ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลไทยโดย Takumi Kun
ตรวจทาน Subaru-Kyun
************************************************************************
หวังหยุนรู้สึกเหมือนประสบกับโชคลาภ ณ ตอนนั้นความเคารพและความชื่นชมที่มีต่อเจียงเฉินไร้ที่สิ้นสุดดั่งกระแสน้ำที่ไหลอยู่ในแม่น้ำ
โชคดี เขานั้นช่างโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ หากว่าเขาไม่ได้พบกับเจียงเฉิน แน่นอนว่าเขาจะต้องทำการบ่มเพาะทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ ต่อไปจนเป็นโรคประสาทและตายไป
ดูเหมือนว่าความนอบน้อมจะให้รางวัลที่ยอดเยี่ยมแก่เขา การประพฤติตัวดีต่อหน้าศิษย์พี่เจียงวันนี้ และด้วยเหตุนั้น เขาช่างโชคดีที่ได้รับการชี้แนะจากศิษย์พี่เจียง ไม่เพียงแค่ช่วยชีวิตเขาไว้ อนาคตของเขาต่อไปจะไร้ขอบเขตเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้หวังหยุนงุนงงคือ เจียงเฉินด้วยวัยหนุ่มเช่นนี้ เหตุใดถึงได้มีความสามารถที่จะชี้ปัญหาได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว? มันทำให้เขางุนงงจริงๆ
แต่ท้ายที่สุด เขาก็ยกความเชื่อถือไปให้กับพรสวรรค์อัจริยะของเขา ในโลกนี้มีสิ่งของมากมายที่คนไม่สามารถที่จะตัดสินค่าได้ด้วยสามัญสำนึก
“ยืนขึ้นเถอะ สถานที่นี่ไม่เลวเลย ข้าชอบที่นี่มาก เจ้าสมควรได้รับคำแนะนำจากข้าอยู่แล้ว”
เจียงเฉินพูด เขามีออร่าของผู้ที่อยู่จุดสูงสุด ลักษณะที่มีเกียรติและสง่างามนั้นสามารถทำให้ใครๆต้องยอมสยบแก่เขา
“บัดซบ ไอ้เจ้านี่เป็นสัตว์ประหลาดประเภทใดกันแน่?”
หวงต้าพึมพำ ยิ่งตามเจียงเฉินมากขึ้น ก็ยิ่งพบความลึกลับในตัวเจียงเฉินมากขึ้นเท่านั้น
” ขอบพระคุณมากขอรับ ศิษย์พี่เจียง! “
หวังหยุนยืนขึ้นจากพื้น หน้าของเขาบ่งบอกถึงการสำนึกบุญคุณ
” อืม เจ้าไปได้แล้วล่ะ จำไว้ ในภายภาคหน้า หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นภายในนิกาย มาที่นี่แล้วมาแจ้งให้ข้าทราบ “
เจียงเฉินพูด
” เข้าใจแล้วขอรับ ข้าไม่ขอรบกวนเวลาพักผ่อนของศิษย์พี่เจียงและศิษย์พี่หยานแล้ว “
หวังหยุนประสานมือ และหันกลับออกไป ชายผู้นี้กระโดดลงตลอดทาง ในขณะที่เขาลงจากภูเขา หลังจากที่ได้รับทักษะ ‘ศิลาเมฆา’ นี่เป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดของหวังหยุน
ขณะที่หวงต้ากระดิกหาง มันกำลังย่องออกจากที่พักช้าๆ
” หยุดตรงนั้นเลย หวงต้า นั่นเจ้าจะไปไหน? “
เจียงเฉินหรี่ตาของเขาลง
” เดินเล่นแถวๆนี้แหละ อยู่ที่นี่มันน่าเบื่อมาก “
หวงต้าพูดขณะที่มีรอยยิ้มแสยะบนหน้ามัน” ไม่มีทาง อยู่ตรงนั้นแหล่ะ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนทั้งสิ้น “
เจียงเฉินตวาดใส่ หากเขาปล่อยให้เจ้าหมานี่ไป บางทีอาจจะใช้เวลาไม่นานก่อนที่ทั่วทั้งนิกายทมิฬตกอยู่ในความวุ่นวาย
” บัดซบ… ข้าบิดาผู้นี้จะออกไปตรวจสอบว่ามีสมบัติใดๆอยู่ในนิกายทมิฬหรือไม่ “
หวงต้ารู้สึกขุ่นเคือง
” หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่ให้เจ้าออกไป เจ้าควรที่จะอยู่ข้างๆข้า และตัวเจ้าหยุดทำตัวโง่ๆได้แล้ว จากนี้ต่อไปไม่ว่าข้าจะไปที่ไหน เจ้าต้องตามไปด้วย “
เจียงเฉินกล่าว ความสามารถในการหาสมบัติของเจ้าหมานี่ยอดเยี่ยมที่สุด และนิกายทมิฬ ในฐานะหนึ่งในสี่นิกายใหญ่ มันจะต้องมีสมบัติอยู่มากมายเป็นแน่ หากเขาให้เจ้าหมานี่ออกไปและสร้างความสูญเสียแก่นิก่ายทมิฬ ตอนนั้นเขาคงไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้
” บัดซบ เจ้ากล้าจำกัดอิสรภาพของข้างั้นรึ? ให้ตายเถอะ! ข้าชักง่วงแล้วล่ะ ขอข้านอนก่อนละกัน “
หวงต้ารู้สึกหดหู่ มันโกรธแล้วเดินกลับไปที่ห้อง อย่างไรก็ตาม เจียงเฉินสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อหวงต้าเข้าห้องไป ร่างกายมันเริ่มส่องแสงสีทองออกมา
” อย่าบอกน่าเจ้าหมานี่จะทะลวงเข้าสู่ระดับต่อไป? ด้วยการนอนเนี่ยนะ มันถึงเลื่อนระดับได้…มันเป็นตัวประหลาดอะไรอย่างนี้ “
เจียงเฉินยังจำได้ ครั้งล่าสุดที่หวงต้าทะลวงสู่ระดับใหม่ มันเพียงแค่นอน และในตอนนี้เจียงเฉินรู้สึกได้ชัดเจนพลังหยวนในร่างมันกระสับกระส่าย นี่เป็นอาการที่แสดงให้เห็นว่ามันกำลังจะทะลวงสู่ระดับใหม่
เจียงเฉินถอนหายใจ ทายาทของสัตว์เทวะอย่างหวงต้ามักมีข้อได้เปรียบในบางอย่างที่ผู้อื่นไม่สามารถมีได้ ตอนนั้นความสามารถเฉพาะตัวใหม่ที่ทรงพลังของมันคงจะตื่นขึ้นเช่นกัน
” หยู่น้อย เจ้าเหนื่อยหรือไม่หลังจากที่ได้ตามข้ามา “
เจียงเฉินกุมมือของหยานเฉินหยู่และถามอย่างอ่อนโยน ตั้งแต่ที่พวกเขาได้ออกจากเมืองสีชาดและจนถึงตอนนี้ หยานเฉินหยู่ได้ตามเขามาตลอดทาง นางได้ผ่านการต่อสู้อย่างต่อเนื่องและการสังหาร และเพราะว่าบรรยากาศตึงเครียด เจียงเฉินจึงไม่มีเวลาดูแลหยานเฉินหยู่
” ข้าไม่เหนื่อยหรอก ตราบเท่าที่ข้าได้อยู่เคียงข้างท่านพี่เจียงเฉิน หยู่น้อยไม่กลัวสิ่งใดๆ นอกจากนี้ท่านพี่เจียงเฉินได้ชี้แนะชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ข้าในสมัยก่อนไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการ! นี่มันน่าตื่นเต้นจริงๆ “
หยานเฉินหยู่พูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น รูปแบบการใช้ชีวิตนี้เป็นสิ่งที่นางไม่เคยฝันถึงมาก่อน หากว่านางไม่ได้ตามเจียงเฉินมา แม้ว่าชีพจรเก้าหยินจะถูกปลุกขึ้นมาได้สำเร็จ นางยังคงเป็นได้เพียงองค์หญิงน้อยที่อยู่ภายในเมืองสีชาด
” หยู่น้อย ท่านพี่เจียงเฉินได้เดินในเส้นทางที่ไม่ปกตินะ และพวกเราอาจต้องประสบกับชีวิตแบบนี้ในอนาคต เจ้ามีชีพจรเก้าหยินและเจ้าลิขิตเดินในเส้นทางที่พิเศษ ดังนั้นเจ้าควรพยายามให้ดีที่สุดในการบ่มเพาะ เมื่อข้าเดินทางเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าจะแต่งงานกับเจ้า “
เจียงเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม เส้นทางที่เขาต้องการจะเดินไปมีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ เส้นทางนี้ลิขิตให้เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าและเลือดของศัตรูทั้งหมดของเขา สิ่งแรกที่เขาต้องทำหลังจากที่ได้กำเนิดใหม่คือไปให้ถึงระดับสูงสุดในชีวิตที่แล้วของเขา และเข้าสู่ดินแดนนิรันดร์ในตำนาน
ในชีวิตที่แล้วของเขา เขาได้ใช้โลหิตทุกๆหยดเพื่อฝ่าประตูเข้าสู่แดนนิรันดร์ แต่เขาไม่มีโอกาสได้เข้าไป นี่เป็นสิ่งที่เขาได้เสียใจมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขามีโอกาสที่จะได้ทำมัน ดังนั้นเจียงเฉินจึงไม่เคยละทิ้งโอกาสนี้เป็นแน่
แน่นอนว่า มันยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงแดนนิรันดร์ในตอนนี้ การกำเนิดใหม่ครั้งนี้ได้เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ไม่ต้องเอ่ยถึงอาณาจักรนิรันดร์ แม้กระทั่งเวลาที่เขาจะได้ก้าวสู่ทวีปศักดิ์สิทธิ์ยังคงอีกยาวไกล
” อื้อ “
หยานเฉินหยู่รู้สึกเขินอาย ตั้งแต่ที่เจียงเฉินได้ช่วยนางจากการตื่นขึ้นของชีพจรเก้าหยิน หยานเฉินหยู่ได้พลีกายนางแก่เจียงเฉิน ตอนนี้เมื่อนางได้ยินสิ่งที่เจียงเฉินพูดว่าเขาจะแต่งงานกับนาง มันยากที่จะไม่ให้นางรู้สึกยินดี” หยู่น้อย เจ้าดูดซับคริสตัลเยือกแข็งหมื่นปีไปได้เท่าใดแล้ว? “
เจียงเฉินถาม
” ข้าได้ดูดซับไปได้หนึ่งในสามของมันแล้ว และข้าได้เตรียมตัวเข้าสู่การเก็บตัวบ่มเพาะแล้วและดูดซับทั้งหมดด้วยความพยายามทั้งหมดของข้า ข้าต้องการที่จะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้! “
หยานเฉินหยู่พูด
” เข้าใจล่ะ สภาพของนิกายทมิฬนั้นเหมาะสมกับการบ่มเพาะของเจ้า หากว่าเจ้าไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใด ตอนนั้นเจ้าสามารถที่จะอยู่ที่นี่และทำการบ่มเพาะในอนาคต “
เจียงเฉินกล่าวออกมาแฝงด้วยความกังวล ในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกประหลาดใจกับความเร็วในการบ่มเพาะของกายศักดิ์สิทธิ์ของนาง เมื่อชีพจรเก้าหยินของหยานเฉินหยู่ได้ตื่นขึ้นมา ฐานการบ่มเพาะของนางได้ก้าวไปอย่างรวดเร็วและไหลลื่น และตอนนี้นางได้ใช้คริสตัลเยือกแข็งหมื่นปีเพื่อการทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลาย ด้วยความรวดเร็วเช่นนี้ คนธรรมดาจะรู้สึกอิจฉาริษยะและอับอาย
หวงต้าได้หลับไปแล้วและหยานเฉินหยู่ได่เข้าไปยังอีกห้องหนึ่งและเริ่มที่จะเก็บตัวบ่มเพาะ เจียงเฉินนั่งอย่างโดดเดี่ยวถัดจากโต๊ะหินภายในที่พัก ด้วยจิตใจที่สงบนิ่งและผ่อนคลาย เขาเพลิดเพลินกับสายลมเย็นๆที่พัดมาจากภูเขาและลำธาร พลังวิญญาณของเขาและสัมผัสเทวะได้เวียนรอบๆภายในที่พัก เขาได้ปล่อยตัวเขาเองและสัมผัสถึงตัวตนของธรรมชาติ
ในฐานะผู้ฝึกตน การบ่มเพาะเพียงลำพังนั้นไม่เพียงพอ ในเส้นทางการบ่มเพาะ การเข้าใจอย่างถ่องแท้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด ระดับแก่นแท้มนุษย์นั้นเป็นเพียงหนึ่งในระดับขั้นรากฐาน และมันยังห่างไกลจากความเข้าใจความสำคัญของความเข้าใจในขั้นตอนนี้ เมื่อได้บ่มเพาะระดับผ่านไปยังนักสู้จิตวิญญาณและไปถึงระดับจิตวิญญาณยุทธ ความเข้าใจที่ลึกซึ้งกลายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ยอดฝีมือเทพยุทธสามารถที่จะควบคุมกฎแห่งมิติและยืนอยู่เหนือผู้อื่น ระดับการบ่มเพาะที่ต่ำกว่าไม่สามารถเปรียบได้กับระดับขั้นนี้ได้
ตกเย็น!
หวังหยุนได้มาอีกครั้ง คนที่มาด้วยกันกับเขาคือ หวงเจิ้งและศิษย์คนอื่นๆที่เจียงเฉินได้เผชิญหน้าก่อนหน้า รวมถึงศิษย์ยามรักษาการณ์ทั้งสามที่โดนทุบตีอย่างมากจนหัวพวกเขาบวมเหมือนหัวหมู
” หวังหยุน นี่มันเรื่องอะไรกัน? “
เจียงเฉินจับจ้องกลุ่มพวกเขาและถามอย่างไม่แยแส
” ไอ้เจ้าพวกบ้าทั้งหลาย รีบขอขมาต่อศิษย์พี่เจียงได้แล้ว! “
หวังหยุนบอกแก่ศิษย์เหล่านี้
” ศิษย์พี่เจียง พวกข้านั้นดวงตามืดบอดนัก เมื่อตอนที่พวกข้าได้ล่วงเกินท่านไป พวกข้าไม่รู้ว่าเป็นท่าน! พวกข้าหวังว่าศิษย์พี่เจียงโปรดให้อภัยพวกข้าด้วย!”
หวงเจิ้งโค้งคำนับอย่างลึกซึ้งต่อเจียงเฉิน” ถูกต้องแล้วศิษย์พี่เจียง พวกข้าทั้งหมดตามืดบอดนัก และพวกข้าจำท่านไม่ได้! พวกข้าหวังให้ศิษย์พี่เจียงให้อภัยแก่พวกข้าและไม่นำมาใส่ใจ ”
” มันเป็นความผิดของพวกข้า ศิษย์พี่เจียง โปรดลงทัณฑ์พวกข้าตามที่ท่านเห็นว่าเหมาะสมเถิด “
…………………………………………………………..
ทุกๆคนพูดขณะที่กำลังยืนอยู่ ยามรักษาการณ์ทั้งสามผู้ที่ถูกทุบตีที่ใบหน้าได้คุกเข่าลงบนพื้นและร้องออกมาจากใจ มันเจ็บ มันเจ็บมากๆ
เมื่อมองดูในสิ่งที่เกิดขึ้น เจียงเฉินหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้ใส่ใจในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ศิษย์เหล่านี้กระวนกระวายแล้วพวกเขาก็มายังที่นี่เพื่อมาขอขมาต่อเขา อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้คิดเล็กน้อย ในที่สุดเจียงเฉินก็เข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาถึงมีท่าทีเช่นนั้น ชื่อเสียงของเขาที่อยู่ที่นี่และเขาได้มีกำหนดการที่จะสู้กับหนานเป่ยเฉาในอีกหนึ่งปี เขาถือว่าเป็นตัวแทนของนิกายทมิฬ คนเหล่านี้ได้ล่วงเกินเขา ดังนั้นเขาจะต้องประสบกับความทุกข์ทรมานจากเจียงเฉินในภายภาคหน้า
” ศิษย์พี่เจียง นี่คือของกำนัลจากพวกเขาทุกๆคน! ข้านับแล้ว ยาฟื้นพลังขั้นมนุษย์จำนวนทั้งหมดสามพันเม็ดอยู่ในนี้ขอรับ “
หวังหยุนหยิบกระเป๋ามิติออกมาและยื่นมันให้แก่เจียงเฉิน
ยาฟื้นพลังขั้นมนุษย์สามพันเม็ดไม่ได้มากมายสำหรับเจียงเฉิน อย่างไรก็ตามสำหรับศิษย์เหล่านี้ โดยเฉพาะเหล่าศิษย์ฝึกหัด พวกเขาไม่ได้มั่งคั่งโดยเฉพาะก่อนหน้านี้ และยาฟื้นพลังขั้นมนุษย์สามพันเม็ดจะถือว่าเป็นโชคลาภทั้งหมดของพวกเขา มันสามารถพูดได้ง่ายๆว่าพวกเขามีความจริงใจที่จะขอขมาต่อเจียงเฉิน
” ข้าไม่เคยใส่ใจเหตุการณ์ในวันนั้น ดังนั้นพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจนัก นอกจากนั้นสำหรับยาฟื้นพลังขั้นมนุษย์สามพันเม็ดนี้ ข้าไม่ได้คิดว่าพวกเจ้าทุกคนมั่งคั่งหรอก ดังนั้นนำมันคืนไปเถอะ “
เจียงเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม
” ศิษย์พี่เจียง โปรดรับยาฟื้นพลังเหล่านี้ไปเถิด หากท่านไม่รับ พวกเขาคงไม่สบายใจเป็นแน่ “
หวังหยุนพูด
” ใช่แล้วศิษย์พี่เจียง! นี่คือทรัพย์ทั้งหมดของพวกข้าและหากท่านคิดว่ามันน้อยเกินไป ข้าหวงเจิ้งจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะหามาให้ท่านเพิ่ม! “
หวงเจิ้งพูดอีกครั้ง
เจียงเฉินยิ้ม เขารู้ว่าคนเหล่านี้ได้เข้าใจเขาผิดไป ดังนั้นเขาหยิบกระเป๋ามิติและถาม “ดี ข้าจะรับยาฟื้นพลังเหล่านี้เอาไว้ เจ้ามีนามว่าอะไร?”
เจียงเฉินมองไปยังหวงเจิ้ง
” ข้ามีนามว่าหวงเจิ้งขอรับ! “
หวงเจิ้งรีบตอบ
” มาทางนี้หน่อย “
เจียงเฉินกวักมือ
หวงเจิ้งไม่กล้าที่จะปฎิเสธ ในขณะที่เขารีบเดินไปยังเจียงเฉิน
” หวงเจิ้ง เจ้าคงรู้ถึงวิธีการทั้งหมดของข้าตอนนี้สินะ ใช่แล้ว ข้าได้ต่อสู้ทั้งหมดสามครั้งในการแข่งขันประจำแคว้นฉี และข้าได้สังหารไปสามคน รวมถึงหลิงอ้าวและหลี่หวู่ซวง ข้าเจียงเฉินเป็นคนโหดเหี้ยมและข้าไม่เคยแสดงความปราณีต่อศัตรูของข้า อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยทำเช่นนั้นกับสหายของข้า ข้าไม่ได้ตำหนิอะไรเจ้าสำหรับที่เกิดขึ้นในวันนี้ นอกจากนั้นไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเจ้าที่รู้จักข้ามาก่อน รับยาฟื้นพลังนี่ไปซะ และแจกจ่ายพวกมันแก่พี่น้องทั้งหมดของเจ้า “
เจียงเฉินยื่นกระเป๋ามิติให้แก่หวงเจิ้ง เขาได้เห็นความจริงใจของคนเหล่านี้ นอกจากนี้เขายังมีความประทับใจที่ดีต่อนิกายทมิฬ ยาฟื้นพลังเหล่านี้ไม่ได้มีจำนวนมากในสายตาของเขาแต่สำหรับศิษย์เหล่านี้ มันเป็นสิ่งสำคัญมาก
” ศิษย์พี่เจียง นี่…..นี่มัน…. “
ทันใดนั้นหวงเจิ้งพูดสิ่งใดไม่ออก เขาไม่เคยคาดว่าเจียงเฉินจะให้อภัยเขาง่ายดายเช่นนี้และคืนยาฟื้นพลังขั้นมนุษย์กลับมาอีกด้วย
” ศิษย์พี่เจียงเป็นคนเช่นนี้แหละ พวกเจ้าทุกคนจงขอบคุณในความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของเขาซะ! เจ้าทั้งหมดควรที่จะช่วยเหลือศิษย์พี่เจียงอย่างจริงใจในอนาคตซะนะ “
หวังหยุนกล่าว เหล่าศิษย์ทั้งหมดรู้สึกเหมือนพวกเขาเริ่มจะร้องออกมา พวกเขาคิดกับตัวพวกเขาเองว่าพวกเขาได้เข้าใจศิษย์พี่เจียงผิดไป เขาเป็นคนง่ายๆและตรงไปตรงมาค่อสหายของเขา ที่สำคัญกว่านั้นคือศิษย์พี่เจียงได้ปฎิบัติต่อพวกเขาดั่งสหายอีกด้วย************************************************************************
จบตอนจ้า คริคริคริ