I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Marked War God ตอนที่ 123 เผาที่เรือนที่พัก

| Dragon-Marked War God | 1354 | 2337 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลไทยโดย     Subaru-Kyun


ตรวจทาน           Subaru-Kyun


=======================================================


เขาไม่สามารถไปเช่นนี้ได้ เจียงเฉินอยากร้ว่าใครเป็นตัวการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้


“ตอนนี้หวังหยุนกับหวงเจิ้งอยู่ที่ใดกัน?”


เจียงเฉิน ถาม


“ศิษย์พี่หวังกับศิษย์พี่หวงเจิ้งตอนนี้ทั้งคู่รักษาตัวอยู่ที่เรือนที่พักของพวกเขาขอรับ บาดแผลของพวกเขาสาหัสมาก ไม่สามารถลุกขึ้นออกจากเตียงได้”


ศิษย์คนหนึ่ง พูด


“ไปเถอะ เจ้านำทางข้าไปหาพวกเขา”


ด้วยท่าทีจริงจัง เจียงเฉินได้มุ่งหน้าไปยังเขตที่พักอาศัย ในเวลานี้ไม่เพียงแต่หวังหยุน กับหวงเจิ้ง เหล่าบรรดาศิษย์คนอื่นๆที่ถูกเอายาฟื้นพลังมนุษย์ไป ปัญหาเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะเจียงเฉินทั้งสิ้น ดังนั้นเจียงเฉินจำเป็นต้องทวงคืนความยุติธรรมให้แก่พวกเขา ไม่ใช่ว่าเขาทำเพื่อให้ผู้คนติดตามเขาในอนาคต แต่ที่สำคัญที่สุด เขาต้องการหาความจริงเบื้องหลังรวมถึงตัวการที่ยังคงเป็นเงื่อนงำอยู่ ชายชุดดำที่พยายามลอบสังหารเขาในหุบเขาหมื่นอสูร และกั๋วเหล่ยเป็นเบาะแสแรกในการตอบคำถามนั้น


เขตที่พักอาศัยของศิษย์นอก มีเรือนที่พักตั้งเรียงรายกันเป็นแถว และพักอาศัยร่วมกันหกคนต่อหนึ่งหลัง ตอนนี้หวังหยุนและหวงเจิ้งพักผ่อนอยู่ในห้องเดียวกัน และในเรือนที่พักก็เต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังกราดเกรี้ยว


“บัดซบ ช่างน่าขันเสียจริง พวกเราเป็นศิษย์นอกมานาน แต่เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ! ทำไมกั๋วเหล่ยถึงต้องการให้เราส่งยาฟื้นพลังมนุษย์ให้แก่มันกัน?”


“มีข่าวลือว่าศิษย์พี่เจียงถูกฆ่าตายที่หุบเขาหมื่นอสูร มันชัดเจนว่ากั๋วเหล่ยสร้างเรื่องมาหลอกพวกเราเป็นแน่ คนที่ไม่ได้ใกล้ชิดศิษย์พี่เจียงอย่างมันเนี่ยนะ”


“ข้าไม่เชื่อว่าศิษย์พี่เจียงจะตายไปแล้ว มารอเขาดีกว่าเมื่อไรที่เขากลับมา ข้าแน่ใจว่าเขาจะต้องทวงความยุติธรรมคืนให้แก่พวกเราเป็นแน่”


ทุกคนต่างถูกเติมเต็มไปด้วยความไม่พอใจจากความไมชอบธรรม และเมื่อพวกเขาได้มองไปที่หวังหยุนและหวงเจิ้งที่นอนอยู่บนเตียง โทสะก็ได้ครอบงำพวกเขา อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่พวกเขาแข็งแกร่งไม่เพียงพอ นั่นเป็นเหตุว่าทำไมพวกเขาถึงถูกกลั่นแกล้ง


“ดูนั่น ! นั่นมันศิษย์พี่เจียงรึเปล่า! ศิษย์พี่เจียงกลับมาแล้ว!”


ใครบางคนตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นทุกคนต่างหันหน้าไปมองที่ทางเข้า ก็พบว่ามีชายไม่กี่คนกำลังเข้ามา ชายหนุ่มที่เดินนำหน้านั้นสวมชุดสีขาว พวกเขาจำออร่าที่สูงส่งนี้ได้เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจียงเฉินนั่นเอง


เมื่อศิษย์ทั้งหมดมองเห็นเจียงเฉิน ท่าทีขมขื่นของพวกเขาได้พลันแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึง


“ศิษย์พี่เจียงกลับมาแล้ว! เป็นศิษย์พี่เจียงจริงๆด้วย! ฮะฮ่า ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าเขาไม่ตายง่ายๆเช่นนั้นหรอก!”


“ศิษย์พี่เจียง ! ดีจริงเสียที่เขากลับมา! ในตอนนี้ เขาต้องช่วยพวกเราได้แน่!”


…………………………..


เหล่าศิษย์ทั้งหมดรุมล้อมรอบตัวเจียงเฉิน เริ่มบ่นให้เขาฟัง บอกเขาถึงความอัปยศอดสูและความโกรธเกรี้ยวของพวกเขา กั๋วเหล่ยได้มีศิษย์ในบางคนคอยปกป้องมันอยู่ พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะล่วงเกินมัน พวกเขาหวังว่าศิษย์พี่เจียงจะช่วยพวกเขา ในตอนนี้ในนิกายทมิฬมีเพียงเจียงเฉินเท่านั้นที่จะช่วยพวกเขาได้


ส่วนเหล่าผู้อาวุโสของนิกาย พวกเขาไม่เคยสนใจเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างศิษย์ในนิกาย ในทุกนิกายเหล่าศิษย์มีการต่อสู้กันเสมอ ในโลกของการฝึนตนมีเพียงการต่อสู้เท่านั้นที่จะผลักดันพวกเขาไปข้างหน้าได้


“ทุกคน พอได้แล้ว ศิษย์พี่เจียงมาที่นี่เพื่อช่วยพวกเรา”


ศิษย์ที่ยืนถัดจากเจียงเฉิน พูดออกมา


“หวังหยุน กับหวงเจิ้ง ตอนนี้อาการเป็นเช่นไร?”


เจียงเฉิน ถาม


เมื่อได้ยินชื่อ หวังหยุนกับหวงเจิ้ง ทุกคนหยุดพูดคุยกัน จากนั้นพวกเขาก็นำทางเจียงเฉินเข้าไป


เจียงเฉินเดินเข้าไปในห้องนอน เขาเตียงสองเตียงตั้งอยู่ในห้อง มีชายสองคนนอนอยู่คนละเตียง ร่างกายของพวกเขานิ่งไม่ไหวติง พลังงานของพวกเขาอ่อนลงอย่างมาก เมื่อเขาเดินไปที่เตียงเขาได้เห็นใบหน้าของหวังหยุนกับหวงเจิ้งเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เสียจนแทบจำเค้าโครงใบหน้าเดิมมิได้ และลมหายใจของพวกเขาอ่อนมาก


เมื่อมองไปที่พวกเขา ความโกรธเกรี้ยวไม่อาจควบคุมไว้ได้อีกต่อไป ได้ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา จากบาดแผลของพวกเขา บอกได้ว่าศัตรูของพวกเขาได้ทำอะไรไปบ้าง มันต้องเป็นสิ่งที่โหดเหี้ยมและทารุณเป็นที่สุด ที่ทำให้แก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายไม่สามารถขยับได้เช่นนี้


เมื่อสัมผัสได้ว่ามีใครสักคนอยู่ที่นี่ หวงเจิ้งได้เปิดตาของเขาขึ้น เมื่อเขามองเห็นเจียงเฉินยืนอยู่ตรงหน้าเขา ความสุขล้นได้ปรากฏในดวงตาของเขา


หวงเจิ้งดิ้นรน พยายามที่จะพูดออกมาแต่เขาไม่สามารถขยับริบฝีปากของเขาได้


“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ข้ารู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น”


เจียงเฉินวางมือของเขาลงบนหวงเจิ้ง หยุดไม่ให้เขาพูดสิ่งใดอีก เมื่อหวงเจิ้งได้ตื่นขึ้นแสดงว่าอาการของเขาดีขึ้น บาดแผลของหวังหยุนสาหัสยิ่งกว่าหวงเจิ้ง ในตอนนี้เขายังไม่พ้นขีดอันตราย


“ศิษย์พี่หวังหยุนและศิษย์พี่หวงเจิ้ง ถูกไอ้สารเลวกั๋วเหล่ยทุบตี มันทำกระทั่งหักแขนหักขาพวกเขา นั่นเป็นเหตุว่าทำไมเขาถึงยังไม่พ้นขีดอันตราย”


ศิษย์คนหนึ่ง พูดออกมา


เจียงเฉินจับไปที่แขนของหวังหยุน และตรวจชีพจรของเขา เขาพบว่าอาการบาดเจ็บของหวังหยุนร้ายแรงจริง ขาและแขนของเขาไม่ใช่ว่าพิการโดยสมบูรณ์แค่เพียงกระดูกหักเท่านั้น ยังมีโอกาสรักษาให้หายขาดอยู่


เจียงเฉินวางแขนของหวังหยุนลง หันกลับไปถามศิษย์ที่กำลังรอเขาอยู่ที่เรือนที่พัก “เจ้าชื่ออะไร?”


“ศิษย์พี่เจียง ข้าชื่อว่าหวัง ต้า หนิว ขอรับ”


ศิษย์คนนั้นดูเป็นคนตรงไปตรงมาและเที่ยงธรรม ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมชื่อของเขาคือ หวังต้าหนิว


“ต้าหนิว ช่วยข้าไปหาผู้อาวุโสกั๋วฉาน ขอยาฟื้นชีพจากเขาสองเม็ด บอกเขาว่าเจียงเฉินเป็นคนขอ”


เจียงเฉิน พูด


“ท่านว่ากระไรนะ? ผู้อาวุโสกั๋วฉาน? ยาฟื้นชีพ?”


หวังต้าหนิวตื่นตระหนกตกใจ เหล่าศิษย์ที่กำลังพักผ่อนต่างมีอาการเดียวกัน ทุกคนรู้ว่าผู้อาวุโสกั๋วฉาน เป็นที่นับหน้าถือตาของนิกายทมิฬ ไม่ต้องพูดถึงศิษย์นอก แม้แต่คนระดับสูงยังยากที่จะพบเจอเขา ส่วนยาฟื้นชีพ เป็นยาฟื้นพลังที่หาได้ยากอย่างยิ่ง ต้องใช้โชคอย่างมากถึงจะหามาได้หนึ่งเม็ด ถึงแม้ว่าหวังหยุนกับหวงเจิ้งจะอาการสาหัส หากแต่พวกเขาได้รับยาฟื้นชีพ พวกเขาจะฟื้นคืนสมบูรณ์ภายในเจ็ดวัน


อย่างไรก็ตาม เจียงเฉินได้ขอให้เขาไปหาผู้อาวุโสกั๋วฉาน และขอยาฟื้นชีพจากเขามาสองเม็ด นี่มันล้อกันเล่นใช่รึไม่ หรือว่า เจียงเฉินจะเป็นคนสำคัญในสายตาของกั๋วฉานกัน?


“เจ้ากำลังรออะไรอยู่อีก?”


เจียงเฉิน ขมวดคิ้วของเขา


“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ”


โดยไม่ชักช้าให้มากความ หวังต้าหนิวได้ออกจากเรือนที่พักในทันทีและวิ่งไปยังยอดเขาของกั๋วฉาน โดยที่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสังสัยและความหวาดกลัว


“ในตอนนี้กั๋วเหล่ย มันอยู่ที่ไหน?”


เจียงเฉินถาม


“พวกเราไม่ทราบขอรับ แต่มันยังคงอยู่ในนิกายทมิฬ”


ใครบางคน พูดออกมา


“ก็ดี นำทางข้าไปยังที่พักของมัน”


ด้วยสีหน้าเรียบเฉยของเจียงเฉิน อีกทั้งความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากเสียงนั่นทำให้ทุกคนสั่นสะท้านไปถึงสันหลัง มีเพียงคนบ้าเท่านั้นที่ไม่อาจบอกได้ ว่าในตอนนี้เจียงเฉินโกรธจริงๆแล้ว สิ่งที่ตามมาก็อาจมีแต่ความพินาศเท่านั้น


ความพินาศที่พูดถึงนั้นไม่มีใครนึกภาพออกว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น แต่อย่างไรหวงต้าก็รู้อย่างชัดแจ้ง วันนี้ที่ส่วนนอกต้องเกิดความสับสนวุ่นวายเป็นแน่ หวงต้ารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก มันเดินสบายๆนำหน้าทุกคน ไปพร้อมกับศิษย์ทั้งหมด พวกเขาเดินไปยังเรือนที่พักของกั๋วเหล่ย


เหล่าคนจำนวนมากที่เดินผ่านเขตที่พัก โดยมีเจียงเฉินเป็นแกนนำ พวกเขาได้ดึงดูดความสนใจของเหล่าศิษย์นอกที่พบเห็น


“ดูนั่นสิ! ศิษย์พี่เจียงไม่ใช่หรือ?! โอ้สวรรค์ ข้านึกว่าเขาตายไปแล้ว? ที่ไหนได้เขายังมีชีวิตอยู่?”


“ดูพวกเขาสิ ข้ามั่นใจว่าพวกเขาต้องไปหากั๋วเหล่ยและชำระแค้นกับมันแน่! เจียงเฉินเป็นคนโหดเหี้ยมแค่ไหนใครก็ทราบ กั๋วเหล่ยจบสิ้นแล้ว”


“ไม่มีทาง ใครๆก็รู้ว่ากั๋วเหล่ยมีศิษย์ในปกป้อง เจียงเฉินไม่กล้าแตะต้้องมันหรอก!”


“เงียบไว้จะดีกว่า! เจียงเฉินคือใคร? เขาเป็นคนที่กล้าที่จะล่วงเกินหนานเป่ยเฉา! กั๋วเหล่ยไม่อยู่ในสายตาเขาเสียด้วยซ้ำ”


ทุกคนเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขารอไม่ไหวที่จะได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป ชื่อเสียงเรื่องวิธีการที่โหดเหี้ยมอำมหิตของเจียงเฉิน ความขัดแย้งระหว่างกั๋วเหล่ยกับหวังหยุนทุกคนต่างรู้กันดี ตอนนี้เจียงเฉินกลับมาแล้วยังมีชีวิตอยู่ ดูเหมือนเขาจะพร้อมสร้างหายนะให้กับส่วนนอกแล้ว


เรือนที่พักของกั๋วเหล่ยตั้งอยู่ใจกลางของเขตที่พัก เป็นเรือนที่พักที่อลังการงานสร้าง เมื่อมองจากภายนอกดูดียิ่งกว่าเรือนที่พักอื่นเป็นไหนๆ นอกจากนี้กั๋วเหล่ยยังอาศัยอยู่ในเรือนที่พักเพียงลำพัง แสดงให้เห็นถึงสถานะของมันในส่วนนอก


ในตอนนี้ ประตูเรือนที่พักของกั๋วเหล่ยปิดแน่นอยู่ ดูเหมือนว่ามันจะไม่อยู่ในที่พัก เพราะว่าช่วงเวลาตอนนี้ราวๆเที่ยงวัน เป็นเรื่องปกติที่มันจะไม่ได้อยู่ที่นี่


“เปิดประตูซะ!”


หลังจากที่เจียงเฉินพูดจบ หวงต้าก็พุ่งไปข้างหน้า พร้อมได้ยินเสียงแตกหัก ประตูเรือนที่พักได้แตกกระจาย


ไม่มีใครอยู่ และประตูก็ปิดอยู่ด้วย


“ศิษย์พี่เจียง กั๋วเหล่ยมันไม่อยู่ที่นี่”


ศิษย์คนนึง พูด


“เผาเรือนที่พักซะ”


เจียงเฉิน พูดออกมาอย่างไม่แยแส


ว่ากระไรนะ? เผาเรือนที่พักงั้นรึ? นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นใช่รึไม่ เป็นที่ยอมรับกันว่าในนิกายทมิฬมีการขัดแย้งกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่มีใครเคยเผาเรือนที่พัก ถึงอย่างไรเรือนที่พักก็เป็นทรัพย์สินของนิกายทมิฬ จึงไม่มีใครทำมัน


อย่างไรก็ตาม หวงต้าใช่สนใจเรื่องนี้ไม่ มันชอบการใช้ชีวิตแบบนี้ ฆ่าคน และเผาทำลายที่พัก ตอนที่มันยังอยู่ที่นิกายกระบี่สวรรค์ มันได้เผาที่พักของอิสตรีทั้งหมด


หวงต้าได้พ่นลูกไฟใส่หลังตาของห้องหนึ่ง ใช้เวลาเพียงไมกี่ลมหายใจ สิ่งก่อสร้างทั้งหมดก็ลุกไหม้ เปลวไฟของหวงต้านั้นร้อนแรงมาก กระทั่งเจียงเฉินยังตกตะลึง หวงต้าอยู่กับเขามาสักระยะหนึ่ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมันพ่นไฟออกมา เจ้าหมานี่มีความสามารถหลากหลายเสียจริง


“โอ้สวรรค์ ไฟไหม้! เจียงเฉินเผาเรือนที่พักของกั๋วเหล่ยจริงๆ! นี่มันช่างโหดเหี้ยมอะไรเช่นนี้!”


ใครบางคนตะโกนออกมาเสียงดัง ดูเหมือนว่าที่ส่วนนอกต้องสับสนวุ่นวายเป็นแน่แท้


“นอกจากกั๋วเหล่ย ยังมีใครกลั่นแกล้งพวกเจ้าอีก?”


เจียงเฉิน ถามอย่างไม่แยแส


เหล่าศิษย์ที่ถูกกลั่นแกล้งพูดถึงชื่อจำนวนหลายชื่อออกมา พวกเขาตื่นเต้นมาก เจียงเฉินเป็นคนที่อยู่เหนือกว่าคนทั่วไป เขาเผาเรือนที่พักด้วยท่าทีสบายๆ


“หวงต้า ช่วยข้าเผาที่พักของคนเหล่านั้นหน่อย”


ท่าทีของเจียงเฉินไม่ได้เปลี่ยนแปลงใดๆ เขาเผาเรือนที่พักราวกับเผาฟืน


ฟุ่บ….. ฟุ่บ………


หวงต้าพ่นลูกไฟออกมาจากปากอีกครั้ง ส่งผลให้เรือนที่พักลุกไหม้ขึ้นมา หวงต้าสามารถควบคุมเปลวไฟของมันได้ แม้ว่าไฟจะร้อนแรงมากเพียงใด แต่มันไม่เคยไปติดไฟในเรือนที่พักหลังอื่น


เปลวไฟอันร้อนแรงได้ลุกไหม้ไปทั่วทั้งเขตที่พัก ความสับสนอลหม่านได้สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งส่วนนอก


ในสนามฝึกซ้อมภายในส่วนนอก ศิษย์หลายคนที่ได้เห็นเปลวเพลิงลุกไหม้ ต่างตกตะลึง โดยเฉพาะศิษย์สี่คน มีท่าทีเคร่งเครียด


“ศิษย์พี่กั๋ว ดูเหมือนว่าที่พักของพวกเราจะลุกไหม้อยู่!”


หนึ่งในพวกเขาพูดด้วยท่าทีตกตะลึง


“บัดซบ ! ใครมันกล้าเผาที่พักของข้า?! ไปกันเถอะ ไปตรวจสอบกัน!”


ชายหนุ่มที่ตวาด ได้พาศิษย์อีกสามคนมุ่งหน้าไปยังเขตที่พัก ชายหนุ่มคนนี้อายุประมาณยี่สิบกลางๆ ด้วยรูปร่างเต็มไปด้วยมัดกล้าม อีกทั้งแผลเป็นสีแดงบนหน้าผากของมัน ทำให้ดูน่ากลัวยิ่งนัก


ชายหนุ่มคนนี้มิใช่ใครที่ไหนนอกจาก กั๋วเหล่ย ระดับการบ่มเพาะของมันถึงขั้นสูงสุดของอาณาจักรแก่นแท้มนุษย์ หลังจากที่ฮันหยานเก็บตัวบ่มเพาะพลัง และเจียงเฉินหายตัวไป ไม่มีใครในส่วนนอกกล้าที่จะล่วงเกินมัน


=======================================================


จบแล้วจ้า อ่านต่อตอนไปเลยจ้า

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments