ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
แปลไทยโดย Takumi Kun
ตรวจทาน Subaru-Kyun
=================================================================
ดวงตาหนานเป่ยเฉาส่องประกายแสงสีแดงขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ณ จุดนี้ เหล่าอัจฉริยะจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ได้ถอนแรงกดดันกลับ พวกเขาตระหนักได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขานั้นจะต้องทำการบ่มเพาะทักษะลับที่สามารถทำให้เขาต้านแทนแรงกดดันใดๆได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องกระทำต่อ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถที่จะให้เขาขึ้นก้าวสุดท้ายได้ หากมีคนที่ได้รับอนุญาตให้เดินขึ้นมาเคียงข้างกับพวกเขา พวกเขาจะเสื่อมเสียเกียรติภูมิทั้งหมดของพวกเขา
“เจ้าหนุ่ม หากเจ้ากล้าที่จะก้าวขึ้นมาอีกเพียงก้าวเดียว เจ้าควรจะรู้ถึงผลที่ตามมา”
เหลียงเซียวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุร้าย
“ฮี่ฮี่ น้องชายมีความสามารถยอดเยี่ยมนัก เจ้าสามารถที่จะตัดสินใจเข้าร่วมหุบเขาสุขสันต์หลังจากนี้ได้นะ! พี่สาวคนนี้จะดูแลเจ้าอย่างดีเอง!”
ไป่หัวไต๋หัวเราะคิกคักออกมาดั่งดอกไม้บาน เหล่าผู้ที่มาจากหุบเขาสุขสันต์ไม่ได้สนใจถึงเกียรติแม้แต่น้อย
“หากข้าไม่ยอมถอยกลับ ถ้างั้นอะไร? อย่าบอกนะว่าท่านจะใช้กำลังทำให้ข้าลงไป?”
เจียงเฉินยิ้ม เขามองสวนกลับหนานเป่ยเฉาและเหลียงเซียวโดยไม่มีความหวาดหวั่นบนใบหน้าของเขา
บังคับให้เขาลงไปด้วยตัวพวกเขาเอง?
มันเป็นไปไม่ได้ หากพวกเขาทำเช่นนั้น ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะสูญเสียหน้าและเกียรติทั้งหมด การแข่งขันประจำแคว้นฉีเป็นที่รู้จักกันในความโปร่งใสและตรงไปตรงมา มันเป็นการแข่งขันอย่างยุติธรรม มีผู้ชมหลายร้อยหลายพันที่กำลังยืนอยู่ที่จตุรัสสุริยันโคจร หากทั้งสี่กล้าที่จะบังคับเขาลงไป มันจะทำให้ฝูงชนเกิดการบ้าคลั่งได้และการแข่งขันประจำแคว้นฉีจะไม่สามารถจัดขึ้นได้อีก
เจียงเฉินมีลักษณะท่าทางสงบนั้นสร้างความตกตะลึงแก่เหล่าอัจฉริยะทั้งสี่ โดยทั่วไปแล้วศิษย์แก่นแท้มนุษย์ได้พบพวกเขา มักจะมีท่าทางเคารพและมีมารยาทที่ดี และสำหรับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาดูไม่แยแสและสงบ นั้นทำให้อัจฉริยะทั้งสี่ประหลาดใจและกลิ่นอายอันโดดเด่นของชายหนุ่มนั้นเปล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว มันทำให้พวกเขารู้สึกตกใจและรู้สึกถึงความทรงอำนาจ
เขาเป็นเพียงแค่ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์แต่พวกเขารู้สึกเหมือนผู้ที่อยู่เหนือกว่าพวกเขา นี่มันเหลวไหลชัดๆ
“เจ้ามีนามว่าอะไร?”
หนานเป่ยเฉาถามออกมาพร้อมยิ้มเย็น
“เจียงเฉิน”
เจียงเฉินชำเลืองมองด้วยตาสดใสของเขา มองด้วยแววตาที่คมกริบจ้องกลับไปยังหนานเป่ยเฉา เขาเป็นเพียงแค่อัจฉริยะรุ่นน้องเท่านั้นและยังทำตัวอยู่เหนือเจียงเฉินด้วยลักษณะที่สง่างามของเขา หนานเป่ยเฉาหวังไว้ว่าจะสร้างความหวาดกลัวในใจของเจียงเฉิน แต่เขายังห่างไกลจากความชำนาญในสิ่งนี้
เจียงเฉินไม่เคยรู้สึกเกรงกลัว
“หากเจ้ากลับไปตอนนี้ ข้าจะให้เจ้าเข้านิกายอัคคีผลาญฟ้า”
หนานเป่ยเฉาพูดเบาๆ
“ขออภัยด้วย แต่ข้าไม่สนใจ”
หลังจากคำพูดนี้ออกจากปาก เจียงเฉินได้ขึ้นตรงไปอีกขั้นและลงบนจุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์ ตอนนี้เขาได้เผชิญหน้ากับหนานเป่ยเฉาและอัจฉริยะอีกสามคน
เปรี้ยง!
ในตอนนั้นเอง ท่าทีของหนานเป่ยเฉาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คลื่นแห่งความโกรธได้ระเบิดออกมาจากตัวของเขาและมีลำแสงเย็นยะเยือกออกมาจากตาของเขา เขาดูน่ากลัวอย่างมาก
เหลียงเซียวเองก็มีเจตนาสังหารในทันที ชายหนุ่มโอหังตรงหน้าพวกเขานั้นได้ฉีกหน้าของพวกเขาต่อหน้าคนเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามไป่หัวไต๋แสดงท่าทียั่วยวนออกมา ดวงตาเซ็กซี่คู่นี้มองตรวจสอบเจียงเฉินแสดงออกถึงว่าสนใจอย่างมาก สำหรับนางนั้นศักดิ์ศรีไม่สามารถเทียบได้กับเงิน
กวนอี้หยุนยังคงประพฤติอย่างเยือกเย็น เขาเป็นคนที่มีเกียรติ เขาเชื่อว่าเจียงเฉินมาถึงพวกเขาได้ด้วยความสามารถของเขาเอง
ตอนนี้ฝูงชนในจตุรัสสุริยันโคจรเริ่มตื่นเต้น ไม่มีผู้ใดคิดว่าเจียงเฉินจะสามารถขึ้นขั้นสุดท้ายและยืนเคียงข้างสี่อัจฉริยะได้
“สวรรค์! เขาสามารถไปยังจุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์ได้จริงๆ! การแข่งขันประจำแคว้นฉีได้จัดขึ้นทุกๆปีมาหลายปีแล้วและวันนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนขึ้นไปยังจุดสูงสุดได้!”
“ชายหนุ่มผู้นี้มาจากแห่งใดกัน? เขามีนามว่าอะไร? ไม่มีแค่เขามีฝีมือ เขายังมีความกล้าหาญอย่างมาก ตอนนี้ข้าได้เคารพเขา”
“ปาฏิหารย์ชัดๆ! ชายหนุ่มผู้นี้ได้สร้างปาฏิหารย์ใหม่ขึ้นมา! นี่เป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกในการแข่งขันประจำแคว้นฉีที่มีคนที่ไม่ใช่คนของสี่นิกายใหญ่ได้อันดับหนึ่งและเป็นผู้ที่สามารถขึ้นไปยังจุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์! การเดินทางมาครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว! นามของเขาจะต้องจารึกในประวัติศาสตตร์ของการแข่งขันอย่างแน่นอน”
“บรรยากาศตอนนี้มีอะไรผิดปกติ….ชายหนุ่มผู้นั้นหาญกล้าที่ขึ้นขั้นสุดท้าย ขึ้นสู่จุดสูงสุดและยืนเคียงข้างเหล่าสี่อัจฉริยะ! เขาได้ฉีกหน้าพวกเขา! ดูท่าทางของหนานเป่ยเฉาสิ เหมือนคนที่กำลังจะฆ่าคนได้!”
“ใช่แล้ว ชายหนุ่มผู้นี้ทั้งบ้าบิ่นเกินไป แม้ว่าเขาจะสร้างปาฏิหารย์ขึ้นมา เขาก็ได้ล่วงเกินหนานเป่ยเฉา นี่ไม่ใช่เรื่องสนุก เขาจะต้องลำบากแน่ๆ!”
………………………………………………………………………
ทุกๆคนต่างนินทากัน นี่เป็นการกำเนิดปาฏิหารย์ขึ้นและเปิดตัวม้ามืด มันเป็นที่แน่นอนว่าจะต้องจารึกลงไปในประวัติศาสตร์การแข่งขันประจำแคว้นฉี
ขณะที่ผู้คนต่างชื่นชมความสามารถของเจียงเฉิน พวกเขาชื่นชมความกล้าหาญของเจียงเฉินมากกว่า มันหายากที่จะมีคนกล้าฉีกหน้าของเหล่าสี่อัจฉริยะ โดยเฉพาะหนานเป่ยเฉาผู้ที่มีชื่อเสียงตอนนี้
หลายๆคนเริ่มกังวลถึงความปลอดภัยของเจียงเฉิน
ด้านบนของเส้นทางสู่สวรรค์ เมื่อเจียงเฉินขึ้นขั้นสุดท้ายถึงจุดสูงสุด เป้าหมายของเขาได้บรรลุแล้ว การโคจรทักษะร่างแปลงมังกรได้เพิ่มขึ้นทวีคูณทันทีและตราประทับมังกรได้กำลังก่อตัวขึ้นในทะเลลมปราณของเขา
นี่เป็นความศักดิ์สิทธิ์ โอกาสและประโยชน์ที่ได้รับมันมหาศาลอย่างมาก โดยการใช้โอกาสนี้ เขามีโอกาสที่เขาจะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง
ในเพียงเสี้ยววินาที มีตราประทับมังกรหกดวงได้ถูกสร้างขึ้นในทะเลปราณของเขา และที่มีอยู่แล้วสิบเก้าดวง ตอนนี้เจียงเฉินได้สร้างตราประทับมังกรไปแล้วยี่สิบห้าดวงแล้ว เขาต้องการที่จะสร้างตราประทับมังกรสามสิบดวงในการที่จะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง
อย่างไรก็ตาม เจียงเฉินเลือกที่จะไม่ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางในตอนนี้ สถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้ไม่เหมาะสำหรับที่เขาจะทำ นอกจากนี้ผลประโยชน์ที่ได้รับจากพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ใช่สามารถเก็บเกี่ยวได้เพียงครั้งเดียว ยังมีเวลาอีกช่วงเวลาหนึ่งที่จะต้องการที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้มากที่สุด
นอกจากนี้การได้ตราประทับมังกรเพิ่มขึ้นมาหกดวงก็ค่อนข้างดี หลังจากนั้น อย่างน้อยที่สุดมันทำให้พละกำลังการต่อสู้ของเจียงเฉินเลื่อนขึ้นอีกระดับ และการทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางนั้นเขาเอาไว้ทำภายหลัง
“เจียงเฉิน ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะปฎิเสธข้า ไม่เคย! เจ้ากำลังแส่หาเรื่อง!”
จิตสังหารของหนานเป่ยเฉาไหลออกมา สายตาของเขาดั่งอสรพิษร้าย ทุกคนที่มองเขาต่างหวาดกลัว อัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นฉีตอนนี้กำลังกราดเกรี้ยว! เขาเป็นบุตรแห่งโชคชะตา และปกติเขาได้อยู่เหนือผู้ใด เขาได้กำเนิดมาพร้อมสิทธิพิเศษ ทุกสิ่งในโลกต้องก้มหัวต่อหน้าเขา
การตระหนักว่าได้กำเนิดมาพร้อมสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่ได้หยั่งรากลึกเข้าไปในความคิดของหนานเป่ยเฉา แม้เขาจะรู้สึกถึงออร่าที่คล้ายกันมาจากเจียงเฉิน เขายังคิดว่าตัวเองนั้นอยู่ระดับสูงกว่าเจียงเฉิน
ในความคิดของหนานเป่ยเฉา ตัวเขานั้นเป็นราชาเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะตั้งคำถามกับคำถามของเขา ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ขัดขืนคำสั่งเขา ดังนั้นเขาจึงกราดเกรี้ยวอย่างมากตอนนี้
“ฮ่าฮ่า หนานเป่ยเฉา เจ้ารู้ดีจริงๆในการทำให้ตัวเองสุขสบายเนี่ย คนอย่างเจ้าไม่มีคุณค่าพอที่จะทำให้ข้าปฎิเสธเจ้า”
เจียงเฉินหัวเราะเสียงดัง ออร่าของผู้เหนือกว่าที่หนานเป่ยเฉาปล่อยออกมานั้นเป็นเพียงแค่มุกตลกต่อหน้าเจียงเฉิน
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
ท่าทางของหนานเป่ยเฉาเย็นชามากขึ้น และจิตสังหารของเขารุนแรงขึ้น
“หนานเป่ยเฉา ตระหนักถึงสถานะของตัวเองในตอนนี้ซะ นี่เป็นการแข่งขันประจำแคว้นฉีและเจ้าเป็นถึงเจ้าภาพที่สำคัญที่สุดของการแข่งขัน คำพูดของเจ้าและท่าทางของเจ้าเป็นหน้าตาของนิกายอัคคีผลาญฟ้า และก็ไม่ได้มีกฎข้อไหนที่ห้ามมิให้มีผู้ใดสามารถขึ้นบนจุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์ เจียงเฉินได้บรรลุเข้าเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขัน เจ้าแน่ใจแล้วรึที่จะจู่โจมเขาต่อหน้าคนจำนวนมาก?”
กวนอี้หยุนเริ่มสอดแทรก เขาไม่ได้ช่วยเจียงเฉิน เขาต้องการทำให้มันแน่ชัดว่าการแข่งขันนั้นยุติธรรม เจียงเฉินสามารถที่จะฉีกหน้าพวกเขาได้ แต่พวกเขาต้องรักษาเกียรติของนิกายใหญ่ทั้งสี่
“ฮึ่ม! กวนอี้หยุน เจ้ากำลังสอนข้าว่าควรทำเช่นไรงั้นรึ? ข้า หนานเป่ยเฉาสามารถทำสิ่งใดก็ได้ที่ข้าต้องการ ไม่ใช่ธุระของพวกขี้แพ้ อย่าลืมเจ้าได้พ่ายแพ้แก่ข้า โดยที่ไม่สามารถที่จะทนต่อการโจมตีมากกว่าสามกระบวนท่า หากเจ้าไม่ได้ยอมแพ้ตอนนั้น เจ้าได้ตายไปแล้ว!”
หนานเป่ยเฉาจ้องกวนอี้หยุน ออร่าของความหยิ่งยโสอย่างที่สุดไหลซึมออกมา
“ฮึ่ม!”
กวนอี้หยุนแค่นเสียงอย่างเย็นชา ความกราดเกรี้ยวปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา แต่ที่หนานเป่ยเฉาพูดนั้นถูกต้อง เขาได้ยอมแพ้จริงๆในการแข่งขันครั้งก่อน
การแข่งขันประจำแคว้นฉีปกติแล้วจะเป็นการแข่งขันระหว่างนิกายใหญ่ทั้งสี่ และเมื่อพวกเขาได้ลงสนามประลอง มันได้กลายเป็นการแข่งขันเป็นตาย เว้นแต่ว่าฝ่ายหนึ่งขอยอมแพ้ เป็นหนทางเดียวที่จะรอดพ้นความตายได้ เงื่อนไขในการได้รับชัยชนะนั้นคือจะต้องสังหารคู่ต่อสู้หรือทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้
ดังนั้น เมื่อหนานเป่ยเฉาเอ่ยถึงเรื่องนี้ ท่าทางของกวนอี้หยุนนั้นไม่พอใจในทันที
หลังจากที่กวนอี้หยุนได้เตือน หนานเป่ยเฉาตัดสินใจที่จะไม่สังหารเจียงเฉิน หากเป็นเวลาอื่นหนานเป่ยเฉาก็คงจะสังหารเจียงเฉินที่นั่นตรงที่ได้ฉีกหน้าเขา แต่สถานการณ์ในตอนนี้นั้นแตกต่าง แม้หนานเป่ยเฉาจะหยิ่งยโส เขายังไม่ต้องการที่จะเสี่ยงถึงเกียรติยศของนิกายอัคคีผลาญฟ้า
“เจียงเฉินเจ้ายอดเยี่ยมมาก”
หนานเป่ยเฉาพูดอย่างไม่แยแส
เจียงเฉินจ้องไปที่หนานเป่ยเฉา เขาหันกลับและกระโดดลงไปจากเส้นทางสู่สวรรค์ เมื่อมาถึงจุดนี้ในช่วงเวลานี้การแข่งขันในรอบแรกได้จบลงแล้ว บรรดาศิษย์จากนิกายใหญ่ทั้งสี่ต่างกระโดดลงจากเส้นทางสู่สวรรค์
ราชันย์ปีศาจน้อยเดินมาหาเจียงเฉินและเอามือวางบนบ่าของเขา เขายกนิ้วโป้งให้เจียงเฉินและพูดว่า “เป็นการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมมากน้องเจียงเฉิน! ข้าล่ะนับถือเจ้าเลย!”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่หยาน เจียงเฉินไม่เคยลืมการช่วยเหลือของท่านที่เมืองจันทราสีเงิน”
เจียงเฉินตอบ เขามีความประทับใจที่ดีต่อราชันย์ปีศาจน้อยฮันหยาน นอกจากนี้ เมื่อตอนที่เขาได้อยู่จุดสูงสุดของเส้นทางสู่สวรรค์ กวนอี้หยุนเองก็มีความประทับใจที่ดีต่อเขาเช่นกัน นี่ทำให้เขาประทับใจนิกายทมิฬเกือบเต็มร้อย
เหล่าศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์ต่างจ้องมองเจียงเฉิน มีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกจากดวงตาพวกเขา ตอนนี้พวกเขาได้รู้เรื่องที่เจียงเฉินได้สังหารศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์และพวกเขาได้ถือว่าเจียงเฉินเป็นศัตรูของพวกเขา ตั้งแต่ที่เจียงเฉินได้ขึ้นอันดับหนึ่งของการแข่งขันในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีความสุขเลย
“ศิษย์พี่หลี่ ชายคนนี้ได้สังหารศิษย์นอกของพวกเราไปสองสามคนขอรับ!”
หลายคนเดินมาหาหลี่หวู่ซวงและกระซิบเขา
“อะไรนะ!”
ท่าทางของหลี่หวู่ซวงเปลี่ยนไป “เป็นแค่พวกโกง มันกล้าดีอย่างไรที่มาสังหารศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์?! มันยังไม่รู้ว่ามันกำลังล้อเล่นกับใคร ฮึ่ม! หากข้าได้เจอมันในรอบสองของการแข่งขัน ข้าจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ ให้มันได้รับรู้ผลของการล่วงเกินนิกายกระบี่สวรรค์!”
“เยี่ยมเลย งั้นฆ่ามัน! ไม่เพียงแค่มันสังหารคนของพวกเรา เขายังไม่แสดงความเคารพต่อศิษย์พี่เหลียงเซียว! มันสมควรตายพันครั้ง!”
จางหลินพูดออกมาอย่างไม่ลดละ เมื่อเขาคิดถึงตอนที่โดนบังคับให้คุกเข่าต่อหน้าเจียงเฉินที่เขาต้นกำเนิด เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก เขาต้องการเป็นสักขีพยานการตายของเจียงเฉินด้วยตาของเขาเอง เพียงเท่านี้ถึงสามารถบรรเทาความเกลียดชังของเขาได้
“น้องเจียง ข้าไม่เคยคาดเลยว่าท่านได้สังหารศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์! ดูจากหน้าพวกเขาแล้ว มันดูเหมือนกับต้องการที่จะกินท่านทั้งเป็น! ข้าคิดว่าวันนี้เจ้าคงลำบากเป็นแน่!”
ฮันหยานหัวเราะและพูดออกมา
เจียงเฉินจ้องมองเหล่าศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ เขามีปฎิกิริยาเพียงแค่ยิ้มตอบ ไม่มีคำพูดใดๆ แต่ดวงตาที่เย็นยะเยือกของเขานั้นแสดงออกถึงความปรปักษ์ หากศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ต้องการที่จะสังหารเขาบนสังเวียนต่อสู้แล้วเขาก็รู้สึกเสียใจต่อพวกเขา เพราะพวกเขาจะต้องผิดหวังอย่างมากแน่
************************************************************************************
จบจ้า……ไม่ค้างนะ