I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Dragon Martial Emperor ตอนที่ 16 ร่างมารทรราชย์

| Dragon Martial Emperor | 795 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ยามนี้ ‘หลงยี่’บรรลุถึงแนวทางเจิ้นเทียนได้ส่วนหนึ่งแล้ว เขาจึงขึ้นไปยังชั้นสองของหอคัมภีร์   ณ ภายนอกหอคัมภีร์ มีฝูงชนมากมายรวมตัวกันอยู่ภายหน้าหอคัมภีร์

ทันใดนั้นปรากฎชายร่างกายกำยำในชุดสีดำก้าวเข้ามายืนอยู่หน้าทางเข้าหอคัมภีร์ โดยมีคนกลุ่มหนึ่งคอยเดินตามเขามา   ชายร่างกำยำคนนี้ใบหน้าคมคายเหมือนดังคมมีด ดวงตาแหลมคมทำให้เขาดูน่าเกรงขาม ชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ธรรมดาเป็นแน่

เขามายังถึงหอคัมภีร์โดยเดินนำผู้คนจำนวนหนึ่ง เมื่อมาถึง เขาหันมองไปรอบๆและพูดขึ้น

“ไปถามมา เจ้าเด็กเวรนั้นอยู่ที่ใดตอนนี้”

“ศิษย์พี่ ดูนั่น เฟิงหยางจากตระกูลเฟิงคงยืนรอเจ้าหลงยี่ออกมา ดูเหมือนเจ้าขยะนั่นตอนนี้ยังอยู่ภายในหอคัมภีร์แน่”

ชายร่างกำยำมองไปยังหอคัมภีร์ด้วยสายตาที่ดูน่ากลัว ขณะเดียวกัน เด็กสาวในชุดแดงค่อยๆตามชายคนนั้นมาอย่างช้าๆ ใบหน้าของนางประดับด้วยแววตาที่ดูชั่วร้าย ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก’ถานเยว่’

เด็กสาวที่ตั้งใจจะสอนบทเรียนให้’หลงยี่’ก่อนหน้านี้   ชัดเจนว่า ชายร่างกำยำคนนี้คือถานเจียน หนึ่งในศิษย์ลำดับต้นๆของกลุ่มศิษย์ชั้นในนิกายเจิ้นเทียน   ‘ถานเจียน’หันหน้ามามองยัง’ถานเยว่’ ปรากฏประกายตาเอ็นดูขึ้นบนใบหน้าของเขาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ทำใจให้สบายเยว่ เจ้าขยะที่มันกล้าลงมือต่อเจ้า ข้ามิปล่อยมันไปง่ายๆแน่ แต่ตอนนี้ พี่ชายของเจ้าคนนี้ต้องเตรียมพร้อมสำหรับตำแหน่งศิษย์ชั้นในอันดับหนึ่ง ดังนั้น ข้าไม่สามารถเสียเวลารอมันที่นี่ได้”

“แน่นอน เวลาของท่านพี่นั้นมีค่ายิ่ง สำหรับเจ้าขยะนั่น เพียงแค่ศิษย์พี่คนอื่นก็สามารถจัดการกับมันได้แล้ว”

ถึงแม้นางจะดูงดงามในชุดสีแดงที่สวยงาม แต่สายตาของนางกลับเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดขณะที่พูด   เจ้าขยะ’หลงยี่’ มันมิเพียงทำให้ใบหน้าของนางมีรอยขีดข่วนต่อหน้าฝูงชน มันยังใช้เท้าของมันฟาดใส่นางจนกลิ้งไปบนพื้นทั้งยังหักขาของนาง ทำให้ตอนนี้นางไม่สามารถก้าวเท้าได้

นางต้องให้มันจ่ายค่าตอบแทนในสิ่งที่มันทำด้วยชีวิต!

ในเวลานี้ ‘ถานเยว่’นั่งอยู่บนแคร่หามไม้ที่ถูกแบกด้วยคนรับใช้ของ’ถานเจียน’ ‘ถานเจียน’ต้องการให้นางกลับไปรักษาบาดแผลเสีย แต่’ถานเยว่’ยังยืนยันต้องการเห็นสถาพที่น่าอนาถของ’หลงยี่’ด้วยตาของนางเอง จึงต้องให้คนรับใช้สองคนแบกนางมายังหอคัมภีร์นี้

“ฟางคัง ออกมา”  

‘ถานเจียน’ตะโกนเสียงดัง ชายร่างผอมคนหนึ่งในชุดสีน้ำเงินเดินออกมาจากกลุ่มคนที่ยืนอยู่หลังเขา นี่คือหนึ่งในผู้ติดตามนามว่า’ฟางคัง’

“ข้าอยู่นี่แล้ว พี่ถาน!”

‘ฟางคัง’มีใบหน้าดำมืด กล้ามเนื้อของเขาเห็นเป็นมัดชัดเจน และดูเหมือนความแข็งแกร่งของเขาจะไม่ธรรมดา

“เจ้าอยู่ในวู่เต้าลำดับที่ 6 เช่นนั้น การจัดการขยะที่อยู่เพียงวู่เต้าลำดับที่ 4 ย่อมไม่ใช่ปัญหาสำหรับเจ้า ใช่หรือไม่?”

‘ถานเจียน’พูดด้วยอารมณ์เฉยเมย

“ศิษย์พี่ถานโปรดวางใจ ฟางคังคนนี้จะเป็นคนจัดการกับมันเอง!”

‘ฟางคัง’พูดอย่างมั่นใจ ตัวเขาที่อยู่ในวู่เต้าลำดับที่ 6 แค่เพียงการจัดการกับขนะที่อยู่ในวู่เต้าลำดับที่ 4 ย่อมง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ความจริงแล้ว เป็นเรื่องยากด้วยซ้ำที่จะทำอย่างไรมิให้มันตายไปเสียก่อน

“เอาเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องใจร้อนไป ปล่อยให้เฟิงหยางมันจัดการกับเจ้าขยะนั้นไปก่อน”

‘ถานเจียน’กวาดสายตาไปยัง’เฟิงหยาง’ที่นั่งหลับตาอยู่ด้านหนึ่ง และพูดกับ’ฟางคัง’

“ข้าทราบแล้ว”

‘ฟางคัง’พยักหน้ารับคำ   ‘ถานเจียน’พูดบางอย่างกับ’ถานเยว่’เสร็จ เขาหันตัวจากไป แน่นอนว่าเขาไม่มีเวลามากพอที่จะมาเสียไปกับเรื่องพวกนี้ เพราะหากเขาต้องการตำแหน่งศิษย์ชั้นในอันดับหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งดีได้มาอย่างง่ายดาย ผู้ที่ต้องการความสำเร็จนี้จะต้องใช้ความพยายามหนักกว่าคนอื่นเป็นสองเท่า

ภายนอกหอคัมภีร์ ‘เฟิงหยาง’รอคอย’หลงยี่’เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขา ในเวลาเดียวกัน ‘ถานเยว่’ ‘ฟางคัง’ และคนอื่นก็กำลังรอ’หลงยี่’ออกมาจากหอคัมภีร์เช่นกัน

เวลานี้ ภายนอกหอคัมภีร์ มีฝูงชนจำนวนมากรวมตัวกันเพื่อรอดูฉากสนุกที่จะเกิดขึ้นด้วยตาของพวกเขาเอง   ……

ณ หอคัมภีร์ชั้นสอง

‘หลงยี่’ขึ้นมาชั้นนี้ และเพ่งความสนใจไปยังการเลือกวิทยายุทธ์ที่จะนำมาฝึกฝน   การที่เขาสามารถบรรลุถึงแนวทางเจิ้นเทียนได้บางส่วน ทำให้ความเร็วในการดูดซับหลิงฉีสูงขึ้นอย่างมาก นั่นทำให้เขาไม่ต้องกังวลถึงเรื่องการดูดซับ และมุ่งความสนใจไปยังการบรรลุถึงจิตเร้นลับในขั้นต่อไป

แต่ก่อนหน้านั้น ‘หลงยี่’จำเป็นต้องรีบเสริมความสามารถในการต่อสู้จากการฝึกฝนวิทยายุทธ์ของนิกายเสียก่อน   ในชั้นที่สองของหอคัมภีร์ มีเหล่าศิษย์ชั้นนอกมากมายกำลังเลือกหาวิทยายุทธ์ที่จะนำไปฝึกฝน พวกเขาสังเกตเห็น’หลงยี่’ที่เดินเข้ามาแต่ไม่มีใครสนใจในตัวเขา

“ประเภทขัดเกลาร่างกาย, เสริมความว่องไว, เสริมการป้องกัน, ทักษะดาบ, ทักษะหอก, ……”

‘หลงยี่’เริ่มเดินชมไปทั่วทั้งชั้น และเข้าใจทันทีถึงการแบ่งหมวดหมู่ประเภทของวิทยายุทธ์   ตอนนี้ เขาหยุดอย่างหน้าวิทยายุทธ์ที่ถูกจัดอยู่ในประเภทขัดเกลาร่างกาย สำหรับนิกายเจิ้นเทียนแล้ว แทบจะไม่มีศิษย์คนใดสนใจที่จะฝึกวิทยายุทธ์ประเภทนี้เลย ด้วยเหตุผลที่เข้าใจได้ไม่ยาก

ประการแรก วิทยายุทธ์ประเภทขัดเกลาร่างกายนั้นยากยิ่งต่อการฝึกฝน และแม้จะฝึกฝนได้สำเร็จ มันก็ไม่ได้ช่วยเสริมความสามารถในการจู่โจมให้แก่ผู้ฝึกแต่อย่างใด

ด้วยเหตุนี้ผู้คนส่วนใหญ่จึงไม่ให้ความสนใจกับวิทยายุทธ์ประเภทนี้   ประการที่สอง การฝึกวิทยายุทธ์ประเภทป้องกัน ให้ผลเทียบเท่าการฝึกวิทยายุทธ์ประเภทขัดเกลาร่างกาย แต่กลับสามารถฝึกฝนและสำเร็จได้ง่ายดายกว่ามาก

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีใครยืนอยู่ในส่วนของวิทยายุทธ์ประเภทนี้เลย นอกจากหลงยี่ แต่กับตัวเขาแล้ว การฝึกวิทยายุทธ์ประเภทขัดเกลาร่างกายให้ผลที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

เพราะหากเขาสำเร็จวิทยายุทธ์ประเภทนี้ ร่างกายและจิตใจของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก มันช่วยเพิ่มทั้งความทดทานและความสามารถในการป้องกัน ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาสามารถแบกรับภาระและแรงกดดันขณะปลดปล่อยตรามังกรได้ดียิ่งขึ้น

ในตอนนี้ การปลดปล่อยตรามังกรจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของเขาขึ้น 10,000 จิน ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงยิ่งกว่าวิทยายุทธ์ประเภทเสริมการโจมตีระดับสูง และในอนาคต เป็นไปได้ว่าตรามังกรจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งได้มากกว่า 10,000 จิน

ปัจจุบัน เนื่องจากมีผู้ให้ความสนใจในวิทยายุทธ์ประเภทขัดเกลาร่างกายน้อย ภายในหอคัมภีร์นี้จึงมีวิทยายุทธ์ประเภทนี้ไม่มากนัก หลงยี่กวาดสายตาขึ้นมองไปยังวิทยายุทธ์ประเภทขัดเกลาร่างกายระดับสูง   เหมือนดังยาทิพย์โอสถ

วิทยายุทธ์นั้นถูกแบ่งออกเป็นระดับต่ำ ระดับสูง และระดับสูงสุด โดยภายในหอคัมภีร์นี้ ส่วนใหญ่จะเป็นวิทยายุทธ์ระดับสูง และมีระดับสูงสุดอีกเล็กน้อย   “ร่างมารทรราชย์”

‘หลงยี่’กวาดสายตามองไปจนพบกับวิทยายุทธ์ขัดเกลาร่างกายระดับสูงสุด และถึงแม้จะเป็นวิทยายุทธ์ระดับสูงสุด แต่กลับไม่เคยมีใครฝึกฝน มันจึงถูกว่างอยู่ในส่วนลึกของหอคัมภีร์ชั้นสอง   ผู้คนส่วนใหญ่จะฝึกฝนวิทยายุทธ์ประเภทเสริมความเร็วและทักษะดาบ และหลังจากสำเร็จวิทยายุทธ์ยุทธ์ระดับสูง คนผู้นั้นจะได้เลื่อนระดับขึ้นเป็นศิษย์ชั้นในของนิกาย

“ร่างมารทรราชย์ จะใช้ซวนฉีในการขัดเกลาร่างกาย เพื่มเสริมความแข็งแกร่งและความทนทาน หลังจากสำเร็จในระดับเซียวเฉิง ความสามารถในการต้านทานความเสียหายจะเพิ่มขึ้นสองเท่า และหากสำเร็จในระดับต้าเฉิง ก็จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว นอกจากนั้น มันยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งพื้นฐานให้อีกด้วย”

‘หลงยี่’อ่านคำโปรยของวิทยายุทธ์ร่างมารทรราชย์นี้ และเริ่มคิดในใจ ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจเลือกฝึกวิทยายุทธ์นี้   แม้การฝึกฝนร่างมารทรราชย์ ผู้ฝึกจะได้รับความเจ็บปวดมหาศาล โดยในระหว่างการฝึก ซวนฉีจะไหลเวียนไปทั่วร่าง ส่งผลให้ร่างกายค่อยๆปรับเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของความเจ็บปวดที่ผู้ฝึกจะได้รับ

แต่’หลงยี่’มั่นใจว่าเขาสามารถทนรับความเจ็บปวดนี้ได้

หลังจากหยิบคัมภีร์ร่างมารทรราชย์มาแล้ว ‘หลงยี่’เดินไปยังอีกด้านหนึ่งของชั้นซึ่งเป็นส่วนของวิทยายุทธ์ประเภทเสริมความว่องไว

วิทยายุทธ์ประเภทนี้ได้รับความนิยมมากที่สุดด้วยเหตุผลที่เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะในการต่อสู้แล้ว ความเร็วคือสิ่งสำคัญและเป็นสิ่งที่มิอาจมองข้ามได้

“ก้าวพริบตา นี่คือวิทยายุทธ์ที่วู่ฉิงใช้สินะ”

‘หลงยี่’กวาดสายตาไปพบกับคำว่า‘ก้าวพริบตา’บนปกคัมภีร์หนึ่ง มันทำให้นึกถึงยามที่’วู่ฉิง’ใช้ทักษะนี้ ความเร็วของมันนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างยิ่ง   สองวิทยายุทธ์นี้คงเพียงพอสำหรับ’หลงยี่’ตอนนี้ เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จวิทยายุทธ์หลายอย่างในเวลาอันสั้น

สำหรับในด้านอื่น ตัวเขามีที่ตรามังกรค่อยเสริมความแข็งแกร่งในการจู่โจมและตั้งรับอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องฝึกวิทยายุทธ์อื่นอีก    หลงยี่นำวิทยายุทธ์ทั้งสองไปลงทะเบียนและหันตัวกลับลงไปยังชั้นหนึ่ง โดยเขาเลือกเข้าไปในห้องฝึกก่อนหน้านี้เพื่อเริ่มฝึกวิทยายุทธ์ทั้งสอง

“ร่างมารทรราชย์ เจ้าจะเลือกวิทยายุทธ์ประเภทขัดเกลาร่างกายจริงรึ?”

เมื่อ’หลงยี่’กลับลงไปยังชั้นหนึ่ง เสียงผู้อาวุโสดังขึ้นในหูอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ

“แม้ไม่เป็นที่นิยมแต่ก็เป็นวิทยายุทธ์ที่ดี หากเจ้าสามารถฝึกฝนมันจนถึงขั้นต้าเฉิงได้ มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้าขึ้นอย่างมาก ระดับของการฝึกจะถูกแบ่งออกเป็นระดับเริ่มต้น ระดับเซียวเฉิง ระดับต้าเฉิง ระดับสูงสุด และระดับที่อาจจะสูงกว่าขึ้นไปอีก หากวันนี้เจ้าสามารถสำเร็จมันในระดับเริ่มต้นได้ นี่นับว่ายอดเยี่ยมอย่างยิ่ง!”

“ร่างมารทรราชย์ระดับเริ่มต้น…….”

‘หลงยี่’คิดว่าแค่นั้นยังไม่พอ   หอคัมภีร์ปิดทุกๆวันตอนเที่ยงคืน ก่อนหน้านั้น ‘หลงยี่’ต้องสำเร็จทั้งร่างมารทรราชย์และก้าวพริบตาให้ได้ มิเช่นนั้น เมื่อเขาออกจะหอคัมภีร์และประมือกับ’เฟิงหยาง’ โอกาสชนะของเขาย่อมน้อยลงอย่างยิ่ง

หลังจากเข้าไปในห้อง เพื่อไม่ให้เสียเวลา ‘หลงยี่’ปลดปล่อยจิตเร้นลับแล้วเริ่มฝึกฝนคัมภีร์ร่างมารทรราชย์ทันที

“เปลี่ยนแปลงหลิงฉีในร่างผู้ฝึกไปสู่ซวนฉีคือพื้นฐานของวิทยายุทธ์ทุกชนิด หากต้องการฝึกฝนร่างมารทรราชย์จนเชี่ยวชาญ ผู้ฝึกต้องเติมเต็มเส้นลมปราณด้วยซวนฉี ซึ่งมันจะช่วยเสริมความทนทานของเส้นลมปราณ และเพิ่มการไหลเวียนซวนฉีในเส้นลมปราณได้มากยิ่งขึ้น”

‘หลงยี่’คิดในใจ และเริ่มฝึกฝนร่างมารทรราชย์ตามแนวทางที่คัมภีร์ได้ระบุเอาไว้ ไม่นานนัก ซวนฉีในเส้นลมปราณของเขาเริ่มไหลเวียนอย่างรวดเร็ว และในบางครั้ง เขารู้สึกถึงความเจ็บปวด เหมือนดังมีแมลงมากมายมารุมกัดเส้นลมปราณของเขา

‘หลงยี่’ไม่ได้ร้องออกมาแม้แต่คำเดียว เขานิ่งเงียบ และรู้ว่าความเจ็บปวดเหล่านี้เกิดจากการที่เส้นลมปราณของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงภายใต้ผลของวิทยายุทธ์ร่างมารทรราชย์ และในที่สุด เส้นลมปราณของเขาจะมีความทนทานมากขึ้น และแบกรับภาระยามปลดปล่อยตรามังกรได้นานยิ่งขึ้น

เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ็บปวดในเส้นลมปราณของเขากลับยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้ปรากฎเม็ดเหงื่อขึ้นบนหน้าผาก’หลงยี่’และร่างกายของเขาเริ่มสั่นสะท้าน แม้ตัวเขาจะเป็นคนที่มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ยังเกือบตานทานความเจ็บปวดในขั้นเริ่มต้นของร่างมารทรราชย์นี้ไม่ไหว

หากเป็นคนอื่นอย่างเช่น’ถานเยว่’ ก็คงมิอาจทนการฝึกแบบนี้ได้ หัวใจหลักของการฝึกฝนนี้คือหมุนเวียนซวนฉีไปทุกๆส่วนของเส้นลมปราณ และเมื่อเริ่มฝึกแล้วจะไม่สามารถหยุดกระบวนการนี้ได้ ซึ่งผู้ฝึกมีแต่จะต้องใช้แรงกายและแรงใจเพื่อทนกับความเจ็บปวดที่จะได้รับ

กระบวนการฝึกแบบนี้จึงไม่เป็นที่นิยมของศิษย์นิกายเจิ้นเทียน ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากสำเร็จร่างมารทรราชย์ มันไม่ได้ช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้แต่อย่างใด นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่ศิษย์นิกายส่วนใหญ่ไม่เลือกฝึกวิทยายุทธ์ประเภทขัดเกลาร่างกาย

มีเพียง’หลงยี่’ที่ร่างกายของเขามีสถาพต่างจากคนอื่น จึงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกฝึกวิทยายุทธ์ประเภทนี้   หนึ่งชั่วโมง   สองชั่วโมง   หลงยี่ยังคงต่อสู้กับความเจ็บปวดภายในที่เกิดจากการเติมเต็มซวนฉีในเส้นลมปราณอย่างต่อเนื่อง และในที่สุด เขาก็สามารถหมุนเวียนซวนฉีไปทุกจุดของเส้นลมปราณได้

“สำเร็จ”

‘หลงยี่’รู้สึกผ่อนคลายไปทั่วร่าง ร่างของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ และในเวลานี้ เขาพบว่าตรามังกรได้คายความร้อนออกมา

“ดูเหมือนว่าตรามังกรจะส่วนช่วยให้สำเร็จวิทยายุทธ์ได้เร็วขึ้นสินะ…..”

‘หลงยี่’คิดในใจขณะลืมตาแล้วยืนขึ้น เขาพบว่าตอนนี้เขาสำเร็จร่างมารทรราชย์ในระดับเริ่มต้นแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาได้เพิ่มขึ้นอีก 800 จิน

จากนั้น ‘หลงยี่’ทดลองปลดปล่อยตรามังกร ในเวลานี้เขาพบว่าร่างการของเขาสามารถทนรับภาระของการปลดปล่อยตรามังกรได้นานยิ่งขึ้น หลงยี่รู้สึกผ่อนคลายกว่าเมื่อก่อนมาก

“ตอนนี้ หลังจากปลดปล่อยตรามังกร ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้น 10,000 จิน และร่างการข้าสามารถทนรับภาระของตรามังกรได้นานไม่น้อยกว่าช่วงเวลาสองก้านธูป”

ใจของ’หลงยี่’สงบลง เพราะเวลาสองก้านธูปนั้นถือว่ามากเกินพอสำหรับการเผด็จศึก เวลานี้การเอาชนะ’เฟิงหยาง’ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว

แต่ถึงอย่างไร หอคัมภีร์นั้นปิดตอนเที่ยงคืน ในเมื่อยังพอมีเวลาเหลือ ‘หลงยี่’จึงตัดสินใจใช้เวลาที่เหลือฝึกฝนวิทยายุทธ์ก้าวพริบตาต่อ

 

…………………กราบขอโทษผู้อ่านทุกท่านนะครับที่เงียบไป2วันเลยเพราะมีธุระต้องไปต่างจังหวัด และเพิ่มเติมอีกอย่างคือตอนนี้ที่มหาลัยจะเปิดเรียนซัมเมอร์แล้วบวกกับโปรเจคจบที่กำลังจะเข้ามา ผมเลยไม่สามารถจะอัพนิยายทุกๆวันได้แล้ว ส่วนจะอัพได้เร็วแค่ไหน อันนี้ยังบอกไม่ได้ แต่จะยังคงอัพเรื่อยๆนะครับ 😀

ที่มา: 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments