I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 109 ความใจกว้างของศิษย์พี่เจียงเฉิน

| Dragon-Marked War God | 1517 | 2368 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลไทยโดย    Takumi Kun


ตรวจทาน        Subaru-Kyun


*****************************************************************
*******
         

          หวังหยุนรู้สึกเหมือนประสบกับโชคลาภ ณ ตอนนั้นความเคารพและความชื่นชมที่มีต่อเจียงเฉินไร้ที่สิ้นสุดดั่งกระแสน้ำที่ไหลอยู่ในแม่น้ำ


โชคดี เขานั้นช่างโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ หากว่าเขาไม่ได้พบกับเจียงเฉิน แน่นอนว่าเขาจะต้องทำการบ่มเพาะทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ ต่อไปจนเป็นโรคประสาทและตายไป


          ดูเหมือนว่าความนอบน้อมจะให้รางวัลที่ยอดเยี่ยมแก่เขา การประพฤติตัวดีต่อหน้าศิษย์พี่เจียงวันนี้ และด้วยเหตุนั้น เขาช่างโชคดีที่ได้รับการชี้แนะจากศิษย์พี่เจียง ไม่เพียงแค่ช่วยชีวิตเขาไว้ อนาคตของเขาต่อไปจะไร้ขอบเขตเช่นกัน


สิ่งที่ทำให้หวังหยุนงุนงงคือ เจียงเฉินด้วยวัยหนุ่มเช่นนี้ เหตุใดถึงได้มีความสามารถที่จะชี้ปัญหาได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว? มันทำให้เขางุนงงจริงๆ


แต่ท้ายที่สุด เขาก็ยกความเชื่อถือไปให้กับพรสวรรค์อัจริยะของเขา ในโลกนี้มีสิ่งของมากมายที่คนไม่สามารถที่จะตัดสินค่าได้ด้วยสามัญสำนึก


“ยืนขึ้นเถอะ สถานที่นี่ไม่เลวเลย ข้าชอบที่นี่มาก เจ้าสมควรได้รับคำแนะนำจากข้าอยู่แล้ว”


เจียงเฉินพูด เขามีออร่าของผู้ที่อยู่จุดสูงสุด ลักษณะที่มีเกียรติและสง่างามนั้นสามารถทำให้ใครๆต้องยอมสยบแก่เขา


“บัดซบ ไอ้เจ้านี่เป็นสัตว์ประหลาดประเภทใดกันแน่?”


หวงต้าพึมพำ ยิ่งตามเจียงเฉินมากขึ้น ก็ยิ่งพบความลึกลับในตัวเจียงเฉินมากขึ้นเท่านั้น


” ขอบพระคุณมากขอรับ ศิษย์พี่เจียง! “


หวังหยุนยืนขึ้นจากพื้น หน้าของเขาบ่งบอกถึงการสำนึกบุญคุณ


” อืม เจ้าไปได้แล้วล่ะ จำไว้ ในภายภาคหน้า หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นภายในนิกาย มาที่นี่แล้วมาแจ้งให้ข้าทราบ “


เจียงเฉินพูด


” เข้าใจแล้วขอรับ ข้าไม่ขอรบกวนเวลาพักผ่อนของศิษย์พี่เจียงและศิษย์พี่หยานแล้ว “


หวังหยุนประสานมือ และหันกลับออกไป ชายผู้นี้กระโดดลงตลอดทาง ในขณะที่เขาลงจากภูเขา หลังจากที่ได้รับทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ นี่เป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดของหวังหยุน


ขณะที่หวงต้ากระดิกหาง มันกำลังย่องออกจากที่พักช้าๆ 


” หยุดตรงนั้นเลย หวงต้า นั่นเจ้าจะไปไหน? “


เจียงเฉินหรี่ตาของเขาลง


” เดินเล่นแถวๆนี้แหละ   อยู่ที่นี่มันน่าเบื่อมาก “


หวงต้าพูดขณะที่มีรอยยิ้มแสยะบนหน้ามัน

” ไม่มีทาง อยู่ตรงนั้นแหล่ะ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนทั้งสิ้น “

เจียงเฉินตวาดใส่ หากเขาปล่อยให้เจ้าหมานี่ไป บางทีอาจจะใช้เวลาไม่นานก่อนที่ทั่วทั้งนิกายทมิฬตกอยู่ในความวุ่นวาย

” บัดซบ…  ข้าบิดาผู้นี้จะออกไปตรวจสอบว่ามีสมบัติใดๆอยู่ในนิกายทมิฬหรือไม่ “

หวงต้ารู้สึกขุ่นเคือง

” หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่ให้เจ้าออกไป เจ้าควรที่จะอยู่ข้างๆข้า และตัวเจ้าหยุดทำตัวโง่ๆได้แล้ว จากนี้ต่อไปไม่ว่าข้าจะไปที่ไหน เจ้าต้องตามไปด้วย “

เจียงเฉินกล่าว   ความสามารถในการหาสมบัติของเจ้าหมานี่ยอดเยี่ยมที่สุด และนิกายทมิฬ ในฐานะหนึ่งในสี่นิกายใหญ่ มันจะต้องมีสมบัติอยู่มากมายเป็นแน่ หากเขาให้เจ้าหมานี่ออกไปและสร้างความสูญเสียแก่นิก่ายทมิฬ    ตอนนั้นเขาคงไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้


” บัดซบ เจ้ากล้าจำกัดอิสรภาพของข้างั้นรึ? ให้ตายเถอะ! ข้าชักง่วงแล้วล่ะ ขอข้านอนก่อนละกัน “


หวงต้ารู้สึกหดหู่ มันโกรธแล้วเดินกลับไปที่ห้อง อย่างไรก็ตาม เจียงเฉินสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อหวงต้าเข้าห้องไป ร่างกายมันเริ่มส่องแสงสีทองออกมา


” อย่าบอกน่าเจ้าหมานี่จะทะลวงเข้าสู่ระดับต่อไป? ด้วยการนอนเนี่ยนะ มันถึงเลื่อนระดับได้…มันเป็นตัวประหลาดอะไรอย่างนี้ “


เจียงเฉินยังจำได้ ครั้งล่าสุดที่หวงต้าทะลวงสู่ระดับใหม่ มันเพียงแค่นอน และในตอนนี้เจียงเฉินรู้สึกได้ชัดเจนพลังหยวนในร่างมันกระสับกระส่าย นี่เป็นอาการที่แสดงให้เห็นว่ามันกำลังจะทะลวงสู่ระดับใหม่


          เจียงเฉินถอนหายใจ ทายาทของสัตว์เทวะอย่างหวงต้ามักมีข้อได้เปรียบในบางอย่างที่ผู้อื่นไม่สามารถมีได้    ตอนนั้นความสามารถเฉพาะตัวใหม่ที่ทรงพลังของมันคงจะตื่นขึ้นเช่นกัน


” หยู่น้อย เจ้าเหนื่อยหรือไม่หลังจากที่ได้ตามข้ามา “


เจียงเฉินกุมมือของหยานเฉินหยู่และถามอย่างอ่อนโยน     ตั้งแต่ที่พวกเขาได้ออกจากเมืองสีชาดและจนถึงตอนนี้    หยานเฉินหยู่ได้ตามเขามาตลอดทาง นางได้ผ่านการต่อสู้อย่างต่อเนื่องและการสังหาร และเพราะว่าบรรยากาศตึงเครียด   เจียงเฉินจึงไม่มีเวลาดูแลหยานเฉินหยู่


” ข้าไม่เหนื่อยหรอก ตราบเท่าที่ข้าได้อยู่เคียงข้างท่านพี่เจียงเฉิน    หยู่น้อยไม่กลัวสิ่งใดๆ    นอกจากนี้ท่านพี่เจียงเฉินได้ชี้แนะชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ข้าในสมัยก่อนไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการ! นี่มันน่าตื่นเต้นจริงๆ “


หยานเฉินหยู่พูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น     รูปแบบการใช้ชีวิตนี้เป็นสิ่งที่นางไม่เคยฝันถึงมาก่อน   หากว่านางไม่ได้ตามเจียงเฉินมา แม้ว่าชีพจรเก้าหยินจะถูกปลุกขึ้นมาได้สำเร็จ นางยังคงเป็นได้เพียงองค์หญิงน้อยที่อยู่ภายในเมืองสีชาด


” หยู่น้อย ท่านพี่เจียงเฉินได้เดินในเส้นทางที่ไม่ปกตินะ และพวกเราอาจต้องประสบกับชีวิตแบบนี้ในอนาคต เจ้ามีชีพจรเก้าหยินและเจ้าลิขิตเดินในเส้นทางที่พิเศษ ดังนั้นเจ้าควรพยายามให้ดีที่สุดในการบ่มเพาะ เมื่อข้าเดินทางเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าจะแต่งงานกับเจ้า “


          เจียงเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม     เส้นทางที่เขาต้องการจะเดินไปมีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ เส้นทางนี้ลิขิตให้เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าและเลือดของศัตรูทั้งหมดของเขา สิ่งแรกที่เขาต้องทำหลังจากที่ได้กำเนิดใหม่คือไปให้ถึงระดับสูงสุดในชีวิตที่แล้วของเขา และเข้าสู่ดินแดนนิรันดร์ในตำนาน


          ในชีวิตที่แล้วของเขา เขาได้ใช้โลหิตทุกๆหยดเพื่อฝ่าประตูเข้าสู่แดนนิรันดร์ แต่เขาไม่มีโอกาสได้เข้าไป นี่เป็นสิ่งที่เขาได้เสียใจมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขามีโอกาสที่จะได้ทำมัน   ดังนั้นเจียงเฉินจึงไม่เคยละทิ้งโอกาสนี้เป็นแน่


แน่นอนว่า มันยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงแดนนิรันดร์ในตอนนี้  การกำเนิดใหม่ครั้งนี้ได้เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ไม่ต้องเอ่ยถึงอาณาจักรนิรันดร์ แม้กระทั่งเวลาที่เขาจะได้ก้าวสู่ทวีปศักดิ์สิทธิ์ยังคงอีกยาวไกล


” อื้อ “


          หยานเฉินหยู่รู้สึกเขินอาย ตั้งแต่ที่เจียงเฉินได้ช่วยนางจากการตื่นขึ้นของชีพจรเก้าหยิน หยานเฉินหยู่ได้พลีกายนางแก่เจียงเฉิน ตอนนี้เมื่อนางได้ยินสิ่งที่เจียงเฉินพูดว่าเขาจะแต่งงานกับนาง มันยากที่จะไม่ให้นางรู้สึกยินดี

” หยู่น้อย  เจ้าดูดซับคริสตัลเยือกแข็งหมื่นปีไปได้เท่าใดแล้ว? “

เจียงเฉินถาม

” ข้าได้ดูดซับไปได้หนึ่งในสามของมันแล้ว และข้าได้เตรียมตัวเข้าสู่การเก็บตัวบ่มเพาะแล้วและดูดซับทั้งหมดด้วยความพยายามทั้งหมดของข้า    ข้าต้องการที่จะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้! “

หยานเฉินหยู่พูด

” เข้าใจล่ะ สภาพของนิกายทมิฬนั้นเหมาะสมกับการบ่มเพาะของเจ้า หากว่าเจ้าไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใด ตอนนั้นเจ้าสามารถที่จะอยู่ที่นี่และทำการบ่มเพาะในอนาคต “

เจียงเฉินกล่าวออกมาแฝงด้วยความกังวล ในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกประหลาดใจกับความเร็วในการบ่มเพาะของกายศักดิ์สิทธิ์ของนาง  เมื่อชีพจรเก้าหยินของหยานเฉินหยู่ได้ตื่นขึ้นมา ฐานการบ่มเพาะของนางได้ก้าวไปอย่างรวดเร็วและไหลลื่น และตอนนี้นางได้ใช้คริสตัลเยือกแข็งหมื่นปีเพื่อการทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลาย ด้วยความรวดเร็วเช่นนี้ คนธรรมดาจะรู้สึกอิจฉาริษยะและอับอาย


          หวงต้าได้หลับไปแล้วและหยานเฉินหยู่ได่เข้าไปยังอีกห้องหนึ่งและเริ่มที่จะเก็บตัวบ่มเพาะ เจียงเฉินนั่งอย่างโดดเดี่ยวถัดจากโต๊ะหินภายในที่พัก ด้วยจิตใจที่สงบนิ่งและผ่อนคลาย เขาเพลิดเพลินกับสายลมเย็นๆที่พัดมาจากภูเขาและลำธาร พลังวิญญาณของเขาและสัมผัสเทวะได้เวียนรอบๆภายในที่พัก เขาได้ปล่อยตัวเขาเองและสัมผัสถึงตัวตนของธรรมชาติ


          ในฐานะผู้ฝึกตน การบ่มเพาะเพียงลำพังนั้นไม่เพียงพอ ในเส้นทางการบ่มเพาะ การเข้าใจอย่างถ่องแท้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด ระดับแก่นแท้มนุษย์นั้นเป็นเพียงหนึ่งในระดับขั้นรากฐาน และมันยังห่างไกลจากความเข้าใจความสำคัญของความเข้าใจในขั้นตอนนี้ เมื่อได้บ่มเพาะระดับผ่านไปยังนักสู้จิตวิญญาณและไปถึงระดับจิตวิญญาณยุทธ    ความเข้าใจที่ลึกซึ้งกลายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ยอดฝีมือเทพยุทธสามารถที่จะควบคุมกฎแห่งมิติและยืนอยู่เหนือผู้อื่น ระดับการบ่มเพาะที่ต่ำกว่าไม่สามารถเปรียบได้กับระดับขั้นนี้ได้


ตกเย็น!


          หวังหยุนได้มาอีกครั้ง คนที่มาด้วยกันกับเขาคือ หวงเจิ้งและศิษย์คนอื่นๆที่เจียงเฉินได้เผชิญหน้าก่อนหน้า รวมถึงศิษย์ยามรักษาการณ์ทั้งสามที่โดนทุบตีอย่างมากจนหัวพวกเขาบวมเหมือนหัวหมู


” หวังหยุน นี่มันเรื่องอะไรกัน? “


เจียงเฉินจับจ้องกลุ่มพวกเขาและถามอย่างไม่แยแส


” ไอ้เจ้าพวกบ้าทั้งหลาย    รีบขอขมาต่อศิษย์พี่เจียงได้แล้ว! “


หวังหยุนบอกแก่ศิษย์เหล่านี้


” ศิษย์พี่เจียง พวกข้านั้นดวงตามืดบอดนัก เมื่อตอนที่พวกข้าได้ล่วงเกินท่านไป พวกข้าไม่รู้ว่าเป็นท่าน! พวกข้าหวังว่าศิษย์พี่เจียงโปรดให้อภัยพวกข้าด้วย!”


หวงเจิ้งโค้งคำนับอย่างลึกซึ้งต่อเจียงเฉิน

” ถูกต้องแล้วศิษย์พี่เจียง พวกข้าทั้งหมดตามืดบอดนัก และพวกข้าจำท่านไม่ได้! พวกข้าหวังให้ศิษย์พี่เจียงให้อภัยแก่พวกข้าและไม่นำมาใส่ใจ ” 


” มันเป็นความผิดของพวกข้า ศิษย์พี่เจียง โปรดลงทัณฑ์พวกข้าตามที่ท่านเห็นว่าเหมาะสมเถิด “



…………………………………………………………..


          ทุกๆคนพูดขณะที่กำลังยืนอยู่ ยามรักษาการณ์ทั้งสามผู้ที่ถูกทุบตีที่ใบหน้าได้คุกเข่าลงบนพื้นและร้องออกมาจากใจ มันเจ็บ มันเจ็บมากๆ


          เมื่อมองดูในสิ่งที่เกิดขึ้น เจียงเฉินหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้ใส่ใจในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ศิษย์เหล่านี้กระวนกระวายแล้วพวกเขาก็มายังที่นี่เพื่อมาขอขมาต่อเขา อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้คิดเล็กน้อย ในที่สุดเจียงเฉินก็เข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาถึงมีท่าทีเช่นนั้น ชื่อเสียงของเขาที่อยู่ที่นี่และเขาได้มีกำหนดการที่จะสู้กับหนานเป่ยเฉาในอีกหนึ่งปี เขาถือว่าเป็นตัวแทนของนิกายทมิฬ คนเหล่านี้ได้ล่วงเกินเขา ดังนั้นเขาจะต้องประสบกับความทุกข์ทรมานจากเจียงเฉินในภายภาคหน้า


” ศิษย์พี่เจียง นี่คือของกำนัลจากพวกเขาทุกๆคน! ข้านับแล้ว ยาฟื้นพลังขั้นมนุษย์จำนวนทั้งหมดสามพันเม็ดอยู่ในนี้ขอรับ “


หวังหยุนหยิบกระเป๋ามิติออกมาและยื่นมันให้แก่เจียงเฉิน


          ยาฟื้นพลังขั้นมนุษย์สามพันเม็ดไม่ได้มากมายสำหรับเจียงเฉิน อย่างไรก็ตามสำหรับศิษย์เหล่านี้ โดยเฉพาะเหล่าศิษย์ฝึกหัด พวกเขาไม่ได้มั่งคั่งโดยเฉพาะก่อนหน้านี้ และยาฟื้นพลังขั้นมนุษย์สามพันเม็ดจะถือว่าเป็นโชคลาภทั้งหมดของพวกเขา มันสามารถพูดได้ง่ายๆว่าพวกเขามีความจริงใจที่จะขอขมาต่อเจียงเฉิน


” ข้าไม่เคยใส่ใจเหตุการณ์ในวันนั้น ดังนั้นพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจนัก นอกจากนั้นสำหรับยาฟื้นพลังขั้นมนุษย์สามพันเม็ดนี้ ข้าไม่ได้คิดว่าพวกเจ้าทุกคนมั่งคั่งหรอก ดังนั้นนำมันคืนไปเถอะ “


เจียงเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม


” ศิษย์พี่เจียง โปรดรับยาฟื้นพลังเหล่านี้ไปเถิด หากท่านไม่รับ พวกเขาคงไม่สบายใจเป็นแน่ “


หวังหยุนพูด


” ใช่แล้วศิษย์พี่เจียง! นี่คือทรัพย์ทั้งหมดของพวกข้าและหากท่านคิดว่ามันน้อยเกินไป ข้าหวงเจิ้งจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะหามาให้ท่านเพิ่ม! “


หวงเจิ้งพูดอีกครั้ง


          เจียงเฉินยิ้ม เขารู้ว่าคนเหล่านี้ได้เข้าใจเขาผิดไป ดังนั้นเขาหยิบกระเป๋ามิติและถาม “ดี ข้าจะรับยาฟื้นพลังเหล่านี้เอาไว้ เจ้ามีนามว่าอะไร?”


เจียงเฉินมองไปยังหวงเจิ้ง


” ข้ามีนามว่าหวงเจิ้งขอรับ! “


หวงเจิ้งรีบตอบ


” มาทางนี้หน่อย “


เจียงเฉินกวักมือ


หวงเจิ้งไม่กล้าที่จะปฎิเสธ ในขณะที่เขารีบเดินไปยังเจียงเฉิน


” หวงเจิ้ง เจ้าคงรู้ถึงวิธีการทั้งหมดของข้าตอนนี้สินะ ใช่แล้ว ข้าได้ต่อสู้ทั้งหมดสามครั้งในการแข่งขันประจำแคว้นฉี และข้าได้สังหารไปสามคน รวมถึงหลิงอ้าวและหลี่หวู่ซวง ข้าเจียงเฉินเป็นคนโหดเหี้ยมและข้าไม่เคยแสดงความปราณีต่อศัตรูของข้า อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยทำเช่นนั้นกับสหายของข้า ข้าไม่ได้ตำหนิอะไรเจ้าสำหรับที่เกิดขึ้นในวันนี้ นอกจากนั้นไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเจ้าที่รู้จักข้ามาก่อน รับยาฟื้นพลังนี่ไปซะ และแจกจ่ายพวกมันแก่พี่น้องทั้งหมดของเจ้า “


เจียงเฉินยื่นกระเป๋ามิติให้แก่หวงเจิ้ง เขาได้เห็นความจริงใจของคนเหล่านี้ นอกจากนี้เขายังมีความประทับใจที่ดีต่อนิกายทมิฬ  ยาฟื้นพลังเหล่านี้ไม่ได้มีจำนวนมากในสายตาของเขาแต่สำหรับศิษย์เหล่านี้ มันเป็นสิ่งสำคัญมาก


” ศิษย์พี่เจียง นี่…..นี่มัน…. “


ทันใดนั้นหวงเจิ้งพูดสิ่งใดไม่ออก เขาไม่เคยคาดว่าเจียงเฉินจะให้อภัยเขาง่ายดายเช่นนี้และคืนยาฟื้นพลังขั้นมนุษย์กลับมาอีกด้วย


” ศิษย์พี่เจียงเป็นคนเช่นนี้แหละ พวกเจ้าทุกคนจงขอบคุณในความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของเขาซะ! เจ้าทั้งหมดควรที่จะช่วยเหลือศิษย์พี่เจียงอย่างจริงใจในอนาคตซะนะ “


          หวังหยุนกล่าว เหล่าศิษย์ทั้งหมดรู้สึกเหมือนพวกเขาเริ่มจะร้องออกมา พวกเขาคิดกับตัวพวกเขาเองว่าพวกเขาได้เข้าใจศิษย์พี่เจียงผิดไป เขาเป็นคนง่ายๆและตรงไปตรงมาค่อสหายของเขา ที่สำคัญกว่านั้นคือศิษย์พี่เจียงได้ปฎิบัติต่อพวกเขาดั่งสหายอีกด้วย

************************************************************************

จบตอนจ้า  คริคริคริ





ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments