I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 108 ชี้นำ

| Dragon-Marked War God | 1425 | 2361 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลไทยโดย  Subaru-Kyun


ตรวจทาน      Subaru-Kyun


=====================================================


          ชายหนุ่มที่ไม่มีผู้ใดพบเจอมาก่อนได้ทำให้หวังหยุน ซึ่งเป็นยอดฝีมือแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายยอมก้มหัวให้เขา บางทีอาจมีเพียงดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างเจียงเฉินเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้ 


          ในตอนนั้นเองได้มีศิษย์นอกสองคนเดินลงมา เมื่อพวกเขาพบเห็นเจียงเฉิน พวกเขาก็เข้าไปทักทายในทันที


” ศิษย์พี่เจียง ท่านตัดสินใจเรื่องของท่านเสร็จแล้ว! ช่างรวดเร็วเสียจริง! “


” ยินดีต้อนรับสู่นิกายทมิฬ ศิษย์พี่เจียงเฉิน! ข้าหวังว่าศิษย์พี่เจียงเฉินจะเป็นคนชี้นำพวกเราในอนาคต! “


          ทั้งสองได้ก้มหัวให้เจียงเฉิน ด้วยสิ่งนี้เท่ากับว่าสถานะของเจียงเฉินได้ถูกยืนยันแล้ว เหล่าผู้คนที่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันประจำแคว้นฉี ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างมองเจียงเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า


” โอ้ สวรรค์! เขาคือเจียงเฉินจริงๆหรือเนี่ย เขายังเยาว์วัยนัก บางทีเขาอาจจะอายุเพียง 15-16 ปีเท่านั้น “


” ข้าได้ยินมาว่าเขาได้สังหารหลิงอ้าวและหลี่หวู่ซวงในขณะที่การบ่มเพาะของเขาอยู่แค่เพียงแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้นเท่านั้น! ชายคนนี้ดูเปราะบางและดูเป็นคนเจ้าสำอาง ยากที่จะคิดได้ว่าเขาจะเป็นคนโหดร้ายถึงเพียงนั้น “


” พูดเบาๆหน่อย ศิษย์พี่เจียงเป็นว่าที่ผู้นำศิษย์นอกเราในอนาคต ในอีกหนึ่งปีจากนี้เขาจะต้องสู้กับหนานเป่ยเฉา เขาจะต้องได้รับความสนใจจากเหล่าผู้บริหารเป็นแน่”


” ว้าว! ศิษย์พี่เจียงช่างหล่อเหลาซะเหลือเกิน <3 มันคงจะดีไม่น้อยหากเขายังไม่มีคนรู้ใจ “


” ไสหัวไปซะ! เจ้าไม่เคยส่องกระจกชะโงกดูใบหน้าตนอะไรหรืออย่างไร แหกตาของเจ้าดูที่สาวน้อยชุดสีม่วงข้างๆศิษย์พี่เจียงเฉินซะ นางคือศิษย์พี่หยานเฉินหยู่ หากศิษย์พี่หยานเป็นหงส์ ห่านป่าเช่นเจ้าจะเทียบอะไรได้! มีเพียงคนแบบนางเท่านั้นที่คู่ควรกับศิษย์พี่เจียง! “


………………………………………………


          ศิษย์รอบๆนี้ต่างพูดคุยเรื่องนี้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน แม้ว่าจะแอบคุยกันอย่างเงียบๆ แต่เจียงเฉินมีการรับรู้ที่ดีเยี่ยม เขาได้ยินทุกคำพูดที่พูดออกมา จึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะหัวเราะออกมาแล้วส่ายหัว ก่อนเขาจะมาถึงนิกายทมิฬเขาคาดไม่ถึงว่าเขาจะกลายเป็นคนดังไปซะแล้ว


          ชัดเจนว่าชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายออกมาจากศิษย์นอกที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันประจำแคว้นฉี ไม่เพียงนิกายทมิฬนั้นกว้างใหญ่แต่ด้วยอีเวนท์ใหญ่อย่างการแข่งขันประจำแคว้นฉี แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงแม้แต่ศิษย์ระดับต่ำที่สุดก็ได้ทราบถึงผลการแข่งขัน


” เอาล่ะ เอาล่ะ จัดการเรื่องของพวกเจ้าเองเถอะ ศิษย์พี่เจียงเดินทางมาไกล ข้าจะพาเขาไปยังที่พัก ในอนาคตหากใครมีปัญหาเรื่องการบ่มเพาะพลัง ศิษย์พี่เจียงจะเป็นผู้ชี้นำพวกเจ้าเอง “


หวังหยุนโบกมือไปให้เหล่าศิษย์ในนิกาย จากนั้นเขาก็นำทางเจียงเฉินไปยังส่วนใน


          ตลอดทางได้พบเหล่าศิษย์น้อยใหญ่ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันจำนวนหนึ่ง พวกเขาทั้งหมดต่างรู้สึกมีความสุขที่ได้ทักทายเจียงเฉินเมื่อพวกเขาได้พบ ศิษย์นิกายทมิฬไม่ได้บ้าถึงแม้ว่าการชื่นชมเจียงเฉินไม่ได้ให้อะไรพวกเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำให้พวกเขาต้องเสียอะไรไปสักหน่อย


          ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับราชันย์ปีศาจน้อยฮันหยานและกวนอี้หยุน เพียงวิธีของเจียงเฉินคือทำทุกอย่างโดยลำพังก็สมควรได้รับความเคารพนับถือ


” เจ้าหนุ่ม ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงเช่นนี้…    แม้แต่ชื่อเสียงของข้าบิดาผู้นี้ยังถูกเจ้าบดบังซะมิด เจ้าไม่เกรงอกเกรงใจข้าหน่อยรึ “


หวงต้าพูดอย่างเป็นนัยว่าไม่สบอารมณ์


” หากเจ้าไม่มีเรื่องจะพูด ก็หุบปากไปซะ “


เจียงเฉินจ้องมองไปยังหวงต้า ถ้าเจ้าหมานี่ทำตัวดีๆในนิกายทมิฬ เจียงเฉินจะรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก


” เจ้าลูกหมา นี่อยู่ภายในนิกายทมิฬ จะดีกว่านี้หากเจ้าไม่ก่อปัญหานะรู้ไหม “


หยานเฉินหยู่ลูบหัวของหวงต้าและเตือนมัน


เมื่อตามหวังหยุนมาได้สักระยะหนึ่ง ก็ได้มาถึงเขตที่พักของศิษย์ชั้นนอก


          เขตที่พักนี้มีไว้สำหรับศิษย์ชั้นนอก ตั้งอยู่ระหว่างหุบเขา เรียงรายไปด้วยบ้านพักอย่างดีและสิ่งก่อสร้างรูปทรงโบราณ


” ศิษย์พี่เจียง นี่คือเขตที่พักของพวกเราศิษย์นอก  โดยปกรูปแบบของบ้านพักและสิ่งก่อสร้างนั้น ได้เชื่อมต่อกับเส้นทางพลังงานใต้ดิน โดยปกติแล้วบ้านพักหลังหนึ่งจะพักร่วมกันหกคน มีเพียงศิษย์แก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายที่สามารถมีบ้านพักเป็นของพวกเขาเองได้ เมื่อพวกเขาทะลวงเข้าสู่แก่นแท้สวรรค์ก็สามารถเข้าสู่ศิษย์ชั้นในได้ “


หวังหยุน พูด


” แล้วใครล่ะ ที่อาศัยทีเดียวกับข้า? “


เจียงเฉินถามด้วยรอยยิ้ม


” ศิษย์พี่เจียง ท่านล้อข้อเล่นแล้ว แม้ว่าท่านจะยังไปไม่ถึงแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายแต่ด้วยความสามารถของท่าน ด้วยตัวคนเดียวท่านสามารถจัดการศิษย์นอกได้ทุกคน ดังนั้น ศิษย์พี่กวนอี้หยุนถึงได้มีคำสั่งพิเศษให้พวกเราจัดเตรียมที่พักที่ดีที่สุดให้กับศิษย์พี่เจียง “


          หวังหยุนได้พาเจียงเฉินเดินผ่านเขตที่พักไปด้านหลังเขตที่พัก ได้มีบ้านพักที่ดีเยี่ยมตั้งอยู่บนยอดของหุบเขา ตั้งแยกออกมาจากเขตที่พัก รอบๆมีทั้งภูเขาและแม่น้ำ มีกระทั่งน้ำตกอยู่ใกล้ๆช่างเป็นที่ที่น่าประทับใจ มีพลีงหยวนมากมายธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ปราศจากเสียงดังรบกวนจากเขตที่พัก สถานที่แห่งนี้เหมาะแก่การบ่มเพาะพลังเป็นอย่างมาก


” ว้าว….   ที่แห่งนี้ช่างงดงามเหลือเกิน! “


หยานเฉินหยู่ยืนอยู่บนยอดเขา นางสามารถเห็นได้ทั่วทั้งหุบเขาทมิฬ ความรู้สึกที่ได้มีหุบเขาอยู่ใต้เท้าของนาง มันทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข


          บ้านพักแห่งนี้มีห้องทั้งหมดสามห้องด้วยกัน นอกจากเจียงเฉินและหยานเฉินหยู่ แม้แต่หวงต้าก็ยังมีห้องของมันเอง สมกับที่ได้รับการดูแลดีเป็นพิเศษในหมู่ศิษย์นอก


          เมื่อเปิดประตูเข้าไปได้พบกับห้องที่ตกแต่งแบบธรรมดาทั่วไป นอกจากเตียงก็มีเพียง เบาะรองนั่งสีทองตั้งอยู่ด้านขวากลางห้องของเขา


“ศิษย์พี่เจียง เบาะรองนั่งนี้สามารถใช้ในสื่อสารกันโดยตรงกับพลังของแหล่งพลังงานใต้ดิน เมื่อบ่มเพาะพลังบนเบาะรองนั่งนั้นจะช่วยให้บ่มเพาะพลังได้มากขึ้นสองเท่าโดยใช้เวลาเพียงครึ่งเดียว”


หวังหยุนได้อธิบาย เบาะรองนั่งที่พิเศษเช่นนี้กวนอี้หยุนได้เตรียมขึ้นมาให้เจียงเฉินโดยเฉพาะ ในหมู่ศิษย์นอกทั้งหมดนอกจากฮันหยานแล้ว มีเพียงเจียงเฉินเท่านั้นที่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้


“อืม ไม่เลวเลยทีเดียว ศิษย์พี่กวนช่างใจกว้างเหลือเกิน”


เจียงเฉินผงกศีรษะของเขา ในใจเขารู้สึกขอบคุณกวนอี้หยุนเป็นอย่างมาก ที่พักก็ได้ถูกจัดเตรียมไว้ให้เขาโดยเฉพาะ


“ศิษย์พี่เจียง ท่านพอใจกับที่นี่หรือไม่?”


หวังหยุน ถามด้วยรอยยิ้ม


“อืม ไม่เลว ว่าแต่เจ้าเถอะ หวังหยุน เจ้าบ่มเพาะพลังด้วยทักษะบ่มเพาะใดรึ?”


เจียงเฉินมองไปยังหวังหยุน


หวังหยุนดถึงกับสะดุ้ง เขาไม่คาดคิดว่าอยู่ดีๆเจียงเฉินจะถามถึงทักษะที่เขาบ่มเพาะ


“ศิษย์พี่เจียง ข้าบ่มเพาะด้วยทักษะจากตำรา ‘ทลายวารี’ ของนิกายทมิฬเรา เป็นทักษะขั้นมนุษย์ระดับสูง “

หวังหยุน ตอบ


“เจ้าโกหก เจ้าไม่ได้บ่มเพาะพลังจากตำรา ‘ทลายวารี’ “


เจียงเฉินดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงอย่างสบายๆ โดยไม่แม้แต่จะมองไปที่หวังหยุน


          แต่ท่าทีของหวังหยุนได้แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เขาที่ยืนอยู่นิ่งๆไม่ได้แสดงพลังออกมาแม้แต่น้อย แต่เจียงเฉินบอกได้ว่าเขาไม่ได้บ่มเพาะพลังจากตำรา ‘ทลายวารี’


” เช่นนั้นข้าจะถามเจ้าว่า สามเดือนที่ผ่านมา เมื่อตกกลางดึก ‘จุดเคลื่อนพลัง’ ของเจ้าเจ็บปวดราวกับถูกฝังเข็มใช่รึไม่? และไม่กี่วันที่ผ่านมาความเจ็บปวดได้รุนแรงขึ้นจนแทบทนรับไม่ไหวใช่รึไม่ ? “


เจียงเฉินถาม


          ในตอนนี้ท่าทีของหวังหยุนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ตาของเขาเบิกกว้างจ้องไปยังเจียงเฉิน เขาถามด้วยเสียงที่สั่นเครือ ” ท…ท่าน ท่านรู้ได้อย่างไร? “


” ฮึ่ม… พยายามโกหกข้างั้นรึ เมื่อเจ้าบ่มเพาะพลังผิดพลาด ด้วยสภาพของเจ้าในตอนนี้ ข้าคิดว่าอีกแค่ไม่เกินสองเดือนก่อนที่เจ้าจะตายโดยโรคประสาท เพราะงั้นบอกข้ามา ว่าเจ้าบ่มเพาะทักษะอะไรกันแน่ “


เจียงเฉินแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา หากไม่ใช่เพราะว่าพฤติกรรมที่หวังหยุนได้แสดงออกในวันนี้ เขาคงจะไม่สามารถชี้นำอะไรให้ได้


ฝุ่บ….!


          เมื่อได้ยินว่าเขาจะตายด้วยโรคประสาทในอีกสองเดือน หวังหยุนถึงกับคุกเข่าลงตรงหน้าเจียงเฉิน โดยไม่กล้าที่จะปิดบังสิงใดๆอีก เขาพูด ” ศิษย์พี่เจียง ท่านเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง เพียงแค่ท่านมองก็สามารถบอกอาการของข้าได้ ท่านพูดถูกข้าได้ใช้ ‘ทักษะทลายวารี’ นั้นเพื่อปกปิดเพียงเท่านั้น ข้าได้บ่มเพาะด้วยทักษะขั้นปฐพีระดับกลาง ทักษะนี้เรียกว่า ‘ศิลาเมฆา’ ระหว่างที่ข้าเดินทางได้พบกับทักษะนี้โดยบังเอิญ ทักษะขั้นปฐพีมีค่ามากยิ่งกว่าทักษะขั้นมนุษย์ ข้าจึงอดใจไม่ไหว เริ่มบ่มเพาะมัน ทักษะนี้เป็นทักษะที่แปลกเสียจริง ข้าไม่รู้ว่ามันมีอะไรผิดพลาด แต่เมื่อสามเดือนก่อน เริ่มรู้สึกเจ็บปวดที่ ‘จุดเคลื่อนพลัง’ ราวกับถูกฝังเข็มลงไป และในวันนี้ความเจ็บปวดมันแทบจะทนไม่ไหว ได้โปรด ศิษย์พี่เจียง ข้าขอร้องล่ะ ท่านช่วยชีวิตข้าด้วย! “


หากก่อนหน้านี้เขาคงรู้สึกแค่เพียงหวาดกลัวเจียงเฉิน แต่ในตอนนี้เขาได้เทิดทูนบูชาเจียงเฉินราวกับพระเจ้า


“โคจรทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ ของเจ้าซะ”


เจียงเฉินพูดอย่างเรียบเฉย


“ขอรับ!”


          หวังหยุนไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ทันใดนั้นเขาเริ่มโคจรทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ลมที่หนาวเย็นได้พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายปีศาจเล็กน้อย เจียงเฉินมองเขาอย่างอย่างรอบคอบ และในขณะที่หวังหยุนกำลังโคจรทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ เจียงเฉินก็ได้พบแสงของปิศาจอยู่ภายในตาของเขา นี่เป็นอาการของโรคประสาท


“หยุดซะ”


          เจียงเฉินบอกให้หวังหยุนหยุดโคจรทักษะแล้วบอกว่าทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ โดยตัวมันเองเป็นทักษะที่ใช้พลังหยินและความหนาวเย็น แม้ว่ามันจะไม่ถือว่าเป็นทักษะที่ไม่รุนแรง แต่มันก็ไม่ใช่ทักษะปีศาจ เพียงแต่ว่าเจ้าฝึกฝนผิดเส้นทาง จึงทำให้แปรเปลี่ยนเป็นทักษะปีศาจ เมื่อแรกเริ่มเดิมทีเจ้าได้ทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ เจ้าได้ดูดซับปราณหยินธรรมชาติในตอนกลางคืน และเจ้าก็ได้ดูดซับปราณปีศาจ เข้าไปจำนวนหนึ่ง เมื่อบ่มเพาะทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ ด้วยวิธีการนี้ทำให้เจ้าเร่งการบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็ว แต่เพราะว่าสิ่งนี้ จึงทำให้จำได้ทำลายตัวเอง


“ศิษย์พี่เจียงผู้เกรียงไกร ได้โปรดช่วยข้าด้วย ศิษย์พี่เจียง!”


          หวังหยุนได้ก้มหัวลงกราบเจียงเฉิน ในตอนนี้สิ่งเดียวที่เขารู้สึกต่อเจียงเฉินคือความเคารพนับถือ เขาได้โคจรทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ เพียงครั้งเดียว เจียงเฉินสามารถบอกได้ว่าเขาได้บ่มเพาะพลังอย่างไร หวังหยุนรู้สึกราวกับตนเองเป็นมนุษย์โปร่งใส ต่อหน้าเจียงเฉินเขาไม่อาจปกปิดความลับใดๆได้


          ในใจของหวังหยุน ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่เพียงชายหนุ่ม แต่เป็นผู้อาวุโสที่ฉลาดลึกล้ำ ที่สามารถทำสิ่งใดก็ได้ ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำทำให้เขารู้สึกถึงความร้ายแรงของทักษะที่เขากำลังบ่มเพาะอยู่


” ลุกขึ้นเถิด แล้วเดินมาหาข้า “


เจียงเฉิน พูด


          หวังหยุนลุกขึ้นยืนแล้วขยับเข้าไปใกล้เจียงเฉิน และยืนอย่างสุภาพข้างหน้าเจียงเฉิน ราวกับเขาเป็นเด็กที่ได้ทำอะไรสักอย่างผิด


” ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่รึ ทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ โดยตัวของมันเองเป็นทักษะที่ใช้พลังหยินและความหนาวเย็น แต่ไม่ใช่ทักษะปีศาจ หากเจ้าได้บ่มเพาะทักษะ ‘ทลายวารี’ เป็นรากฐาน จากนั้นเจ้าก็เริ่มฝึกฝนทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ แล้วนี่แหละคือปัญหา ที่แย่กว่านั้นเจ้าได้เลือกวิธีการบ่มเพาะที่ไม่สมควรเลือก จากนี้ไป เจ้าต้องหยุดบ่มเพาะทักษะ ‘ทลายวารี’ และเริ่มบ่มเพาะทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ ด้วยวิธีธรรมดาทั่วไป ห้ามเจ้าไปดูดซับปราณหยิน “


          หลังจากเจียงเฉินพูดจบ เจียงเฉินก็ได้ชี้นิ้วของเขาออกมารวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด มันได้จิ้มลงไปใน ‘จุดเคลื่อนพลัง’ อย่างแม่นยำ ร่างกายของหวังหยุนรู้สึกถึงไอร้อนพุ่งออกจากร่างกายของเขา ภายใต้ผลกระทบนี้ได้ทำให้ความเจ็บปวดใน ‘จุดเคลื่อนพลัง’หายไปโดยสิ้นเชิง


          เมื่อไอร้อนได้จางลง ทันใดนั้นหวังหยุนก็รู้สึกสดชื่นและกระปี้กระเป่า ความรู้สึกผิดปกติใน ‘จุดเคลื่อนพลัง’ราวกับถูกฝังเข็มได้หายไปโดยสมบูรณ์ ทำให้เขากลับสู่สภาพเดิมของเขา


” บ่มเพาะทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ อย่างที่ข้าได้บอกไป แล้วเจ้าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใน ‘จุดเคลื่อนพลัง’ของเจ้า ด้วยความสามารถของเจ้าอย่างมากเพียงครึ่งปีเจ้าสามารถทะลวงเข้าสู่แก่นแท้สวรรค์แล้วกลายเป็นศิษย์ชั้นใน “


เจียงเฉิน พูด


ฝุ่บ…!


          หวังหยุนคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง แล้วพูดว่า “ขอบพระคุณอย่างสูงขอรับ ศิษย์พี่เจียงท่านช่างใจกว้างเหลือล้น! หวังหยุนผู้นี้คงไม่อาจทดแทนได้แต่นับจากนี้เป็นต้นไปชีวิตของหวังหยุนผู้นี้เป็นของศิษย์พี่เจียง! ไม่ว่าศิษย์พี่เจียงจะให้ข้าทำอะไร และไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดข้าก็จะทำให้สำเร็จลุล่วง ไม่ให้ท่านต้องเป็นกังวล ! “


=====================================================

จบตอนแล้ว  พบกันใหม่ตอนหน้านะ 😀

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments