณพวกนี้ เขาไม่สนใจมันแม้แต่นิดเดียว เขามีทักษะรากวิญญาณยอดเยี่ยม ทักษะนี้ช่วยให้จิตวิญญาณของเขาทะลวงผ่านสู่อาณาจักรแก่นแท้สวรรค์ ด้วยความช่วยเหลือของทักษะนี้ แรงกดดันวิญญาณจึงไม่ส่งผลต่อเขา

ที่สำคัญที่สุดเจียงเฉินได้ปลดปล่อยออร่าของเซียนออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อออร่าเหล่านั้นรวมเข้ากับสภาพแวดล้อม ต่อให้มีคนปลดปล่อยพลังหยวน หรือแรงกดดันที่มองไม่เห็น ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อเขา

แม้ว่าเจียงเฉินในตอนนี้จะยังไม่ถึงขั้นเซียน แต่เขาไม่มีทางถูกสยบเพียงแค่ยอดฝีมือแก่นแท้สวรรค์อ่อนแอไม่กี่คน

“ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหมดอยากจัดการข้า งั้นข้าจะให้พวกเจ้าต้องอับอาย”

ดวงตาของเจียงเฉินเป็นประกาย ความตั้งใจเดิมของเขาเพียงแค่อยากจะเป็นที่หนึ่ง เขาไม่เคยคิดจะขึ้นไปบนจุดสูงสุด อย่างไรก็ตาม หนานเป่ยเฉากับอีกสามคน ตั้งใจมาขัดขวางเขา พวกเขาทำให้จิตวิญญาณการต่อสู้ของเจียงเฉินลุกโชนขึ้นมา

ในเส้นทางการฝึกตนนั้น แรงผลักดันและจิตวิญญาณการต่อสู้ เป็นสิ่งสำคัญมาก อย่างเช่นตอนนี้ เมื่อเผชิญกับแรงกดดันของยอดฝีมือทั้งสี่ ถ้าเจียงเฉินยอมจำนนต่อพลังของพวกเขา ถ้าหากเกิดเช่นนั้นขึ้นใจของเขาจะจมปลักกับความล้มเหลว มันจะกลายเป็นปมในหัวของเขา ปมนั้นก็จะเป็นอุปสรรค์ในการบ่มเพาะพลังในอนาคต

เพื่อที่จะคลายปมนี้ออกได้อย่างราบรื่น เจียงเฉินจำเป็นต้องขึ้นไปถึงจุดสูงสุดและไปยืนข้างพวกเขาทั้งสี่ ในจิตใจของเจียงเฉิน ไม่มีผู้ใดที่เหนือกว่าเขา และจะไม่มีทางให้มันเกิดขึ้น

เจียงเฉินไม่เคยมองขึ้นไป ในจิตใจของเขายังคงเป็นเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถนั่งในตำแหน่งผู้นำ คอยมองลงไปยังทุกคนจากจุดสูงสุด

ต่อหน้าเจียงเฉิน แม้แต่มังกรก็ต้องหมอบราบ เสือก็ต้องนั่งลง ไม่เว้นกระทั่งบุตรแห่งโชคชะตาอย่างหนานเป่ยเฉา ก็ไม่ควรหยิ่งทะนงต่อหน้าเจียงเฉิน

นี่คือเจียงเฉิน หลังจากที่เขากลับมาเกิดใหม่ เขาต้องการเดินไปยังเส้นทางของผู้ที่เหนือกว่า ปกครองทุกคน มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่อาจเทียบกับเขาได้

“ดูนั่นสิ! ชายหนุ่มคนนั้นไปถึงขั้นที่แปดสิบ ได้ดึงดูดอัจฉริยะทั้งสี่ พวกเขาปลดปล่อยแรงกดดันที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ข้าว่าอีกไม่นานเขาต้องถอนตัวเพราะทนแรงกดดันไม่ไหวเป็นแน่”

“ชายหนุ่มคนนั้นมาจากไหนกัน? เขาช่างกล้าจริงๆ”

“เขายังไม่หล่นลงไปอีกรึ! ดูเหมือนเขาจะต้านทานแรงกดดันของยอดฝีมือทั้งสี่ได้ ช่างน่ากลัวเสียจริง เขาเป็นแค่ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์มิใช่หรอกรึ? เขากล้าดียังไงถึงได้ต่อกรกับสี่อัจฉริยะ มิใช่ว่าเขารนหาที่ตายหรอกรึ..? “

ไม่มีใครสามารถทนใจเย็นได้อีกต่อไป สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังชายหนุ่มในชุดขาวที่กำลังยืนใกล้ถึงจุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์ ผมดำยาวสะบัดตามกระแสลม และภายใต้แรงกดดันจากอัจฉริยะทั้งสี่ เขายังยืนอย่างมั่นคงดั่งขุนเขา

“ท่านพี่เจียงเฉินกำลังทำอะไรคะเนี่ย? ตอนนี้เขาอยู่อันดับหนึ่งแล้ว ทำไมเขาต้องปีนขึ้นไปต่อด้วยละคะ?”

หยานเฉินหยู่ ถามด้วยท่าทีมึนงง

“สาวน้อย เจ้าไม่รู้อะไรเลยสินะ เจ้าเด็กนั่นเป็นเจ้าของออร่าของบุคคลที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่มีทางที่จะอนุญาตให้ผู้ใดก็ตามอยู่เหนือเขา ถ้าหากเขาทำเช่นนี้ ปมภายในใจเขาก็จะคลี่คลายลงได้ เจียงเฉินต้องการปีขึ้นไปบนจุดสูงสุดและยืนข้างอัจฉริยะทั้งสี่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องทำให้มันจบลง และจำต้องล่วงเกินสี่อัจฉริยะ อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาคิดได้อย่างราบรื่น ช่วยให้การบ่มเพาะพลังของเขาง่ายยิ่งขึ้นในอนาคต เส้นทางการฝึกตนคือปาฏิหารย์ ทุกๆปาฏิหารย์คือโอกาสที่ดี มันเป็นกระบวนการเรียนรู้ บางทีเจ้าหนูเจียงเฉินอาจจะทะลวงผ่านอาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางก็เป็นได้ “

ดวงตาของหวงต้าส่องประกาย ตลอดการเดินทาง เจียงเฉินได้พิสูจน์ตนเอง ว่าเขาเป็นคนที่เตรียมการล่วงหน้าเสมอ เขาทั้งชาญฉลาดและมีความคิดสร้างสรรค์ เมื่อมองตามันจะรู้ได้ว่ามันมีอะไรมากกว่าทีคิด แม้ว่าเขาจะยังเยาว์วัยอยู่ แต่หวงต้าปฏิบัติต่อมันเฉกเช่นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์

ครืนน…..!

บนจุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์ แรงกดดันของทั้งสี่ ก่อตัวเป็นไต้ฝุ่น ก่อให้เกิดลมแรงขึ้นมา เจียงเฉินยกหัวของเขาขึ้นมองไปยังคนทั้งสี่บนจุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์ รอยโค้งปรากฏบนริมฝีปากของเขา แสดงถึงความหยิ่งยโส ในสายตาของเจียงเฉิน แรงกดดันเหล่านี้เป็นได้เพียงกระแสลมในฤดูใบไม้ผลิที่อันอบอุ่นเท่านั้น

ข้างหลังเขา ราชันย์ปีศาจน้อย และหลี่หวู่ซวงมองไปยังเจียงเฉินยืนที่อยู่กลางแรงกดดันขนาดใหญ่ราวกับไต้ฝุ่น พายุได้โหมกระหน่ำในจิตใจของพวกเขา

ณ ตอนนี้ ไม่ว่าจะอยู่บนเส้นทางสู่สวรรค์ หรือฝูงชนภายในจตุรัสเมืองสุริยันโคจร พวกเขาทั้งหมดต่างกลั้นหายใจ และหยุดส่งเสียงดัง ทุกคนต่างอยากรู้จัก ม้ามืดที่พึ่งจะปรากฏตัวนี้ ชัดเจนว่าเขากำลังกระตุ้นศักดิ์ศรีของพวกเขา อัจฉริยะทั้งสี่?

ภายใต้สายตาคนกว่าสามแสนคน ในที่สุดเจียงเฉินกระโดดไปข้างหน้า เขากระโดดขึ้นไปบนอากาศ เขากระโดดข้ามไปสิบขั้นในทันที ตอนนี้เขาอยู่ขั้นที่เก้าสิบแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น …!”

ทุกคนพูดอย่างตกตะลึง พวกเขามองไปยังเจียงเฉินเหมือนมองเห็นผี เขายังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่อีกรึ? นั่นแรงกดดันของสีอัจฉริยะเชียวนะ ภายใต้แรงกดดันนั่นเขายังข้ามสิบขั้นภายในครั้งเดียวเนี่ยนะ นี่มันบ้าชัดๆ..!

“บัดซบ ! เจ้าหมาสีเหลืองนั่นมันรู้ถึงว่าเจ้าหนุ่มนั่นเป็นสัตว์ประหลาดอยู่ก่อนแล้วสินะ”

“เจ้าหมาสีเหลือง เจ้ามันหมาชั่วร้ายเสียจริง เอายาฟื้นมนุษย์เราคืนมาเร็วเข้า”

เหล่าคนที่ลงเดิมพันกดฟันของพวกเขาแน่น มองไปที่หวงต้า

สายตาของพวกเขาราวกับจะฆ่าคนได้ หวงต้าไม่สนใจ มันยกหัวของมันขึ้นและพูดว่า “ดูใบหน้าที่น่าสงสารนั่นสิ ยาฟื้นพลังมนุษย์แค่หนึ่งร้อย สองร้อยเม็ด มันเป็นการพนันอย่างตรงไปตรงมาทุกคนก็รู้มิใช่รึไง บิดาเจ้าผู้นี้เคยบังคับให้เจ้าพนันรึไร ถึงได้มีคนมาโวยวายจะเอาเงินคืน? เจ้าบ้าตัวไหนมันต้องการจัดการบิดาผู้นี้เพราะไม่คืนให้? เจ้าบ้าพวกนั้นอยู่ไหน? มาปรากฏตัวต่อหน้าบิดาผู้นี้เดี๋ยวนี้..!”

หวงต้ายกอุ้งเท้าของมันขึ้นและตวาดออกไป คนเหล่านั้นไม่อาจหักล้างคำพูดของมันได้ ทำได้เพียงหุบปากของพวกเขาลง

บัดซบ! น่าโมโหเสียจริง พวกเขาถูกหลอกโดยหมา แต่พวกเขาทำได้เพียงโทษแต่คนอื่น ช่างน่าขบขันเสียจิง
บนจุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์ หนานเป่ยเฉา กวนอี้หยุน กับอีกสองคนมีท่าทีเปลี่ยนไปอีกครั้ง พวกเขาสัมผัสถึงพลังหยวนของเจียงเฉินได้ชัดเจน ว่าเขาอยู่แค่เพียงแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น ด้วยระยะทางใกล้ขนาดนี้ ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์รุ่นเยาว์สามารถทนแรงกดดันวิญญาณของทั้งสี่อัจฉริยะได้ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ

และนี่ยังห่างจากจุดสิ้นสุดของเขา

เจียงเฉินขยับตัวอีกครั้ง เขายกขาของเขาและข้ามไปอีกห้าขั้น ตอนนี้เขาอยู่ขั้นที่เก้าสิบห้า

“รวมแรงกดดันวิญญาณของพวกเรา ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะทนได้นาน”

เหลียงเซียว พูดอย่างเยือกเย็น

อัจฉริยะทั้งสี่เพิ่มแรงกดดันขึ้นอีกครั้ง หวังให้เจียงเฉินถอยลงไป และดูปฏิกิริยาของเจียงเฉิน เขาต้องการขึ้นมายังจุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์เป็นแน่ ไม่ต้องพูดถึงจุดสูงสุดแค่ขึ้นถึงขั้นที่เก้าสิบห้า ในปีที่ผ่านมาก็เป็นอะไรบางอย่างที่เป็นไปไม่ได้

เจียงเฉินไม่เคยสนใจหน้าตาของอัจฉริยะทั้งสี่อะไรนั่น ในใจของเขานั้นถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข โคจรพลังจากทักษะร่างแปลงมังกรรวดเร็วยิ่งขึ้นและ เร็วขึ้นไปอีก เมื่อเป้าหมายของเขาสำเร็จ การบ่มเพาะพลังของเขาจะก้าวสู่ขอบเขตใหม่

ตึง!

เจียงเฉินก้าวขึ้นไปอีกครั้ง ขึ้นไปเรื่อย บนขั้นที่เก้าสิบหก เก้าสิบเจ็ด เก้าสิบแปด จนมาหยุดที่ขั้นที่เก้าสิบเก้า อีกขั้นเดียวเขาก็จะได้ขึ้นไปยืนข้างๆสี่อัจฉริยะ

“สวรรค์ !! เขาขึ้นไปถึงขั้นที่เก้าสิบเก้า ของยังเป็นคนอยู่รึเปล่า?!”

“เขาต้องการจะทำอะไร? อย่าบอกนะว่าเขาต้องการขึ้นไปบนจุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์? แค่ที่เขายืนอยู่ตรงนั้นก็ถือเป็นการหักหน้าอัจริยะทั้งสี่แล้ว เขารนหาที่ตายรึไง”

“นี่มันช่างเร้าใจอะไรเยี่ยงนี้ มันตื่นเต้นมากเหลือเกิน สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันผิดคาดจริงๆ ข้าคิดว่าคนที่แข่งกันได้อันดับหนึ่งจะเป็นราชันย์ปีศาจน้อย และหลี่หวู่ซวงเสียอีก แต่ไม่คิดว่าจะมีม้ามืดที่แข็งแกร่งขนาดนี้”

หลายคนต่างตกตะลึง ความสามารถของเจียงเฉินเป็นที่น่าตกตะลึง การแข่งขันประจำแคว้นฉีจัดขึ้นมาหลายปีก่อน แต่ไม่มีผู้ใดสามารถยืนบนจุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์มาก่อน วันนี้มีม้ามืดได้ทำลายสถิติที่เคยมีมา และได้สร้างปาฏิหารย์ให้เป็นที่ประจักษ์สู่สายตาผู้คน

ราชันย์ปีศาจน้อยส่ายหัวของเขาและยิ้มขึ้นมา เขามองเจียงเฉินไม่ผิดเลยจริงๆ ตั้งแต่พบที่ภัตตาคารจันทราสีเงิน เขาก็รู้สึกได้ว่าเจียงเฉินนั้นไม่ธรรมดา แต่เขานึกไม่ถึงว่าเจียงเฉินจะน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้

หนานเป่ยเฉา ผู้มีผมสีแดง มองไปยังเจียงเฉินด้วยสายตาคมกริบก่อนพูดอย่างเย็นชาว่า
“ลงไปซะ!!”

=====================================================

โปรดติดตามตอนต่อไป 🙂

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments