ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
แปลไทยโดย Subaru-Kyun
ตรวจทาน Subaru-Kyun
=====================================================
ดูเหมือนว่าวันนี้เจ้าหวงต้าจะเป็นผู้ชนะอีกแล้ว ถ้าดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเจียงเฉินต้องได้อันดับหนึ่งเป็นแน่ การต่อสู้ระหว่างราชันย์ปีศาจน้อยกับหลี่หวู่ซวง ไม่ว่าผู้ชนะจะเป็นใครก็ตาม เขาก็ไม่เหลือกำลังพอที่จะต่อสู้กับเจียงเฉิน
หวงต้ารู้สึกมีความสุขมาก จนมันไม่สามารถปิดปากของมันได้เลย มันยกหัวของมันขึ้นแล้วเดินไปรอบๆผู้คนที่อยู่ตรงหน้าซึ่งพวกเขามีสีหน้าที่ขมขื่น มันอารมณ์ดีมาก ความรู้สึกดีเมื่อเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของผู้คนทำให้มันรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ
ถัดจากนั้น ทุกคนต่างมุ่งความสนใจของพวกเขาไปที่สนามประลองหมายเลขสอง ราชันย์ปีศาจน้อยกับหลี่หวู่ซวงปลดปล่อยพลังออกมา ทั้งสองคนเป็นเหมือนศัตรูฟ้าลิขิต พวกเขาได้ต่อสู้กันมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ มันจบลงที่เสมอมาโดยตลอด
ราชันย์ปีศาจน้อย ปะทะ หลี่หวู่ซวง นี่คือการต่อสู้ที่ทุกคนเฝ้ารอ
เจียงเฉินยืนอยู่ด้านหน้าศิษย์ของทั้งสี่นิกายใหญ่ทั้งหมด โดยไม่สนใจสายตามุ่งร้ายจากนิกายอัคคีผลาญฟ้า และนิกายกระบี่สวรรค์ ความสนใจของเขาอยู่บนสนามประลอง ในอนาคตชายทั้งสองนี้ประสบความสำเร็จอย่างไร้ขอบเขตเป็นแน่ ก่อนพวกเขาจะได้สู้กัน เจียงเฉินไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครมีศักยภาพมากกว่ากัน
“ฮันหยาน พวกเราเคยสู้กันมาสี่ครั้ง แต่ไม่สามารถตัดสินกันได้ชัด ว่าใครเป็นผู้ชนะ..! ในการแข่งวันนี้มาตัดสินกัน ว่าใครกันแน่เป็นอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง”
หลี่หวู่ซวงมีร่างกายสูงใหญ่ และเต็มไปด้วยมัดกล้าม เช่นเดียวกับเสียงที่ดัง กลิ่นอายอันน่าหวาดกลัวไหลทะลักออกมาจากร่างกายของเขา เขาดูราวกับถูกกำหนดไว้ให้รับรางวัลจากการชนะการแข่งขันนี้
“เลิกพล่ามมากสักที! หลี่หวู่ซวงเจ้าไม่ใช่คู่มือของข้า ทางที่ดีเจ้ายอมแพ้ซะตรงนี้ดีกว่า” ฮันหยานพูด
“ฮึ่ม…! พวกเขาบอกว่าเจ้าเป็นทายาทของปีศาจบรรพกาลสินะ และ พลังของปีศาจบรรพกาลได้ถูกปิดผนึกไว้ในร่างของเจ้า น่าเสียดายที่เจ้าทำได้เพียงแค่มีลักษณะปีศาจเล็กน้อย! เพราะว่าอะไรรู้ไหม เพราะว่าพลังที่แท้จริงของเจ้าไม่เคยที่จะตื่นขึ้นนะสิ ในความเห็นของข้า ข่าวลือพวกนั้นย่อมไม่เป็นความจริง เพราะว่าข้าจะสังหารเจ้าในวันนี้ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นทายาทปีศาจบรรพกาล หรือไม่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป “
หลี่หวู่ซวงสบถอย่างเย็นชาราวกับมีประกายเยือกเย็นออกมาจากดวงตาของเขา
“ปีศาจบรรพกาล? ข้าคาดไม่ถึงว่าการถ่ายทอดสายเลือดลักษณะนี้ยังคงเหลือในโลก แต่ข้าไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่ เจียงเฉินพืมพัมกับตัวเอง เขาเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับปีศาจบรรพกาล ปีศาจบรรพกาลเป็นราชันย์ของปีศาจทั้งปวงในบรรพกาล สายเลือดของมันล้ำค่ามาก และ ยังแข็งแกร่งกว่ากายศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป “
กายศักดิ์สิทธิ์ปีศาจบรรพกาลนี้พบเจอได้ยากมาก กายศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังจากบรรพกาลได้สูญหายไปจากประวัติศาสตร์ ในชีวิตที่แล้วของเขา เจียงเฉินได้พบปีศาจบรรพกาล แม้มันจะไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์ ด้วยความสามารถและวิธีการต่อสู้ มันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก เซียนทั่วไปไม่คู่มือมันแม้แต่น้อย
“สังหารข้า? เจ้าไม่กลัวจะกลืนคำพูดตัวเองงั้นรึ?”
ชุดสีครามของฮันหยานโบกสะบัดไปตามกระแสลม ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อย เขามีท่าทีสงบเยือกเย็นราวกับเขากำลังเผชิญหน้ากับการต่อสู้ทั่วไปมิใช่การต่อสู้เป็นตาย
“พล่ามมาพอแล้วสินะ มาสู้กัน!”
หลี่หวู่ซวงขยับร่างกายของเขา พลังของเขาราวกับพยัคฆ์ ร่างกายที่สูงใหญ่ของเขาราวกับคลื่นยักษ์ถาโถมใส่ฮันหยาน รอบตัวของหลี่หวู่ซวงเต็มไปด้วยพลังงานที่หมุนราวกับน้ำวน เมื่อน้ำวนปะทะกันพวกมันส่งเสียงคล้ายประทัด
นี่มันช่างป่าเถื่อนเสียจริง ทักษะต่อสู้ที่หลี่หวู่ซวงบ่มเพาะนั้น คล้ายกับเหล่านักรบบาบาเรี่ยน ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาพุ่งชนราวกับกระทิง พลังหยวนจำนวนมหาศาลในร่างกายของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังสีทองรวมตัวกันเป็นโล่ห์สีทองตรงหน้าเขา ผู้ที่อยู่ใกล้ สามารถมองเห็นสัญลักษณ์แปลกๆบนโล่ห์ได้
ดูเหมือนหลี่หวู่ซวงจะอาละวาดไปรอบๆ มันดูเหมือนไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ในความจริงทักษะพิเศษนี้มีพลังทำลายที่มหาศาลยากที่จะเผชิญหน้าตรงๆได้
อีกด้านหนึ่ง ใบหน้าฮันหยานพลันเปลี่ยนเป็นจริงจัง เขาค่อยๆปลดปล่อยพลังของเขา พลังของเขาพุ่งออกมาจากร่างกาย พลังงานก่อตัวเป็นแถบสีดำทมิฬ นี่เป็นที่มาของลักษณะปีศาจของเขา
“ลักษณะปีศาจที่รุนแรง! ดูเหมือนว่าฮันหยานจะเกี่ยวข้องกับปีศาจบรรพกาลจริง ลักษณะปีศาจในพลังหยวนของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ดูเหมือนมันไม่เสถียร นี่เป็นสัญญาณปีศาจบรรพกาลในร่างกายของเขาจะตื่นขึ้น การตื่นขึ้นของปีศาจบรรพกาลนั้นไม่ใช่เรื่องดี ถ้าเกิดมันตื่นในระหว่างการต่อสู้ละก็ เขาจะต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิตของเขา”
ดวงตาของเจียงเฉินเป็นประกาย วิจารณญาณของเขาใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์ แค่มองเพียงครั้งเดียว ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ของฮันหยาน มันทำให้เจียงเฉินเป็นกังวัลเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันของฮันหยานแย่จริง พลังปีศาจบรรพกาลในร่างของเขาใกล้จะตื่นขึ้นในไม่ช้า มันไม่ใช่เรื่องตลกหากว่ามันตื่นขึ้นระหว่างต่อสู้
เปรียะ เปรียะ…..
บนสนามประลอง พลังหยวนของฮันหยานรวมกับพลังปีศาจ รวมกันเป็นสว่านที่แหลมคม ปะทะเข้ากับโล่ห์สีทองของหลี่หวู่ซวง
ปัง….!!
พลังที่แข็งแกร่งทั้งสองปะทะกัน คลื่นพลังกวาดไปยังทิศตรงข้าม พลังทำลายล้างได้เผาไหม้ทุกสิ่งบนอากาศ ทั้งหลี่หวู่ซวงและฮันหยานต่างกระเด็นออกมาสามก้าว พวกเขาสูสีกันมาก
พวกเขาเคยปะทะกันทั้งหมดสี่ครั้ง โดยที่ผลจบลงที่เสมอทุกครั้ง ในตอนนี้พวกเขาต้องการที่หาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย
“ฮันหยาน เราต่างรู้ฝีมือของกันและกันดี หยุดการละเล่นที่ไร้ค่านี่ดีกว่า ความคิดข้ามาใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดมาตัดสินผู้ชนะที่แท้จริงกันดีกว่า อ้อ ข้าลืมบอกไปข้าได้บ่มเพาะ ‘ทรราชลิขิต’ ถึงชั้นที่สามแล้ว มันมีพลังห่างไกลจากชั้นที่สองอยู่มาก มาดูกันว่าเจ้าจะรับได้หรือไม่ “
หลี่หวู่ซวงเป็นคนเผด็จการนั่นเพราะว่าเขาได้บ่มเพาะทักษะ ‘ทรราชลิขิต’ ทรราชลิขิตเป็นทักษะต่อสู้ขั้นปฐพีระดับสูง ทักษะนี้หลี่หวู่ซวงได้มาจากยอดฝีมือจิตวิญญาณยุทธที่หลงเหลือในประวัติศาสตร์ ความสำเร็จของเขาทั้งหมดนั่นเพราะทักษะนี้ ทักษะขั้นปฐพีระดับสูงแม้กระทั่งทั่วทั้งแคว้นฉี มันเป็นสิ่งที่ยากที่จะหาไว้ในครอบครอง การจะได้ครอบครองต้องอาศัยโชคเพียงอย่างเดียว
ทักษะ ‘ทรราชลิขิต’ มีทั้งหมดเก้าขั้น ระดับการบ่มเพาะพลังของหลี่หวู่ซวงเพียงแค่แก่นแท้มนุษย์ขั้นสูงสุด เขาสามารถฝึกได้ถึงขั้นที่สาม นับว่าไม่เลว
“เข้ามา”
ผมดำของฮันหยานปลิวกระจัดกระจายไปตามกระแสลม ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาปราศจากความกลัว เมื่อหลี่หวู่ซวงปรับพลังของเขา พลังงานรอบตัวฮันหยานเริ่มแข็งแกร่งขึ้น
“พวกเขาออกจากจุดเริ่มต้นแล้ว?พลังของพวกเขาแข็งแกร่งเหลือเชื่อ ไม่มีใครสามารถเทียบได้กับพวกเขา “
“เจ้าบอกได้รึไม่ ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ”
“มันยากที่จะบอกได้ว่าใคร ทั้งคู่ต่างมีความแข็งแกร่งเฉพาะตัว แต่ข้ามีความรู้สึกว่าหลี่หวู่ซวงได้เปรียบเล็กน้อย เขาได้รับสืบทอดทักษะจากยอดฝีมือจิตวิญญาณยุทธ และ เขายังมีเทคนิคที่เยี่ยมยอด ข้าเกรงว่าฮันหยานจะไม่ใช่คู่มือเขา”
ทุกคนต่างจับตาดูศัตรูตลอดเวลาบนสนามประลอง การต่อสู้ครั้งสุดท้ายระหว่างพวกเขาจะเป็นเช่นไร เหตุผลที่พวกเขาออกจากจุดเริ่มต้นเพราะเข้าใจดีว่าการต่อสู้โดยทั่วไปมันเสียเวลาเปล่า ยากที่จะตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะ
พลังของหลี่หวู่ซวงพุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด กลิ่นอายอันน่ากลัวปกคลุมทั่วร่างกายของเขาราวกับผู้มีอำนาจเหนือผู้อื่นได้จุติมายังโลกใบนี้
“เพลงหมัดเบิกนภา”
ทันทีที่หลี่หวู่ซวงตะโกนออกมา เขาชกออกมาด้วยทักษะที่สามของ ‘ทรราชลิขิต’ด้วยหมัดนี้ ได้ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังไปไกล จนผู้ที่อยู่กว่าสิบไมล์ยังได้ยินเสียงนี้ ทุกคนรู้สึกถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของหมัดนี้
ทักษะ”ทรราชลิขิต”ช่างทรงพลังยิ่งนัก หลี่หวู่ซวงได้ชกหมัดสีทองเล็งไปทั่วทั้งสนามประลอง
บนฝั่งตรงข้าม หาได้ยากที่ฮันหยานได้แสดงสีหน้าและท่าทางทีเคร่งเครียด เขาผลักฝ่ามือทั้งสองของเขาไปด้านบน จากนั้นมีแสงส่องสว่างขึ้นจากลักษณะปีศาจของเขาออกมาจากฝ่ามือ ใช้เวลาเพียงไม่นาน ลูกพลังงานขนาดใหญ่ได้ก่อตัวขึ้น บนลูกพลังงานได้มีลวดลายแปลกๆส่องประกาย ฮันหยานผลักพลังออกไปด้วยกำลังทั้งหมดของเขาส่งมันบินไปหน้าหมัดสีทองของหลี่หวู่ซวง
ปัง…………..!
ในตอนนี้ คลื่นพลังมหาศาลได้ปกคลุมไปทั่วลานประลอง จนผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่สามารถทราบได้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน พวกเขาทั้งหมดเห็นแต่เพียงความน่าสะพรึงกลัวและลูกพลังงานหลากสีสัน
คนที่อยู่ใกล้สนามประลองต่างสูญเสียการได้ยินไป ส่วนคนที่อ่อนแอถึงกับเป็นลมล้มไปทั้งอย่างนั้น
ตึก ตึก ตึก……..!
บนสนามประลองฮันหยานกระเด็นถอยหลังไปสามก้าวไปหยุดที่ขอบของสนามประลอง เท้าของเขาออกไปแล้วครึ่งก้าว เขายังทนอยู่ได้ด้วยสีหน้าซีดเซียว เลือดได้ทะลักไหลออกจากปาก เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะกันเมื่อครู่
“ฮ่าฮ่า…. ฮันหยานเจ้าเสร็จข้าแล้ว ข้าบอกเจ้าก่อนแล้วว่า ขั้นที่3 ของ’ทรราชลิขิต’ ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถรับมือได้ ข้า หลี่หวู่ซวง เป็นอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง”
ในทิศตรงข้าม หลี่หวู่ซวงได้หัวเราะออกมาเสียงดัง มันเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส การจัดการฮันหยานเป็นความฝันสูงสุดของเขา และในวันนี้เขาก็ทำสำเร็จ ไม่มีเวลาไหนที่เขามีความสุขเท่าตอนนี้
“ดีมาก! ทักษะ ‘ทรราชลิขิต’ ของศิษย์พี่หลี่ทรงพลังจริงๆข้าบอกแล้วว่าฮันหยานมิใช่คู่มือเขา”
“แน่นอน ศิษย์พี่หลี่ ได้รับสืบทอดจากนักรบจิตวิญญาณ เขาไม่ใช่ใครที่ฮันหยานจะสามารถเทียบได้ หลังจากเขาสังหารฮันหยานแล้ว จากนั้นศิษย์พี่หลี่ก็จะสังหารเจียงเฉิน”
“ฮันหยานถูกจัดการแล้ว ตอนนี้เขาบาดเจ็บสาหัส ถ้าหากเขายังไม่ยอมแพ้ ก็จะต้องถูกศิษพี่หลี่สังหาร”
ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก บางคนถึงกับกระโดดขึ้นลง ดูจากท่าทางและความรู้สึกของพวกเขา ฉะนั้นคนที่ถูกจัดการก็คงเป็นฮันหยาน
เจียงเฉินที่ยืนอยู่ข้างหน้าถึงกับขมวดคิ้ว เขามองไปยังฮันหยานอย่างไม่ละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว เขาเห็นได้ทุกอย่างได้ชัดเจน ฮันหยานไม่ได้โจมตีด้วยกำลังทั้งหมด หรือจะกล่าวได้ว่าด้วยสภาพในปัจจุบันฮันหยาน ได้ทำให้เขาไม่สามารถโจมตีด้วยกำลังทั้งหมด
เมื่อทุกคนกำลังตกตะลึง ว่าความจริงฮันหยานถูกจัดการ ทันใดนั้นที่สนามประลองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
ฮันหยานที่เหลือพลังอยู่ไม่มาก ได้ยกหัวของเขาขึ้นคำรามเสียงดัง เสียงนั่นทั้งแหบแห้ง ป่าเถื่อน ปีศาจ เต็มไปด้วยความหลากหลายรวมกัน
หลายคนมองไปยังฮันหยาน ที่มีหมอกสีดำปกคลุมร่างกายของเขาเป็นชั้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ฮันหยานกำลังจะคลั่ง?”
“ลักษณะปีศาจที่แรงกล้าอะไรขนาดนี้ ข้ารู้สึกได้เลยว่าเขากำลังจะระเบิดด้วยพลังปีศาจมากมายมหาศาล”
“นี่มันพลังของปีศาจบรรพกาล ฮันหยานเป็นทายาทของปีศาจบรรพกาล พลังที่ถูกผนึกในร่างกายของเขากำลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว!”
หลายคนต่างกรีดร้องออกมา ไม่มีใครรู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
วิสัยทัศน์ของเจียงเฉินได้หยุดลงที่ตรงกึ่งกลางคิ้วของฮันหยาน ตรงนั้นมีสัญลักษณ์สีดำส่องประกายอยู่ ท่าทางของเจียงเฉินพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที เมื่อเห็นสัญลักษณ์นั่น
“นั่นมัน ผนึกปีศาจ มันได้สะกดปีศาจบรรพกาลไว้ ฮันหยานเป็นทายาทของปีศาจบรรพกาลสายเลือดแท้ ระดับการบ่มเพาะพลังของเขาได้มาถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ และ พลังปีศาจบรรพกาลจะตื่นขึ้นในเร็วๆนี้ ตอนนี้มันได้ถูกกระตุ้นโดยหลี่หวู่ซวง นี่มันบ้าชัดๆ ด้วยระดับการบ่มเพาะเพียงแค่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์นั้น ไม่มีทางเลยที่จะควบคุมต้นกำเนิดพลังของปีศาจบรรพกาล แม้ว่าเขาจะสังหารหลี่หวู่ซวงลงได้ แต่ตัวเขาต้องรับผลสะท้อนจากพลังของปีศาจบรรพกาล และ ตายไปพร้อมกับหลี่หวู่ซวง ข้าต้องหยุดเขาซะ”
ท่าทีเจียงเฉินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
=====================================================
จบแล้วจ้า อิอิ ไว้พบกันใหม่ตอนหน้านะครับ 🙂
To be Continue…!!