ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
แปลไทยโดย Subaru-Kyun
ตรวจทาน Subaru-Kyun
====================================================
การปรากฏตัวของม้ามืดต่างสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้ชม จิตวิญญาณของผู้คนเดือดพล่าน ชายหนุ่มที่ชื่อเจียงเฉินเป็นผู้สร้างปาฏิหารย์ ขณะเดียวกันหลายคนต่างกังวลถึงความปลอดภัยของเจียงเฉิน เพราะเจียงเฉินได้ล่วงเกินหนานเป่ยเฉา และเหลียงเซียว ทั้งสองมิใช่ผู้ที่สามารถจัดการได้โดยง่าย โดยเฉพาะหนานเป่ยเฉา ดาวรุ่งพุ่งแรงของแคว้นฉี ผู้ที่มีทิฐิและหยิ่งยโส
ศิษย์ทั้งหมดจากสี่นิกายใหญ่มองไปยังเจียงเฉินด้วยสีหน้าหลากหลาย ความสามารถของเจียงเฉินทำให้พวกเขาทั้งหมดเสียหน้า การแข่งขันประจำแคว้นฉีได้จัดขึ้นมาหลายปีก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่อันดับหนึ่งมาจากบุคคลภายนอก
การแข่งขันรอบแรกได้เสร็จสิ้นแล้ว และการแข่งรอบสองกำลังจะเริ่ม การแข่งครั้งนี้เป็นการต่อสู้ นี่เป็นสิ่งที่ผู้คนต่างเฝ้ารอคอยรับชมว่าเพราะอัจฉริยะที่แท้จริงนั้นมาจากราชาของการต่อสู้นี้ แม้ว่าเจียงเฉินจะได้อันดับหนึ่งในการแข่งรอบแรก แต่ไม่มีใครมองว่าเจียงเฉินจะชนะ แม้ว่าเขาจะทนแรงกดดันได้มิใช่หมายความว่าเขาจะต่อสู้ได้ดี
“การแข่งขันรอบแรกได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งสามสิบคนเตรียมพร้อมลงสนามประลอง”
หนานเป่ยเฉาเปิดปากของเขาแล้วพูด สี่อัจฉริยะนิกายใหญ่ได้ขยับร่างกายของพวกเขา แล้วเหาะเหินไปบนอากาศ ไปหยุดบนหอคอยสูงใจกลางจัตุรัส ด้านหน้าหอคอยมีสนามประลองสูงกว่าสองเมตรได้ถูกสร้างขึ้นเพียงพอต่อผู้เข้าแข่งขันทั้งสามสิบคน
สนามประลองได้ถูกออกแบบไว้สำหรับการแข่งขันประจำแคว้นฉี และได้จัดขึ้นที่นี่เหมือนทุกปี ผู้เข้าแข่งขันทั้งสามสิบคน ต้องสู้กันบนสนามประลองแบบ หนึ่งต่อหนึ่ง สนามประลองเพียงสิบห้าแห่งก็เพียงพอต่อผู้เข้าแข่งขันสามสิบคน
ผู้เข้าแข่งขันทั้งสามสิบคนที่อยู่ใกล้เส้นทางสู่สวรรค์ต่างมุงหน้าไปยังสนามประลอง พวกเขาต่างมีจิตมุ่งมันกับการต่อสู้
ความสามารถของพวกเขาโดดเด่นในหมู่ศิษย์ภายในนิกาย พวกเขาต่างอยู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลาย ยกเว้นเจียงเฉินซึ่งอยู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น แต่ตอนนี้เจียงเฉินแข็งแกร่งกว่าก่อนที่เขาจะเดินขึ้นเส้นทางสู่สวรรค์ เขาได้ตราประทับมังกรเพิ่มขึ้นอีกหกดวงส่งผลให้พลังการต่อสู้ของเขาเลื่อนขึ้นไปอีกระดับ และระดับการบ่มเพาะพลังของเขาได้ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น อีกก้าวเดียวเขาก็จะทะลวงผ่านแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางสำเร็จ
บนหอคอย เหลียงเซียวเดินขึ้นมาด้านหน้า แล้วพูดเสียงดัง “เส้นทางสู่สวรรค์เป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอันดับ จะอันดับหนึ่งหรืออันดับสามสิบไม่มีอะไรต่างกัน รอบแรกเป็นเพียงการคัดกรองคนเข้าสู่รอบสองเท่านั้น มีเพียงคนที่มีประสิทธิภาพโดดเด่นในการแข่งขันรอบที่สองเท่านั้น ที่จะสามารถชนะและรับรางวัลสุดท้ายไปครอง”
เป็นที่ชัดเจนว่า คำพูดของเหลียงเซียวนั้นมุ่งตรงไปยังเจียงเฉิน ความหมายนั้นชัดเจน อันดับหนึ่งในการแข่งขันรอบแรกไม่มีความหมาย และการแข่งรอบสองคือสิ่งสำคัญที่สุด
“ศิษย์พี่เหลียง พวกเราอยากทราบว่ารางวัลในปีนี้คืออะไร พอจะบอกได้ไหม?”
บางคนจากนิกายกระบี่สวรรค์ถาม
“ใช่แล้ว บอกพวกเราก่อนสิ จะได้มีแรงจูงใจในการแข่งขัน”
อีกคนพูด ไม่เพียงแต่ผู้เข้าแข่งขันเท่านั้น แม้แต่เหล่าคนดูต่างเต็มไปด้วยความคาดหวัง การแข่งขันประจำแคว้นฉีจัดขึ้นมาโดยสี่นิกายใหญ่ รางวัลต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
“ก็ได้ ข้าจะบอกเดี๋ยวนี้ละ ผู้เข้าแข่งขันที่ชนะเลิศจะได้รับสมบัติสามชิ้น หนึ่งยุทธ์ภัณฑ์ระดับกลาง หนึ่งแหวนเก็บของ กับอีกหนึ่งผลไม้โลกพันปี”
เหลียงเซียวพูดเสียงดัง ทุกคนในจตุรัสได้ยินเขาชัดเจน เมื่อพวกเขาได้ยินรางวัลทั้งสามอย่าง ฝูงชนต่างเดือดพล่าน
“เยี่ยมยอดจริงๆ..!มีเพียงสี่นิกายใหญ่เท่านั้นที่จะมีได้ ยุทธภัณฑ์ระดับกลาง แม้จะเป็นสี่นิกายใหญ่มีเพียงศิษย์ในเท่านั้นที่มีโอกาสครอบครอง และในตอนนี้เป็นหนึ่งในรางวัลของการแข่งขันระหว่างศิษย์นอก! “
“แหวนเก็บของนั้นล้ำค่ายิ่งกว่า มันเก็บของได้มากมายกว่ากระเป๋าเก็บของที่คนทั่วไปใช้ อีกทั้งยังมีขนาดเล็กพกพาสะดวก แถมยังประทับสัมผัสเทวะ ทำให้มีเพียงเจ้าของเท่านั้นที่สามารถใช้ได้”
“ผลโลกาพันปีหายากยิ่งกว่า ข้าได้ยินมาว่ามันเติบโตยากมาก มันต้องใช้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และดูดพลังจากพื้นโลก มันเป็นแก่นพลังของโลก นี้แหละคือรางวัลใหญ่ “
………………….
เสียงตกตะลึงดังขึ้นทุกที่ สำหรับคนทั่วไป สมบัติทั้งสามนั้นหายากเหลือเชื่อ พวกเขาไม่สามารถครอบครองได้แม้กระทั่งในความฝัน เป็นได้เพียงจินตนาการเท่านั้น แต่ตอนนี้มันได้ถูกประกาศให้เป็นของรางวัล แน่นอนว่ามันได้จุดประกายจิตวิญญาณการต่อสู้ของทุกคน การประลองครั้งนี้ต้องเข็มข้นขึ้นเป็นแน่
เจียงเฉินยังคงมีท่าทีสงบ ด้วยประสบการณ์ครั้งหนึ่งของเขาเคยเป็นเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ของเหล่านั้นต่างไร้ค่า เขาไม่เคยแม้จะมองมันมาก่อน ยุทธภัณฑ์ระดับกลางเขาไม่ได้ใส่ใจแม้แต่นิดเดียว แต่แหวนเก็บของนั้นเป็นบางสิ่งที่ดี ตอนนี้เขาใช้กระเป๋าเก็บของธรรมดา ถ้าเขาได้มันมาเขาจะสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการเก็บของในอนาคต
แต่ที่เขาสนใจจริงๆคือผลโลกา มันเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่หาได้ยาก แก่นพลังของโลกที่มีอยู่ในผลโลกาพันปีนั้นไม่มากเท่าไร แต่ก็เพียงพอสำหรับเขาในตอนนี้ ด้วยผลโลการวมกับผลประโยชน์ที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ เจียงเฉินมั่นใจเต็มร้อยว่าเขาจะทะลวงผ่านอาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง หรืออาจมากกว่านั้น
ท่ามกลางฝูงชน หวงต้ากำลังมีความสุขกับการคำนวณสิ่งที่มันเก็บเกี่ยวมาได้โดยไม่สนใจสายตาผู้คนรอบตัวมัน
“เจ้าหมาสีเหลือง เจ้าคิดยังไงกับเจ้าหนุ่มนั่นในการแข่งรอบสองนี้”
ใครบางคน ถามขึ้น
“ยังต้องคิดอีกรึ! แน่นอนว่ามันต้องได้อันดับหนึ่ง!”
หวงต้า พูดอย่างสบายๆ
“อันดับหนึ่ง? มุขตลกอะไรเนี่ย! เจ้าหมาสีเหลือง เจ้ากล้าเล่นพนันอีกครั้งรึเปล่า?”
ชายคนนั้นพูดต่อในทันที เขากลัวว่าหวงต้า จะตอบว่าไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นยาฟื้นพลังมนุษย์ของเขาก็จากไปอย่างถาวร
“แน่นอน! แล้วพวกเจ้าล่ะ?แต่ครั้งนี้ สัดส่วนไม่ใช่หนึ่งต่อสิบ แต่เป็นหนึ่งต่อสอง!”
หวงต้าพูดอย่างจริงจัง ไม่มีใครสังเกตสิ่งที่อยู่ลึกลงไปในตาของเจ้าหมานี่ มันได้ซ่อนความฉลาดแกมโกงไว้ข้างใน
“ฮ่าฮ่า เจ้าหมาเจ้ากลัวหรือไร สัดส่วนหนึ่งต่อสอง ดูเหมือนว่าครั้งนี้เจ้าจะไม่มั่นใจในตัวเจ้าหนุ่มนั่นนะ! เด็กเหลือขอนั่นเพียงแค่แก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คู่มือราชันย์ปีศาจน้อย และหลี่หวู่ซวง! มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นที่หนึ่ง ข้าลงด้วยที่เหลือ ยาฟื้นพลังมนุษย์หนึ่งร้อยเม็ด”
“ใช่แล้ว เพราะเจ้าหมาสูญเสียความมั่นใจ มันถึงได้ปรับลดสัดส่วนเหลือเพียงหนึ่งต่อสอง! มันกลัวว่าชายหนุ่มคนนั้นแพ้การแข่งแล้วมันจะสูญเสียทั้งหมด เพราะงั้นจะไปกลัวอะไร มาเล่นพนันกันดีกว่า”
“ข้าลงด้วย บัดซบ! บิดาเจ้าต้องชนะแล้วเอาคืนมาทั้งหมด”
ในตอนนี้มีคนมาเล่นพนันกันมากกว่าการแข่งรอบแรกเสียอีก ผู้คนที่เสียในรอบแรกต่างหวังว่าพวกเขาจะชนะเอาทุนคืนมาในรอบสอง และผู้คนที่ไม่ได้พนันในรอบแรกต่างไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อว่าเจียงเฉินจะเป็นที่หนึ่ง ในความเป็นจริง การที่สามารถทนแรงกดดันได้ กับการที่สามารถจัดการราชันย์ปีศาจน้อยได้ ทั้งสองอย่างมันต่างกันโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น มุมปากของหวงตาฉีกกว้างจนเกือบถึงหลังหู แผนการชั่วร้ายของมันสำเร็จอีกครั้ง มันเพียงปรับลดสัดส่วนลง ทำให้ผู้คนคิดว่ามันเป็นกังวล ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและส่งยาฟื้นพลังมนุษย์ของพวกเขามา
“ก๊ะ ก่ะ ข้านี่ฉลาดเสียจริง ช่างเป็นธุรกิจที่ง่ายดายอะไรขนาดนี้”
หวงต้ารู้สึกภูมิใจในตัวของมัน มันรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ไม่มีผู้ใดฉลาดกว่าตัวมัน ถ้ามีกระจกอยู่ตรงหน้ามัน มันจะคุกเข่าลงต่อหน้าภาพของมันเอง
ผู้เข้าแข่งขันทั้งสามสิบคนพร้อมแล้ว พวกเขาต่างรอคำสั่งจากหนานเป่ยเฉา
หนานเป่ยเฉาก้าวออกมาข้างหน้า เขาสะบัดมือของเขา สร้างแผ่นไม้ทั้งสามสิบแผ่นสร้างจากไม้สีเขียว บินออกไปเป็นเส้นตรงไปยังหน้าของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน
“มีแผ่นไม้ทั้งหมดสามสิบแผ่น ด้านบนของมันจะสลักไปด้วยเลขหนึ่งถึงสิบห้า ผู้ที่จับได้หมายเลขเดียวกันให้มาแข่งขันกันบนสนามประลองของแต่ละคน “หนานเป่ยเฉาอธิบาย กติกาก็เหมือนการแข่งขันครั้งที่แล้ว หลายคนต่างทราบดี
“น้องเจียง ถ้าเราจับได้เลขเดียวกัน ก็ไม่จำเป็นต้องออมมือ”
ฮันหยานพูดด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน”
เจียงเฉินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“รางวัลของการแข่งขันนี้มีเพียงผู้ที่ได้อันดับหนึ่งเท่านั้นที่สามารถรับไปได้ แต่ความสามารถและอันดับการแข่งขันของทุกคนจะเป็นที่ประจักษ์ในทุกนิกาย นิกายของพวกเจ้าก็จะให้รางวัลเป็นรายบุคคลไปตามผลลัพธ์ ขอให้ทุกคนแข่งขันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี” กวนอี้หยุนพูดเสียงดัง จุดประสงค์หลักคือศิษย์นิกายทมิฬ
“เอาล่ะ เริ่มต้นการแข่งขัน” หนานเป่ยเฉา พูด
ผู้เข้าแข่งขันทั้งสามสิบคนต่างเดินเข้าไปเลือกแผ่นไม้ จำนวนของผู้เข้าแข่งทั้งสามสิบคนนั้นมาจากสี่นิกายใหญ่มีจำนวนใกล้เคียงกัน แปดคนจากนิกายกระบี่สวรรค์และอัคคีผลาญฟ้า เจ็ดคนจากนิกายทมิฬ หกคนจากนิกายหุบเขาสุขสันต์ และเจียงเฉินคนนอก
เจียงเฉินพลิกแผ่นไม้ในมือของเขามีเลข “8” ได้เขียนไว้ นั่นหมายความว่าผู้ที่ได้เลข “8”คือคู่ต่อสู้ของเขา และเขาต้องสู้บนสนามประลองหมายเลข 8
การเลือกนี้ดูเหมือนจะยุติธรรม แต่ที่จริงมันกลับถูกควบคุมไว้อย่างลับๆ ซึ่งในสถานการณ์ปกติ นิกายเดียวกันจะไม่พบกันเองบนสนาม และพวกเขาเพียงสู้กับนิกายอื่น แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น มิเช่นนั้นการแข่งขันก็จะสูญเสียความหมายของมัน
“ข้าจะบอกกฎการต่อสู้อีกครั้ง การต่อสู้นี้คือการต่อสู้เป็นตาย ทางเดียวที่จะรอดพ้นจากความตายคือยอมแพ้เท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างสี่นิกายใหญ่ แต่ถ้ามีความสามารถ จะสังหารคู่ต่อสู้โดยมิให้โอกาสยอมแพ้เลยก็ย่อมได้” หนานเป่ยเฉาพูดด้วยท่าทางโหดเหี้ยม
นี่คือกฎการแข่งขันประจำแคว้นฉี มีเพียงอยู่รอดหรือว่าตายเท่านั้น บนสนามประลอง โอกาสเดียวที่ผู้แพ้สามารถอยู่รอดได้คือยอมแพ้เท่านั้น
“ข้าได้หมายเลข 9 ใครคือคู่ต่อสู้ของข้า”
“บิดาได้หมายเลข 1 บัดซบ! คู่ต่อสู้ของบิดาอยู่ที่ไหนกัน? รีบเข้ามาตายไวๆได้แล้ว”
ชายนักกล้าม ได้กระโดดขึ้นไปบนสนามประลองหมายเลข 1 และตะโกนอย่างหยิ่งยโส เขามาจากนิกายอัคคีผลาญฟ้า เขาอยู่แก่นแท้มนุษย์ขั้นปลาย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส แต่เพียงแค่ไม่นานหลังจากเห็นคู่ต่อสู้ของเขา ความหยิ่งยโสได้สลายหายไปจากใบหน้าของเขา ออร่าที่สง่างามของเขาหายไปในทันที เขารู้สึกเหมือนใบหน้าอันขมขื่นของเขาได้ร่วงลงสู่พื้น
เพราะว่า ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ใช่ใครอื่นเขาคือราชันย์ปีศาจน้อย
“บัดซบ! โชคของบิดาแย่จริงๆ ข้าขอยอมแพ้!”
ชายนักกล้ามได้บ่นสาปแช่ง แล้วหมุนตัวกลับกระโดดลงจากสนามประลองด้วยความเร็วที่เร็วกว่าตอนกระโดดขึ้นสนามประลองเสียอีก แม้ว่าเขาจะหยิ่งยโส แต่เขารู้จักประมาณตนเอง สู้กับราชันย์ปีศาจน้อยไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย!นิกายอัคคีผลาญฟ้าแพ้ไปหนึ่งคนแล้ว ทุกคนต่างกระโดดขึ้นบนสนามประลอง บนสนามประลองหมายเลขแปด ศิษย์ผู้ที่สวมเครื่องแบบนิกายกระบี่สวรรค์ กระโดดขึ้นเข้าสู่สนาม.
====================================================จบแล้วครับ 🙂
To be Continue…..