I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Martial Emperor ตอนที่ 14 เผชิญหน้ากับเฟิงหยาง

| Dragon Martial Emperor | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

แน่นอน’หลงยี่’รู้ว่า’เฟิงหยาง’แข็งแกร่งเพียงใด   ในสายตาคนทั่วไป ตัวเขาดูเหมือนบาดเจ็บหนัก และในสภาพนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะ’เฟิงหยาง’ เพราะ’เฟิงหยาง’นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่า’หานเจียน’ ยิ่งไปกว่านั้น ขณะเขายังอยู่ที่ตระกูลเฟิง ‘หลงยี่’ได้ยินว่า’เฟิงหยาง’อยู่ในวู่เต้าลำดับที่ 5

ขณะเข้าสู่นิกายเจิ้นเทียน และกลายเป็นศิษย์ชั้นนอก   แม้เป็นเช่นนั้น ‘หลงยี่’มีแผนในใจที่จะใช้ประโยชน์จากเหล่าศิษย์นิกายที่ตามเขามาแล้ว

“ศิษย์น้อง เจ้ามีนามว่าหลงยี่ใช่หรือไม่?”

ชายหน้าดำคนหนึ่งเข้ามาทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น

“เจ้ามีความแค้นอันใดกับเฟิงหยางงั้นรึ? “

‘ถานเยว่’พูดว่า

“เจ้าออกจากตระกูลเฟิงในเมืองยี่กวนมาเข้าร่วมกับนิกายเจิ้นเทียน และ’เฟิงหยาง’ก็มาจากตระกูลเฟิงเช่นกัน หากพวกเจ้าทั้งคู่ไม่มีความแค้นอันใดต่อกัน เหตุใด’เฟิงหยาง’ถึงยึดเหรียญประจำตัวของเจ้าไป”

‘หลงยี่’ได้ยินชัดเจน แต่เขาไม่ได้ตอบกลับไป เขาไม่มีนิสัยเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกับคนแปลกหน้า   ชายหน้าดำไม่ใส่ใจ เขายังคงยิ้มและพูดต่อไป

“ศิษย์น้อง ขอให้ศิษย์พี่คนนี้ได้แนะนำเถิด เฟิงหยางนั้นแข็งแกร่งยิ่ง เร็วๆนี้เขาเพิ่งได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์ชั้นใน แต่ตอนนี้เจ้าเพิ่งอยู่ในระดับเริ่มต้น ดังนั้นเจ้าอย่าเพิ่งมีปัญหากับเขาเลย มิเช่นนั้นผู้ที่ต้องอับอายจะเป็นตัวเจ้าเอง”

“ตอนนี้ แม้เจ้าได้เจอเฟิงหยาง เขาก็ไม่มีทางคืนเหรียญประจำตัวให้แก่เจ้าและมีแต่จะทำให้เจ้าต้องขายหน้า ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเพิ่งจะลงมือกับถานเยว่ พี่ชายของนางถานเจียนไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ อิทธิพลของเขานั้นกว้างขวางยิ่ง เจ้าไม่มีทางสู้กับถานเจียนได้เลย เพราะฉะนั้นฟังข้า เจ้าควรรีบออกไปจากนิกายโดยเร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องพบกับความอัปยศหรืออะไรที่แย่ยิ่งกว่านั้น”

ชายหน้าดำพยายามโน้มน้าว’หลงยี่’ แต่เขายังคงไม่ตอบอะไรกลับไป ชายหน้าดำจึงหยุดเซ้าซี้หลงยี่อีก   ทั้งคู่เดินตามเส้นทางเทือกเขาจนมาถึงยังที่พักแห่งหนึ่งที่ดูสวยงามและน่ารื่นรมณ์ มีป้ายโลหะขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า

“เรือนพักตัวแทนศิษย์ชั้นนอก”

เหล่าศิษย์ชั้นนอกเดินตามทั้งคู่มาถึงที่นี่เช่นกัน พวกเขากำลังใจจดใจจ่อกับฉากต่อไปที่จะเกิดขึ้น   ‘หลงยี่’ไม่กังวลเท่าไรนัก เพราะเขามีแผนในใจอยู่แล้วโดยใช้พวกคนเหล่านี้เป็นผู้ชม ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

“ศิษย์น้องหลงยี่ นี่คือเรือนพักของตัวแทนศิษย์ชั้นนอก เจ้าสามารถพบเขาเพื่อทวงถามเหรียญประจำตัวได้ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องของข้าแล้ว”

ชายหน้าดำพูดจบก็เคลื่อนตัวไปยืนอยู่ด้านข้างเพื่อรอดูฉากสนุก เขายืนรอดูว่า’หลงยี่’จะต้องกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าทุกคนอย่างไร ‘หลงยี่’มองไปยังชายหน้าดำแต่ก็ไม่กล่าวอะไร เขาก้าวไปยังห้องของตัวแทนศิษย์ชั้นนอกทันที

“เฟิงหยาง โผล่หัวออกมา!”

‘หลงยี่’แผดเสียงดังก้อง   ฝูงชนที่ยืนอยู่หลังเขาถึงกับหน้าซีด พวกเขาตื่นตะลึงกับการกระทำอย่างไร้หัวคิดของ’หลงยี่’ เจ้านี่มันเตรียมตัวจะมาตายหรืออย่างไร?

“ใครมันกล้ามาอวดดีถึงเรือนพักของข้า?”

น้ำเสียงหยิ่งทระนงดังออกมาจากเรือนพัก ชายหนุ่มตัวสูงร่างกายกำยำคนหนึ่งเดินออกมาจากห้อง ใบหน้าของเขาดูคล้ายกับ’เฟิงหลัว’ คุณชายตระกูลเฟิงแห่งเมืองยี่กวน   ชายร่างสูงคนนี้คือ’เฟิงหยาง’ ร่างกายที่ใหญ่โตของเขาดูกำยำ และตอนนี้ ปรากฏวาวตาโมโหขึ้นบนใบหน้าที่ดูใหญ่ของเขา

‘เฟิงหยาง’อยู่ในชุดสีเครื่องแบบสีน้ำเงินของศิษย์ชั้นนอก และมีป้ายหยกแขวนอยู่รอบๆเอว เดาได้ว่าป้ายหยกเหล่านั้นคือเหรียญประจำตัวของศิษย์ชั้นนอกนิกายเจิ้นเทียน   เมื่อ’เฟิงเหยา’เดินออกมาพบกับ’หลงยี่’ เขาเพ่งมองและพูดขึ้นเสียงดัง

“อ่อ แกนี่เอง เป็นแค่ขยะแต่ใจใหญ่พอตัวนี่ ถึงกล้ามาแสดงกิริยาแบบนี้ต่อหน้าเรือนพักตัวแทนศิษย์ชั้นนอก ข้าคิดว่าข้าควรต้องสอนแกสินะว่าต้องทำตัวอย่างไรเมื่ออยู่ที่นี่!”

เมื่อ’เฟิงหยาง’ก้าวเท้าออกมา ฝูงชนที่ยืนมุ่งดูอยู่อย่างชุกชุม คิดในใจพร้อมกันว่าฉากนี้ช่างน่าสนใจยิ่ง และรอดูฉากสนุกต่อไป เพราะพวกเขารู้ดีว่า’เฟิงหยาง’คนนั้นตอนนี้เดือดดาลเพียงใด ‘หลงยี่’ที่กล้าเรียกเขาออกมาอย่างดูหมิ่น ‘เฟิงหยาง’ไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่

‘หลงยี่’มองไปยังร่างสูงใหญ่ของ’เฟิงหยาง’ด้วยสายตาดูถูก เขาหัวเราะและพูดขึ้น

“เฟิงหยาง เจ้าอมเหรียญประจำตัวของข้าเอาไว้ ตอนนี้คงกำลังกลัวสินะ”

‘หลงยี่’ตัดเข้าประเด็ดทันที คำพูดของเขาทำให้’เฟิงหยาง’เดือดดาลทันที มันพูดด้วยเสียงที่ดังลั่น

“คนอย่างข้าจะต้องกลัวสิ่งใด?”

“งั้นบอกมา ทำไมถึงต้องยึดเหรียญประจำตัวของข้าไป?”

‘หลงยี่’ก้าวออกมาด้านหน้าก้าวหนึ่ง และหัวเราะเย้ยยัน

“เรื่องนี้…..”

เมื่อ’เฟิงหยาง’ได้ยินดังนั้น เม็ดเหงื่อพุดขึ้นบนหน้าผากของเขา แต่เพียงชั่วครู่ เขาตอบโต้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวสิ่งใด แต่เขากลับลืมปฏิเสธความจริงที่ว่าเขาได้ยึดเหรียญประจำตัวของ’หลงยี่’ไว้อย่างไม่มีเหตุผล นี่ช่างเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง

ทุกคนรู้ว่านิกายเจิ้นเทียนได้เลือก’เฟิงหยาง’เป็นตัวแทนศิษย์ชั้นนอก สำหรับการยึดเหรียญประจำตัวของศิษย์ในนิกายนั้น ต้องทำด้วยเหตุผลเพียงพอ มิเช่นนั้นหากผู้อาวุโสนิกายทราบเรื่องนี้เข้า ‘เฟิงหยาง’จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง และได้รับสิ่งสนับสนุนการฝึกจากนิกายน้อยลง

“ข้ารู้ว่าเจ้ากลัว”

‘หลงยี่’รู้ถึงกฎของนิกายเช่นกันแต่นั้นไม่ใช่ประเด็ดทีเขาจะใช้เล่นงาน’เฟิงหยาง’ ‘หลงยี่’พูดด้วยรอยยิ้มดูถูกที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“เจ้ากลัวว่าหากข้าได้เหรียญประจำตัว ข้าจะสามารถเข้าไปในหอคัมภีร์ของนิกายได้ และหลังจากข้าสำเร็จวิทยายุทธ์ต่างๆ เจ้าจะมิอาจต่อกรกับข้าได้ จริงไหม?”

“ไร้สาระ!”

‘เฟิงหยาง’โต้ตอบด้วยประกายตาดุร้าย

“แกคิดว่าแกเป็นใครกัน ต่อให้เข้าไปในหอคัมภีร์ของนิกายได้ แกก็ยังคงเป็นขยะอยู่วันยังค่ำ ฝันไปเถอะว่าจะเทียบกับข้าได้”

“งั้นเรามาเดิมพันกันหน่อยเป็นอย่างไร เจ้าส่งเหรียญประจำตัวของข้ามาเพื่อที่ข้าจะได้เข้าไปยังหอคัมภีร์ และเมื่อข้ากลับออกมา ข้าจะประลองกับเจ้า เฟิงหยาง เจ้ากล้ารับคำท้าของข้าหรือไม่?”

สายตาของ’หลงยี่’ จ้องไปยัง’เฟิงหยาง’อย่างดูถูก   การดูหมิ่นของ’หลงยี่’นี้ทำให้’เฟิงหยาง’ยิ่งโกรธเกรี้ยว เขาเรียกมันว่าขยะมาหลายต่อหลายปี พอมันเข้าสู่นิกายเจิ้นเทียน มันกลับมาแสดงท่าทีอวดดีต่อหน้าเขา มันจะกล้ามากไปแล้ว!

สายตาของเฟิงหันไปเหล่าศิษย์นิกายชั้นนอกที่ยืนรวมตัวกันอย่างหนาแน่นภายนอกเรือนพัก เขาคิดว่าหากเขาไม่รับคำท้าของหลงยี่ คนพวกนั้นคงคิดว่าเขาเกรงกลัวเจ้าขยะ นั้นทำให้เขาต้องเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง   แม้’เฟิงหยาง’จะรู้ว่า’หลงยี่’ทำสิ่งเหล่านี้เพื่อให้เขาคืนเหรียญประจำตัว แต่เขาก็ไร้ทางเลือกอื่น

“ทำไมข้าจะไม่กล้า? แกขุดหลุมศพไว้รอได้เลย นี่ เหรียญประจำตัวของแก เมื่อใดที่แกกลับออกมาจากหอคัมภีร์ ข้าจะทำให้แกรู้ว่าขยะอย่างแกไม่ได้เป็นมากไปกว่ามดปลวกในสายตาของข้า!”

‘เฟิงหยาง’ดึงเหรียญประจำตัวของศิษย์ชั้นนอกออกมาจากเอว แล้วโยนไปยัง’หลงยี่’   ‘หลงยี่’รับเหรียญประจำตัวไว้ในมือ มุมปากของเขาฉีกยิ้มขึ้น แผนของเขาสำเร็จแล้ว   ชายหน้าดำถึงกับตะลึงเมื่อเห็นฉากนี้ เดิมที เขาคิดว่าจะได้บันเทิงกับฉากการต่อสู้ระหว่าง’หลงยี่’กับ’เฟิงหยาง’

เขาไม่คิดเลยว่า’หลงยี่’จะได้เหรียญประจำตัวคืนโดยใช้เพียงคำพูดแค่ไม่กี่ประโยค   ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ ด้วยท่าทางมั่นใจของ’หลงยี่’ ชัดเจนว่าเมื่อต้องปะทะกับ’เฟิงหยาง’ เขาย่อมแสดงสิ่งที่น่าตะลึงออกมาอีก เมื่อชายหน้าดำคิดทบทวนอีกครั้งหนึ่ง เขาคิดว่าเป็นไปได้หรือที่’หลงยี่’จะไม่รู้ว่า’เฟิงหยาง’นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่า’หานเจียน’?

ถึงแม้’หลงยี่’จะได้เหรียญประจำตัวคืนและสามารถเข้าไปยังหอคัมภีร์ของนิกายได้ แต่เขาจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้ซักเท่าใดในเวลาอันสั้น เพราะวิทยายุทธ์ของนิกายเจิ้นเทียน ใช่ว่าจะสำเร็จได้โดยง่าย   ‘หลงยี่’ต้องการเอาชนะ’เฟิงหยาง’ ในตอนนี้ มันยังดูไม่ต่างจากสิ่งเพ้อฝัน

ความคิดเหล่านั้นปรากฏขึ้นในใจของชายหน้าดำและผู้คนที่ยืนมุงดูอยู่ ‘หลงยี่’เหยียบย่ำ’ถานเยว่’และเอาชนะ’หานเจียน’ได้ ทั้งตอนนี้ เขายังท้าทาย’เฟิงหยาง’อย่างอุกอาจอีก ในสายตาของพวกเขา มันคงไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้วสำหรับ’หลงยี่’ผู้นี้

“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน ช่วยรอเดี๋ยว!”

ทันใดนั้น ขณะ’หลงยี่’กำลังหันตัวจากไป มีเสียงแจ่มใสเหมือนดั่งนกขมิ้นของเด็กสาวดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น   คนๆหนึ่งในชุดเครื่องแบบน้ำเงินของศิษย์ชั้นนอก รีบฝ่าฝูงชนที่ยืนอยู่อย่างหนาแน่นออกมา ‘หลงยี่’มองไปยังร่างนั้นและพบว่าเป็นเด็กสาวที่งดงามคนหนึ่ง

สวมชุดคลุมสีน้ำเงินที่เปื้อนโคลน และใบหน้าของนางที่เปื้อนไปด้วยฝุ่น ตัวนางช่างดูเป็นคนแร้นแค้นยิ่งนัก   นางเป็นใครกัน?   ปรากฏคำถามนี้ขึ้นในใจทุกคน

“อ่อ เจ้านั้นเอง ในที่สุดเจ้าก็เปลี่ยนใจมาเป็นคนติดตามข้าแล้วรึ?”

‘เฟิงหยาง’มองไปยังเด็กสาวที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้น เขาชำเลืองตามองและพูดอย่างดูถูก

“เฮอะ! ใครอยากจะเป็นคนติดตามของเจ้ากัน”

สาวงามพูดขึ้นอย่างรังเกียจ และทันใดนั้นนางก็ตะโกนขึ้นมา

“ตั้งแต่ที่เจ้าเดิมพันกับชายคนนี้ ข้าก็ขอเดิมพันกับเจ้าเช่นกัน เจ้าจะว่าอย่างไร?”

เมื่อ’เฟิงหยาง’ได้ยินคำพูดของนาง ใบหน้าเขาเปลี่ยนเป็นขบขัน และพูดตอบ

“อย่าให้ข้าต้องพูดจาซ้ำซาก ข้าบอกไปแล้วว่า ไม่มีทางอื่นสำหรับเจ้า”

“อ่อ เจ้าไม่กล้าสินะ”

สาวงามพูดอย่างดูหมิ่น

“ความจริงแล้วเจ้าก็กลัวที่จะแพ้เดิมพันการข้าคนนี้ ตัวแทนของศิษย์ชั้นนอกที่สง่างาม แท้จริงแล้วกลับเป็นคนขี้ขลาดตาขาวหรือนี่ ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี!”

เมื่อ’เฟิงหยาง’ได้ยินดังนั้น ใบหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที

“เหลวไหลที่สุด! เจ้าคิดว่าเจ้าชนะเดิมพันข้าได้งั้นรึ? ก็เอาสิ อย่าคิดว่าข้าจะเกรงกลัวสาวน้อยอย่างเจ้า”

“เดิมพันของข้าเกี่ยวพันถึงเดิมพันของเขาคนนี้”

สาวงามหัวเราะแล้วมองไปยัง’หลงยี่’

“ที่ชายคนนี้จะประลองกับเจ้าหลังจากกลับออกมาจากหอคัมภีร์ ถ้าเขาแพ้ ข้ายินดีจะติดตามเจ้า แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าต้องคืนเหรียญประจำตัวของข้ามา นอกจากนั้น เจ้าต้องมอบยาเม็ด ‘ฉิงหัวตัน’ให้แก่ข้า ตกลงหรือไม่?”

“ฮึ่ม เจ้าวางแผนมาดีนี่ เดิมพันนี้ไม่เห็นจะคุ้มค่ากับข้าตรงไหน”

‘เฟิงหยาง’เย้ยยัน เพราะไม่กี่วันก่อน ทางนิกายมอบยาทิพย์โอสถที่มีชื่อว่าฉิงหัวตันที่แสนล้ำค่าให้แก่เขา แล้วเหตุใด เขาจะต้องนำสิ่งล้ำค่านี้มาเดิมพันกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ด้วย?

“โอ้ ดูเหมือนเจ้าจะเกรงกลัวชายคนนี้จริงๆสินะ ดี ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ลืมมันไปเถอะ”

ปรากฏสายตาดูแคลนอย่างชัดเจนขึ้นบนใบหน้าสวย และขณะนางกำลังหันตัวจากไป

“เดี๋ยวก่อน”

สีหน้าของ’เฟิงหยาง’เปลี่ยนไปทันที เขามองไปยังฝูงชนมากมายที่กำลังมองมายังเขา แล้วรู้สึกอับอายยิ่ง เขาตะโกนเสียงเย็น

“ข้ารับเดิมพันนี้ เมื่อถึงเวลา เจ้าไม่สามารถกลับคำได้เป็นอัดขาด!”

“คิกๆ เจ้าก็กลับคำไม่ได้เช่นกัน เพราะข้ามั่นใจในตัวชายคนนี้อย่างยิ่ง!”

รอยยิ้มที่สดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง นางก้าวมาหา’หลงยี่’พร้อมกับยิ้มให้เขา

“มัน? เหอะ เจ้ามั่นใจผิดคนเสียแล้ว”

‘เฟิงหยาง’มองไปยังหลงยี่อย่างดูแคลนพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“เจ้านี่รู้จักกันในชื่อขยะแห่งตระกูลเฟิง และแม้จะเข้าสู่นิกายเจิ้นเทียน มันก็ยังคงเป็นขยะอยู่วันยังค่ำ เจ้าหวังว่ามันจะเอาชนะข้าได้? เหอะ นี่ช่างเป็นเรื่องน่าหัวร่อสิ้นดี!”

“จริงรึ? ดูเหมือนข้ายังไม่ได้บอกเจ้าสินะ ชายคนนี้หลังจากเข้าสู่นิกาย เขาจัดการกับถานเยว่และหานเจียนทั้งคู่ด้วยตัวคนเดียว และตอนนี้ เขากำลังเข้าสู่หอคัมภีร์เพื่อฝึกวิทยายุทธ์ เจ้าคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงใดเมื่อกลับออกมา?”

สาวงามพูดขณะหัวเราะอย่างเริงร่า แต่ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของ’เฟิงหยาง’เปลี่ยนไปทันที   มันจัดการกับ’ถานเยว่’และ’หานเจียน’ได้จริงงั้นรึ?   จะเป็นไปได้อย่างไร? ชัดเจนว่าเจ้า’หลงยี่’เป็นแค่ขยะ เหตุใดจึงเอาชนะ’ถาเยว่’ได้? และถึงแม้จะการเอาชนะ’ถานเยว่’จะเป็นเพียงโชคช่วย แต่เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเอาชนะ’หานเจียน’!

ปรากฏความไม่มั่นใจขึ้นบนใบหน้า’เฟิงหยาง’ แต่เวลานี้ ‘หลงยี่’บรรลุเป้าหมายแล้ว และเขาไม่ต้องการจะเสียเวลาอันใดอีก จึงหันตัวเดินจากไป   เมื่อเห็นร่างของ’หลงยี่’กำลังเดินกลับ สาวงามรีบวิ่งตามเขาไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้าคนนั้น รอข้าเดี๋ยว!”

เพียงแค่สองถึงสามก้าว เด็กสาวที่น่ารักก็ตาม’หลงยี่’ได้ทัน นางยกมือขึ้นตบไหล่ของเขา   ‘หลงยี่’เคลื่อนตัวไปด้านข้างเพื่อหลบมือของนาง และมองนางอย่างระวัง

“เอาน่า อย่าระแวงไป ข้าอยู่ข้างเดียวกับเจ้านะ ตอนนี้พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว เจ้ามีนามว่าหลงยี่ใช่หรือไม่? ข้ามีนามว่า‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ (Liao Lele) ข้าเข้าสู่นิกายก่อนหน้าเจ้าสามวัน”

สาวงามยิ้มอย่างซุกซน ดูเหมือนนางต้องการเป็นสหายกับ’หลงยี่’

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments