ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
แปลไทยโดย Subaru-Kyun
ตรวจสอบ Subaru-Kyun
=====================================================
หนานเป่ยเฉาผู้น่ารังเกียจ ในสายตาของผู้คนแคว้นฉีเขาเป็นถึงดาวรุ่งพุ่งแรงของแคว้น กฎคงไม่มีความหมายอะไร ไม่จำต้องพูดถึงกฎการประลอง เขาไม่สนใจกฎใดๆทั้งสิ้น
พยายามจะหยุดหนานเป่ยเฉาด้วยกฎมันเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดเจียงเฉินก็คิดเช่นนั้น หนานเป่ยเฉาเป็นดั่งพยัคฆ์ในหมู่คน เขาเกิดมาพร้อมโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ และ ยังให้ความรู้สึกของกลิ่นอายของราชารอบตัวเขา เขาเป็นอัจฉริยะ ความสำเร็จของเขาไม่มีที่สิ้นสุด เขาเป็นดั่งอัจฉริยะจากทวีปศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับว่าเขาเป็นเทพที่ลงมาจากสวรรค์
หนานเป่ยเฉาคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้ใด ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้สบประมาทเขา ดังนั้นเมื่อเขาต้องการสังหารเจียงเฉิน เขาต้องการให้เจียงเฉินตกตายในขณะคุกเข่า
“เขาจบสิ้นแล้ว คราวนี้เขาจบสิ้นจริงๆแน่ !”
“หนานเป่ยเฉาเป็นคนหยิ่งผยอง ด้วยเกียรติภูมิของเขานั้นไม่เคยอนุญาตให้ผู้ใดมาสบประมาทเขามาก่อน ในตอนนี้แม้กระทั่งกวนอี้หยุนก็ไม่สามารถปกป้องเจียงเฉินได้อีก!”
“หนานเป่ยเฉาแข็งแกร่งเกินไป แม้กวนอี้หยุนจะแข็งแกร่ง แต่เขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีของหนานเป่ยเฉาได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว ในความเห็นของข้าหนานเป่ยเฉาสามารถต่อกรได้กระทั่งยอดฝีมือแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว”
อัจฉริยะผู้นี้ไม่อาจพบเห็นมาก่อนนับพันปี แคว้นฉีก็ไม่เคยให้กำเนิดใครเช่นเขามาก่อน เขาคือความภาคภูมิใจที่สุดของนิกายอัคคีผลาญฟ้า เขาไม่เคยเชื่อฟังกฎใดๆทั้งสิ้น
…………………………………………………………………
มีหลายคนถอนหายใจออกมา หนานเป่ยเฉาเป็นคนโหดเหี้ยม ไม่มีใครสามารถต่อต้านเขาได้ เจียงเฉินต้องจบสิ้นในวันนี้ ไม่มีที่ไหนที่เขาสามารถอยู่รอดได้ ตั้งแต่หนานเป่ยเฉาต้องการฆ่าเขา ก็ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเขาได้ แม้แต่ปีกสีเลือดก็ไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีผู้ใดหนีหนานเป่ยเฉาพ้น
“ไสหัวไปซะ!”
หนานเป่ยเฉาพูดกับกวนอี้หยุนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“หนานเป่ยเฉา เจ้าคงไม่คิดว่าตัวเจ้าเหนือกว่ากฎและคำสั่งเช่นนั้นใช่รึไม่”
กวนอี้หยุนกราดเกรี้ยวอย่างเหลือเชื่อ สถานการณ์ในตอนนี้แม้แต่ตุ๊กตาโคลนก็ยังสามารถรู้สึกถึงความกราดเกรี้ยวของเขา ในตอนนี้เขาเป็นผู้นำของนิกายทมิฬ แม้ว่าเขาจะไม่อาจต่อกรกับหนานเป่ยเฉา แต่เขาไม่สามารถนั่งอยู่ข้างหลังและมองดูศิษย์นิกายทมิฬถูกหนานเป่ยเฉาสังหารได้
เหลียงเซียวที่ยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของเขามีสีหน้าเย้ยหยัน เขาวางท่าเช่นนั้นเพราะเขากำลังดูการแสดงดีๆ เขาอยากเห็นว่ากวนอี้หยุนจะหยุดหนานเป่ยเฉาอย่างไร
ในตอนนี้ จากด้านหลังได้มีมือมาตบไหล่ของกวนอี้หยุน เป็นมือของเจียงเฉินนั่นเอง เจียงเฉินได้เดินออกมาจากด้านหลังของกวนอี้หยุนมาหยุดที่ด้านหน้าของหนานเป่ยเฉา
เจียงเฉินสวมชุดคลุมสีขาว เขามีรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าเขา เสื้อและผมของเขาโบกสะบัดภายใต้ออร่าของหนานเป่ยเฉา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังคงไม่แปรเปลี่ยน สายตาของเขาเฉียบคม ของมองไปยังดวงตาของหนานเป่ยเฉา ท่าทางที่เขาได้แสดงออกมาทำให้เขาดูเหมือนไม่ด้อยไปกว่าหนานเป่ยเฉา
“เขากล้าเผชิญหน้าโดยตรง!แค่ความกล้าของเขาเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เขาเป็นคนยอดเยี่ยมแล้ว!”
“ท่าทีของเจ้าหนุ่มคนนี้ต้องมีอะไรสักที่ไม่สมกับอายุของเขาแน่ ดูเหมือนว่าแม้หนานเป่ยเฉาจะฆ่าเขาด้วยการตบเพียงครั้งเดียว เขาก็ไม่กลัวมัน”
ทุกคนต่างมองตามการกระทำของเจียงเฉิน แม้กระทั่งกวนอี้หยุนก็ไม่คิดว่าเจียงเฉินจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขาสามารถเผชิญหน้ากับหนานเป่ยเฉาโดยยังมีท่าทีใจเย็นและปราศจากความกลัว
“เจ้าไม่กลัวข้างั้นรึ?”
สายตาของหนานเป่ยเฉาราวกับใบมีดเยือกแข็งแทงกระหน่ำไปยังใบหน้าของเจียงเฉิน เขาไม่ได้โจมตีเจียงเฉินและสังหารเจียงเฉิน เขาเป็นคนมีทิฐิ เขาต้องการรู้ว่าเจียงเฉินสามารถยืนตรงหน้าของเขาอย่างใจเย็นได้อย่างไร ทำไมมันถึงไม่คุกเข่าต่อหน้าเขา
“ทำไมข้าต้องหวาดกลัวเจ้าด้วย เจ้าต่างหากไม่หวาดกลัวข้าหรอกรึ?”
เจียงพูดพร้อมแสยะยิ้ม
“ข้าน่ะหรือต้องกลัวเจ้า? ฮ่าฮ่า ช่างน่าตลก… ช่างน่าขบขันสิ้นดี! เจ้าเชื่อจริงหรือว่าข้าไม่สามารถบดขยี้เจ้าตายเฉกเช่นมดปลวกได้ โดยไม่ต้องถึงนิ้วมือข้าด้วยซ้ำ”
หนานเป่ยเฉาหัวเราะเสียงดัง นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่เขาเคยได้ยินมา เขาไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน
“เพราะว่าศักยภาพของข้าไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้ายังไงละ อีกทั้งมันยังเหนือกว่าเจ้าด้วย เพราะงั้นเจ้าถึงไม่อาจรอช้าที่จะสังหารข้ายังไงละ เพราะเจ้ากลัวว่าข้าจะแข็งแกร่งกว่าเจ้า และกลับมาสังหารเจ้าทิ้งยังไง”
เจียงเฉินพูดออกมาคำต่อคำ และทุกคนในที่นี้ได้ยินชัดเจน ทำให้ผู้คนนับถือความกล้าของเขามากขึ้นไปอีก ในขณะเดียวกันหลายคนเริ่มคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เจียงเฉินพูด
“ที่เจียงเฉินพูดมาก็ถูก ด้วยศักยภาพที่ได้แสดงให้เห็นในวันนี้ เขาไม่ด้อยไปกว่าหนานเป่ยเฉาเลย และยังเหนือกว่าหนานเป่ยเฉาด้วยซ้ำ ! เป็นไปได้จริงๆว่าในอนาคตเจียงเฉินจะเหนือกว่าหนานเป่ยเฉาเป็นแน่! หนานเป่ยเฉากลัวว่าในอนาคตเจียงเฉินจะแข็งแกร่งกว่าเขา เขาไม่อาจทนรอได้อักจึงต้องรีบฆ่าเจียงเฉิน!”
“มันเรื่องตลกอะไร! เมื่อหนานเป่ยเฉาต้องการฆ่าใคร เขาจำเป็นที่ต้องการเหตุผลหรือ? ไม่เคยแม้แต่สักครั้ง เจียงเฉินแค่วางท่าขู่เขาเท่านั้น!”
คำพูดของฝูงชนได้ยินไปถึงหูหนานเป่ยเฉา คำพูดเหล่านั้นได้กระตุ้นความภาคภูมิใจของเขา ถ้าเขาสังหารเจียงเฉินในวันนี้ เขาต้องถูกตราหน้าว่าเป็นไอขี้ขลาดที่กลัวเจียงเฉินเป็นแน่
“เจียงเฉิน เจ้าต้องเข้าใจว่าต่อหน้าของข้า เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวก ด้วยผู้สูงส่งเช่นข้า ได้ยืนอยู่ตรงนี้และพูดคุยกับเจ้านับว่าเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่สำหรับเจ้าแล้ว! หากข้าต้องการสังหารเจ้า ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลอันใดอีก”
เสมอมาหนานเป่ยเฉาเหนือกว่าผู้ใดมาตลอด ออร่าที่พิเศษส่งได้ปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นคนพิเศษเพียงผู้เดียวในโลก
“หนานเป่ยเฉา”ยับยั้งออร่าพิเศษของเจ้าเสียดีกว่า! ต่อหน้าข้าไม่จำเป็นต้องแสดงออร่าของเจ้า อย่าคิดว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก! ให้เวลาข้าเพียงหนึ่งปี และเจ้าจะรู้ว่าระหว่างเราใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน
เจียงเฉินแค่นเสียงอย่างเย็นชา เขามีท่าทีโอหัง การกระทำของเขาทำให้หลายคนรู้สึกหวาดหวั่น นี่เป็นคนแรกที่กล้าโอหังต่อหน้าหนานเป่ยเฉา และ เขายังสามารถโอหังได้เป็นธรรมชาติและปราศจากซึ่งความกลัวใดๆ ด้วยความกล้าหาญของเขาเพียงอย่างเดียว เขาก็ชนะใจทุกคน ทุกคนต่างนับถือ
“ฮ่าฮ่าฮ่า……”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหนานเป่ยเฉาหัวเราะเสียงดังออกมาเสียงดัง เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และ ยืนใกล้เจียงเฉินจนร่างกายของพวกเขาแทบจะสัมผัสกัน เขาพูดออกมาด้วยเสียงเข้มและเย็นชา “เจียงเฉิน เจ้าฉลาดมากใช้วิธีนี้เพื่อรักษาชีวิตเจ้าไว้! แสดงความยินดีด้วย เจ้าทำสำเร็จ! ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งปี! ในอีกหนึ่งปีเราจะมาตัดสินเป็นตายกัน ข้าจะดูว่าเจ้าจะเติมโตได้แค่ไหนในหนึ่งปีนี้!”
หลังจากพูดเช่นนั้น หนานเป่ยเฉาก็กลับตัวแล้วพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้าจากไป ในขณะเดียวกันได้ยินเสียงเขาจากกลางอากาศ “เจียงเฉินจงสนุกไปกับปีสุดท้ายของชีวิตเจ้า!”
ท่าทีของเจียงเฉินไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก สถานการณ์ในวันนี้นอกเหนือจากวิธีนี้แล้วไม่มีสิ่งใดสามารถช่วยเขาได้
เจียงเฉินคาดการณ์ได้แม่นยำ เขาบอกได้ง่ายๆว่าหนานเป่ยเฉาเป็นคนเช่นไร คนเช่นเขา ความภาคภูมิใจเป็นส่วนหนึ่งของเขา ความภาคภูมิใจได้ฝังลึกลงไปในกระดูก โดยที่เขาไม่สนใจใครทั้งนั้น
ดังนั้นเขาเลยใช้หนึ่งปีมาพนันกับความภาคภูมิใจของหนานเป่ยเฉา เขาคาดการณ์ไว้ว่าหนานเป่ยเฉาต้องตอบตกลงเป็นแน่ มีหลายคนในที่นี้ได้เห็นการแข่งขันประจำแคว้นฉีแทบจะทั่วทั้งแคว้นเสียมากกว่า ด้วยสถานะของหนานเป่ยเฉา หากสังหารเขาหลังจากที่เจียงเฉินพูดสิ่งเหล่านี้ออกไป ผู้คนก็จะคิดว่าเขากลัวเจียงเฉิน
ความภาคภูมิใจของหนานเป่ยเฉาไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดมาก่อน ดังนั้นหนานเป่ยเฉาเลยตกลงตามข้อเสนอหนึ่งปีแล้วจากไป
“บัดซบ! หนานเป่ยเฉาจากไปเช่นนี้…..นั่นแสดงว่าเจียงเฉินต้องมีอะไรสักอย่างเป็นแน่ เขากล้าที่เสนอการแข่งขันในอีกหนึ่งปี ด้วยเวลาเพียงแค่หนึ่งปี ไม่ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะจากที่ไหน ก็ไม่ใช่คู่มือหนานเป่ยเฉา”
“ใช่เลย เจ้าเจียงเฉินมันโอหังสุดๆ! เขาต้องการชนะเพียงแค่หนึ่งปีงั้นรึ! เขาเป็นแค่ยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น แม้ว่าการบ่มเพาะของหนานเป่ยเฉาจะไม่ได้คืบหน้าในปีนี้ เจียงเฉินก็ไม่มีทางที่จะไปถึงระดับเขาได้!”
“เฮ้อ….เขาสามารถต่ออายุไปได้อีกปีเท่านั้น เมื่อปีหน้ามาถึงเขาต้องถูกหนานเป่ยเฉาฆ่าตาย”
“ข้าชักอยากจะเห็นการต่อสู้ในอีกหนึ่งไปซะแล้วสิ! เจียงเฉินดูไม่เหมือนคนบ้าบิ่นทำอะไรไม่ยั้งคิดหรอก มารอชมกันดีกว่า!ในหนึ่งปีเราอาจจะได้เป็นสักขีพยานในการแสดงที่ดีก็เป็นได้!”
“ใช่แล้ว การแข่งขันเป็นตายระหว่างเจียงเฉินกับหนานเป่ยเฉา แน่นอนว่าต้องเป็นศูนย์กลางของความสนใจทั่วแคว้นฉี! หลังจากนี้อีกหนึ่งปีมันต้องเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญแน่ เจียงเฉินได้เข้าร่วมกับนิกายทมิฬ เขาจะได้ทรัพยากรที่ดีแน่แท้”
ทุกคนต่างเห็นอกเห็นใจ การแข่งขันประจำแคว้นฉีในวันนี้ไม่ได้ดำเนินการอย่างราบรื่น มีเรื่องที่น่าตกตะลึงเกิดขึ้นมากมาย ท้ายที่สุดยังเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันอีกด้วย
เจียงเฉินได้เป็นผู้ชนะเลิศการแข่งขัน จากผู้ฝึกตนพเนจรที่น่าอับอายได้ปรากฏตัวขึ้นมาเป็นม้ามืดของการแข่งขัน จัดการศิษย์นอกของทั้งสี่นิกาย แล้วได้อันดับหนึ่งด้วยตัวเขาเอง ทำให้เขาในตอนนี้กลายเป็นคนมีชื่อเสียงอย่างแท้จริง
นามของเจียงเฉินนั้นกระจายไปทั่วทั้งแคว้นฉี ทุกคนต่างรู้จักเขา
มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมายในการแข่งขัน คนที่คาดว่าจะเป็นผู้ชนะเลิศได้ตกตายอย่างน่าสยดสยอง? ร่างของเขาขาดออกเป็นสองซีก แล้วคนที่มีความสามารถโดดเด่นอย่างหลิงอ้าวยังถูกตัดหัว?
สำหรับนิกายกระบี่สวรรค์และนิกายอัคคีผลาญฟ้า การตายหลี่หวู่ซวงและหลิงอ้าวนับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในการแข่งนี้
เช่นเดียวกับหุบเขาสุขสันต์ ไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาเพียงแค่ต้องการลงแข่งขันครั้งนี้เท่านั้น ในความจริงแล้วหุบเขาสุขสันต์มีภาพรวมที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากด้วยทักษะการบ่มเพาะพลัง และทักษะยั่วยวนของพวกเขาเป็นเส้นทางสายปีศาจ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งจากหุบเขาสุขสันต์ ดังนั้นในประวัติศาสตร์ของแคว้นฉี หุบเขาสุขสันต์จึงไม่เคยได้อันดับหนึ่ง
หลังจากที่อี้ชิงจื่อยอมแพ้ สามารถบอกเหตุผลได้ง่ายๆว่าเมื่อทักษะยั่วยวนนั้นไม่มีผล ผู้เขาก็สูญเสียความได้เปรียบของพวกเขา
“ฮึ่ม ! ต่อสู้ในอีกหนึ่งปีงั้นรึ? ข้าอยากเห็นจริงๆ ความสามารถที่ทำให้เจ้ารอดชีวิตได้ในปีนี้!”
เหลียงเซียวแค่นเสียงอย่างเย็นชา ก่อนจะหันหลังกลับและเตรียมที่จะจากไป ในตอนนั้นเองก็มีศิษย์จากนิกายกระบี่สวรรค์ออกมายืนแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่เหลียง เจ้าเจียงเฉินกับเจ้าหมาตัวนั้นเป็นกลุ่มเดียวกัน! บอกมันให้ส่งเจ้าหมานั่นมาให้่เราดีไหมครับ!”
“อะไรนะ? เจ้าหมาที่มันปลดปล่อยสัตว์อสูร ในหอคอยเรือนจำปีศาจงั้นรึ?”
เหลียงเซียวพูดออกมา เขาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในหอคอยเรือนจำปีศาจมาก่อนหน้านี้ เจ้าหมาที่โหดเหี้ยมนั่นได้คร่าชีวิตศิษย์นอกของนิกายไปมากมาย
“ใช่ครับ เจ้าหมาเดนตายนี่ไม่ผิดแน่!”
ศิษย์คนหนึ่งพูดพร้อมกันฟันของเขาไว้แน่น
“เจียงเฉิน ส่งเจ้าหมานั่นมาให้ข้าซะ!”
เหลียงเซียวหันหลังกลับไปและมองไปยังเจียงเฉิน
“เหลียงเซียว หมาอะไร? อย่ามาไร้สาระน่ะ!”
กวนอี้หยุนพูดออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ
“กวนอี้หยุน เจ้าสามารถปกป้องเจียงเฉินได้ แต่อย่าบอกข้านะว่าเจ้าจะปกป้องกระทั่งหมา?! วันนี้ถ้าเจ้าไม่ส่งเจ้าหมานั่นมาให้ข้า อย่ากล่าวโทษข้าที่เสียมารยาทละกัน!”
เหลียงเซียวเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก เขาไม่สามารถสังหารเจียงเฉินที่นี่ได้ แต่ไม่ใช่กับเจ้าหมานั่น เขาต้องการฆ่ามัน ดังนั้นมันต้องตายจากความโกรธของเขา
ผู้คนที่กำลังจะกลับไปเพ่งความสนใจไปที่ใจกลางของจตุรัส ดูเหมือนว่านิกายกระบี่สวรรค์ กับนิกายทมิฬจะสู้กันเพื่อหมา
“ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าหมานั่น ถ้าเจ้าสามารถ เจ้าก็ไปจับมันเอง! ทำไมเจ้าต้องมาถามข้าเรื่องเจ้าหมานี่ด้วย? เจ้าเห็นว่าเจ้าหมานั่นอยู่ข้างข้าเมื่อไรกัน?”
เจียงเฉินยิ้มเยาะออกมา เจ้าหมานั่นมันไม่ยอมถูกจับได้ง่ายๆ แม้ว่าเขาต้องการส่งเจ้าหมานั่นให้แค่ไหน เขาก็ไม่มีทางทำได้
“เจ้าหมามันอยู่ตรงนี้!”
ใครบางคนในฝูงชนตะโกนออกมา มันเป็นคนที่แพ้พนันกับเจ้าหวงต้า
ฟุ่บ..!
หลังจากได้ยินคำพูดของชายคนดังกล่าว ศิษย์นิกายกระบี่สวรรค์จำนวนหนึ่งวิ่งไปยังตรงนั้นด้วยความเร็วสูง.
=====================================================
จบไปอีกหนึ่งตอน 🙂