I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 114 ความคับแค้นใจของอัจฉริยะ

| Dragon-Marked War God | 1448 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 

แปลไทยโดย  Takumi Kun

 

ตรวจทาน        Subaru Kyun

=======================================================

 

กวนอี้หยุนได้รับบาดเจ็บทางจิตจากหนานเป่ยเฉาในระหว่างกายแข่งขันประจำแคว้นฉี ในฐานะเป็นอัจฉริยะได้รับความสะเทือนใจ นี่ได้ทิ้งเมฆดำไว้ในใจเขา ดังนั้น การเดินทางไปยังนรกอเวจี

 

กวนอี้หยุนได้เต้นรำกับความตาย เขาจะประสบความสำเร็จหรือว่าตาย (เดิมพันนั่นเอง)

 

เจียงเฉินทราบ แม้ว่ากวนอี้หยุนเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก เทียบกับผู้ผิดปกติเฉกเช่นหนานเป่ยเฉาผู้ที่ได้รับพรจากเทพีแห่งโชคลาภด้วยตัวนางเอง มันมีช่องว่างกว้างยิ่งนัก แม้ว่าช่องว่างระหว่างพวกเขาในตอนนี้อาจจะไม่ได้กว้างมากนัก แต่เร็วๆนี้มันจะค่อยๆกว้างขึ้นกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ในโลกนี้ มีผู้ที่มีโชคชะตาลิขิตให้มีชีวิตอยู่อย่างรุ่งโรจน์ แต่ก็มีผู้ที่โชคชะตาลิขิตให้อยู่โดยไม่อาจประสบความสำเร็จใดๆ ดั่งราชาและขอทาน นี่คือโชคชะตา

 

เจียงเฉินไม่ได้ใช้ปีกโลหิต เขาลงจากภูเขาด้วยเท้า นิกายทมิฬมีทิวทัศน์ที่งดงาม และด้วยการเดิน เจียงเฉินสามารถที่จะเชยชมทิวทัศน์ที่งดงามได้ขณะที่ใช้เวลาตามสบาย มันหาได้ยากที่เจียงเฉินจะมีอารมณ์ผ่อนคลาย

 

ที่ตีนเขามีเส้นทางที่เงียบสงบอยู่ มันเป็นเส้นทางทีมีลมแรงและข้ามผ่านเทือกเขา มันเหมือนอสรพิษที่จำศีล

 

เจียงเฉินเดินไปตลอดทางอย่างผ่อนคลายและไม่รีบร้อนขณะที่สัมผัสได้ถึงพลังหยวนอันอุดมสมบูรณ์ เริ่มโคจรทักษะร่างแปลงมังกร

 

หลังจากเดินไปได้เกือบชั่วโมง กลิ่นหอมจางๆของสมุนไพรได้ลอยมาแต่ไกลและทำให้เจียงเฉินแปลกใจนัก

 

ตาของเจียงเฉินเปล่งประกาย และเขามองไปยังทิศทางที่กลิ่นหอมนั่นเกิดขึ้น เขามองเห็นภูเขาขนาดกลางตั้งอยู่ไม่ไกล และกลิ่นหอมนั่นมาจากยอดเขา หากมองจากที่ที่เขายืนอยู่ เขามองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของยอดเขา มันดูมีชีวิตชีวามากเมื่อเทียบกับยอดเขาอื่นๆ บนยอดเขานั้นมีต้นสนโบราณอยู่มันหนาขนาดผู้ใหญ่สามคนโอบและได้หยั่งรากลึก มันมีอายุราวๆสองร้อยถึงสามร้อยปี

 

บนยอดเขาเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และดึงดูดทุกคนที่ได้เห็นมัน ช่วยไม่ได้ที่เจียงเฉินจะเดินไปยังยอดเขานั่น

 

เมื่อเขามาถึงตีนเขา กลิ่นหอมยิ่งเข้มขึ้นเรื่อยๆ เจียงเฉินเดินต่อไปยังยอดเขา เมื่อเขาเดินขึ้นไปได้ครึ่งเขาแล้ว เขาเริ่มเห็นสมุนไพรหลากหลายที่ขึ้นอยู่รอบๆ เขาเห็นแม้แต่โสมโลหิตอายุสามร้อยปี สมุนไพรนี้ล้ำค่าสำหรับเมืองสีชาดแต่ที่นี่มันขึ้นข้างทาง

 

“ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ปลูกสมุนไพรของนิกายทมิฬ ไม่แปลกที่จะมีกลิ่นหอมของสมุนไพร นักพรตทมิฬได้ให้อนุญาตข้าสามารถที่จะเข้าวังทมิฬตามที่ข้าต้องการ ดังนั้นจึงไม่มีสถานที่ใดในนิกายทมิฬที่ข้าไม่สามารถไปได้”

 

เจียงเฉินคิดกับตัวเองแล้วเขาขึ้นไปยังยอดเขา ไม่สำคัญว่านี่จะเป็นชีวิตที่แล้วของเขาหรือชีวิตปัจจุบัน ทุกๆคนต่างมองเขาราวกับองค์ราชันย์ผู้ทรงพลังเหนือผู้อื่น แต่พวกเขาได้ลืมไปแล้วเช่นกันว่าตัวเขาเองก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับเซียนเช่นกัน หายากที่เจียงเฉินจะปรุงยาในชีวิตที่แล้วของเขา เขาทำเพื่อตัวของเขาเท่านั้น

 

พละกำลังในการต่อสู้ของเขาบดบังความจริงที่ว่าเขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ เจียงเฉินได้สร้างทักษะเฉพาะตัวขึ้นมา ในกำเนิดเซียน มีเพียงหยิบมือที่สามารถเทียบกับเขาได้

 

ในไม่ช้า เจียงเฉินก็ได้ไปถึงยอดเขาและสิ่งที่เขาเห็นช่างเป็นทัศนียภาพที่แตกต่างโดยสมบูรณ์ มันเป็นสีเขียวเปล่งประกายและเป็นสถานที่ที่งดงามยิ่ง ดอกไม้หายากจำนวนมากและหญ้าได้โตในทุกๆที่ เขาสามารถเห็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ตรงหน้าเขา มีสมุนไพรได้ปลูกโดยรอบระยะโดยรอบมากกว่าไมล์ สมุนไพรทั่วไปและสมุนไพรหายากได้ปลูกภายในนี้

 

อาคารที่สร้างขึ้นอย่างประณีตตั้งอยู่กึ่งกลางยอดเขา ทัศนียภาพดูเหมือนเป็นคนละโลก

 

ขณะนั้นเองมีชายแก่ที่นั่งลงที่ปลูกสมุนไพร ชายแก่ผู้นั้นรุ่นราวห้าสิบ เขาลงพุงและไม่มีเครา เขาหน้ามันและดูสดใส

 

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เหตุใดมันถึงไม่โต?”

 

ชายแก่ผู้นั้นถอนหายใจออกมา “บ้าจริง ทุกๆวันข้าได้รดน้ำเจ้า ข้าได้ถ่ายเทพลังหยวนให้แก่เจ้า และข้ายังหาสถานที่ดีที่สุดให้แก่เจ้า….อย่างไรก็ตามไม่เพียงแค่ไม่โตขึ้น เจ้ายังเหี่ยวเฉาลงเรื่อยๆเมื่อผ่านพ้นวัน ผู้ใดสามารถบอกสาเหตุได้บ้างว่าทำไม?”

 

ชายแก่รู้สึกอับจนหนทาง และรู้สึกโกรธมาก เขาต้องการจะดึงสมุนไพรทั่งสองเหล่านี้ออกจากสิ่งปฎิกูล แต่เขาไม่สามารถทำได้

 

“ฮึ่ม! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะมีสมุนไพรที่ข้ากั๋วฉานไม่สามารถปลูกได้!”

 

ชายแก่แค่นเสียงอย่างเย็นชา นามของเขาคือกั๋วฉานและเขาเป็นยอดฝีมือแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์และเขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ยอดเยี่ยมที่สุดในนิกายทมิฬ ทั้งเขานี่เป็นของเขา ในนิกายทมิฬ เขาเป็นบุคคลสำคัญ นักเล่นแร่แปรธาตุหนุ่มจำนวนมากเป็นศิษย์ของเขาและกระทั่งนักพรตทมิฬยังแสดงความชื่นชมต่อเขา

 

“การปลูกนางฟ้าอัคคีและบัวรัศมีด้วยกัน มันต้องอาศัยปาฎิหารย์สำหรับพวกมันในการโต ในความคิดของข้า พวกมันจะตายภายในหนึ่งเดือน”

 

เสียงออกมาจากด้านหลังทันที

“ผู้ใดกัน?”

 

กั๋วฉานยืนขึ้นและหันหลัง ตอนนั้นเขาเห็นชายหนุ่มในชุดสีขาวยืนอยู่ด้านหลังเขา ก่อนหน้านี้กั๋วฉานมุ่งความสนใจไปกับต้นสมุนไพรทั้งสองนั้นเป็นเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงได้ไม่ทันสังเกตุว่ามีใครบางคนอยู่ด้านหลังเขา นอกจากนี้ ที่ยอดเขาแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ศิษย์สามารถเข้ามาได้

 

กั๋วฉานมองสำรวจเจียงเฉินและพบว่าเขาอยู่ระดับอาณาจักรแก่นแท้มนุษย์เพียงเท่านั้น เขาขมวดคิ้วและถาม “เจ้าเป็นศิษย์นอกสินะ เจ้าคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ใดฮึ?”

 

กั๋วฉานอารมณ์ไม่ดี เขาได้อารมณ์เสียเพราะต้นสมุนไพรทั้งสอง นางฟ้าอัคคีและบัวรัศมีทั้งสองเป็นสมุนไพรชั้นเลิศและเขาได้ใช้ความพยายามมากมายที่จะได้ซึ่งเมล็ดของพวกมัน แต่ตอนนี้ เขาได้อยู่เส้นทางแห่งความล้มเหลว และต้นสมุนไพรของเขาจะตายในเร็วๆนี้นั่นเป็นเหตุที่เขาได้อารมณ์เสีย

 

“ข้ามายังที่แห่งนี้เพราะกลิ่นหอมของสมุนไพร…ศิษย์เจียงขอทักทายท่านผู้อาวุโส”

 

เจียงเฉินประสานมือทักทายกั๋วฉาน

 

“เจียงเฉิน? เจ้าคือเจียงเฉินเด็กใหม่ที่ได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันประจำแคว้นฉีน่ะรึ?”

 

ดวงตากั๋วฉานเบิกกว้าง แม้ว่าเขาไม่เคยเข้าร่วมการจัดการต่างๆของนิกาย เขายังได้ยินถึงข่าวใหญ่เกี่ยวกับเจียงเฉิน

 

“ใช่แล้ว ข้าเอง”

 

เจียงเฉินผงกศีรษะ

 

หลังจากที่ยืนยันตัวตนเจียงเฉิน ทัศนคติที่กั๋วฉานมีต่อเจียงเฉินดีขึ้น หากว่าเป็นศิษย์นอกคนอื่นได้เข้ามา เขาคงตบหน้าศิษย์คนนั้นโทษฐานบุกรุกโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

แต่เจียงเฉินได้รับการดูแลที่แตกต่างกัน อัจฉริยะผู้ได้รับการเคารพทุกหนแห่งที่เขาไป

 

“เจ้าหนุุ่ม เจ้าสามารถรู้ด้วยว่านี่คือนางฟ้าอัคคีและบัวรัศมี ไม่เลว”

 

กั๋วฉานชื่นชม ในความจริงแล้วเหตุที่ว่าเขาไม่ได้ตบเจียงเฉินเมื่อเขาได้มองเห็นเจียงเฉินส่วนใหญ่เพราะเจียงเฉินรู้จักสมุนไพรทั้งสองชนิด นางฟ้าอัคคีและบัวรัศมียังเป็นเมล็ดอยู่และนักเล่นแร่แปรธาตุทั่วไปไม่สามารถที่จะรูู้จักพวกมันได้

 

“ข้ารู้จักพวกมันเพียงเล็กน้อย”

 

เจียงเฉินยิ้ม ตอนนั้นเองเขาได้เดินอย่างช้าๆไปยังแปลงปลูกสมุนไพร เมื่อเขามองไปยังนางฟ้าอัคคีและบัวรัศมี เขาได้ส่ายหัว

 

กั๋วฉานตกตะลึงด้วยที่เจียงเฉินเป็นเด็กหนุ่มที่อยู่เพียงอาณาจักรแก่นแท้มนุษย์แต่เขาไม่ได้แสดงสัญญาณของความกระวนกระวายเมื่อเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ จากท่าทีที่สงบของเขา เขาสามารถที่จะชนะใจผู้คนได้แล้ว

 

“เจียงเฉิน เหตุใดที่เจ้าบอกว่านางฟ้าอัคคีและบัวรัศมีไม่สามารถที่จะปลูกด้วยกันได้? ข้าต้องการจะรู้ ว่าเหตุใด พวกมันเป็นสมุนไพรหยางบริสุทธิ์ทั้งคู่ เหตุใดถึงไม่สามารถปลูกด้วยกันได้?”

 

กั๋วฉานถามด้วยความสนใจอย่างมาก เขาต้องการจะเห็นว่าเจียงเฉินจะอธิบายว่าอย่างไร

 

“ง่ายดายนัก นางฟ้าอัคคีมีเอกลักษณ์เป็นหยางร้อนแรง จึงไม่สำคัญว่าจะอยู่ในขั้นใด ขั้นเมล็ดหรือโตแล้ว มันเป็นสมุนไพรหยางบริสุทธิ์ ส่วนอีกด้านหนึ่ง บัวรัศมีมีเอกลักษณ์อ่อนโยน เมื่อท่านได้ปลูกติดๆกัน ลักษณะหยางบริสุทธิ์ของนางฟ้าอัคคีข่มการเจริญเติยโตของบัวรัศมี”

 

เจียงเฉินอธิบาย

 

เมื่อได้ยินดังนี้ ดวงตาของกั๋วฉานส่องประกาย ตอนนี้เขารู้สึกชื่นชมต่อเจียงเฉินมากขึ้น สามารถที่จะวิเคราะห์ลักษณะของนางฟ้าอัคคีและบัวรัศมีได้ทะลุปรุโปร่ง นี่เป็นการพิสูจน์ว่าเจียงเฉินมีความรู้ด้านสมุนไพรและยาระดับหนึ่ง

 

“หากแม้สิ่งที่เจ้าพูดนั้นถูกต้อง นางฟ้าอัคคีกดข่มบัวรัศมีแต่ว่านางฟ้าอัคคียังสามารถโตได้อยู่แล้วเหตุใดที่มันไม่สามารถที่จะโตขึ้นได้แต่กลับจะเหี่ยวตาย?”

 

กั๋วฉานถามอีกครั้ง เขาต้องการที่จะรู้ถึงสาเหตุจริงๆ หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ ด้วยสถานะของเขาและตำแหน่งของเขา มันไม่มีทางเลยที่เขาจะขอคำแนะนำจากศิษย์นอก

 

“สาเหตุนั้นง่ายยิ่งกว่า บัวรัศมีนั้นมีลักษณะของราชันย์บัวรัศมีและบัวหิมะ และเมื่อบัวรัศมีโต ลักษณะของราชันย์บัวรัศมีจะกดข่มบัวหิมะโดยสมบูรณ์ และตอนนั้นเองมันจะกลายเป็นสมุนไพรหยางบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตามตอนที่มันยังเป็นเมล็ดอยู่ ทั้งราชันย์บัวรัศมีและบัวหิมะยังคงมีลักษณะตัวตนทั้งสองอยู่และนั่นเป็นเหตุที่บัวรัศมีไม่เพียงแค่ไม่ใช่สมุนไพรหยางบริสุทธิ์ มันยังมีลักษณะที่หนาวเย็นของบัวหิมะ นี่เป็นเหตุที่ว่ามันได้กดข่มการเติบโตของนางฟ้าอัคคี เมื่อท่านได้ปลูกมันเข้าด้วยกัน ท่านจะเป็นการทำลายทั้งคู่”

 

เจียงเฉินพูดตามปกติ แต่กั๋วฉานตื่นตระหนกเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เจียงเฉินพูด ปากของเขาอ้าค้าง เขามองดูชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว เหมือนเขาได้เห็นผี แม้เขาไม่อยากที่จะยอมรับ แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาทรงภูมิมากกว่าเขาทั้งเรื่องสมุนไพรและเรื่องยา

 

‘เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดประเภทใดกัน? เขารู้เรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร? เข้ารู้เพียงเมื่อบัวรัศมีโตแล้วลักษณะของมันเป็นหยางบริสุทธิ์แต่ข้าไม่เคยรู้ถึงต้นกำเนิด..และเขายังรู้กระทั่งเรื่องเกี่ยวกับราชันย์บัวรัศมีอีก’

 

กั๋วฉานตกตะลึง แต่เขาไม่มีความสงสัยใดๆเกี่ยวกับสิ่งที่เจียงเฉินพูด ด้วยการกล่าวนั้นทำให้นักเล่นแร่แปรธาตึที่มีชื่อเสียงมากในนิกายทมิฬได้เรียนรู้บางสิ่งจากเด็กหนุ่มและเป็นบทเรียนที่สำคัญมากด้วย

 

“เจียงเฉิน เจ้าเรียนสิ่งเหล่านี้จากที่ใดกัน?”

 

กั๋วฉาน ถาม

 

“ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่รู้จักตัวตนของอัจฉริยะในโลกหรือ? ข้าเป็นอัจฉริยะยังไงล่ะ”

 

เจียงเฉินยักไหล่

 

“ประเสริฐ เจ้าเป็นอัจฉริยะที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง เจ้าทำให้ข้าประทับใจมาก บอกมาเถิด ข้าจะช่วยนางฟ้าอัคคีและบัวรัศมีได้อย่างไร?”

 

กั๋วฉานถามอย่างกระหาย

 

“แน่นอนว่า ต้องแยกปลูกพวกมันในสถานที่แตกต่างกันในพื้นที่ปลูกสมุนไพร นางฟ้าอัคคีและบัวรัศมีเป็นสมุนไพรชั้นสูงและมีชีวิตชีวามาก และท่านไม่จำเป็นต้องช่วยพวกมันในการเจริญเติบโต พวกมันจะโตของพวกมันเอง”

 

เจียงเฉิน กล่าว

 

“เจียงเฉิน ข้าขอถามคำถามอีกข้อนะ ข้าสามารถที่จะผสมหญ้าบาเล่ย์และผลศิลาหวงได้อย่างไรโดยที่ไม่ให้มันเกิดการระเบิดขึ้นในระหว่างปรุงยา”

 

กั๋วฉานได้เสี่ยงดูว่าเจียงเฉินจะคิดออกหรือไม่ เจียงเฉินรู้ทุกอย่างจริงๆหรือ

 

“ท่านผู้อาวุโสกำลังพยายามปรุงยาวิญญาณหวงอยู่สินะ หญ้าบาเล่ย์และผลศิลาหวงนั้นมีลักษณะตรงกันข้ามกัน มันยากที่จะผสมมันเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตาม หากว่าใช้คริสตัลทรายชั้นหนึ่งพวกมันสามารถที่จะหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างง่ายดายโดยที่ไม่ระเบิด และมันยังช่วยเพิ่มคุณภาพทั้งหมดของยาวิญญาณหวงอีกด้วย”

 

เมื่อเจียงเฉินพูดจบ เขาเห็นกั๋วฉานกำลังยืนอยู่ มองไปที่เจียงเฉินอย่างว่างเปล่า ตกตะลึงโดยสมบูรณ์

**************************************************************************

จบจ้า

ไม่รู้อะไรซะแล้ว นี่พี่เจียงสารานุกรมครอบจักวาลเชียวนะ รู้ซึ้งรึยัง อิอิอิ

โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ ……………………………….

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments