ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
แปลไทยโดย Takumi Kun , Subaru-Kyun
ตรวจทาน Subaru-Kyun
====================================================
บนสนามประลอง หลิงอ้าวไม่ใช่คนตัวใหญ่ ใบหน้าของเขาคมเหมือนมีด และเขาหน้าตาดีมากๆ เขาได้เปล่งจิตสังหารที่น่ากลัวของเขาออกมาจากทุกส่วนในร่างกายเขา จิตสังหารที่มองไม่เห็นได้ปกคลุมทั่วลานประลอง
“เจ้าหนู เจ้าพอมีความสามารถบ้างจริงๆสินะ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับข้า แค่นั้นมันยังไม่พอ ข้าจะให้โอกาสที่จะรักษาชีวิตของเจ้า ยอมแพ้ซะและคุกเข่าต่อหน้าศิษย์พี่หนานเป่ยเฉาและขอขมาต่อเขาซะ!”
หลิงอ้าวพูดดังก้อง เขาไม่เคยที่จะปิดบังความเย่อหยิ่งของเขา มันเห็นได้ชัดจากท่าทางของเขาว่าเขานั้นไม่ได้คิดจะจริงจังกับเจียงเฉิน
ยอมแพ้ คุกเข่าลงและขอขมา
นี่เป็นการข่มเหงอย่างง่ายๆ หากเป็นคนอื่นย่อมหวาดกลัวต่อท่าทีข่มขู่ของหลิงอ้าว แต่ไม่ใช่ในกรณีของเจียงเฉิน
“พล่ามมากจริงวุ้ย”
เจียงเฉินทำท่าทางสูดอากาศ
“ฮึ่ม! เจียงเฉิน เมื่อเจ้าไม่สนใจต่อคำขอของข้า อย่าตำหนิข้าจากนี้ละกัน! จะได้ตายในน้ำมือของข้า เจ้าจะได้ไปยิ้มต่อในปรภพ!”
หลิงอ้าวแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา จิตสังหารที่ออกมาจากร่างกายเขารุนแรงยิ่งขึ้น เขากระทืบเท้าลงทำให้เวทีการแข่งขันสั่นไหวหลังจากนั้นชุดสีดำของหลิงอ้าวเป็นคลื่นบนอากาศ เขาเป็นเหมือนกับลูกศรที่กำลังออกจากคันศรและยิงตรงไปยังเจียงเฉิน เมื่อเขาเริ่มขยับล้มรอบตัวเขาได้รวมกันที่หมัดของเขา และแสงสว่างสีทองคล้ายดาบฟันตรงไปยังเจียงเฉิน
รับรู้ถึงพลังงานที่ทรงพลังเป็นปริมาณมาก ท่าทางของเจียงเฉินกลายเป็นค่อนข้างจริงจัง หลิงอ้าวผู้นี้สมควรแล้วที่จะเป็นหน้าตาของศิษย์นอกของนิกายอัคคีผลาญฟ้า เขาไม่ใช่คนที่อยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายทั่วๆไปสามารถเปรียบได้ หากเทียบหวงเฟิงและหลิงอ้าว พวกเขาอยู่กันคนละชั้น
ทันใดนั้นเจียงเฉินยืดฝ่ามือออกไป เขายึดนิ้วมือทั้งห้าไว้แน่น และเขาได้ปลดปล่อยแสงสว่างสีทองห้าสายออกมา ปะทะกับการโจมตีของหลิงอ้าว หากเป็นเมื่อไม่กี่วันก่อน การที่เจียงเฉินจะจัดการหลิงอ้าวได้นั้น เขาอาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาได้ตราประทับมังกรเพิ่มเติมหกดวง ทำให้พละกำลังการต่อสู้ของเขาเลื่อนขึ้นอีกระดับ เขามีความมั่นใจอย่างสมบูรณ์ว่าสามารถที่จะเอาชนะหลิงอ้าวได้โดยไม่ต้องใช้พยายามมากมาย
เปรี้ยงงงง!
เวทีประลองสั่นไหว พลังงานที่ปะทะกันทำให้อากาศโดยรอบระอุขึ้นระลอกคลื่นที่เกิดจากฉากนี้ ได้กลายเป็นชั้นของคลื่นสีทองขึ้นมาสูงอย่างมาก ในทุกทิศทาง ผู้ชมบางส่วนที่ยืนอยู่ใกล้เวทีประลองรู้สึกหวาดกลัว นี่เป็นการปะทะกันระหว่างอัจฉริยะ!
นี่เป็นเพียงแค่การปะทะแรกเริ่มระหว่างพลังหยวน อาจเรียกได้ว่าการโจมตีแบบหยั่งเชิง มันไม่ได้แสดงถึงพลังที่แท้จริงของทั้งสองฝ่าย หลังจากพลังงานได้กระทบกันแล้ว กำปั้นของหลิงอ้าวที่มีระลอกพลังหยวนได้โถมใส่อีกครั้ง เจียงเฉินไม่ได้สับสน เขายกฝ่ามือซัดสวนกลับ
เพียะ!
หมัดปะทะกับฝ่ามือทำให้เกิดเสียงตบอย่างแผ่วเบา ประกายระยิบระยับได้กระเด็นออกมาจากการปะทะ พลังมหาศาลส่งผลให้อากาศสั่นสะเทือน นี่เป็นการปะทะกันระหว่างพลังหยวน ส่งผลต่อร่างกายพวกเขาเช่นกัน
ตึก ตึก ตึก!
ฉากที่น่าตกตะลึงปรากฎขึ้นอีกครั้ง หลิงอ้าวที่เริ่มโจมตีเข้าไปได้ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว หลังจากการปะทะกันอย่างรุนแรง หลิงอ้าวถูกบังคับให้ถอยไปสามก้าวก่อนที่จะพยุงร่างกายเขา ด้วยแต่ละก้าวของเขาทำให้สนามประลองสั่นไหว
“มันสามารถเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ท่าทางของหลิงอ้าวเปลี่ยนไป แขนของเขารู้สึกชา ความตกตะลึงในใจของเขาได้เติบโตขึ้น เขารู้ถึงความสามารถของตัวเขาเองดี และ มันหายากมากที่จะหาคู่ต่อสู้ที่อยู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ที่สามารถสูสีกับเขาได้ แต่ตอนนี้เขาถูกยอดฝีมือแก่นมนุษย์ขั้นต้นบังคับให้ถอยหลัง นี่มันน่าเหลือเชื่อ!
“สวรรค์! เจียงเฉินมาจากที่ใดกันแน่?! แม้แต่หลิงอ้าวยังถูกเขาบังคับให้ถอยหลัง! ข้าไม่อยากเชื่อเลย!”
“น่าสะพรึงกลัว! หลิงอ้าวเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาว์และเจียงเฉินสามารถทำให้เขาถอยหลังไปได้ในขณะที่ระดับต่ำกว่าเขาถึงสองขั้น! หากข้าไม่ได้เห็นกับตา ข้าจะไม่เชื่อเด็ดขาด!”
“ปีศาจ! เขาเป็นปีศาจ! เจียงเฉินผู้นี้จะต้องถูกจารึกในประวัติศาสตร์ในฐานะสุดยอดม้ามืดผู้ที่เคยเข้าร่วมการแข่งขันประจำแคว้นฉี! นามของเขาจะเป็นที่รู้จักเฉกเช่นเดียวกับหนานเป่ยเฉา”
“อย่าได้ตื่นเต้นจนเกินไป นี่เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนเล็กน้อยเท่านั้น! หลิงอ้าวเป็นหน้าตาของศิษย์นอกของนิกายอัคคีผลาญฟ้า เขาจะต้องมีทักษะที่แข็งแกร่งกว่านี้อยู่เป็นแน่! มันเร็วเกินไปที่จะบอกว่าผู้ใดจะเป็นผู้ที่ยืนเป็นคนสุดท้าย! แต่ว่าตั้งแต่ที่เจียงเฉินได้ชนะการปะทะหมัดครั้งแรก นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงว่าเขามีพรสวรรค์ดุจปีศาจ!
นอกจากนั้นเขาเป็นเพียงแค่ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น หากเขาอยู่จุดสูงสุดของแก่นแท้มนุษย์เหมือนหลิงอ้าว ข้าเชื่อว่าหลิงอ้าวไม่สามารถที่จะยืนหยัดได้จากการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขา”
…………………………………………………………..
ทุกๆคนร้องอย่างตกใจ ความประทับใจที่มีต่อเจียงเฉินได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง และภาพลักษณ์ของเจียงเฉินในใจของพวกเขานั้นได้เลื่อนไปอีกระดับ ในช่วงแรกผู้ชมต่างคิดว่าการแข่งขันนั้นตัดสินไปตั้งแต่เริ่มแล้ว แต่ตอนนี้มันเป็นแค่เพียงเกมการคาดเดา
ศิษย์จากนิกายใหญ่ทั้งสี่ต่างตกตะลึงยึ่งกว่าเหล่าคนนอก ไม่มีผู้ใดยกเว้นตัวพวกเขาเองรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลิงอ้าว ในหมู่ศิษย์นอก มีเพียงแค่ราชันย์ปีศาจน้อยและหลี่หวู่ซวงที่สามารถจัดการหลิงอ้าวได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เจียงเฉินอีกคนหนึ่งที่สามารถทำเช่นนั้นได้เช่นกัน
“ดูเหมือนว่าข้าจะดูถูกเขาไปหน่อย”
มุมปากของฮันหยานยกขึ้น
“เจียงเฉิน เจ้าทำให้ข้าหงุดหงิดจริงๆ! ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าความน่ากลัวที่แท้จริงเป็นเช่นไร!”
หลิงอ้าวตอนนี้เกรี้ยวกราดอย่างมาก เขาได้ปลดปล่อยพลังมหาศาลยิ่งกว่าเก่าออกมาจากร่างเขา พลังงานเหมือนน้ำวนปกคลุมเขา
“ถ้างั้นจงแสดงฝีมือทั้งหมดของเจ้าออกมา มิเช่นนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสอีกภายหลัง”
เจียงเฉินยังคงใจเย็น ท่าทางของเขายิ่งกว่าหลิงอ้าว
“เจียงเฉิน การโจมตีต่อไปของข้าเป็นทักษะต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า! ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!”
ผมของหลิงอ้าวสะบัดอยู่ในอากาศ เขาได้อยู่ในใจกลางพลังงานน้ำวน คลื่นพลังงานที่หลิงอ้าวสร้างมีขนาดใหญ่ราวกับยักษ์ เขายกฝ่ามือทั้งสองของเขาขึ้นช้าๆ กลางฝ่ามือของเขาปรากฏแสงสีเหลืองทองออกมา มันดูทรงพลังราวกับแสงอาทิตย์ ชั้นของคลื่นพลังงานน้ำวนรวมตัวกันใจกลางฝ่ามือเขาส่งผลให้พลังการต่อสู้ของหลิงอ้าวเพิ่มมากขึ้น
“ฮ่าฮ่า ศิษย์พี่หลิง ใช้ฝ่ามือคลื่นวายุคลั่ง มันเป็นทักษะขั้นปฐพีระดับต่ำ นอกจากนี้มันยังเป็นทักษะที่หลิงอ้าวภาคภูมิใจมากที่สุด”
“ใช่แล้ว ทักษะขั้นปฐพีแม้แต่ยอดฝีมือแก่นแท้สวรรค์ยังไม่มีโอกาสได้ครอบครอง ข้าได้ยินมาว่าเมื่อใช้ฝ่ามือคลื่นวายุคลั่ง ฝ่ามือของเขาจะเป็นดั่งเรือนจำ ล็อคคู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นหนาก่อนที่จะสังหารคู่ต่อสู้ของเขาอย่างเหี้ยมโหด มันช่างอำมหิตและโหดเหี้ยม “
“ศิษย์พี่หลิงอ้าวโกรธแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาตายของเจียงเฉิน”
ศิษย์นิกายอัคคีผลาญฟ้ามีความสุขเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งหนานเป่ยเฉาที่ยืนอยู่บนยอดของหอคอยไม่ไกลจากที่นี่ ได้มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา เขารู้เกี่ยวกับทักษะฝ่ามือคลื่นวายุคลั่งดีและเขาก็เชื่อมั่นในตัวหลิงอ้าว
“น้องเจียงระวังตัวด้วย นี่เป็นทักษะขั้นปฐพี เจ้าไม่ควรประมาทมัน”
ฮันหยานกระซิบเจียงเฉินผ่านสัมผัสเทวะ
“ไม่ต้องกังวล”
เจียงเฉินตอบกลับ เขาไม่ได้สนใจทักษะขั้นปฐพีแม้แต่นิด ฝ่ามือคลื่นวายุคลั่งงั้นรึจะเทียบกับหกดัชนีสุริยะของเขาได้
“เจียงเฉิน ถือเป็นโชคดีของเจ้า ที่เจ้าได้ตายภายใต้ฝ่ามือคลื่นวายุคลั่งของข้า”
ความอวดดีของเขาได้พุ่งสูงเสียดฟ้า เขารวบรวมพลังหยวนทั้งหมดของเขาไปยังฝ่ามือ คลื่นจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากหลิงอ้าว ซิกแซกไปทั่วสนามประลอง ภายใต้แสงอาทิตย์ มันได้เรืองแสงขึ้นมาและสะท้อนแสงสีรุ้ง
ฮ่า…!
หลิงอ้าว ล็อคเป้าทักษะไปยังเจียงเฉินอย่างรวดเร็ว เขาผลักฝ่ามือของเขาออกเฉียบพลัน และคลื่นพลังสีทองได้ส่งเสียงดังก้อง และไหลเข้ามารวมกันเป็นฝ่ามือสีทองขนาดยักษ์ เสียงดังแสบแก้วหูได้ปลิวไปต่อหน้าเจียงเฉิน
หลายคนต่างตกตะลึง จนลืมที่จะปิดปากของพวกเขา กำลังของหลิงอ้าวแข็งแกร่งเกินไป ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดละสายตาไปไหน พวกเขาอยากรู้ว่าเจียงเฉินจะโต้กลับการโจมตีของหลิงอ้าวได้อย่างไร
เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือคลื่นวายุคลั่ง เจียงเฉินก็หรี่ตาลง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา ด้วยประสบการณ์ของเขา เขาสามารถบอกถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฝ่ามือคลื่นวายุคลั่งได้ง่ายๆ เมื่อทักษะนี้ถูกปลดปล่อยออกมา มันจะล็อคตัวคู่ต่อสู้โดยสมบูรณ์ สร้างเรือนจำขึ้นจับกุมเป้าหมาย
แต่น่าเสียดาย การบ่มเพาะพลังของหลิงอ้าวยังอ่อนด้อยเกินไป ด้วยแก่นแท้มนุษย์ขั้นสูงสุดเขาไม่สามารถใช้ทักษะนี้ได้เต็มศักยภาพของมันเจียงเฉินเลยเล็งเห็นจุดอ่อนได้โดยง่าย
เมื่อฝ่ามือขนาดยักษ์เข้าใกล้กับเจียงเฉิน เขาก็ได้ชี้นิ้วสองนิ้วอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นมีดัชนีสีทองขนาดยักษ์สองสายปรากฏขึ้น ถัดจากดัชนีขนาดยักษ์ทั้งสอง ได้ปรากฏดัชนีสีทองขนาดยักษ์สายที่สามขึ้นมา
ดัชนีทั้งสามสายรวมกันเป็นหนึ่งในทันที ดัชนีขนาดยักษ์นี้ดูเหมือนสามารถทะลุผ่านท้องฟ้า สามารถทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางมัน พลังของมันมากพอจะทำลายภูเขาได้ทั้งลูก และในตอนนี้มันได้ปะทะกับฝ่ามือคลื่นวายุคลั่ง
เปรี้ยง!….
ท้องฟ้าปั่นป่วน แม้แต่เวทีการประลองที่มีม่านพลังที่สร้างโดยเหล่ายอดฝีมือได้เกิดรอยร้าว ที่ศูนย์กลางของการปะทะกัน เปลวเพลิงได้ปรากฎขึ้นบนอากาศที่เบาบาง มันเกิดจากการปะทะกันระหว่างสองทักษะ
ส่งผลกระทบอย่างมาก ทักษะฝ่ามือวายุคลั่งได้ถูกขยี้แหลก
ว้าก!
หลิงอ้าวทรมานจากพลังที่รุนแรงจากคลื่นช็อกสวนกลับมา ตอนนั้นเขาได้กระอักเลือดออกมา เขาถูกทำให้ถอยหลังไปที่มุมของลานประลองก่อนที่เขาจะพยุงตัวกลับมาได้ เขาตัวสั่นและสั่นสะท้าน ท่าทีของเขาดูซีดเซียว และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“หลิงอ้าวแพ้แล้ว เขาได้แพ้ในการต่อสู้จริงๆ!”
“ทักษะต่อสู้ที่เจียงเฉินใช้นั่นมันอะไร? เหตุใดถึงน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก? ข้าคิดว่าระดับไม่ได้ต่ำกว่าฝ่ามือวายุคลั่ง! ไอ้ขี้โกงนี่มีทักษะการต่อสู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ข้าแน่ใจว่าเขาจะต้องมีประสบการณ์ที่ยากต่อการเผชิญเป็นแน่”
“นี่มันบ้าไปแล้ว! พละกำลังของเจียงเฉินนี่ไม่มีขีดจำกัดหรือไร? ตอนนี้หลิงอ้าวได้รับบาดเจ็บ ข้ากลัวว่าเขาจะยอมแพ้ หากมองจากการกระทำของเจียงเฉินก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าเจียงเฉินฆ่าเขาแน่!”
หลังจากที่หลิงอ้าวโจมตีด้วยฝ่ามือวายุคลั่ง เขาก็ยังพ่ายแพ้แก่เจียงเฉินอย่างน่ากลัว นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดเคยจินตนาการ
และเมื่อทุกๆคนต่างตกตะลึง เจียงเฉินขยับอีกครั้ง ร่างเขาพริ้วไหวดั่งผี เขาได้มาถึงตรงหน้าหลิงอ้าว ในมือของเขาดาบแหลมคมเย็นเฉียบได้ปรากฎขึ้นมา
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ดาบอันแหลมคมได้แทงไปยังหัวใจของหลิงอ้าว
ท่าทีของหลิงอ้าวเปลี่ยนไปทันที ด้วยอาการของเขาในตอนนี้ ไม่มีทางที่เขาจะขัดขืนการโจมตีอื่นจากเจียงเฉินได้ เข้าได้โดนออร่าของเจียงเฉินกดข่มไว้ เขาไม่สามารถทำได้แม้แต่จะเปิดปากและพูดยอมแพ้
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
หนานเป่ยเฉาตะโกนออกมาอย่างเย็นยะเยือก กลิ่นอายของผู้ปกครองได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขา ในช่วงเวลานั้นหลายต่อหลายคนได้พยายามอ่านความคิดของเจียงเฉิน
ฉึก!
แต่แย่หน่อย การตะโกนของหนานเป่ยเฉาไม่ได้หยุดสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ได้ ดาบของเจียงเฉินได้เสียบทะลุลึกเข้าไปในหัวใจของหลิงอ้าว และทะลวงร่างของเขา และปลายของคมดาบได้โผล่ขึ้นที่หลังของหลิงอ้าว
ดาบนี่ได้แทงทะลุหัวใจของหลิงอ้าว เขาตายอย่างแน่นอน
นี่เป็นเวทีการต่อสู้ของความเป็นและความตาย นี่คือสิ่งที่มันเป็น มันสามารถมีผู้ที่ยืนอยู่ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายถึงสาเหตุ ในฐานะของนิกายอัคคีผลาญฟ้าเมื่อเขาได้ล่วงเกินพวกเขา การสังหารหนึ่งในอัจฉริยะของพวกเขามันก็ไม่ต่างกัน
มีคำพูดว่า เมื่อเจ้ามีหนี้ที่เจ้าสามารถที่จะแบกไหว เจ้าจงหยุดกังวล เมื่อเจ้าสามารถสังหารแมลงที่รบกวนเจ้าได้ เจ้าจะไม่รู้สึกรบกวนอีกต่อไป ดังนั้นเมื่อเจ้ามีศัตรูมากขึ้นกว่าที่เจ้าจะรับได้ เจ้าจึงไม่ต้องสนใจหากที่จะจัดการสักหนึ่งหรือมากกว่านั้น
***********************************************************************
จบจ้า ไม่ค้างแล้วนะ