I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 99 นี่คือคู่หมั้นของข้า

| Dragon-Marked War God | 1619 | 2363 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 

แปลไทยโดย  : Subaru-Kyun


ตรวจทาน        : Subaru-Kyun


=====================================================


“ไหน เจ้าหมาสีเหลืองมันอยู่ที่ไหน?”


          ศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์ถามอย่างดุดัน ทำให้ผู้คนคิดว่าเจ้าหมามันไปทำอะไร ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ถึงได้มีท่าทีน่าตกตะลึงเช่นนี้ ราวกับมันไปฆ่าบิดาของพวกเขา


“มันอยู่นี่! เจ้าหมานั่นมันโกงยาฟื้นพลังมนุษย์จากพวกเรา! อย่าปล่อยมันไป !”


          บางคนกัดฟันของเขาพูดออกมา ในใจเขารู้สึกว่าถูกเจ้าหมานี่โกง เมื่อคิดเช่นนั้นหลายคนก็มองไปยังที่เจ้าหมาสีเหลือง แต่เจ้าหมาสีเหลืองได้หายไป  ในตอนนี้เหลือแต่เพียงสาวน้อยรูปร่างงดงามในชุดสีม่วงยืนอยู่ตรงนั้น


“บัดซบ! เมื่อกี้ยังเห็นเจ้าหมานั่นอยู่ตรงนี้แท้ๆ ! มันหนีไปตั้งแต่เมื่อไร?”


“เจ้าหมาสีเหลืองหนีไปแล้ว! รีบค้นหมามันเร็วเข้า มันคงจะยังหนีไปได้ไม่ไกล!”


          บางคนร้องเตือนขึ้นมา หลายคนต่างมองไปยังทางเข้า-ออกของเมืองสุริยันโคจร แต่ไม่พบวี่แววเจ้าหมาสีเหลืองแม้แต่น้อย พวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าหมาสีเหลืองหายไปตั้งแต่เมื่อไร มันเหมือนกับว่ามันไม่เคยอยู่ตรงนั้น


“บัดซบ ! เจ้ากล้าหลอกพวกข้าอย่างนั้นรึ?!”


ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์เกรี้ยวกราด กระชากคอชายคนนั้นไว้


          ชายคนนั้นหวาดกลัวจนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ “ไม่ ข้าไม่ได้หลอกท่าน มันอยู่ตรงนี้จนถึงเมื่อสักครู่ มันเป็นหมาตัวใหญ่และมีกล้ามเนื้อ ปกคลุมไปด้วยขนสีเหลือง! ทุกคนที่นี่เป็นพยานให้ข้าได้ ข้าไม่ใช่คนเดียวที่ถูกมันโกงไป!”


“ถูกต้องแล้ว! จนถึงเมื่อสักครู่เจ้าหมามันยังอยู่ตรงนี้ แต่เมื่อพวกท่านมาถึงมันก็หายไปในพริบตา!”


“พวกท่านทั้งหมดเป็นศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ ต่อให้พวกเรามีความกล้าแค่ไหน พวกเราไม่อาจหลอกลวงท่านได้! พวกเราไม่รู้จริงๆว่ามันหนีไปจากตรงนี้! มีหลายคนอยู่ที่นี่แต่ไม่มีใครผิดสังเกต มันน่าประหลาดใจเสียจริง!”


          ทุกคนเป็นพยานในการดำรงอยู่ของหวงต้าในก่อนหน้านี้ พวกเขารู้สึกรันทดยิ่งนัก พวกเขาอยากที่จะสับหวงต้าออกเป็นชิ้นๆ


          เมื่อศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์ได้ยินดังนั้น ศิษย์ของนิกายกระบี่ได้ส่งเซนส์ศักดิ์สิทธิเพื่อค้นหาทั่วทั้งจตุรัส แต่ก็ยังไร้ซึ่งวี่แววของหวงต้า เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปจึงสาปแช่งมัน “บัดซบ! เจ้าหมานี่มันเจ้าเล่ห์นักนะ พวกเราปล่อยให้มันหนีไปได้อีกแล้ว!”


“โอ้ ใช่แล้ว สาวน้อยคนนี้มาพร้อมกับเจ้าหมาสีเหลืองนี่นา อีกทั้งพวกเขามาด้วยกันกับเจียงเฉิน!”


บางคนมองไปยังหยานเฉินหยู่


          ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ทั้งหมดต่างมองไปยังหยานเฉินหยู่ ดวงตาของพวกเขาลุกวาวแม้ว่าสาวน้อยได้สวมผ้าปิดบังใบหน้าของนาง แต่มันไม่ได้ช่วยปกปิดความงดงามระดับโลกของนางได้ พวกเขาอยากรู้ว่าภายใต้ผ้าปิดหน้าของนางนั้น หนาตาของนางจะเป็นเช่นไร


“บอกมาซะดีๆ! เจ้าหมานั่นมันไปไหน?”


ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ถามอย่างหยาบคาย


“ข้าจะไปรู้ได้เช่นไร? ขาข้าไม่ได้ติดกับมันสักหน่อย ถ้ามันจะไปไหน ข้าจะไปหยุดมันได้อย่างไร”


          หยานเฉินหยู่กล่าวอย่างเย็นชา ชายทั้งหมดต่อหน้านางเป็นศัตรูของเจียงเฉิน ไม่มีทางที่นาง ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่นางถึงได้มีท่าทีเช่นนี้


“บัดซบ! สาวน้อยดูเหมือนเจ้าจะโอหังมากเกินไปใช่รึไม่! มาให้บิดาผู้นี้ดูหน่อยสิว่าหน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไร! ถึงได้วางท่าและสวมผ้าปิดบังใบหน้าเช่นนี่”


          ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ได้ใช้มือที่ใหญ่ของมัน จับไปที่ผ้าคลุมหน้าของหยานเฉินหยู่


          เจียงเฉินที่ยืนอยู่ไกลจากที่นี่ เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว เขาช่วยไม่ได้ที่จะถอนหอยใจและส่ายหัวของเขาเบาๆ ทำไมถึงมีแต่คนที่อยากที่จะหาที่ตายทั้งนั้น หยานเฉินหยู่ในปัจจุบันไม่เหมือนกับหยานเฉินหยู่ตอนที่อยู่เมืองสีชาด    แม้ศิษย์นิกายสวรรค์ทั้งหมดร่วมมือกันโจมตีก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้หยานเฉินอยู่ต้องรู้สึกเจ็บด้วยซ้ำ


          เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ สายตาของหยานเฉินหยู่พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางสะบัดไปยังศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์


เปรี๊ยะ…!


          ชั้นของน้ำแข็งได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากหยานเฉินหยู่ มันได้ปกคลุมไปทั่วร่างกายของศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์โดยทันที เหล่าศิษย์ขั้นแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางได้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง และเขายังอยู่ในตำแหน่งเดิม ชีวิตของเขากำลังจบลงด้วยไอเย็นที่เข้มข้นนี้


          สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นงงงวย ฝูงชนต่างเงียบกริบ ทุกคนตกตะลึงที่สาวหน้าชุดม่วงที่สวมผ้าคลุมหน้าคนนี้ จะฆ่าศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์ด้วยน้ำแข็ง


เหวอ…!


          ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ฝูงชนที่เงียบกริบได้ตกสู่ความวุ่นวาย มันช่วยไม่ได้ที่หลายคนถอยพยายามถอยออกห่างจากหยานเฉินหยู่ ไม่มีใครคิดว่าสาวน้อยเช่นนางจะแข็งแกร่งขนาดนี้? ฆ่ายอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางของนิกายกระบี่สวรรค์ได้


          ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางของนิกายกระบี่สวรรค์ไม่ใช่คนที่ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางทั่วไปสามารถเทียบได้ แม้เป็นเช่นนั้นเขายังถูกสาวน้อยฆ่าตายในทันที มันไม่ได้หมายความว่าศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์อ่อนแอ แต่หมายความว่าสาวน้อยชุดม่วงนั้นแข็งแกร่ง


“บัดซบ! สาวน้อยคนนี้แข็งแกร่งถึงเพียงใดกันแน่? นางปกปิดพลังได้มิดชิดนัก”


“นางมีกายเยือกแข็ง! นี่มันหายากยิ่งนัก นางสามารถฆ่าศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ได้ง่ายๆ! หากว่านางลงแข่งขันประจำแคว้นฉี นางต้องเป็นม้ามืดอีกตัวแน่”


“นางติดตามเจียงเฉินมาที่นี่ ผู้ฝึกตนทั้งสองนี้แปลกประหลาดยิ่ง”


          หลายคนต่างถกเถียงกันว่าพวกเขานั้นคิดผิด และความตกตะลึงในใจของพวกเขานั้นสูงมาก เพียงแค่เจียงเฉินก็แปลกประหลาดพอแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงสาวน้อยที่ติดตามเขาก็น่าสะพรึงกลัวยิ่ง!


เหล่าศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ต่างตกตะลึง พวกเขาได้เห็นใครบางคนสังหารคนของพวกเขาอย่างง่ายดาย    ความรู้สึกของผู้ที่เหนือกว่าได้ฝังลึกลงไปในกระดูกของพวกเขา พวกเขาทุกคนต่างมองไปยังสาวน้อยในชุดสีม่วงต่อหน้าพวกเขาด้วยความเกรี้ยวกราด แต่ไม่มีใครสักคนกล้าโจมตี


“หาที่ตาย!”


          อีกฟากหนึ่ง เมื่อเหลียงเซียวเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขายื่นมือของเขาแล้วกระชากคอหยานเฉินหยู่ที่อยู่ต่อหน้า


          เมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ท่าทางของเจียงเฉินพลันเปลี่ยนไป ปีกโลหิตบนหลังของเขากระพือออกและเขาพุ่งตรงไปยังหยานเฉินหยู่ ในขณะเดียวกันเขาได้บอกกวนอี้หยุนว่า “ศิษย์พี่กวน ช่วยข้าหยุดเขาที!”


          กวนอี้หยุนไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำขอของเจียงเฉิน เขารู้ว่าสาวน้อยคนนี้ได้มากับเจียงเฉิน เขาขยับตัวไปหยุดเหลียงเซียวในทันที     นอกจากนี้เขาได้เป็นสักขีพยานด้วยตาของเขา ว่าหยานเฉินหยู่แข็งแกร่งขนาดไหน     นางไม่มีทางที่จะอ่อนแอกว่าเจียงเฉิน นางคืออัจฉริยะถ้าหากว่านางเข้าร่วมนิกายทมิฬละก็ถือได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับพวกเขา


ปัง….!


          กวนอี้หยุนพุ่งเข้าไปขวางการโจมตีของเหลียงเซียว การปะทะกันของพลังก่อให้เกิดเสียงแสบแก้วหู ขณะเดียวกันเจียงเฉินได้ร่อนลงข้างหยานเฉินหยู่ เขาโอบไหล่หยานเฉินหยู่ และ ตะโกนออกไปอย่างเย็นชาต่อหน้าศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ว่า 

“ไสหัวไป!”


          ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ทั้งหมดต่างหวาดกลัว ใบหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนเป็นซีดเซียว พวกเขาทั้งหมดเริ่มถอยหลังไปแม้ว่าใจจริงของพวกเขาอยากจะฉีกเนื้อของเจียงเฉินออกมากินก็ตาม พวกเขารู้ถึงความน่ากลัวของเจียงเฉินดี    เขาไม่ใช่คนที่พวกเขาสามารถล้อเล่นด้วยได้    ถ้าหากพวกเขาไปกระตุ้นโทสะของเจียงเฉินขึ้นมา    พวกเขาอาจถูกฆ่าด้วยการตบเพียงครั้งเดียวก็เป็นได้ และ พวกเขาจะตายโดยเปล่าประโยชน์   มันไม่ใช่ที่ซึ่งพวกเขาจะสามารถบ่นได้


          เจียงเฉินโอบกอดหยานเฉินหยู่ไว้ในวงแขนของเขา จากนั้นเขาวางเธอไว้ด้านหลังของกลุ่มนิกายทมิฬ เขามีความสง่างามและมีท่าทีสูงส่งทุกย่างก้าวที่เขาก้าวเดิน


” กวนอี้หยุน อย่ามาขวางทางข้า ! ศิษย์ของนิกายกระบี่สวรรค์ไม่ใช่ใครที่คนนอกจะสามารถมาฆ่าได้โดยง่าย! “


          เหลียงเซียวกล่าวขึ้นมาอย่างกราดเกรี้ยวเขารู้สึกราวกับปอดของเขาแทบจะระเบิดออกมา   ในวันนี้นิกายกระบี่สวรรค์   ได้ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามถึงขนาดนี้  เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกเช่นนี้


” เหลียงเซียว สาวน้อยคนนั้นเป็นศิษย์ของนิกายทมิฬเรา ! นางสังหารศิษย์นิกายสวรรค์ของเจ้าเพราะว่าพวกเขาไม่ได้ให้เกียรตินาง! หลายคนตรงนี้เป็นพยานได้! ถ้าหากเจ้าต้องการที่แหกกฎการแข่งขัน และเริ่มสู้กันที่จตุรัสเมืองสุริยันโคจรนี่ พวกข้านิกายทมิฬจะเป็นคู่ต่อสู้แก่พวกเจ้าเอง พวกเจ้ากล้าหรือเปล่า! ข้าสงสัยว่าหากพวกเราสู้กันตอนนี้ ใครกันแน่จะเป็นคนที่ยืนอยู้ในจุดสุดท้าย! “


          กวนอี้หยุนพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังหาที่เปรียบมิได้ ก่อนหน้านี้เขาพ่ายแพ้ต่อหน้าหนานเป่ยเฉา และทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุข แต่ตอนนี้ เมื่อเหลียงเซียวต้องการมีปัญหาเขาไม่คิดจะยอมแพ้


“ดีมาก ! กวนอี้หยุน เจ้ากล้าหาญมาก! เจอกันในครั้งหน้า ข้าจะฆ่าเจ้า! “


          เหลียงเซียวโกรธจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้ ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้   ถ้าหากพวกเขาทั้งคู่ต่อสู้กัน นิกายกระบี่สวรรค์คงเสียเปรียบเป็นแน่ ถ้าหากเขาสู้กับกวนอี้หยุนอย่างมากที่สุดคงทำได้แค่เสมอ แต่ศิษย์นอกของนิกายนั้นแตกต่างไป   หลี่หวู่ซวงได้ตายไปแล้ว   และ  พวกเขาไม่ได้มีผู้ที่แข็งแกร่งมากมายในศิษย์นอก    ส่วนอีกด้านหนึ่ง นิกายทมิฬยังคงมีเจียงเฉินและสาวน้อยชุดสีม่วงที่น่าสะพรึงกลัว แค่ราชันย์ปีศาจน้อยคนเดียวก็เพียงพอที่จะสังหารพวกเขาแล้ว


” มันเร็วไปที่จะบอกว่าใครกันแน่ที่ถูกฆ่า “


กวนอี้หยุนแค่นเสียงอย่างเย็นชา แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้แก่หนานเป่ยเฉา แต่เขาไม่ได้กลัวเหลียงเซียว


” ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ทั้งหมดจงฟัง ! กลับยังหุบเขากระบี่สวรรค์ในทันที จากนี้ไป เจียงเฉิน คือเป้าหมายที่เรานิกายกระบี่สวรรค์ต้องสังหาร! “


          เหลียงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา จากนั้นเขาก็ได้พาศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ทั้งหมดออกไปจากเมืองสุริยันโคจร    หลังจากการแข่งขันในวันนี้ นิกายกระบี่สวรรค์ได้สูญเสียครั้งใหญ่    ทุกอย่างทั้งหมดเป็นเพราะเจียงเฉิน    ด้วยคำพูดของเหลียงเซียวเจียงเฉินได้ตกเป็นเป้าหมายสังหารของนิกายกระบี่สวรรค์     สี่นิกายใหญ่นั้นหาได้ยากที่จะใส่ชื่อลงไปในเป้าหมายสังหาร เพราะว่านั่นเป็นการประกาศว่าคนผู้นั้นจะเป็นศัตรูกับคนทั้งนิกาย เมื่อพบเจอที่ใดให้เข้าสังหาร


          ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์ได้จากไปในทิศทางเดียวกับที่พวกเขาเข้ามา    เมื่อเจียงเฉินได้ตกเป็นเป้าสังหารของนิกายกระบี่สวรรค์    เจียงเฉินก็ไม่ใส่อะไร    ศัตรูที่แข็งแกร่งได้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น    ไม่ว่าจะเป็นหนานเป่ยเฉา หรือนิกายกระบี่สวรรค์


ไป่หัวไต๋ นำอี้ชิงจื่อและศิษย์จากหุบเขาสุขสันต์มาหาเจียงเฉิน


” ยินดีด้วยคุณชายเจียงเฉิน สำหรับอันดับหนึ่งของการแข่งขัน ! พวกเราต้องขอตัวกลับก่อน ในอนาคตหากนายน้อยเจียงเฉินมีเวลาว่างมาเยี่ยมเยียนพวกเรา พวกเราหุบเขาสุขสันต์ยินดีต้อนรับเสมอ!”


          ไป่หัวไต๋แสดงท่าทีอันทรงเสน่ห์และเริ่มหว่านเสน่ห์กับเจียงเฉิน เมื่อเจียงเฉินได้ยินนางเรียกเขาว่า ‘คุณชาย’ เขาก็แทบทรุดลงบนพื้น


” ท่านพี่เจียงเฉินของข้า ไม่มีทางไปเยี่ยมเยียนเจ้าหรอก! “


หยานเฉินหยู่พูดอย่างเคืองโกรธ นางมองไปที่ไป่หัวไต๋และอี้ชิงจื่อด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์


“นั่นแน่ ! สาวน้อยเจ้าอิจฉาอย่างงั้นหรือ!”


          ไป่หัวไต๋หัวเราะคิกคัก ราวกับฉากรักที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ ปลิวไสวไปตามสายลม จากนั้นนางก็จากไปพร้อมกับศิษย์จากหุบเขาสุขสันต์ทุกคน


          เมื่อการแข่งขันจบลง ผู้คนในจตุรัสเมืองต่างทยอยกันกลับ จนท้ายที่สุดเหลือเพียงศิษย์ของนิกายทมิฬที่ยังคงอยู่


” น้องเจียง เจ้าจะไม่แนะนำสาวน้อยคนนี้หน่อยรึ? ตอนนี้พวกเราเป็นสหายนิกายเดียวกันแล้วนะ “


          ราชันย์ปีศาจน้อยใช้แขนของเขาวางพาดไว้บนไหล่ของเจียงเฉิน  และมองไปยังหยานเฉินหยู่ เขาเป็นเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นใบหน้าของหยานเฉินหยู่    สาวน้อยแบบนี้ต่อให้หาทั่วทั้งแคว้นฉีก็ไม่อาจพบเจอได้ และ แน่นอนว่าสาวน้อยแบบนี้เท่านั้นที่คู่ควรกับเจียงเฉิน


” ข้าขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือหยานเฉินหยู่ คู่หมั้นของข้า “


เจียงเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม


“ทะ… ท่านพี่เจียงเฉิน ท่าน…” (>////<)


          หยานเฉินหยู่ถึงกับอายม้วน เจียงเฉินกล้าที่ประกาศว่านางเป็นคู่หมั้นของเขาต่อหน้าคนหลายคน นี่มันน่าอายจริงๆ ทำไมเขาถึงไม่ได้พูดเรื่องนี้กับนางก่อน?    จากแววตาที่ดูมีความสุขของหยานเฉินหยู่    ใครก็สามารถบอกได้ว่านางรู้สึกเช่นไรกับคู่หมั้นของนาง


ฮ่าฮ่า………


          ศิษย์ทุกคนในนิกายทมิฬต่างหัวเราะเสียงดัง พร้อมทั้งยังมีบรรยากาศอันสดใส


” ศิษย์น้องหยาน ตอนนี้เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราแล้ว ! ไม่จำเป็นต้องสวมผ้าคลุมหน้านั่นหรอก ! เมื่อเจ้าไปยังนิกายทมิฬ เจ้าคงไม่สวมผ้าคลุมหน้าตลอดทั้งวัน ใช่หรือไม่? “


          กวนอี้หยุนหยอกล้อนางเล่น ศิษย์ในชั้นนำของนิกายทมิฬนั้นยากที่จะปรากฏตัวต่อหน้าศิษย์นอก    สำหรับทุกคนกวนอี้หยุนอยู่ในจุดที่เหนือกว่าพวกเขามาก   แต่วันนี้เขาได้มาหยอกล้อกับพวกเขา ทั้งหมดเป็นเช่นนี้ได้เพราะว่าเจียงเฉิน


=====================================================

จบตอนนี้ไม่ค้างจ้ะ


แต่ตอนหน้าไม่แน่ หึหึหึ… 🙂

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments