ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘หลง ยี่’ ได้เห็นว่าผิว ของ ‘ถาน หวู่ชวน’ ซีดลงหลังจากได้ยินคำที่ชายหนุ่มลึกลับกล่าว คำพูดจากปากของชายหนุ่มลึกลับนั้นทำให้ ‘ถาน หวู่ชวน’ รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย
“มากเกินไปแล้วนะ เจ้ากล้าพูดว่า ข้า ถาน หวู่ชวนจะกลับผิดเป็นถูกหรือ”
ในเวลานี้ ‘ถาน หวู่ชวน’โกรธ มากเพราะคำพูดของชายหนุ่มนั้นก็เหมือนกับการเยาะเย้ยมันต่อหน้าทุกคน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ชายหนุ่มลึกลับหัวเราะ
” ผู้อาวุโสถาน ทุกคนต่างก็รู้ความต้องการของท่านดี ท่านจะปกปิดมันไปทำไม แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้นั้นไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องพาตัวมันไปให้ได้! ”
ชายหนุ่มลึกลับกล่าวจบ เขาได้เคลื่อนตัวพา’หลงยี่’ออกไป ‘หลงยี่’นั้งรู้สึกกับตัวเองกำลังลอยอยู่บนเมฆหมอกเพราะการเคลื่อนตัวของเขานั้นเร็วกว่า’หลงยี่’ตอนที่ใช้ ก้าวพริบตาระดับสูงสุดมาก
ในตอนนั้น ‘ถาน หวู่ชวน’ ไม่สามารถขวางทางชายหนุ่มลึกลับได้เลย เพียงแค่พริบตา ชายหนุ่มลึกลับและ’หลงยี่’ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ผู้อาวุโสถาน มันเป็นใครกัน ทำไมมันกล้าที่จะวางท่าเช่นนั้น?”
‘ฉิน หรงเอ๋อ’ ถามเสียงดัง ในใจของเธอนั้นรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
“เขาคือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกาย เจิ้นเทียน “
‘ถาน หวู่ชวน’ พูดด้วยน้ำเสียงเย็น จากนั้นมันจึงโน้มตัวมองไปที่ศพ ‘ฉิน เทียนขู’ ในดวงตาของมันมีความเศร้าปรากฏเล็กน้อย
“ตั้งแต่มันเข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้ ข้าก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้อีกแล้ว ….”
“ผู้อาวุโส ถาน ท่านจะบอกว่าเรื่องนี้จะจบเยี่ยงนี้หรือ ”
ในใจ’ฉิน หรงเอ๋อ’ นั้นไม่ยอมให้เรื่องเป็นอย่างนี้ และ มันได้แสดงผ่านออกมายังตาของเธอ
“แล้วทำไมจะจบไม่ได้ล่ะ”
‘ถาน หวู่ชวน’ แค่นจมูกเสียงดัง เพราะมันไม่ได้ชอบ’ฉิน หรงเอ๋อ’ มันจึงกล่าวว่า
“ หลังจากเหตุการณ์เยี่ยงนี้ได้เกิดขึ้นเจ้ายังไม่รู้สึกผิดอีกหรือ เจ้าไม่รู้สึกอับอายบ้างหรือไงที่ต้องมองหน้าฉิน เทียนขู เช้ารุ่งขึ้นวันพุ่งนี้เจ้าจงเก็บของของเจ้าทั้งหมด และออกจากนิกายเจิ้นเทียนไปซะ “
เพียงเพราะ’ฉิน เทียนขู’ เป็นศิษย์ของมัน มันจึงต้องมองข้ามความจริงไป และต้องการจบเรื่องนี้ตามความต้องการของมัน แต่ตอนนี้การแก้แค้นของมันนั้นถูกขัดขวางโดยคนที่คาดไม่ถึง
‘ฉิน เทียนขู’นั้นได้ตายไปแล้ว และตัวการหลักคือ ‘ฉิน หรงเอ๋อ’
‘ถาน หวู่ชวน’ ก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่นักที่ต้องทำแบบนี้ แต่ในฐานะของ ผู้อาวุโสคุมกฎ ‘ถาน หวู่ชวน’ นั้นต้องจัดการกับเรื่องนี้ แน่นอน มันรู้อยู่แล้วว่าเรื่องทั้งหมดนี้ มันเกิดจากความโลภและความเอาแต่ใจ ของ ‘ฉิน หรงเอ๋อ’! เมื่อ’ฉิน หรงเอ๋อ’ได้ยินคำพูดของ ‘ถาน หวู่ชวน’ เธอก็ตะลึงอย่างหนัก
“ผู้อาวุโสถาน…… “
เธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เพราะเธอไม่เข้าใจว่าทำไม ผู้อาวุโสถาน ถึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับศิษย์หลักเช่นชายหนุ่มคนนั้น หรือว่าสำหรับผู้อาวุโสแล้ว ศิษย์หลักที่แข็งแกร่งที่สุด ต่างจากคนอื่นๆในนิกาย เจิ้นเทียนอย่างนั้นหรือ
‘ฉิน หรงเอ๋อ’ พยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ทำไมผู้อาวุโสคุมกฎของนิกายถึงหวั่นเกรงศิษย์หลักอย่างนี้ แน่นอน ‘ถาน วู่ชวน’ไม่ได้อธิบายให้’ฉิน หรงเอ๋อ’ฟังซักนิด
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้พวกเจ้าห้ามไปเล่าให้ใครฟังเป็นอันขาด มิฉะนั้น…… .. “
‘ถาน หวู่ชวน’ มอง ‘ฉิน หรงเอ๋อ’ และ 3 ศิษย์นอก ด้วยสายตาที่รุนแรง
“ศิษย์.. ศิษย์ทราบแล้ว!”
ยกเว้น ‘ฉิน หรงเอ๋อ’ ทั้ง3 คนนั้นตอบอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไปแน่นอนมันจะส่งผลกระทบ ต่อชื่อเสียงของ ‘ถาน หวู่ชวน’ไม่น้อย มันจึงสั่งห้ามไม่ให้ใครเปิดปากกล่าวออกไป
“จำคำพูดของพูดเจ้าไว้ดีดี.”
‘ถาน หวู่ชวน’มีเจตนาฆ่าฟันปรากฏในสายตา ต่อจากนั้นมันจึงมองไปยังศพของ’ฉิน เทียนขู’ และนั่นทำให้เจตนาฆ่าฟันของมันรุนแรงขึ้น เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ต้องการจะล้มเลิกการแก้แค้น แต่ตอนนี้มันทำได้เพียงแค่อดทนเท่านั้น
มันแบกของ’ฉิน เทียนขู’ขึ้นมาแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศที่มีนิกายเจิ้นเทียนอย่างรวดเร็ว ในที่สุดการต่อสู้ที่เหวงูถังก็ต้องจบลงอย่างน่าเหลือเชื่อ……
…………….
‘หลงยี่’ ถูกชายหนุ่มลึกลับพาตัวไป และด้วยความเร็วดุจสายฟ้า พวกมันมาถึงด้านล่างของหุบเขา เจิ้นเทียน
“หลงยี่ ข้าจะปล่อยเจ้าไว้ตรงนี้ และไปแจ้งให้ผู้อาวุโสทั้ง2 มารับเจ้าที่นี่ “
ชายหนุ่มลึกลับมอง’หลงยี่’ ด้วยสายตาชื่นชมพร้อมกับมองคล้ายตรวจสอบอะไรบางอย่างจาก’หลงยี่’ และกล่าวให้กำลังใจว่า
“ความสามารถของเจ้านั้นน่าเหลือเชื่อนักและบางทีในอนาคตเจ้าอาจจะกลายมาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวคนหนึ่งของข้า.”
“ผู้อาวุโสท่านยกย่องข้าเกินไปแล้ว ข้าต้องขอบคุณท่านผู้อาวุโสจริงๆที่มาช่วยข้าในวันนี้ “
‘หลงยี่’ ฝืนความเจ็บปวดลุกขึ้นประสานมือคารวะชายหนุ่มตรงหน้า
“โอ้ ทำไมเจ้าเรียกข้าผู้อาวุโสล่ะ ข้าดูแก่ เกินไปหรือ?”
ชายหนุ่มลึกลับกล่าวด้วยรอยยิ้มบนหน้า
” ข้าก็เป็นศิษย์นิกาย เจิ้นเทียนเช่นเจ้า เพียงแต่ข้าเป็นศิษย์หลัก เจ้าเรียกข้าว่าพี่ชายเถิด!”
ศิษย์หลักอย่างนั้นหรือ! เมื่อ ‘หลง ยี่’ ได้ยินก็ตะลึงไปชั่วครู่ ชายหนุ่มคนนี้ที่จริงแล้วเป็นเพียงศิษย์หลักนิกายเจิ้นเทียนจริงๆหรือ ‘หลงยี่’ คิดว่ามันเป็นผู้อาวุโสเสียอีก
มันที่เป็นศิษย์หลักแต่สามารถเผชิญหน้ากับ ‘ถาน หวู่ชวน’ได้ขนาดนั้น มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก มันตรงข้ามกับ’เฟิงหยุน’อย่างมาก และมันทำให้ดูเหมือนว่า’เฟิงหยุน’นั้นอ่อนแอเกินไปนัก ในทวีปเทียนหยู ความแข็งแกร่งคือทุกอย่างและแม้ว่าชายหนุ่มลึกลับตรงหน้ามันนี้เป็นเพียงแค่ศิษย์หลัก
แต่ถ้าเขาแข็งแกร่งกว่า’ถาน หวู่ชวน’ นั้นสถานะของเขาก็อาจจะเหนือกว่า ‘ถาน หวู่ชวน’ก็เป็นได้ นี่คือเรื่องปกติสำหรับคนที่แข็งแกร่งกว่า มิเช่นนั้นวันนี้อาจจะเป็น’หลง ยี่’ ก็ได้ที่จะมีปัญหา
แต่ในตอนนี้มันได้รับความช่วยเหลือจากชายหนุ่มแล้ว และด้วยพลังของหนี่ตัน มันได้ก้าวเข้าสู่วู่เต้าลำดับที่ 6 และกลับมาอย่างปลอดภัย และตอนนี้ยังได้รับศาสตราวุธของ’ฉินเทียนขู’มาอีก
ดังนั้นสำหรับมันถือว่าคุ้มค่านักสำหรับที่ได้เข้าไปในเหวงูถังในวันนี้ และทั้งหมดนี้สำเร็จได้เพราะการช่วยเหลือชายหนุ่มลึกลับคนนี้
“พี่ชาย โปรดบอกนามของท่านได้หรือไม่ และซักวันหนึ่งข้าต้องตอบแทนท่านให้ได้ “
‘หลงยี่’กล่าวถามทันที เพราะต้องการรู้ชื่อการชายหนุ่มลึกลับ
“ฮ่า ๆ ชื่อก็เป็นแค่สิ่งไร้สาระที่ให้ผู้คนได้กล่าวถึงกัน อย่างไรก็ตามวันนี้ข้าจะไปก่อน และหวังว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง! “
ชายหนุ่มลึกลับหัวเราะแล้วหันไปรอบๆจากนั้นก็วิ่งหายไป
เมื่อชายหนุ่มลึกลับหายไปอย่างรวดเร็ว หลงยี่รู้สึกเสียใจและคิดว่าทำไมมันไม่ยอมบอกชื่อแก่ตน และ ทำไมมันถึงปรากฏตัวออกมาเพื่อช่วยเหลือตน ‘หลงยี่’ ไม่อยากเชื่อว่าที่ชายหนุ่มลึกลับมาช่วยมันเพราะได้เห็นความสามารถของเขา
“หรือมันเกี่ยวข้องกับเฟิง หยุน ”
ในระดับศิษย์หลักที่’หลงยี่’รู้จักมีเพียงแค่ ‘เฟิงหยุน’เท่านั้น มันอาจเป็นไปได้ว่า ชายหนุ่มลึกลับ และ’เฟิงหยุน’จะเป็นศัตรูกันและทำให้ชายหนุ่มลึกลับมาช่วยมันก็เป็นได้
“หรือว่าอาจจะเกี่ยวกับพ่อของข้าอีกแล้วหรือ”
ต่อให้’หลงยี่’ คิดมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเดาความจริงได้ และในตอนนั้นมีหญิงสาวชุดสีฟ้าวิ่งลงมาตามถนนบนหุบเขา เธอคือ’เหลียว เล่อเล่อ’
“หลงยี่ เจ้าเพิ่งจะออกไปตอนบ่ายและทำไมขาของเจ้าถึงหักอีกแล้วล่ะ”
‘เหลียว เล่อเล่อ’ เห็น’หลง ยี่’กำลังนั่งคุกเข่าอยุ่ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเดาได้หมดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เธอรีบเข้ามาใกล้เขาและมองเขาด้วยความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าที่งดงามของเธอแล้วกล่าวว่า
” ความแข็งแกร่งของเจ้าตอนนี้ยังไม่เพียงพอ เจ้ารู้แค่วิธีที่จะฆ่าเท่านั้นและในตอนนี้ขาของเจ้าหักอีกแล้วดูเหมือนว่าต้องใช้เวลาอีก2สัปดาห์ถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ”
“เวลาสองสัปดาห์นี้ยังเพียงพอสำหรับเข้าร่วมงานที่อุทยานโสมโบราณ “
‘หลงยี่’ กล่าว
” จริงๆแล้วมีคนที่พยายามจะดูหมิ่นข้า ข้าคิดว่าข้าควรที่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับพวกมันซักหน่อย”
“ใช่แล้ว แต่ตอนนี้เจ้าต้องกลับไปกับข้าก่อน “
‘เหลียว เล่อเล่อ’ ช่วยประคองหลงยี่เดินไปตามทาง ‘เหลียว เล่อเล่อ’ไม่ได้สนใจความต่างระหว่างเพศ แต่’หลงยี่’กลับรู้สึกถึงความอบอุ่นของหญิงสาวคนนี้และมันทำให้มันรู้สึกบางอย่างกับเธอ
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่มันบาดเจ็บ ‘เหลียวเล่อเล่อ’ ก็รีบมาดูมันและแสดงถึงความเป็นห่วงมัน มันจึงทำให้ระยะห่างของพวกมันลดลงและใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ……
สิบวันต่อมาที่ยอดเขา เจิ้นเทียน
ในตอนนี้ขาของ’หลงยี่’นั้นหายดีแล้ว เนื่องจากผู้อาวุโสขาวได้ใช้ยาชั้นดีช่วยให้ขาของมันฟื้นตัวอย่างรวดเร็วมาก ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสชุดขาวได้กล่าวไว้ว่าถ้าเขาบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง ในครั้งต่อไปโอสถทิพย์นี้อาจจะไม่ส่งผลให้มันและทำให้มันต้องรอฟื้นตัวตามปกติ
และได้ยกตัวอย่างกรณี’เฟิงหยุน’ เป็นตัวอย่าง ในเรื่องนี้ แม้’หลงยี่’จะรู้สึกเสียใจไม่น้อย แต่ถ้ามันต้องเลือกระหว่างความตายและขาหักแล้วมันเลือกที่จะขาหักดีกว่า นอกจากนี้มันยังทำให้’หลงยี่’ได้รับ ตราประทับลมซวน มาอีกด้วย
แต่ผู้อาวุโสชุดขาวได้บอกว่า ตราประทับลมซวน นั้นไม่เหมาะกับ’หลงยี่’ มันจึงเอามันไปและบอกให้’หลงยี่’ไปที่นิกายเพื่อเลือกอาวุธที่เหมาะสมกว่า
แต่สิบวันผ่านไป ผู้อาวุโสชุดขาวก็ยังไม่ได้มาบอกอะไรกับมันเลย จึงทำให้มันรู้สึกกังวล ในตอนเช้า หลงยี่ นั้นได้เดินมาจากห้องไม้ไผ่ และเห็นผู้อาวุโสชุดขาวกำลังดื่มชาอยู่
“ท่านผู้อาวุโส “
‘หลงยี่’ ก้าวเข้าไปและกล่าวว่า
” ท่านได้บอกว่าเมื่อขาของข้าหายดีแล้วท่านจะบอกนามของศิษย์พี่ที่มาช่วยข้าให้ข้าฟัง “
“เจ้าอยากรู้ชื่อของมันอย่างนั้นหรือ”
ผู้อาวุโสชุดขาวลูกเคราและหัวเราะ
“ข้าหวังว่าท่านผู้อาวุโสจะบอกให้ข้าได้รับรุ้ “
‘หลงยี่’ ผสานมือคารวะผู้อาวุโส ในช่วงสิบวันที่มันกำลังพักฟื้นมีสองสิ่งที่มันสงสัยคือ 1 อาวุธที่ผู้อาวุโสขาวนำไป 2 ตัวตนของศิษย์หลักลึกลับ
“งั้น ข้าจะบอกเจ้า”
“มันคือศิษย์หลักที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกาย เจิ้นเทียน และ ยังเป็น 1 ใน 9 นายน้อยจากอาณาจักรถัง ชื่อของมันคือ ปู้ สิง!”
ศิษย์หลักที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกาย และเป็น 1 ใน 9 นายน้อยจากอาณาจักรถัง
‘หลงยี่’ ประหลาดใจมากมันไม่นึกว่าตัวตนของชายหนุ่มลึกลับคนนั้นจะสูงส่งเพียงนี้ แต่เมื่อเขาได้ยินชื่อนั้นจากผู้อาวุโส เขาก็ชะงักไปชั่วครู่
“ปู้ สิง หมายความว่า ความสามารถในการก้าว.”
ผู้อาวุโสชุเขาวกล่าว
” …… “
‘หลงยี่’ สงสัยว่า ใครเป็นคนตั้งชื่อให้มัน ‘หลงยี่’จึงไม่แปลกใจที่มันไม่ยอมบอกชื่อของตนเอง! ชายคนหนึ่งที่มีความสามารถ เหมือนชื่อของมัน แต่เมื่อรวมกันแล้วกลับกลายเป็นความสามารถในการเดิน
“หลงยี่ ข้าจะเตือนเจ้าว่า เจ้าอย่าไปเรียกชื่อมันต่อหน้ามันเด็ดขาด เจ้าเรียกมัน ศิษย์พี่ ก็พอ.”
ผู้อาวุโสชุดขาวเงียบซักครู่และต่อจากนั้นได้กล่าวว่า:
“เจ้าเข้าใจสินะ”
“ข้าเจ้าใจอย่างชัดเจน”
‘หลงยี่’ ตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างแจ่มแจ้ง
“ถ้าอย่างนั้นศาสตราวุธที่ข้านำมาให้เจ้าคือ รองเท้าวายุเหมันต์”
ผู้อาวุโสชุดขาว พยักหน้าและยื่นรองเท้าวายุเหมันต์ให้กับ ‘หลงยี่’ รองเท้าวายุเหมันต์งั้นหรือ ด้านหน้า’หลงยี่ ‘คือรองเท้าวายุเหมันต์ที่ ผู้อาวุโสชุดขาวกล่าวว่ารองเท้านี้เหมาะสมกับมัน
“ศาสตราวุธและโอสถทิพย์จะแบ่งออกระดับเป็นสูงกลางต่ำเช่นกัน แต่ศาสตราวุธของนิกายเจิ้นเทียนที่มอบให้เหล่าศิษย์นั้นเป็นเพียงระดับต่ำ ”
ผู้อาวุโสชุดขาวกล่าวอีกว่า
“รองเท้าวายุเหมันต์เป็นศาสตราวุธเกรดต่ำก็จริง แต่ความสามารถของมันแข็งแกร่งกว่าอาวุธเกรดต่ำทั่วไป เจ้าไปลองใช้ดูแล้วจะเข้าใจเอง “
“ขอบคุณผู้อาวุโสเป็นอย่างสูง”
‘หลงยี่’ รับรองเท้าวายุเหมันต์มาและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง มันเห็นว่ารองเท้าสีขาวคู่นี้ทำขึ้นจากผลึกน้ำแข็ง เมื่อใส่แล้วมันให้ทำให้ผู้ใส่ รู้สึกถึงความเย็น ที่แพร่กระจายออกไปรอบๆ มันสมควรแล้วที่ถูกเรียกว่ารองเท้าวายุเหมันต์
แต่มันยังไม่อาจทราบว่ามันจะได้รับผลกระทบอะไรบ้างหลังจากใส่มัน
………………………….
แปลโดยทีมงาน DME
Marionette : ต่อหน้าหญิงก็ขอห้าว 555 จริงคนแปลๆไว้นานแล้ว แต่เนื่องด้วยผมบริหารเวลาไม่ค่อยดีนักในช่วงก่อนเลยทำให้การปรับสำนวนล่าช้าต้องขออภัยทุกคนนะครับ
ที่มา: