I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Martial Emperor ตอนที่ 15 แก่นหลักแห่งการฝึกฝน

| Dragon Martial Emperor | 828 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

‘หลงยี่’แปลกใจอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของ’เลี่ยวเล่อเล่อ’

“เจ้าเพิ่งเข้าสู่นิกายก่อนข้าสามวัน?”

‘หลงยี่’ถามซ้ำ

“ใช่ แต่ต่างกับเจ้า เจ้าอ้วนเฟิงหยางมันมิเพียงอมเหรียญประจำตัวของข้า มันยังจำกัดสิทธิของข้าทุกอย่าง ตอนนี้ ความหวังเดียวของข้าคือเจ้านะ”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ พูดอย่างมีความหวังด้วยใบหน้าที่ดูแร้นแค้น   ‘หลงยี่’มองไปยังชุดคลุมที่แสนสกปรกของนางก็เข้าใจในทันที เขาถามขึ้น

“มันต้องการอะไรจากเจ้า?”

“ตอนข้าผ่านบททดสอบและเข้าสู่นิกาย เจ้าสุกรนั่นเพิ่งจะได้เป็นตัวแทนศิษย์ชั้นนอกของเดือนนี้พอดี มันชื่นชอบข้าและอยากให้ข้าเป็นผู้หญิงของมัน แต่คนอย่างข้าไม่มีทางตาบอดไปเป็นผู้หญิงของคนอย่างมันหรอก จริงไหม?”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’พูดด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความรังเกียจ   เมื่อ’หลงยี่’ได้ยินที่นางพูด เขาคิดในใจว่านอกจาก’เฟิงหยาง’จะไม่อ้วนแล้ว มันยังดูตัวใหญ่และกำยำ เขาไม่เข้าใจจริงๆว่า’เฟิงหยาง’ที่เขาเห็นกลายเป็นเจ้าสุกรไปได้อย่างไรในสาย’เลี่ยวเล่อเล่อ’

“เอาละ ข้ามั่นใจว่าเจ้ามีพรสวรรค์ อย่างแรก ข้าจะนำทางเจ้าไปยังหอคัมภีร์เพื่อเลือกวิทยายุทธ์มาเสริมทักษะ แล้วอย่าทำให้ข้าผิดหวังซะละ หากเจ้าจัดการเจ้าหมูอ้วนนั่นได้ ยาเม็ดฉิงหัวตันจะเป็นของเจ้า”

ใบหน้าของ’เลี่ยวเล่อเล่อ’เปลี่ยนไปยิ้มอย่างซุกซน   ‘หลงยี่’ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้น

“ยาเม็ดฉิงหัวตัน มิใช่เป็นสิ่งที่เจ้าเดิมพันพร้อมกับเหรียญประจำตัวหรอกรึ เหตุใดจึงมอบมันให้ข้า?”

“ถามได้ดี ไม่เสียทีที่เป็นคนที่ข้าคาดหวัง”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ยิ้มและพูดต่อ

“หากไม่มียาเม็ดฉิงหัวตัน เจ้าจะได้ประโยชน์อันใดจากเดิมพันของข้าเล่าจริงไหม?”

“อืม ในเมื่อข้าต้องต้องเดิมพันกับมันอยู่แล้ว การได้ยาเม็ดฉิงหัวตันเป็นรางวัลย่อมเป็นเรื่องดี”

‘หลงยี่’พูดด้วยรอยยิ้ม   ยาเม็ดฉิงหัวตัน คือยาทิพย์โอสถที่อยู่ในระดับเดียวกันกับยาเม็ดหยูเหยาตันที่ทำให้เขาบรรลุขึ้นเป็นวู่เต้าลำดับที่ 4 ถ้าเขาชนะเดิมพันแล้วได้ยาเม็ดนี้มา เขาอาจจะบรรลุขึ้นเป็นวู่เต้าลำดับที่ 5 ก็เป็นได้   ความสามารถในการดูดซับยาทิพย์โอสถของ’หลงยี่’สูงยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะอย่าง’เฟิงเหยา’ถึงสามเท่า

นี่บ่งชี้ว่าระดับการบ่มเพาะวรยุทธ์ของเขาเติบโตได้รวดเร็วกว่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นอย่างมาก   ขณะ’เลี่ยวเล่อเล่อ’กำลังนำทาง’หลงยี่’มายังหอคัมภีร์ของนิกายเจิ้นเทียน ในเวลานี้ ฝูงชนที่รวมตัวกันที่หน้าเรือนพักตัวแทนศิษย์ชั้นนอกต่างสลายตัวไปอย่างช้าๆ   แต่คนเหล่านั้นจำนวนไม่น้อยเดินตาม’เลี่ยวเล่อเล่อ’และ’หลงยี่’ที่มุ่งไปยังหอคัมภีร์ พวกเขาอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่จะเกิดขึ้นจึงตามไปเพื่อรอดูฉากสนุก

สำหรับพวกเขาแล้ว การฝึกฝนในทุกๆวันนั้นน่าเบื่อยิ่ง เมื่อเห็นว่า’เฟิงหยาง’กับ’หลงยี่’จะประมือกันเมื่อ’หลงยี่’กลับออกมาจากหอคัมภีร์ นี่ช่างเป็นเรื่องน่าสนใจกว่าก็ฝึกวรยุทธ์เป็นไหนๆ   ในเวลานั้น ‘เฟิงหยาง’ยืนอยู่ภายในเรือนพักมองไปยัง’เลี่ยวเล่อเล่อ’และ’หลงยี่’ที่กำลังเดินกลับไป

ปรากฏสายตามืดมนขึ้นบนใบหน้าเหลี่ยม เมื่อร่างของทั้งทั้งคู่ลับสายตาไป เขาขมวดคิ้วแล้วมุ่งสู่หอคัมภีร์เช่นกัน   เขาตั้งใจไปรอที่ทางเข้าหอคัมภีร์ และเมื่อใดที่’หลงยี่’กลับออกมาเขาจะจัดการมันทันที

“เจ้าขยะหลงยี่ แม้แกจะเอาชนะหานเจียนได้ แต่อย่าคิดว่าข้าอ่อนแอเหมือนมัน เมื่อใดก็ตามที่แกออกมาจากหอคัมภีร์ ข้าจะจัดการกับแกซะ และทั้งแกทั้งเลี่ยวเล่อเล่อจะต้องก้มหัวให้ข้าคนนี้ “

‘เฟิงหยาง’มั่นใจแน่นอนว่า’หลงยี่’ไม่มีทางรอดไปได้ แม้เขาไม่สามารถจัดการมัน แต่ด้วยที่มันลงมือต่อ’ถานเยว่’ พี่ชายของนางนามว่า’ถานเจียน’ไม่มีทางปล่อยมันไปโดยง่ายแน่นอน   แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ ‘เฟิงหยาง’ต้องจัดการกับ’หลงยี่’ให้ได้ มิเช่นนั้น เขาย่อมกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น

ณ หอคัมภีร์ นิกายเจิ้นเทียน

ในความเป็นจริง วิทยายุทธ์ขั้นสูงสุดของนิกายเจิ้นเทียนไม่ได้มีอยู่ในหอคัมภีร์ พวกมันจะสลักอยู่ตามผนังภูเขาทั้งสองข้างในหุบเขาที่อยู่ด้านหลังของหอคัมภีร์   ถึงเป็นเช่นนั้น แม้ศิษย์ชั้นในของนิกายยังไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าไปยังหุบเขาได้ ‘หลงยี่’ที่เป็นเพียงศิษย์ชั้นนอกจึงไม่สามารถเข้าไปยังหุบเขานั้นได้เช่นกัน

ในตอนนี้ สิ่งที่ปรากฎอยู่หน้า’หลงยี่’คือ สิ่งปลูกสร้างที่ถูกสร้างอย่างปราณีต และสูงประมาณ 10 ฟุต มันถูกแบ่งออกเป็นสามชั้น โดยศิษย์ชั้นนอกจะสามารถใช้ง่ายได้เพียงชั้นที่หนึ่งและสองเท่านั้น

“เอาละ มาถึงหอคัมภีร์แล้ว เจ้ารีบเข้าไปเร็ว เจ้าสุกรนั้นมันตามพวกเรามาแล้ว อย่ามัวแต่เสียเวลาเลย”

‘เลี่ยวเล่อเล่อ’ หันกลับไปมองด้านหลังและเร่งให้’หลงยี่’รีบเข้าไปข้างในหอคัมภีร์   ‘หลงยี่’มอง’เลี่ยวเล่อเล่อ’แล้วพยักหน้า สาวน้อยคนนี้ยังไม่ได้รับเหรียญประจำตัว นางจึงไม่สามารถเข้าหอคัมภีร์กับเขาได้ ‘หลงยี่’กำลังคิดในใจว่าหากนางยังอยู่ภายนอก นางจะไม่ถูกคุกคามจาก’เฟิงหยาง’งั้นหรือ?

‘หลงยี่’พบว่าตัวเขาเป็นห่วงนาง   ขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปยังหอคัมภีร์ ร่างบางของ’เลี่ยวเล่อเล่อ’กลับวิ่งตามทางเทือกเขาและหายไปในพริบตา   เด็กสาวคนนี้ดูแล้วเฉลียวฉลาดน่าจะเอาตัวรอดได้ เขาคงไม่จำเป็นต้องกังวลกับนางมากนัก

“ในกรณีเลวร้ายที่สุด แม้ข้าจะพ่ายแพ้เฟิงหยาง นางก็คงไม่ยอมมอบตัวเองให้แก่เฟิงหยางเป็นแน่ นอกจากนั้นคงหนีไปจากนิกายเจิ้นเทียนด้วย เพราะในแคว้นถังยังมีนิกายใหญ่อยู่อีกถึง 6 นิกาย”

‘หลงยี่’คิด และตัดสินใจเดินเข้าไปด้านในหอคัมภีร์

“จงแสดงเหรียญประจำตัว”

เมื่อเข้ามายังหอคัมภีร์ มีเสียงของผู้อาวุโสดังขึ้นในหูของเขา   ‘หลงยี่’นำเหรียญประจำตัวที่สลักว่า‘หลงยี่’ออกมา เหรียญประจำตัวเหล่านี้จะถูกทำขึ้นโดยผู้อาวุโสและถูกสลักชื่อของเจ้าของเอาไว้ มันจะถูกมอบให้ตัวแทนศิษย์ชั้นนอกกระจายไปยังศิษย์ชั้นนอกที่เพิ่งเข้ามาใหม่ และเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกทำเลียนแบบ

“เข้าไปได้ ในเมื่อเป็นครั้งแรกที่เจ้าเข้ามายังหอคัมภีร์นี้ ข้าจะเล่าถึงสิ่งต่างๆให้ฟัง เจ้าสามารถฝึกฝน‘แนวทางเจิ้นเทียน’ได้ในชั้นแรก สามารถเลือกวิทยายุทธ์ในชั้นที่สองมาฝึกฝนได้”

“อย่างไรก็ตาม เจ้าควรฝึกฝนอย่างใจเย็นและระมัดระวัง อย่าเอาแต่คึกคะนอง มิเช่นนั้น หากเจ้าได้รับบาดเจ็บขณะฝึก มันอาจจะส่งผลกระทบต่อการฝึกของเจ้าในอนาคต”

คำผู้ของอาวุโสนั้นดูเข้มงวดแต่เต็มไปด้วยความประสงค์ดี ‘หลงยี่’รู้สึกยินดีในใจ เขายกกำปั้นขึ้นมาวางบนหน้าอกแล้วหันไปยังทิศทางที่น่าจะเป็นที่มาของเสียงพร้อมกับพูดขึ้น

“ขอบคุณผู้อาวุโส ศิษย์คนนี้น้อมรับคำชี้แนะ”

เมื่อพบกับผู้อาสุโสของนิกาย ‘หลงยี่’ย่อมแสดงมารยาทที่เหมาะสมออกไป หลังพูดจบ เขามุ่งหน้าเข้าสู่หอคัมภีร์ชั้นแรก   หอคัมภีร์นั้นมีพื้นที่กว้างขวางยิ่ง ในชั้นแรกจะถูกแบ่งออกเป็น 108 ห้อง และกำแพงในแต่ละห้องจะสลักส่วนหนึ่งของแนวทางเจิ้นเทียนไว้   แนวทางเจิ้นเทียน

คือแก่นหลักของการบ่มเพาะวรยุทธ์ และเป็นมรดกตกทอดของทางนิกาย โดยผู้ฝึกยุทธ์จะต้องฝึกฝนแก่นหลักนี้เพื่อสร้างรากฐานในการพัฒนาระดับวรยุทธ์   มันต่างกับการฝึกวิทยายุทธ์ การฝึกฝนแก่นหลักไม่ได้ช่วยพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ แต่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการดูดซับหลิงฉี

ซึ่งจะช่วยให้ผู้ฝึกสามารถพัฒนาระดับวรยุทธ์ได้ไวยิ่งขึ้น   ยิ่งไปกว่านั้น มันยังช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของซวนฉีในเส้นลมปราณ และความเร็วในการฟื้นฟูซวนฉีที่เสียไปอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ฝึกรู้สึกเหนื่อยช้าลงและสามารถต่อสู้ได้นานยิ่งขึ้น   แนวทางเจิ้นเทียนคือแก่นหลักของนิกายเจิ้นเทียน และศิษย์ทุกคนในนิกายจะได้ฝึกฝนแนวทางนี้

‘หลงยี่’มองไปยังแนวทางเจิ้นเทียนที่สลักอยู่บนกำแพง เขารู้มาว่าตระกูลใหญ่ของเมืองยี่กวนอย่างเช่น ตระกูลเฟิง และตระกูลถาน ไม่มีแก่นหลักของการฝึกในครอบครอง จึงเป็นเหตุผลหลักที่พวกเขาส่งผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ เช่น ‘เฟิงเหยา’ ‘ถานเจียน’ และคนอื่นเข้าสู่นิกายใหญ่ทั้งเจ็ดของแคว้นถัง

‘หลงยี่’เข้าไปยังห้องว่างห้องหนึ่งในชั้นแรกของหอคัมภีร์และล็อคประตู   เมื่อเข้ามาภายในห้อง เขามองไปรอบๆและพบว่า มีการแกะสลักบางสิ่งที่ดูลึกลับและยากจะเข้าใจตามผนังห้อง

“อืม นี่คือแนวทางเจิ้นเทียนสินะ”

‘หลงยี่’มองรอยแกะสลักตามผนังอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นเขาพบว่าสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนว่าเขาเคยเห็นพวกมันมาก่อน มันเป็นความรู้สึกทึ่เรียกว่าเดจาวู

“กลิ่นอายของแนวทางเจิ้นเทียนนี้ คล้ายกับกลิ่นอายของจิตเร้นลับแห่งหุบเขาเจิ้นเทียนยิ่ง”

ปรากฏความประหลาดใจขึ้นบนใบหน้า’หลงยี่’   แนวทางเจิ้นเทียนเป็นแก่นหลักของการฝึกฝนเพียงอย่างเดียวของนิกายเจิ้นเทียน และไม่ต้องการให้แนวทางนี้แพร่งพรายออกไปนอกนิกาย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ทางนิกายจะสลักแนวทางนี้ไว้ที่หุบเขาเจิ้นเทียนซึ่งคนภายนอกสามารถมองเห็นได้   แล้วเหตุใด จิตเร้นลับที่เขาเข้าใจ ณ หุบเขาเจิ้นเทียน ถึงเหมือนกับแนวทางเจิ้นเทียนในห้องนี้ได้?

“เอาละ พักเรื่องนี้ไว้ก่อนดีกว่า ตอนนี้เฟิงหยางยืนรออยู่ภายนอก และข้าไม่อยากทำให้มันผิดหวังซักเท่าไร”

ประกายตา’หลงยี่’แหลมคมขึ้น

“ขั้นแรก ข้าควรทำความเข้าใจกับแนวทางเจิ้นเทียนให้มากขึ้น แล้วขึ้นไปชั้นสองเพื่อเลือกวิทยายุทธ์มาฝึก เพียงแค่นี้ข้ามั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับเฟิงหยางได้แล้ว”

หลังจากวางแผนในใจ ‘หลงยี่’ทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิที่ด้านหนึ่งของห้อง เขาปลดปล่อยจิตเร้นลับออกมา และเริ่มทำความเข้าใจกับแนวทางเจิ้นเทียนที่สลักไว้ในผนังของห้อง   ในระยะเวลาหนึ่ง ซวนฉีภายในร่างของ’หลงยี่’เริ่มหมุนเวียนไปตามเส้นทางที่เขากำหนด ตามแนวทางเจิ้นเทียนที่เขาจดจำไว้ในใจ ทันใดนั้น เขาสามารถบรรลุถึงสิ่งๆหนึ่งได้แล้ว

“ดูเหมือนจิตเร้นลับจะช่วยให้ข้าสามารถเข้าใจแนวทางเจิ้นเทียนได้ง่ายขึ้น”

‘หลงยี่’ลืมตาขึ้น ปรากฎความสงสับบางอย่างในดวงตาของเขา เขาต้องการรู้ว่าจิตเร้นลับแท้จริงแล้วคือสิ่งใด หากศิษย์นิกายเจิ้นเทียนฝึกฝนแนวทางเจิ้นเทียนสำเร็จ พวกเขาจะบรรลุถึงจิตเร้นลับได้เช่นเดียวกันหรือไม่?

ขณะที่เขายังคงขบคิดถึงปริศนาในใจ ทันใดนั้น มีเสียงของผู้อาวุโสดังขึ้นในหูของเขาอีกครั้ง!

“เจ้าช่างเข้าใจแนวทางเจิ้นเทียนได้รวดเร็วยิ่งนัก แม้อายุยังน้อย แต่กลับบรรลุถึงจิตเร้นลับแห่งหุบเขาเจิ้นเทียนได้ขณะทดสอบการเข้าเป็นศิษย์ของนิกาย เหมือนดังที่ผู้อาวุโสขาวบอกไว้เลย ฮ่าๆ”

เสียงนั่นพูดด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ

“เยี่ยมมากเจ้าหนุ่ม เจ้าควรรู้ไว้ว่าการบรรลุถึงจิตเร้นลับนั่นมิใช่เรื่องง่าย การที่เจ้าสามารถบรรลุได้ขณะที่อยู่ในระกว่างการทดสอบนั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญยิ่ง! ตอนนี้ในนิกาย นอกจากเหล่าศิษย์ชั้นสูงแล้ว ไม่มีใครสามารถบรรลุถึงจิตเร้นลับได้แม้แต่เสี้ยวเดียว”

เมื่อ’หลงยี่’ได้ยินดังนั้น ใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย จนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา

“ผู้อาวุโส จิตเร้นลับนี้คือสิ่งใด?”

“ในทุกๆนิกายจะมีแก่นหลักของการฝึกฝนอยู่ เช่นของนิกายเจิ้นเทียนก็คือแนวทางเจิ้นเทียน นิกายหาญปิงคือ หาญปิงใจพระสูตร แก่นหลักเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้สถาปนานิกายบรรลุได้และถ่ายทอดให้แก่ศิษย์ในนิกายของตน แก่นหลักเหล่านี้คือการบรรลุถึงหลักการของโลก และสำหรับจิตเร้นลับของเจ้า มันคือการบรรลุถึงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของแก่นหลักแห่งนิกายเจิ้นเทียน”

เสียงนั้นพูดพร้อมกับหัวเราะ

“เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ฝึกฝนแนวทางเจิ้นเทียน หากมีพรสวรรค์มากพอ ก็สามารถบรรลุถึงจิตเร้นลับได้ ผลก็คือ คนๆนั้นจะสามารถใช้หลักการของโลกเพิ่มความสามารถพิเศษในตนเอง ตั้งแต่ที่เจ้าบรรลุถึงจิตเร้นลับ เจ้าสามารถรู้สึกถึงพลังพิเศษได้ใช่ไหม?”

“ถูกต้องผู้อาวุโส อำนาจของจิตเร้นลับ เป็นพลังแห่งกับยับยั้งที่แข็งแกร่งมาก มันทำให้ข้าได้เปรียบได้การต่อสู้อย่างยิ่ง”

‘หลงยี่’พยักหน้าและพูดขึ้น

“แน่นอน พลังแห่งการยับยั้งคือส่วนหนึ่งของโลกใบนี้”

น้ำเสียงนั้นพูดด้วยความพอใจ

“ถึงอย่างนั้น จิตเร้นลับเป็นเพียงแค่ระดับพื้นฐานเท่านั้น หากเจ้าสามารถบรรลุถึงระดับที่สูงขึ้นไปอีก เจ้าจะรู้สึกถึงเสน่ห์และความสวยงามของโลกใบนี้ แล้วความแข็งแกร่งของเจ้าจะยิ่งน่ายำเกรง เพียงแต่ตัวเจ้าตอนนี้ยังห่างไกลนัก เวลานี้ สิ่งแรกที่เจ้าควรทำคือ ทำความคุ้นเคยกับแนวทางเจิ้นเทียนเสียก่อน”

“ขอบคุณผู้อาวุโส ข้าทราบแล้ว”

‘หลงยี่’พยักหน้า หลังจากสามารถคลายปมในใจได้แล้ว ตอนนี้เขารู้สึกผ่อนคลายยิ่ง   จิตเร้นลับคือการบรรลุถึงขั้นต้นของแนวทางเจิ้นเทียน

ขั้นต่อไปคือการรู้สึกถึงเสน่ห์และความสวยงาม ยิ่งไปกว่านั้น ในนิกายเจ้นเทียน เขาไม่ใช่คนเดียวที่บรรลุถึงจิตเร้นลับได้ เพียงแต่คนอื่นนั้นล้วนอยู่ในกลุ่มศิษย์ชั้นสูง และชัดเจนว่า’เฟิงหยุน’ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน!

“เอาละ ข้าต้องฝึกฝนให้หนักยิ่งขึ้น ตอนนี้ข้าเข้าใจแนวทางเจิ้นเทียนได้ส่วนหนึ่งแล้ว ข้าควรขึ้นไปชั้นสองเพื่อเลือกวิทยายุทธ์มาฝึก”

‘หลงยี่’ตั้งมั่นในใจ

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments