I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 98 ข้อเสนอในการต่อสู้กับหนานเป่ยเฉา

| Dragon-Marked War God | 1298 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 


แปลไทยโดย Subaru-Kyun


ตรวจสอบ       Subaru-Kyun


=====================================================


          หนานเป่ยเฉาผู้น่ารังเกียจ ในสายตาของผู้คนแคว้นฉีเขาเป็นถึงดาวรุ่งพุ่งแรงของแคว้น กฎคงไม่มีความหมายอะไร ไม่จำต้องพูดถึงกฎการประลอง เขาไม่สนใจกฎใดๆทั้งสิ้น


          พยายามจะหยุดหนานเป่ยเฉาด้วยกฎมันเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดเจียงเฉินก็คิดเช่นนั้น หนานเป่ยเฉาเป็นดั่งพยัคฆ์ในหมู่คน เขาเกิดมาพร้อมโชคชะตาอันยิ่งใหญ่    และ ยังให้ความรู้สึกของกลิ่นอายของราชารอบตัวเขา เขาเป็นอัจฉริยะ ความสำเร็จของเขาไม่มีที่สิ้นสุด เขาเป็นดั่งอัจฉริยะจากทวีปศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับว่าเขาเป็นเทพที่ลงมาจากสวรรค์


          หนานเป่ยเฉาคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้ใด ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้สบประมาทเขา    ดังนั้นเมื่อเขาต้องการสังหารเจียงเฉิน    เขาต้องการให้เจียงเฉินตกตายในขณะคุกเข่า


“เขาจบสิ้นแล้ว คราวนี้เขาจบสิ้นจริงๆแน่ !”


“หนานเป่ยเฉาเป็นคนหยิ่งผยอง ด้วยเกียรติภูมิของเขานั้นไม่เคยอนุญาตให้ผู้ใดมาสบประมาทเขามาก่อน ในตอนนี้แม้กระทั่งกวนอี้หยุนก็ไม่สามารถปกป้องเจียงเฉินได้อีก!”


“หนานเป่ยเฉาแข็งแกร่งเกินไป แม้กวนอี้หยุนจะแข็งแกร่ง แต่เขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีของหนานเป่ยเฉาได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว ในความเห็นของข้าหนานเป่ยเฉาสามารถต่อกรได้กระทั่งยอดฝีมือแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว”


          อัจฉริยะผู้นี้ไม่อาจพบเห็นมาก่อนนับพันปี แคว้นฉีก็ไม่เคยให้กำเนิดใครเช่นเขามาก่อน เขาคือความภาคภูมิใจที่สุดของนิกายอัคคีผลาญฟ้า เขาไม่เคยเชื่อฟังกฎใดๆทั้งสิ้น


…………………………………………………………………


          มีหลายคนถอนหายใจออกมา หนานเป่ยเฉาเป็นคนโหดเหี้ยม ไม่มีใครสามารถต่อต้านเขาได้ เจียงเฉินต้องจบสิ้นในวันนี้ ไม่มีที่ไหนที่เขาสามารถอยู่รอดได้     ตั้งแต่หนานเป่ยเฉาต้องการฆ่าเขา ก็ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเขาได้ แม้แต่ปีกสีเลือดก็ไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีผู้ใดหนีหนานเป่ยเฉาพ้น


“ไสหัวไปซะ!”


หนานเป่ยเฉาพูดกับกวนอี้หยุนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา


“หนานเป่ยเฉา เจ้าคงไม่คิดว่าตัวเจ้าเหนือกว่ากฎและคำสั่งเช่นนั้นใช่รึไม่”


          กวนอี้หยุนกราดเกรี้ยวอย่างเหลือเชื่อ สถานการณ์ในตอนนี้แม้แต่ตุ๊กตาโคลนก็ยังสามารถรู้สึกถึงความกราดเกรี้ยวของเขา    ในตอนนี้เขาเป็นผู้นำของนิกายทมิฬ     แม้ว่าเขาจะไม่อาจต่อกรกับหนานเป่ยเฉา    แต่เขาไม่สามารถนั่งอยู่ข้างหลังและมองดูศิษย์นิกายทมิฬถูกหนานเป่ยเฉาสังหารได้


          เหลียงเซียวที่ยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของเขามีสีหน้าเย้ยหยัน    เขาวางท่าเช่นนั้นเพราะเขากำลังดูการแสดงดีๆ    เขาอยากเห็นว่ากวนอี้หยุนจะหยุดหนานเป่ยเฉาอย่างไร


          ในตอนนี้   จากด้านหลังได้มีมือมาตบไหล่ของกวนอี้หยุน    เป็นมือของเจียงเฉินนั่นเอง เจียงเฉินได้เดินออกมาจากด้านหลังของกวนอี้หยุนมาหยุดที่ด้านหน้าของหนานเป่ยเฉา


          เจียงเฉินสวมชุดคลุมสีขาว เขามีรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าเขา   เสื้อและผมของเขาโบกสะบัดภายใต้ออร่าของหนานเป่ยเฉา   รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังคงไม่แปรเปลี่ยน    สายตาของเขาเฉียบคม ของมองไปยังดวงตาของหนานเป่ยเฉา   ท่าทางที่เขาได้แสดงออกมาทำให้เขาดูเหมือนไม่ด้อยไปกว่าหนานเป่ยเฉา


“เขากล้าเผชิญหน้าโดยตรง!แค่ความกล้าของเขาเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เขาเป็นคนยอดเยี่ยมแล้ว!”


“ท่าทีของเจ้าหนุ่มคนนี้ต้องมีอะไรสักที่ไม่สมกับอายุของเขาแน่ ดูเหมือนว่าแม้หนานเป่ยเฉาจะฆ่าเขาด้วยการตบเพียงครั้งเดียว เขาก็ไม่กลัวมัน”


          ทุกคนต่างมองตามการกระทำของเจียงเฉิน แม้กระทั่งกวนอี้หยุนก็ไม่คิดว่าเจียงเฉินจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขาสามารถเผชิญหน้ากับหนานเป่ยเฉาโดยยังมีท่าทีใจเย็นและปราศจากความกลัว


“เจ้าไม่กลัวข้างั้นรึ?”


          สายตาของหนานเป่ยเฉาราวกับใบมีดเยือกแข็งแทงกระหน่ำไปยังใบหน้าของเจียงเฉิน เขาไม่ได้โจมตีเจียงเฉินและสังหารเจียงเฉิน เขาเป็นคนมีทิฐิ เขาต้องการรู้ว่าเจียงเฉินสามารถยืนตรงหน้าของเขาอย่างใจเย็นได้อย่างไร ทำไมมันถึงไม่คุกเข่าต่อหน้าเขา


“ทำไมข้าต้องหวาดกลัวเจ้าด้วย เจ้าต่างหากไม่หวาดกลัวข้าหรอกรึ?”


เจียงพูดพร้อมแสยะยิ้ม


“ข้าน่ะหรือต้องกลัวเจ้า? ฮ่าฮ่า ช่างน่าตลก… ช่างน่าขบขันสิ้นดี! เจ้าเชื่อจริงหรือว่าข้าไม่สามารถบดขยี้เจ้าตายเฉกเช่นมดปลวกได้ โดยไม่ต้องถึงนิ้วมือข้าด้วยซ้ำ”


          หนานเป่ยเฉาหัวเราะเสียงดัง นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่เขาเคยได้ยินมา เขาไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน


“เพราะว่าศักยภาพของข้าไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้ายังไงละ อีกทั้งมันยังเหนือกว่าเจ้าด้วย เพราะงั้นเจ้าถึงไม่อาจรอช้าที่จะสังหารข้ายังไงละ เพราะเจ้ากลัวว่าข้าจะแข็งแกร่งกว่าเจ้า และกลับมาสังหารเจ้าทิ้งยังไง”


          เจียงเฉินพูดออกมาคำต่อคำ และทุกคนในที่นี้ได้ยินชัดเจน    ทำให้ผู้คนนับถือความกล้าของเขามากขึ้นไปอีก    ในขณะเดียวกันหลายคนเริ่มคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เจียงเฉินพูด


“ที่เจียงเฉินพูดมาก็ถูก ด้วยศักยภาพที่ได้แสดงให้เห็นในวันนี้    เขาไม่ด้อยไปกว่าหนานเป่ยเฉาเลย และยังเหนือกว่าหนานเป่ยเฉาด้วยซ้ำ !   เป็นไปได้จริงๆว่าในอนาคตเจียงเฉินจะเหนือกว่าหนานเป่ยเฉาเป็นแน่!   หนานเป่ยเฉากลัวว่าในอนาคตเจียงเฉินจะแข็งแกร่งกว่าเขา   เขาไม่อาจทนรอได้อักจึงต้องรีบฆ่าเจียงเฉิน!”


“มันเรื่องตลกอะไร! เมื่อหนานเป่ยเฉาต้องการฆ่าใคร เขาจำเป็นที่ต้องการเหตุผลหรือ? ไม่เคยแม้แต่สักครั้ง เจียงเฉินแค่วางท่าขู่เขาเท่านั้น!”


          คำพูดของฝูงชนได้ยินไปถึงหูหนานเป่ยเฉา คำพูดเหล่านั้นได้กระตุ้นความภาคภูมิใจของเขา ถ้าเขาสังหารเจียงเฉินในวันนี้ เขาต้องถูกตราหน้าว่าเป็นไอขี้ขลาดที่กลัวเจียงเฉินเป็นแน่


“เจียงเฉิน เจ้าต้องเข้าใจว่าต่อหน้าของข้า เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวก   ด้วยผู้สูงส่งเช่นข้า   ได้ยืนอยู่ตรงนี้และพูดคุยกับเจ้านับว่าเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่สำหรับเจ้าแล้ว!    หากข้าต้องการสังหารเจ้า ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลอันใดอีก” 


          เสมอมาหนานเป่ยเฉาเหนือกว่าผู้ใดมาตลอด ออร่าที่พิเศษส่งได้ปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นคนพิเศษเพียงผู้เดียวในโลก


“หนานเป่ยเฉา”ยับยั้งออร่าพิเศษของเจ้าเสียดีกว่า! ต่อหน้าข้าไม่จำเป็นต้องแสดงออร่าของเจ้า อย่าคิดว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก! ให้เวลาข้าเพียงหนึ่งปี และเจ้าจะรู้ว่าระหว่างเราใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน


          เจียงเฉินแค่นเสียงอย่างเย็นชา เขามีท่าทีโอหัง    การกระทำของเขาทำให้หลายคนรู้สึกหวาดหวั่น    นี่เป็นคนแรกที่กล้าโอหังต่อหน้าหนานเป่ยเฉา และ เขายังสามารถโอหังได้เป็นธรรมชาติและปราศจากซึ่งความกลัวใดๆ   ด้วยความกล้าหาญของเขาเพียงอย่างเดียว   เขาก็ชนะใจทุกคน ทุกคนต่างนับถือ


“ฮ่าฮ่าฮ่า……”


          เมื่อได้ยินเช่นนั้นหนานเป่ยเฉาหัวเราะเสียงดังออกมาเสียงดัง    เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และ ยืนใกล้เจียงเฉินจนร่างกายของพวกเขาแทบจะสัมผัสกัน    เขาพูดออกมาด้วยเสียงเข้มและเย็นชา “เจียงเฉิน เจ้าฉลาดมากใช้วิธีนี้เพื่อรักษาชีวิตเจ้าไว้! แสดงความยินดีด้วย เจ้าทำสำเร็จ! ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งปี! ในอีกหนึ่งปีเราจะมาตัดสินเป็นตายกัน ข้าจะดูว่าเจ้าจะเติมโตได้แค่ไหนในหนึ่งปีนี้!”


          หลังจากพูดเช่นนั้น หนานเป่ยเฉาก็กลับตัวแล้วพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้าจากไป ในขณะเดียวกันได้ยินเสียงเขาจากกลางอากาศ “เจียงเฉินจงสนุกไปกับปีสุดท้ายของชีวิตเจ้า!”


          ท่าทีของเจียงเฉินไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก สถานการณ์ในวันนี้นอกเหนือจากวิธีนี้แล้วไม่มีสิ่งใดสามารถช่วยเขาได้


          เจียงเฉินคาดการณ์ได้แม่นยำ เขาบอกได้ง่ายๆว่าหนานเป่ยเฉาเป็นคนเช่นไร คนเช่นเขา ความภาคภูมิใจเป็นส่วนหนึ่งของเขา ความภาคภูมิใจได้ฝังลึกลงไปในกระดูก โดยที่เขาไม่สนใจใครทั้งนั้น


          ดังนั้นเขาเลยใช้หนึ่งปีมาพนันกับความภาคภูมิใจของหนานเป่ยเฉา    เขาคาดการณ์ไว้ว่าหนานเป่ยเฉาต้องตอบตกลงเป็นแน่    มีหลายคนในที่นี้ได้เห็นการแข่งขันประจำแคว้นฉีแทบจะทั่วทั้งแคว้นเสียมากกว่า    ด้วยสถานะของหนานเป่ยเฉา หากสังหารเขาหลังจากที่เจียงเฉินพูดสิ่งเหล่านี้ออกไป ผู้คนก็จะคิดว่าเขากลัวเจียงเฉิน


         ความภาคภูมิใจของหนานเป่ยเฉาไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดมาก่อน ดังนั้นหนานเป่ยเฉาเลยตกลงตามข้อเสนอหนึ่งปีแล้วจากไป


“บัดซบ! หนานเป่ยเฉาจากไปเช่นนี้…..นั่นแสดงว่าเจียงเฉินต้องมีอะไรสักอย่างเป็นแน่ เขากล้าที่เสนอการแข่งขันในอีกหนึ่งปี ด้วยเวลาเพียงแค่หนึ่งปี ไม่ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะจากที่ไหน ก็ไม่ใช่คู่มือหนานเป่ยเฉา”


“ใช่เลย เจ้าเจียงเฉินมันโอหังสุดๆ! เขาต้องการชนะเพียงแค่หนึ่งปีงั้นรึ! เขาเป็นแค่ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น แม้ว่าการบ่มเพาะของหนานเป่ยเฉาจะไม่ได้คืบหน้าในปีนี้ เจียงเฉินก็ไม่มีทางที่จะไปถึงระดับเขาได้!”


“เฮ้อ….เขาสามารถต่ออายุไปได้อีกปีเท่านั้น เมื่อปีหน้ามาถึงเขาต้องถูกหนานเป่ยเฉาฆ่าตาย”


“ข้าชักอยากจะเห็นการต่อสู้ในอีกหนึ่งไปซะแล้วสิ! เจียงเฉินดูไม่เหมือนคนบ้าบิ่นทำอะไรไม่ยั้งคิดหรอก มารอชมกันดีกว่า!ในหนึ่งปีเราอาจจะได้เป็นสักขีพยานในการแสดงที่ดีก็เป็นได้!”


“ใช่แล้ว การแข่งขันเป็นตายระหว่างเจียงเฉินกับหนานเป่ยเฉา แน่นอนว่าต้องเป็นศูนย์กลางของความสนใจทั่วแคว้นฉี!    หลังจากนี้อีกหนึ่งปีมันต้องเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญแน่    เจียงเฉินได้เข้าร่วมกับนิกายทมิฬ เขาจะได้ทรัพยากรที่ดีแน่แท้”


          ทุกคนต่างเห็นอกเห็นใจ การแข่งขันประจำแคว้นฉีในวันนี้ไม่ได้ดำเนินการอย่างราบรื่น มีเรื่องที่น่าตกตะลึงเกิดขึ้นมากมาย ท้ายที่สุดยังเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันอีกด้วย


          เจียงเฉินได้เป็นผู้ชนะเลิศการแข่งขัน จากผู้ฝึกตนพเนจรที่น่าอับอายได้ปรากฏตัวขึ้นมาเป็นม้ามืดของการแข่งขัน    จัดการศิษย์นอกของทั้งสี่นิกาย    แล้วได้อันดับหนึ่งด้วยตัวเขาเอง    ทำให้เขาในตอนนี้กลายเป็นคนมีชื่อเสียงอย่างแท้จริง


นามของเจียงเฉินนั้นกระจายไปทั่วทั้งแคว้นฉี ทุกคนต่างรู้จักเขา


          มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมายในการแข่งขัน คนที่คาดว่าจะเป็นผู้ชนะเลิศได้ตกตายอย่างน่าสยดสยอง?    ร่างของเขาขาดออกเป็นสองซีก    แล้วคนที่มีความสามารถโดดเด่นอย่างหลิงอ้าวยังถูกตัดหัว?


          สำหรับนิกายกระบี่สวรรค์และนิกายอัคคีผลาญฟ้า การตายหลี่หวู่ซวงและหลิงอ้าวนับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในการแข่งนี้


          เช่นเดียวกับหุบเขาสุขสันต์ ไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาเพียงแค่ต้องการลงแข่งขันครั้งนี้เท่านั้น ในความจริงแล้วหุบเขาสุขสันต์มีภาพรวมที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากด้วยทักษะการบ่มเพาะพลัง    และทักษะยั่วยวนของพวกเขาเป็นเส้นทางสายปีศาจ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งจากหุบเขาสุขสันต์    ดังนั้นในประวัติศาสตร์ของแคว้นฉี หุบเขาสุขสันต์จึงไม่เคยได้อันดับหนึ่ง


          หลังจากที่อี้ชิงจื่อยอมแพ้ สามารถบอกเหตุผลได้ง่ายๆว่าเมื่อทักษะยั่วยวนนั้นไม่มีผล    ผู้เขาก็สูญเสียความได้เปรียบของพวกเขา


“ฮึ่ม ! ต่อสู้ในอีกหนึ่งปีงั้นรึ? ข้าอยากเห็นจริงๆ ความสามารถที่ทำให้เจ้ารอดชีวิตได้ในปีนี้!”


          เหลียงเซียวแค่นเสียงอย่างเย็นชา ก่อนจะหันหลังกลับและเตรียมที่จะจากไป    ในตอนนั้นเองก็มีศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์ออกมายืนแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่เหลียง เจ้าเจียงเฉินกับเจ้าหมาตัวนั้นเป็นกลุ่มเดียวกัน! บอกมันให้ส่งเจ้าหมานั่นมาให้่เราดีไหมครับ!”


“อะไรนะ? เจ้าหมาที่มันปลดปล่อยสัตว์อสูร ในหอคอยเรือนจำปีศาจงั้นรึ?”


          เหลียงเซียวพูดออกมา เขาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในหอคอยเรือนจำปีศาจมาก่อนหน้านี้ เจ้าหมาที่โหดเหี้ยมนั่นได้คร่าชีวิตศิษย์นอกของนิกายไปมากมาย


“ใช่ครับ เจ้าหมาเดนตายนี่ไม่ผิดแน่!”


ศิษย์คนหนึ่งพูดพร้อมกันฟันของเขาไว้แน่น


“เจียงเฉิน ส่งเจ้าหมานั่นมาให้ข้าซะ!”


เหลียงเซียวหันหลังกลับไปและมองไปยังเจียงเฉิน


“เหลียงเซียว หมาอะไร? อย่ามาไร้สาระน่ะ!”


กวนอี้หยุนพูดออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ


“กวนอี้หยุน เจ้าสามารถปกป้องเจียงเฉินได้ แต่อย่าบอกข้านะว่าเจ้าจะปกป้องกระทั่งหมา?! วันนี้ถ้าเจ้าไม่ส่งเจ้าหมานั่นมาให้ข้า อย่ากล่าวโทษข้าที่เสียมารยาทละกัน!”


เหลียงเซียวเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก เขาไม่สามารถสังหารเจียงเฉินที่นี่ได้ แต่ไม่ใช่กับเจ้าหมานั่น เขาต้องการฆ่ามัน ดังนั้นมันต้องตายจากความโกรธของเขา


ผู้คนที่กำลังจะกลับไปเพ่งความสนใจไปที่ใจกลางของจตุรัส ดูเหมือนว่านิกายกระบี่สวรรค์ กับนิกายทมิฬจะสู้กันเพื่อหมา


“ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าหมานั่น ถ้าเจ้าสามารถ เจ้าก็ไปจับมันเอง! ทำไมเจ้าต้องมาถามข้าเรื่องเจ้าหมานี่ด้วย? เจ้าเห็นว่าเจ้าหมานั่นอยู่ข้างข้าเมื่อไรกัน?”


เจียงเฉินยิ้มเยาะออกมา เจ้าหมานั่นมันไม่ยอมถูกจับได้ง่ายๆ แม้ว่าเขาต้องการส่งเจ้าหมานั่นให้แค่ไหน เขาก็ไม่มีทางทำได้


“เจ้าหมามันอยู่ตรงนี้!”


ใครบางคนในฝูงชนตะโกนออกมา มันเป็นคนที่แพ้พนันกับเจ้าหวงต้า


ฟุ่บ..! 


หลังจากได้ยินคำพูดของชายคนดังกล่าว ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์จำนวนหนึ่งวิ่งไปยังตรงนั้นด้วยความเร็วสูง.


=====================================================


จบไปอีกหนึ่งตอน 🙂

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments